แม่ปากร้ายยุค​ 80 1152 ระเบิดในลานจอดรถ

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 1152 ระเบิดในลานจอดรถ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1152 ระเบิดในลานจอดรถ

……….

ตอนที่ 1152 ระเบิดในลานจอดรถ

หลินม่ายวิ่งไปที่บาร์เครื่องดื่มพร้อมกับเครื่องดักฟัง ถามผู้จัดการว่าเขาติดเครื่องดักฟังไว้ใต้โต๊ะเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร

ผู้จัดการสับสน เนื่องจากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

การดักฟังการสนทนาของผู้อื่นถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นผู้จัดการจึงเริ่มโทรหาตำรวจ และหลินม่ายก็เรียกนักข่าวมาสัมภาษณ์

เธอจงใจทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ประการแรกเพื่อแจ้งให้ชาวอเมริกันทราบเกี่ยวกับการมีอยู่ขององค์กรเหยี่ยวดำ และทำให้องค์กรเหยี่ยวดำมีความกังวล

ประการที่สองเพื่อโต้กลับองค์กรเหยี่ยวดำ ซึ่งบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าพวกมันไม่สามารถโจมตีพวกเธอได้ฝ่ายเดียว

ตำรวจเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุและเป้าหมายคือเสมียนชาวเกาะ

เสมียนชาวเกาะยอมรับว่าเขาได้วางเครื่องดักฟังไว้ แต่เขาทำเช่นนั้นเพราะอยากรู้เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น

ส่วนเรื่ององค์กรเหยี่ยวดำ เขาอ้างว่าไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

แม้เสมียนคนนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับองค์กรเหยี่ยวดำ แต่ก็ค่อนข้างทำให้องค์กรเหยี่ยวดำหวาดกลัว

ในตอนเย็น ขณะที่ครอบครัวกำลังกินอาหารเย็นด้วยกัน หลินม่ายก็บอกทุกคนว่าเธอต้องการซื้อลิขสิทธิ์การตีพิมพ์หนังสือของจางเสวี่ยฉุน “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” มาตีพิมพ์และเผยแพร่ เอง

คุณปู่และคุณย่าฟางแสดงการสนับสนุน

หนังสือของจางเสวี่ยฉุนถูกขัดขวางโดยองค์กรเหยี่ยวดำ ดังนั้นจึงไม่มีผู้จัดพิมพ์คนใดกล้ารับช่วงต่อ และคู่สามีภรรยาสูงอายุรู้เรื่องนี้ดี

พวกเขาไม่อยากให้หนังสือดี ๆ แบบนี้ถูกฝังลืมเพราะไม่สามารถตีพิมพ์ได้ ตอนนี้หลินม่ายก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือ พวกเขาจึงโล่งใจ

อย่างไรก็ตาม คู่สามีภรรยาสูงอายุก็รู้ดีว่าองค์กรเหยี่ยวดำนั้นโหดเหี้ยมเพียงใด พวกเขาจึงวางแผนที่จะแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบในวันพรุ่งนี้ เพื่อเสริมสร้างการปกป้องให้กับหลินม่าย

นอกจากนี้หลินม่ายยังแสดงเจตจำนงจะให้ผู้เฒ่าสองคน ลุงฝู พี่เลี้ยงเด็ก และคนอื่นๆ กลับไปยังประเทศจีน ในขณะที่เธออยู่ที่สหรัฐอเมริกาเพียงลำพัง

ประการแรกเพื่อสำเร็จการศึกษา และประการที่สองเพื่อตีพิมพ์หนังสือ และทำให้ชาวตะวันตกทั้งหมดทราบเกี่ยวกับการกระทำชั่วร้ายที่ผู้รุกรานกระทำต่อประเทศจีน

เธอวางแผนที่จะกลับไปประเทศจีนหลังจากทำสองสิ่งนี้เสร็จแล้ว

คุณปู่ฟางกล่าวว่า “อีกเพียงไม่ถึงหนึ่งปี เราก็จะได้กลับประเทศจีนด้วยกันแล้ว”

หลินม่ายพูด “ฉันขอให้คุณปู่กลับบ้านก่อน เพราะกลัวว่าทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าทุกคนกลับไปอยู่บ้านที่ประเทศจีน ฉันจะได้ดำเนินการตามแผนโดยไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลัง”

แต่คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และลุงฝูยืนกรานที่จะไม่กลับไปก่อน

คุณปู่ฟางบอกว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกษียณอายุแล้วจากประเทศจีน องค์กรเหยี่ยวดำคงไม่กล้าล้ำเส้นเกินไปหากเขายังอยู่ที่นี่

ลุงฝูยังบอกด้วยว่า หากต้องกลับประเทศจีน เขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไว้ในสหรัฐอเมริกาตามลำพัง

คนชราทั้งสามปฏิเสธที่จะออกไป ขณะที่ฟางจั๋วหรานปฏิเสธเสียงแข็งยิ่งกว่า

หลินม่ายแสดงท่าทีหมดหนทาง

ผลลัพธ์สุดท้ายของการสนทนาคือ เสี่ยวจิน เสี่ยวถัง ฝาแฝดทั้งสี่ เสี่ยวเหวิน และเสี่ยวตงตงจะกลับประเทศจีนก่อน

เวลานี้กำลังเข้าสู่ต้นเดือนธันวาคม อีกเพียงสิบวันก็จะถึงช่วงวันหยุดฤดูหนาว

หลินม่ายวางแผนที่จะส่งเด็กทุกคนกลับไปยังประเทศจีนทันทีที่โรงเรียนของเสี่ยวเหวินเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว เพื่อให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ จะไม่ถูกองค์กรเหยี่ยวดำคุกคามในช่วงสิบวันนี้

หลินม่ายวางแผนที่จะอยู่เงียบ ๆ และรักษาสภาพที่เป็นอยู่ในช่วงสิบวันนี้

อย่างไรก็ตามก่อนวันหยุดฤดูหนาวพลันเกิดเรื่องขึ้นกับเสี่ยวเหวินเสียก่อน

โรงเรียนประจำที่เสี่ยวเหวินอยู่มีคลาสเรียนบังคับให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะการขี่ม้า

บ่ายวันนี้ ถึงเวลาคลาสเรียนขี่ม้าอีกครั้ง

แม้ว่าเสี่ยวเหวินจะไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นชาวตะวันตกผู้ร่ำรวยคนอื่น ๆ ที่ขี่ม้ามาตั้งแต่เด็ก แต่เขามีความสามารถด้านกีฬาที่แข็งแกร่ง หลังจากเรียนมา 2 ปี แม้ทักษะการขี่ม้าของเขาจะไม่สามารถเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม แต่เขามีทักษะมากอย่างแน่นอน

ครั้งนี้มีอุบัติเหตุให้เขาบังเอิญตกจากหลังม้าจนขาหัก

ตามคำพูดของเสี่ยวเหวิน ในชั้นเรียนขี่ม้า เขาได้รับมอบหมายขี่แม่ม้าตัวเล็ก ซึ่งโดยปกติแล้วจะค่อนข้างเชื่อง

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ ทันทีที่เขาขึ้นม้าในครั้งนี้ แม่ม้าตัวน้อยก็พยศอย่างบ้าคลั่ง

เขาเพิ่งนั่งลงและยังไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อม้ากระโดดและดีดตัวไปรอบ ๆ เขาไม่สามารถควบคุมสายบังเหียนได้ กระทั่งตกลงจากหลังม้า

หลินม่ายได้ยินมาว่าม้าของเสี่ยวเหวินมีปัญหา

หากมีอะไรเกิดขึ้นกับนักเรียนที่โรงเรียน โรงเรียนจะไม่มีโอกาสแก้ตัวแม้แต่น้อย

ทางโรงเรียนก็อยากรู้ว่าทำไมแม่ม้าพยศ จึงขอให้สัตวแพทย์ตรวจดูแม่ม้าตัวนั้นที่เสี่ยวเหวินขี่

ผลออกมาว่าเลือดและปัสสาวะเป็นปกติ และดูจะไม่เกี่ยวกับอาหารที่กิน

สัตวแพทย์ตรวจสอบสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของแม่ม้าอย่างละเอียด ทว่ากลับไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ

หลินม่ายรู้สึกหงุดหงิดมาก

ทั้งที่เห็นอยู่ว่าอุบัติเหตุของเสี่ยวเหวินเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ แต่กลับไม่สามารถหาเบาะแสใดเลย

และจากอาการบาดเจ็บของเสี่ยวเหวิน หลินม่ายเห็นว่าองค์กรเหยี่ยวดำเริ่มกระทำอย่างรุนแรงมากขึ้น

มันไม่ใช่การข่มขู่อีกต่อไป แต่เป็นการปองร้าย

ก่อนที่คลื่นลูกหนึ่งจะสงบลง คลื่นอีกลูกหนึ่งก็ซัดเข้ามาอีกครั้ง

ขณะที่เสี่ยวเหวินขาหักและกำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้าน เสี่ยวมู่ตงก็เกือบจะประสบอุบัติเหตุ

โชคดีว่าทันทีที่อุบัติเหตุของเสี่ยวเหวินเกิดขึ้น หลินม่ายขอให้ลุงฝูจัดรถพิเศษและคนขับรถสำหรับเสี่ยวตงตงเพื่อรับส่งเขาจากโรงเรียนอนุบาลแทนการนั่งรถโรงเรียน

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเสี่ยวจินและบอดี้การ์ดจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติคอยคุ้มครองอยู่

ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถหยุดองค์กรเหยี่ยวดำไม่ให้ยื่นมือสกปรกของพวกมันมาที่เสี่ยวตงตง

เช้าวันนั้น เสี่ยวตงตงพร้อมกับเสี่ยวจินไปโรงเรียนด้วยรถที่มีกระจกกันกระสุน ทันใดนั้นรถบรรทุกคันหนึ่งสูญเสียการควบคุมและพุ่งตรงมาทางรถที่เสี่ยวตงตงนั่งอยู่

โชคดีที่กองกำลังพิเศษซึ่งแอบปกป้องเสี่ยวตงตงยิงยางรถบรรทุกและเปลี่ยนทิศทางของรถ เสี่ยวตงตงจึงรอดพ้นจากอุบัติเหตุร้ายแรงมาได้

แม้ว่าเสี่ยวเหวินจะขาหักจนทำให้ปู่ฟางและคุณย่าฟางตกใจ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต

แต่ในครั้งที่เสี่ยวมู่ตงเกือบจะประสบอุบัติเหตุ ในที่สุดคู่สามีภรรยาสูงอายุก็เริ่มตระหนักถึงความน่ากลัวขององค์กรเหยี่ยวดำ

หลังจากส่งเด็กกลุ่มหนึ่งกลับบ้านแล้ว ขั้นตอนต่อไปสำหรับองค์กรเหยี่ยวดำคือการคุกคามคนสูงอายุเหล่านี้ ซึ่งจะกลายเป็นจุดอ่อนของหลินม่าย

แทนที่จะปล่อยให้เป็นแบบนั้น สู้ทำตามแผนของหลินม่ายดีกว่า พวกเขาทั้งหมดจึงกลับมาที่จีนและทิ้งหลินม่ายไว้ตามลำพังในสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ปัจจัยด้านความปลอดภัยของเธอเพิ่มสูงขึ้น

ทว่าฟางจั๋วหรานยืนกรานที่จะอยู่กับหลินม่าย

ลุงฝูไม่ยอมกลับไปเช่นกัน โดยบอกว่าหากเขากลับไป คงจะไม่มีใครดูแลนายน้อยและภรรยา

ทุกคนพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขาอย่างสุดความสามารถ ท้ายที่สุดจึงตกลงให้ลุงฝูและฟางจั๋วหรานอยู่ต่อ

ยิ่งเด็ก ๆ อยู่ในสหรัฐอเมริกานานเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

ครอบครัวไม่รอให้ถึงวันหยุดฤดูหนาวของโรงเรียน และตัดสินใจว่าจะเดินทางกลับประเทศจีนในวันรุ่งขึ้น ยกเว้นคู่รักหนุ่มสาวและลุงฝู

ในวันออกเดินทาง ทุกคนจัดสัมภาระและนำสิ่งของจำเป็นติดตัวไปด้วยเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น

หลินม่ายจะส่งสิ่งอื่น ๆ กลับไปให้พวกเขาในภายหลัง

ในตอนเช้า ทุกคนรับประทานอาหารตะวันตกที่ปรุงโดยเชฟผิวขาวและขึ้นรถ

เสี่ยวเหวินมีหน้าที่ดูแลตงตง ขณะที่พี่เลี้ยงทั้งสอง คุณปู่ฟาง และคุณย่าฟางช่วยกันอุ้มเด็กแฝดทั้งสี่

เสี่ยวจินและเสี่ยวถังต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของทุกคน

อาหวงและหวางไฉไม่ได้กลับไปประเทศจีนกับพวกเขา

สุนัขทั้งสองตัวมีอายุมากกว่าสิบปีและเข้าสู่วัยชราแล้ว พวกมันคงทรมานอย่างมากระหว่างขั้นตอนการส่งตัวกลับประเทศ

เป็นการดีกว่าที่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกาต่อไป เพื่อติดตามอารักขาคู่รักหลินม่ายและลุงฝู

สุนัขหมาป่าตัวใหญ่สองตัวเฝ้าดูหลินม่ายและคนอื่น ๆ ในรถมินิบัส พวกมันเฝ้าดูอยู่ด้านหลังประตูกระทั่งรถมินิบัสเคลื่อนตัวหายไปจากสายตา

เมื่อมาถึงสนามบิน ทอมคนขับรถจอดรถในลานจอดรถชั้นใต้ดิน ก่อนที่คนทั้งกลุ่มจะเดินลงจากรถพร้อมกระเป๋าเดินทางธรรมดา

ก่อนที่จะออกจากลานจอดรถ ทันใดนั้นเสียงกัมปนาทก็ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นจากด้านหลัง ซึ่งตามมาด้วยเปลวไฟพวยพุ่ง

ทุกคนล้มตัวหมอบบนพื้นโดยสัญชาตญาณ

พี่เลี้ยงเด็กทั้งสองไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไร ก่อนจะถูกหลินม่ายกระโจนใส่จนต้องนอนลงพื้น

ไม่นานตำรวจก็มาถึง ทุกคนจึงกล้าลุกขึ้นและมองย้อนกลับไปยังสถานที่เกิดเหตุ

ถัดจากรถมินิบัสของพวกเขา รถยนต์คันหนึ่งระเบิดจนกลายเป็นเศษซาก แรงระเบิดทำให้รถมินิบัสของพวกเขาพังยับเยิน

ทุกคนไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ทว่าพี่เลี้ยงเด็กทั้งสองหวาดผวาจนร่างกายสั่นเทา อย่างไรก็ตามพวกหล่อนไม่ลืมที่จะตรวจดูความปลอดภัยของเด็กทารกในอ้อมแขน

โชคดีที่ในตอนล้มลง ทุกคนปกป้องศีรษะของทารกไว้อย่างแน่นหนา ทำให้เด็กทารกไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

แม้คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจะอายุมากแล้ว แต่พวกเขาเคยผ่านพ้นประสบการณ์เฉียดตายหลายครั้งในอดีต แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้?

เมื่อเผชิญกับอันตราย พวกเขาไม่ได้ตื่นกลัว และยังปกป้องทารกในอ้อมแขนได้เป็นอย่างดี

ทว่าเด็กแฝดทั้งสี่ต่างก็หวาดกลัวต่อเสียงดังสนั่น จนทำให้พวกเขาร้องไห้ไม่หยุด

อย่างไรก็ตามหลังได้รับการเกลี้ยกล่อม พวกเขาก็หยุดร้องไห้หลังจากนั้นไม่นาน

ด้วยสัญชาตญาณอันเฉียบคมของหลินม่าย เธอรับรู้ได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่ครอบครัวเธอ

…………………………………………………..

..

สารจากผู้แปล

น่ากลัวมาก ระดับคาร์บอมบ์นี่เอฟบีไอต้องลงแล้วนะ มันกระทบความมั่นคงระดับประเทศแล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด