แม่ปากร้ายยุค​ 80 1155 หลบหนี

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 1155 หลบหนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1155 หลบหนี

……….

ตอนที่ 1155 หลบหนี

ยามากุจิ เอโกะโค้งคำนับ “คุณหลินมีสิทธิ์ที่จะสงสัย ใครบอกให้ฉันทำผิดพลาดกับเรื่องง่าย ๆ แบบนี้กัน?”

หลินม่ายหัวเราะเยาะ เธอตรวจสอบเนื้อปลาปักเป้าเป็นการส่วนตัว เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่เป็นไร เธอจึงเดินออกจากห้องครัว

ไม่นานจานเนื้อปลาปักเป้าก็ถูกยกมาที่โต๊ะอาหาร

หลินม่ายหยิบชามใบเล็ก สุ่มเลือกเนื้อปลาปักเป้าสามชิ้นและส่งให้ยามากุจิ เอโกะ “คุณลองชิมก่อนสิคะ”

ยามากุจิ เอโกะไม่ลังเลที่จะรับชามใบเล็กจากหลินม่าย เธอหยิบชิ้นเนื้อปลาเข้าปากและกินมันทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

ในประเทศเกาะมีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า หากลูกค้ากังวลว่าปลาปักเป้าที่ปรุงนั้นมีพิษ เชฟจะต้องชิมเอง

หากคุณถูกพิษจากปลาปักเป้า มันจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 5 นาที

10 นาทีผ่านไป ยามากุจิ เอโกะยังคงปลอดภัยดี หลินม่ายจึงกล้าปล่อยให้ทุกคนเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงฉลองเนื้อปลาปักเป้า

แม้ว่ายามากุจิ เอโกะจะเป็นแม่บ้านของครอบครัวจางเสวี่ยฉุน แต่หล่อนรับผิดชอบเรื่องอาหารเพียงสองมื้อต่อวันเท่านั้น

หลังจากทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว หล่อนก็สามารถกลับได้ ยามากุจิ เอโกะจึงขอตัวกลับบ้าน

จางเสวี่ยฉุนพยักหน้าเห็นด้วยและบอกว่าวันนี้หล่อนทำงานหนักมาก

ทันทีที่ยามากุจิ เอโกะจากไป จางเสวี่ยฉุนถามหลินม่ายอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้อสงสัยของฉันถูกต้องหรือเปล่า เธอมาจากองค์กรเหยี่ยวดำใช่ไหม”

หลินม่ายพยักหน้า “ยามากุจิ เอโกะไม่เพียงเป็นสมาชิกองค์กรเหยี่ยวดำเท่านั้น เธอยังวางแผนที่จะวางพิษพวกเราในวันนี้ด้วย”

จางเสวี่ยฉุนยกมือทาบหน้าอกด้วยความหวาดกลัว “เธอรู้ได้ยังไง?”

“เมื่อครู่ที่ฉันดูหล่อนแล่เนื้อปลาปักเป้าอยู่ในครัว หล่อนคงไม่คาดคิดว่าคนธรรมดาอย่างฉันจะรู้วิธีจัดการเนื้อปลาปักเป้า หล่อนจึงตั้งใจแล่เนื้อปลาส่วนหนึ่งที่ติดรังไข่ซึ่งมีพิษร้ายแรงไว้ หากรังไข่ถูกทิ้งไว้แบบนั้น เราทุกคนจะถูกพิษของมันและตกตายหลังจากกินเข้าไป”

ฟางจั๋วหรานกล่าว “ดูเหมือนว่าองค์กรเหยี่ยวดำจะมีเจตนาฆ่าคุณจาง ไม่อย่างนั้นพวกมันคงไม่ส่งเชฟที่รู้วิธีจัดการกับเนื้อปักเป้ามาที่บ้านของคุณ เพราะพวกมันรู้ว่าคุณชอบกินเนื้อปลาปักเป้า แม้ครอบครัวของคุณจะถูกพิษของปลาปักเป้าฆ่า แต่คนอื่น ๆ คงคิดว่ายามากุจิ เอโกะจัดการอาหารได้ไม่ดี และการตายของทั้งครอบครัวเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น ตอนนี้เรากำลังขับไล่ยามากุจิ เอโกะ แต่ใครจะรับประกันได้ว่าองค์กรเหยี่ยวดำจะไม่ส่งใครมาลอบสังหารคุณอีก? มันคงยากที่จะป้องกัน ผมขอแนะนำให้ครอบครัวของคุณออกจากสหรัฐอเมริกาและกลับไปประเทศจีน มีเพียงในประเทศจีนเท่านั้น ที่คุณจางและครอบครัวจะอยู่รอดปลอดภัย”

จางเสวี่ยฉุนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงปฏิเสธ

เมสันยิ่งลังเลที่จะจากไป ญาติและเพื่อน ๆ ของเขาซึ่งมีรากฐานมาจากสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจากไปได้

ฟางจั๋วหรานที่ปกติไม่เคยพยายามโน้มน้าวใคร สุดท้ายก็ต้องหยุดพูดและยอมรับความเห็นของอีกฝ่าย

หลินม่ายเห็นด้วยว่ามันเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดสำหรับครอบครัวจางเสวี่ยฉุนที่จะออกจากสหรัฐอเมริกาและไปประเทศจีน แต่หากอีกฝ่ายไม่เต็มใจ พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้

หลังจากกินปลาปักเป้าแสนอร่อยจนหมด หลินม่ายก็นั่งคุยกับครอบครัวจางเสวี่ยฉุนสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมกลับบ้าน

ในเวลานี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้น

จางเสวี่ยฉุนกล่าวอย่างเฉยเมย “จะต้องเป็นองค์กรเหยี่ยวดำที่พยายามมาทำให้หวาดกลัวอีกแล้ว”

หลินม่ายถามด้วยความประหลาดใจ “องค์กรเหยี่ยวดำกำลังคุกคามเธอเหรอ?”

จางเสวี่ยฉุนพยักหน้ารับ “ใช่ มันเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว”

หลินม่ายตกตะลึง

เธอคิดเสมอว่าตั้งแต่จางเสวี่ยฉุนมีชื่อเสียงโด่งดัง องค์กรเหยี่ยวดำคงมีกฎระเบียบบางอย่างและไม่คุกคามอีกฝ่ายแล้ว

โดยไม่คาดคิด สัตว์ร้ายพวกนั้นไม่เคยหยุดคุกคามครอบครัวจางเสวี่ยฉุนเลย

สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ บอดี้การ์ดสองคน คนหนึ่งซ่อนตัวในที่มืด คนหนึ่งคอยปกป้องอย่างเปิดเผย แต่กลับไม่มีใครรายงานเธอเลย

เมื่อเห็นท่าทางกังวลของหลินม่าย จางเสวี่ยฉุนตบไหล่อีกฝ่ายและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เธอไม่ต้องกังวลเรื่องของเราหรอก พวกสัตว์ร้ายเหล่านั้นแค่ข่มขู่ให้เรากลัว แต่ไม่กล้าลงมือทำร้ายเราจริง ๆ”

แม้จางเสวี่ยฉุนจะพูดแบบนั้น แต่หลินม่ายยังคงกังวลใจ

จางเสวี่ยฉุนป่วยเป็นโรคประสาทอ่อน ๆ แพทย์ในชีวิตก่อนวินิจฉัยว่าหล่อนเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง

ในชีวิตชาติก่อน องค์กรเหยี่ยวดำใช้ประโยชน์จากความเจ็บป่วยทางกายของหล่อนเพื่อข่มเหง ทั้งยังข่มขู่ด้วยวิธีต่าง ๆ บังคับให้อาการทางจิตของหล่อนย่ำแย่ลง และฆ่าตัวตายด้วยการกลืนกระสุนปืนในท้ายที่สุด

หลินม่ายกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย

เธอแค่หวังว่าผู้หญิงที่สวยและมองโลกในแง่ดีอย่างจางเสวี่ยฉุนจะสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข

ในเวลานี้ เมสันเดินไปเปิดประตู มันเหมือนกับทุกครั้ง โดยจะมีกล่องกระดาษแข็งขนาดใหญ่และหนักอยู่ที่หน้าประตูบ้าน

จางเสวี่ยฉุนพูดกับลูกชายอย่างอ่อนโยน “ลูกรัก กลับเข้าห้องเถอะ”

เด็กน้อยรู้ว่าจางเสวี่ยฉุนไม่ต้องการให้เขาเห็นเลือดและความสยดสยอง หล่อนจึงขอให้เขากลับไปที่ห้องตัวเอง

เด็กชายยืดอกและไม่มีท่าทีจะถอยออกไป เขาเงยหน้าขึ้นมองจางเสวี่ยฉุนและพูดว่า “หม่าม้า ผมไม่กลัว ผมแอบดูหลายครั้งแล้ว ให้ผมอยู่ต่อเถอะนะ”

“เป็นเด็กที่ซุกซนจริง ๆ” จางเสวี่ยฉุนพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปพูดกับเมสันว่า “เปิดกล่องเถอะค่ะ”

เมสันพยักหน้ารับและเปิดกล่อง

ร่างของกระต่ายที่ถูกถลกหนังเละเทะปรากฏขึ้นในสายตา

แม้หลินม่ายจะเป็นคนจิตแข็งแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อเห็นภาพฉากที่น่าสยดสยองนี้ เธอก็แทบกระโดดขึ้นด้วยความตกใจ

ฟางจั๋วหรานจับมือเล็กของเธอไว้เพื่อเป็นการปลอบโยนเงียบงัน

หลินม่ายที่แทบจะกระโดดขึ้นฟ้าและทำลายหลังคาบ้านของจางเสวี่ยฉุนพลันสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว

เธอยกมือทาบหน้าอกด้วยความกลัว “มันเกือบทำให้วิญญาณของฉันหลุดออกจากร่าง”

จางเสวี่ยฉุนหัวเราะเล็กน้อย เสียงหัวเราะแสนไพเราะดังราวกับกระดิ่งลม “เธอดูสิ ครอบครัวของเราไม่มีใครหวาดกลัวเลย แต่เธอกลับกลัวมันมาก”

หลินม่ายกล่าวด้วยรอยยิ้มเขินอาย “เธอแจ้งตำรวจหรือยัง?”

“ผมเคยแจ้งไปหลายครั้งแล้ว” เมสันยักไหล่และพูดอย่างหงุดหงิด “สมาชิกองค์กรเหยี่ยวดำวางของน่ากลัวและวิ่งหนีไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ จนตำรวจทำอะไรไม่ได้”

หลินม่ายสาปแช่งอยู่ในใจ

ทั้งตำรวจและหน่วย FBI ทำอะไรไม่ได้ สิ่งสำคัญคือรัฐบาลไม่ต้องการดูแลเรื่องนี้เลยต่างหาก

แต่เธอไม่ต้องการพูดสิ่งเหล่านี้ออกไป เพราะเกรงว่าจะทำให้ตัวเองเดือดร้อน

ไม่ใช่ว่าเธอเกรงกลัว แต่มันไม่คุ้มที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้

หากเธอพูดสิ่งที่ไม่เหมาะสมโดยไม่ตั้งใจและถูกรัฐบาลสหรัฐฯ เนรเทศ แล้วเธอจะใช้ความพยายามเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมชีวิตก่อนหน้านี้ของจางเสวี่ยฉุนได้อย่างไร?

เมื่อทั้งคู่ขอตัวกลับ หลินม่ายอยากนำร่างกระต่ายกลับไปด้วย โดยบอกว่าอยากนำไปเคี่ยวเป็นอาหารเย็นให้อาหวงและหวางไฉ

เธอรับประกันได้เลยว่าจะต้องมีสมาชิกขององค์กรเหยี่ยวดำซุ่มโจมตีอยู่ด้านนอก

เธอแค่อยากให้สมาชิกเหล่านั้นได้ยินว่า เธอต้องการให้สัตว์เลี้ยงของตัวเองกินซากกระต่ายที่อีกฝ่ายนำมาข่มขู่จางเสวี่ยฉุน เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเธอไม่ได้หวาดกลัว

คืนนั้น สุนัขหมาป่าตัวใหญ่สองตัวกินเนื้อกระต่ายหอมกรุ่นและกระดิกหางด้วยความดีใจ

ทันทีที่หลินม่ายกลับถึงบ้าน เธอเรียกบอดี้การ์ดสองคนที่รับผิดชอบในการปกป้องจางเสวี่ยฉุน ถามพวกเขาด้วยความโกรธว่า ทำไมพวกเขาถึงไม่รายงานให้เธอทราบถึงเรื่องที่ครอบครัวจางเสวี่ยฉุนถูกข่มขู่อยู่ตลอด

บอดี้การ์ดทั้งสองคนบอกว่า เนื่องจากจางเสวี่ยฉุนและครอบครัวไม่มีท่าทางหวาดกลัวหรือจริงจังกับสิ่งนี้ พวกเขาจึงไม่ได้รายงานให้หลินม่ายทราบ

หลินม่ายกำชับกับพวกเขาว่า ในอนาคตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของครอบครัวจางเสวี่ยฉุน พวกเขาจะต้องรายงานให้เธอทราบอย่างทันท่วงที

ไม่กี่วันต่อมา จางเสวี่ยฉุนโทรหาหลินม่ายและบอกว่า ยามากุจิ เอโกะไม่ได้มาทำงานหลายวันและไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้เลย

จางเสวี่ยฉุนไปที่บ้านเช่าของยามากุจิ เอโกะด้วยตัวเอง

หล่อนได้ยินจากเจ้าของบ้านว่าไม่เห็นยามากุจิ เอโกะหลายวัน ทำให้จางเสวี่ยฉุนสงสัยว่ายามากุจิ เอโกะจะหลบหนีไปแล้ว

หลินม่ายกล่าว “ไม่แปลกใจเลย มันคงเป็นแบบนั้นแหละ หล่อนรู้ตัวว่าถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว จึงหลบหนีไปก่อนที่เราจะตามจับ”

หลินม่ายกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน “โทรหาตำรวจเพื่อแจ้งเรื่องคนหายกันเถอะ ใครก็ตามที่ช่วยเราตามจับยามากุจิ เอโกะ จะได้รับเงินรางวัลหนึ่งแสนดอลลาร์ โดยไม่สำคัญว่าจะจับเป็นหรือจับตาย”

จางเสวี่ยฉุนพูดด้วยความสับสน “หล่อนหลบหนีไปแล้ว และไม่ได้คุกคามพวกเราอีกต่อไป ทำไมเราถึงยังต้องตามจับเธอด้วยล่ะ?”

“ความแข็งแกร่งทางจิตของผู้หญิงคนนี้อ่อนแอ ฉันอยากใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อเปิดโปงองค์กรเหยี่ยวดำ เมื่อไหร่ที่องค์กรเหยี่ยวดำถูกเปิดโปงเท่านั้น พวกมันจึงจะหยุดคุกคามเรา”

จางเสวี่ยฉุนคิดตามและตอบตกลง

หลินม่ายคิดในใจ ด้วยเงินรางวัลมหาศาล จะต้องมีผู้กล้าออกมาอย่างแน่นอน

เกรงว่านับตั้งแต่วันที่เสนอเงินรางวัล ยามากุจิ เอโกะจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกต่อไป

ไม่ต้องพูดถึงการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เกรงว่าหล่อนจะไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ที่เดิมเกินสามวันด้วยซ้ำ

องค์กรเหยี่ยวดำจะไม่ยอมให้ใครจับเป็นหล่อน ดังนั้นพวกเขาทำได้เพียงต้องฆ่าหล่อนทิ้ง!

หากยามากุจิ เอโกะต้องการเอาชีวิตรอด หล่อนมีทางรอดเดียวเท่านั้น นั่นก็คือร่วมมือกับพวกเธอและเปิดโปงองค์กรเหยี่ยวดำ

ต่อให้มีแค่คนเดียวที่สารภาพและยอมจำนน แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่ใช้เป็นเหยื่อล่อ ซึ่งกำลังรอให้องค์กรเหยี่ยวดำตามไปจับคนผู้นั้นในหลุมกับดักที่เตรียมไว้

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

จะหาตัวเจอไหมนะ ใครจะอาสาจับให้

ไหหม่า(海馬)

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด