ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลกบทที่ 589 ไม่คืนดี
บทที่ 589 ไม่คืนดี
……….
บทที่ 589 ไม่คืนดี
“จื่อฉี คืนนี้เธอทำเกินไปแล้วนะ”
ตอนที่สวี่จื่อฉีกำลังสงสัยว่ารูปลักษณ์ตัวเองมีปัญหาหรือไม่ เสียงเย็นชาของพี่จ้าวจึงดังขึ้นมาให้ได้ยิน
หญิงสาวไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายโกรธแม้แต่น้อย
“พี่จ้าว ฉันไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดหรอกนะคะ” สวี่จื่อฉีตอบกลับ
“ตอนแรกเธอตกลงนัดเดตกับนายน้อยอวี่ แต่ตอนหลังจงใจหาทางหลบเลี่ยงเนี่ยนะ เอาอะไรมาบอกว่าไม่ผิด?” พี่จ้าวตอบกลับด้วยเสียงที่ยิ่งเย็นยะเยือก
“พี่เป็นคนตอบรับเขานะคะ ไม่ใช่ฉัน” สวี่จื่อฉีตอบกลับโดยไม่ไว้หน้า
“ฉันทำก็เพราะเห็นว่ามันดีกับตัวเธอ ยังไงตระกูลเจียงก็เป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ของเจียงโจว และทางนั้นก็ประเมินค่าในตัวเจียงอวี่เอาไว้สูง ถ้าเธอสานสัมพันธ์ดี ๆ กับเขาได้ มันจะเป็นประโยชน์กับความก้าวหน้าในเจียงโจวของเธออย่างแน่นอน” พี่จ้าวตอบกลับ
“แต่เขาไม่ใช่คนดีเลยสักนิด” สวี่จื่อฉีตอบกลับ
ความหมายในถ้อยคำนั้นชัดเจน ว่าหากเธอยอมปล่อยให้เจียงอวี่จับต้องสักเล็กน้อยแลกกับผลประโยชน์ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว ความคิดดังกล่าวของพี่จ้าวจึงยิ่งทำสวี่จื่อฉีนึกรังเกียจมากขึ้น
“อู๋ฝานไม่ใช่คนแบบนั้นค่ะ” สวี่จื่อฉีทักท้วงกลับมา
“เขา? จะบอกว่ารู้จักเขางั้นเหรอ?” พี่จ้าวถามกลับ
“ไม่ได้รู้จักอะไรขนาดนั้น แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้นค่ะ” เธอตอบกลับ
จากงานเลี้ยงก่อนหน้านี้จนไปสู่การแวะร้านคาเฟ่หาเครื่องดื่มเพื่อพูดคุย แม้สายตาของอู๋ฝานจะมองสำรวจตัวเธอ แต่สวี่จื่อฉีทราบดีว่าสายตาดังกล่าวมันแตกต่างไปจากสายตาของผู้ชายทั้งหลาย มันไม่ได้มีความคิดโลมเลียหรือว่ากลืนกิน
“ความรู้สึกเธอก็ไม่ใช่ว่าจะถูกเสมอไป” พี่จ้าวตอบกลับ “เธอรู้งั้นเหรอว่าเขาเป็นใคร?”
“แล้วพี่รู้เหรอคะ?” สวี่จื่อฉีเอ่ยถาม
“ตอนที่เธออยู่กับเขาก่อนหน้านี้ ฉันก็ไปสอบถามเรื่องราวของเขามาแล้ว” พี่จ้าวที่สงสัยในตัวตนของอู๋ฝานหาโอกาสไปสอบถามจากคนอื่นจนได้ทราบเรื่องราวมา
“บอกให้ฉันรู้ทีสิคะ” สวี่จื่อฉีเกิดสนใจขึ้นมา
“เขาชื่อว่าอู๋ฝาน ฉากหน้ามีตัวตนและพื้นเพธรรมดายิ่งกว่าธรรมดา ไม่มีใครในเจียงโจวทราบเบื้องหลังแท้จริงของเขา เบื้องต้นคือเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในเจียงโจว ชื่อว่าร้านโลกในแหวน และยังเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่ง แต่วังเมฆาสีชาดที่เป็นสำนักชั้นหนึ่งของเจียงโจวเคยมีข้อพิพาทกับเขา ผลลัพธ์ที่ได้คือเขาไม่เป็นไร แต่วังเมฆาสีชาดยอมถอนตัวและยกทรัพย์สินให้เขาแทน เธอคิดว่ายังไงล่ะ? เขาจะใช่คนธรรมดาไหม? เพราะเหตุผลทั้งหมดนี้อย่าได้คิดว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาเชียว” พี่จ้าวสาธยายออกมา
“ลึกลับดีจริง ๆ” สวี่จื่อฉีตอบกลับ
“ก็ตามนั้น” พี่จ้าวตอบรับ “ฉันไปถามคนมามากมาย พวกเขาส่วนใหญ่ต่างเดาว่าเบื้องหลังของเขาคือสำนักหรือขั้วอำนาจ แต่ไม่มีใครทราบว่าสำนักอะไรหรือมีอำนาจแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันจะต้องดีกว่าวังเมฆาสีชาด อาจเป็นสำนักชั้นสองในระดับประเทศหรือสูงกว่านั้น นอกจากนี้ฝีมือส่วนตัวของเขาก็แข็งแกร่ง ปัจจุบันทั้งเจียงโจวต่างยำเกรงเขากันทั้งนั้น แน่นอนว่าคนที่อยากเอาใจเขาก็มีไม่ใช่น้อยเช่นกัน”
สวี่จื่อฉีครุ่นคิดถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้กับอีกฝ่าย นอกจากความไม่ประทับใจแรกพบแล้ว อู๋ฝานก็ดูค่อนข้างเป็นคนธรรมดา จนราวกับดูไม่เกี่ยวข้องกับเหล่าผู้ฝึกตนที่มักจะวางตัวถือดี ตอนที่ผู้ฝึกตนเหล่านั้นพยายามเข้าหา ยังแสดงท่าทีเป็นมิตรกับชายหนุ่มยิ่งกว่าตอนพ่อลูกตระกูลเจียงเดินเข้าไปพูดคุยซะด้วยซ้ำ
“เป็นคนที่น่าสนใจดีจริง” สวี่จื่อฉีพึมพำกับตัวเอง
“น่าสนใจ?” พี่จ้าวถึงกับสับสนไปครู่หนึ่ง ราวกับสงสัยว่าเพราะอะไรเธอถึงได้ข้อสรุปนี้ออกมา
“ค่ะ” สวี่จื่อฉีพยักหน้าตอบ
“จื่อฉี ทางที่ดีอย่าได้เข้าใกล้เขาจนเกินไป” พี่จ้าวครุ่นคิดไปก่อนจะตอบกลับ “แม้ตอนนี้เขาจะดูแข็งแกร่ง แต่ยังไงเขาก็เป็นคนนอก คนท้องถิ่นของเจียงโจวจะไม่มีทางยอมรับเขา กระทั่งว่าระแวดระวังด้วยซ้ำ เขาอาจไม่ได้มีช่วงเวลาเชิดหน้าชูตาในเจียงโจวได้นานสักเท่าไหร่”
“เชิดหน้าชูตา? ฉันคิดว่าเขาดูเก็บตัวด้วยซ้ำ วางตัวอย่างถ่อมตัวยิ่งกว่าพวกคุณชายทั้งหลายพวกนั้น” สวี่จื่อฉีตอบกลับ
“ไม่ว่าด้วยอะไรก็อย่าเข้าใกล้เขา” พี่จ้าวตอบกลับ “ตอนนี้ก็ดึกแล้ว กลับกันดีกว่า พรุ่งนี้เธอยังมีคิวงานอีก”
สวี่จื่อฉีที่เดิมอารมณ์ดีกลับกลายเป็นหมองหม่นอย่างกะทันหัน
ตระกูลเจียง
หลังแขกเหรื่อในงานกลับกันไปแล้ว พ่อลูกตระกูลเจียงกำลังนั่งพูดคุยกันในห้องนั่งเล่นพลางจิบชา
“อวี่เอ๋อร์ การแสดงออกของลูกในวันนี้ไม่ดีเอามาก ๆ” เจียงฟั่นโจวมองบุตรชาย
“ผมทำอะไรผิดครับ?” เจียงอวี่ยังคงโกรธพ่อของตัวเองที่เอาแต่เข้าข้างอู๋ฝาน น้ำเสียงในเวลานี้จึงแฝงไว้ซึ่งความพยศ
“ท่าทีของลูกต่ออู๋ฝานไม่ได้ทำให้ลูกดูมีอำนาจหรือดูดีแม้แต่น้อย” เจียงฟั่นโจวตอบกลับ “พ่อรู้ว่าลูกยังคงเกลียดเขา ในใจถึงขนาดอยากฆ่าให้ตายด้วยซ้ำ แต่ลูกต้องจำเอาไว้ว่าหากไม่มีความมั่นใจและความสามารถมากพอจะลงมือกับคนอื่น ลูกก็ไม่ควรทำให้คนอื่นเห็นเจตนาและความในใจ หากอีกฝ่ายตื่นตัวระมัดระวัง ต่อให้ลูกโจมตีไปยังไง พวกเขาก็หลบเลี่ยงอันตรายพ้นได้”
“เพราะมันทำเกินไปครับ” เจียงอวี่ตอบกลับ “ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าผมนัดสวี่จื่อฉีก่อน แต่มันกลับแย่งเธอไปจากผม”
“ไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องผู้หญิงนะครับ พ่อไม่เข้าใจอะไรเลย” เจียงอวี่ตอบกลับ
“พ่อเข้าใจว่าลูกจะพูดอะไร” เจียงฟั่นโจวตอบกลับ “แต่ว่านะ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับวังเมฆาสีชาดก่อนหน้านี้ อู๋ฝานในตอนนี้เลยมีอำนาจขนาดที่ว่าวังเมฆาสีชาดไม่กล้าจะทำอะไร อย่างนั้นลูกจะไปทำอะไรได้กัน?”
“แล้วจะให้มันจบแค่นี้เหรอครับ?” เจียงอวี่เอ่ยถาม “ผมยอมรับไม่ได้หรอก”
“อันที่จริงข้อพิพาทของลูกก็เป็นแค่เรื่องของคนหนุ่มสาว ไม่ใช่ข้อขัดแย้งใหญ่สักหน่อย ทำไมต้องเก็บมาใส่ใจด้วยล่ะ?” เจียงฟั่นโจวเอ่ยถาม
“ไม่ได้ครับ! มันทำให้ผมดูโง่ต่อหน้าคนมากมาย วันนี้ก็ยังขโมยผู้หญิงของผมไปอีก ไม่ต่างอะไรกับตบหน้าผมกลางงานเลี้ยงของตระกูลเจียงด้วยซ้ำ ผมจะไม่ยอมกล้ำกลืนแน่!”
ในใจของเขานั้น สวี่จื่อฉีไม่ต่างอะไรกับเหยื่อที่มารอถึงปาก
“ท่าทีของเขาในวันนี้ก็ถือว่าทำเกินเลยไปจริง บางทีอาจเพราะยังเยาว์และแข็งแกร่งเลยถือดีแบบนั้น” เจียงฟั่นโจวตอบกลับ
เห็นได้ชัดว่าเจียงฟั่นโจวเองก็เชื่อว่าการกระทำของอู๋ฝานที่แย่งสวี่จื่อฉีไปเป็นการจงใจหักหน้าเจียงอวี่ เรื่องนี้มันแทบไม่ต่างอะไรกับลากลูกชายของเขาไปตบหน้าจริง ๆ ดังนั้นเจียงฟั่นโจวจึงไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
“ใช่ไหมล่ะครับ พ่อเองก็คิดเหมือนกัน” เจียงอวี่ตอบรับคำราวกับตื่นเต้นยินดี
“พ่อคิดอะไรไปมันก็เท่านั้น” เจียงฟั่นโจวตอบกลับ “วังเมฆาสีชาดยังทำอะไรเขาไม่ได้ ตระกูลเจียงของพวกเราก็ทำอะไรเขาไม่ได้เหมือนกัน ลูกไม่เห็นเหรอว่าขนาดผู้อาวุโสหร่วนยังเข้าไปทักทายเขาด้วยตัวเอง? ถ้าตระกูลเจียงของพวกเราไม่มีสำนักตะวันเพ็จคอยหนุนหลัง ก็ยากที่จะเป็นคู่แข่งกับอีกฝ่าย”
เห็นได้ชัดว่าเจียงฟั่นโจวมีสายตาที่กว้างไกลถึงอนาคตยิ่งกว่าเจียงอวี่ แม้จะไม่ชอบพฤติกรรมของอู๋ฝาน แต่เขาก็ทราบดีว่าหากตั้งตัวเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย ตระกูลเจียงจะมีจุดจบที่ไม่ดีนัก
……….
Comments