ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]บทที่ 478: เทศกาลวันสารทจีน
บทที่ 478: เทศกาลวันสารทจีน
ข้อเสนอแนะของเขาทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดคลายลง และมันก็ทำให้ฉินเย่เงียบไปเช่นกัน
มันมีอะไรอีกหลายอย่างในยมโลกที่จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขและจัดการ แต่เห็นได้ชัดว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องเหล่านี้
ยกตัวอย่างเช่น มันมีปัญหาเกี่ยวกับภาษาและภาษาถิ่น บรรพบุรุษ และแม้กระทั่งอุดมคติและสุนทรียศาสตร์ สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่ผลกระทบของพวกมันกว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ
เหตุใดราชวงศ์ฉินถึงต้องการให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวและดำเนินไปอย่างสอดคล้องกัน?
มันเป็นเพราะว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความคิดที่ส่งผลกับประชากรในระดับจิตใต้สำนึก มันคือวิธีในการทำให้ทุกคนรู้สึกถึงการมีส่วนร่วม ยกตัวอย่างเช่น วิญญาณส่วนใหญ่ที่อยู่ในยมโลกตอนนี้จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ทันสมัย แต่ในบางครั้ง เราก็จะเห็นวิญญาณบางตนที่สวมเครื่องแต่งกายโบราณ ซึ่งนี่ก็คือการแบ่งแยกจากสังคมอย่างสิ้นเชิง
และสิ่งที่แปลกไปก็คือสิ่งที่ผู้คนมักมองว่าผิดเพี้ยนจากบรรทัดฐานของสังคม
น่าเสียดาย ก่อนหน้านี้ เขาเคยคิดที่จะรวมความคิดของผู้คนให้เป็นหนึ่งผ่านทางเครื่องแต่งกายและสุนทรียศาสตร์ อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถเป็นไปได้เลยด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในยมโลกในเวลานี้ ดังนั้น มันจึงทำให้แม้แต่ขงโม่ก็ไม่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอขึ้นมาได้ เพราะว่ามันคืออุตสาหกรรมลำดับสองที่ถูกสร้างขึ้นมาจากอุตสาหกรรมหลักมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมเบา อุตสาหกรรมการเกษตร และแม้แต่อุตสาหกรรมป่าไม้และการเกษตร ไม่มีอุตสาหกรรมใดที่สามารถคงอยู่ได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากอุตสาหกรรมอื่น
หลังจากได้ประสบกับผลกระทบของการปฏิรูปจากการที่จีนเปิดพรหมแดนมาด้วยตนเอง ฉินเย่ก็ได้ตัดสินใจว่าเขาจะไม่มีทางเมินเฉยต่อการสร้างอารยธรรมทางจิตวิญญาณเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้น ผู้คนจะสูญเสียสำนึกในชุมชนและความรับผิดชอบต่อกันและกัน… และโครงสร้างของสังคมก็จะพังทลายลง
เขาจะต้องเริ่มต้นด้วยอะไรสักอย่าง และการกำหนดวันเทศกาลก็เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
“พูดรายละเอียดให้มากกว่านี้” ฉินเย่เอ่ย
“งานรื่นเริงพ่ะย่ะค่ะ” เห็นได้ชัดว่าจางเจ้อกวงได้เตรียมตัวมาอย่างดี เขาพูดออกมาอย่างคล่องแคล่ว “แต่ก่อนที่กระหม่อมจะพูดถึงเรื่องนั้น กระหม่อมอยากจะพูดถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงระบบสกุลเงินของยมโลกเสียก่อน การเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินใหม่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลบล้างเอกลักษณ์ของระบอบการปกครองเก่า เพราะอย่างไรแล้ว เงินก็คือสิ่งที่ประชากรทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และการครอบครองสกุลเงินใหม่ก็จะเป็นการเตือนให้พวกเขาได้รู้ว่าพวกเขากำลังอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองของยมโลก”
“รูปภาพของพระองค์ถูกพิมพ์ไว้บนด้านหน้าของธนบัตรนรก ในขณะที่ภาพของอดีตจ้าวนรกทั้งสองถูกพิมพ์ไว้ด้านหลัง ธนบัตรเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็น 1 หยวน 5 หยวน 10 หยวน 20 หยวน 50 หยวน 100 หยวน 500 หยวน และ 1,000 หยวน พวกเราได้ใช้ระบบเดียวกันกับแดนมนุษย์เพื่อให้ประชนมีความคุ้นชินในการใช้ธนบัตรเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรายังควบคุมการตลาดให้มูลค่าของธนบัตรนรกต่อหนึ่งหน่วยตระกร้าสินค้านั้นใกล้เคียงกับอัตราค่าเงินของแดนมนุษย์มากที่สุดอีกด้วย”
ฉินเย่พยักหน้า “แล้วที่ผ่านมามีปัญหาอะไรหรือไม่? การตอบรับของประชาชนเป็นอย่างไรบ้าง?”
“การตอบรับดีมากพ่ะย่ะค่ะ” จางเจ้อกวงหัวเราะออกมาเบาๆ “เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว การเพิ่มพลเมืองอย่างรวดเร็วภายในจีนก็เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากการก่อตั้งแผ่นดินจีนในยุคสมัยใหม่เท่านั้น 70% ของประชากรในนครเผิงชิวนั้นเป็นวิญญาณที่เกิดในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่วิญญาณที่เกิดก่อนหน้านั้นคิดเป็น 30% เท่านั้น มันไม่มีอุปสรรคในการปรับใช้เลยแม้แต่น้อย และนี่ก็นำกระหม่อมไปสู่เทศกาลวันสารทจีนที่กำลังจะมาถึง หลังจากที่ได้พิจารณาสิ่งเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน กระหม่อมได้ทำการร่างแบบแผนสำหรับการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ระหว่างเทศกาลวันสารทจีนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เขาหันไปพยักหน้าทางด้านข้าง และรองรัฐมนตรีเกาหมิงก็หยิบเอกสารกองหนึ่งที่มีความหนาประมาณหนึ่งฟุตขึ้นมา “ทางเราได้ทำสำเนามาหลายสิบฉบับเพื่ออำนวยความสะดวกในการสนทนานี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
อาร์ทิสชี้นิ้วไปที่กองเอกสารอย่างเกียจคร้าน ในวินาทีนั้น สำเนาเอกสารทั้งหมดก็ลอยไปอยู่ในมือของรัฐมนตรีแต่ละท่านที่นั่งอยู่โดยรอบ ฉินเย่และอาร์ทิสเองก็ได้รับสำเนาดังกล่าวคนละชุดเช่นกัน
ฉินเย่รีบอ่านเนื้อหาทั้งหมด ภายในไม่กี่นาที เขาก็ตบต้นขาตัวเองด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เยี่ยมมาก!
แบบแผนของกรมทรัพยากรวิญญาณนั้นเรียบง่าย และนั่นก็คือการจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นในช่วงเทศกาลวันสารทจีนนั่นเอง และมันก็จะกลายเป็นงานรื่นเริงที่ยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลวันสารทจีน!
งานรื่นเริงนั้นเป็นพิธีกรรมที่ถูกจัดขึ้นเพื่อสองจุดประสงค์ และนั่นก็คือการสื่อถึงวัฒนธรรมและส่งต่อมรดกทางความคิด ด้วยความฉลาดของฉินเย่ เขาสามารถตระหนักถึงประโยชน์ของการจัดงานรื่นเริงได้ในทันที
ประการแรก มันจะเป็นการสิ้นสุดระบอบการปกครองของขงโม่อย่างเป็นทาง หากพูดโดยรวมก็คือ มันคือสิ่งที่บอกประชาชนว่ายมโลกสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ขงโม่สามารถทำได้ และอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ!
มันเป็นการประกาศว่าตอนนี้พวกเขาได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกใต้พิภพดั้งเดิมของจีน หรือที่รู้จักในชื่อของยมโลก! มันคือการช่วยให้ประชากรที่ยังคงมีความคิดเกี่ยวกับนครชฺวีฟู่ทิ้งเรื่องพวกนั้นไว้เบื้องหลัง!
ประการที่สอง และสำคัญที่สุด มันจะเป็นการทำให้เกิดการไหลเวียนของเงิน!
แบบแผนที่ถูกคิดมาโดยกรมทรัพยากรวิญญาณนั้นชัดเจน และนั่นก็คือเพื่อนำสินค้าที่ยังคงอยู่ภายในคลังของยมโลกออกมาขาย! นี่จะทำให้อุปทานในตลาดพุ่งสูงขึ้นและลดราคาของสินค้าลงจนทุกอย่างสามารถขายได้ในราคาที่ลดลงครึ่งหนึ่ง!
แต่ความแยบยลของมันนั้นอยู่ที่ข้อเท็จจริงที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถซื้อขายได้ด้วยสกุลเงินใหม่ของยมโลกเท่านั้น แม้แต่การแลกเปลี่ยนสินค้าเองก็ไม่ได้รับอนุญาต!
นี่คือสิ่งที่จะกำจัดความรู้สึกต่อต้านทั้งหมดที่มีต่อการเปลี่ยนไปใช้ธนบัตรนรก!
และประการสุดท้าย มันจะเป็นการสร้างสัญลักษณ์
ถนนสายสำคัญหรือย่านการค้าคือสิ่งที่มีอยู่ในทุกเมืองหรือนครใหญ่ ๆ มาตั้งแต่โบราณกาล
เดิมทีในอดีตถนนเหล่านี้จะอยู่ใกล้กับบ้านของข้าราชการระดับสูง และในปัจจุบันพวกมันก็มักจะอยู่ในเมืองที่ทันสมัยและสามารถเข้าถึงได้มากที่สุด
สิ่งเหล่านี้เองก็เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญกับทั้งทางวัฒนธรรมและทางจิตวิญญาณ!
พึมพำ พึมพำ พึมพำ…
วิญญาณทั้งหมดอ่านดูเนื้อหาที่ถูกเขียนขึ้นมาในเอกสาร ก่อนจะมองไปที่จางเจ้อกวงอย่างเห็นด้วย
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ยอมรับข้อเสนอแนะของอีกฝ่าย!
นี่คือพลังของผู้ว่าราชการมณฑลของแดนมนุษย์! ใช่ มันอาจจะไม่ใช่แบบแผนที่ไม่มีช่องโหว่ใด ๆ และมันอาจจะสามารถแย้งได้ด้วยว่ายังคงมีความโน้มเอียงในมุมมองบางอย่างอยู่ แต่ปัญหาเหล่านี้ก็เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่จะได้รับมา! มันมีความสมดุล รอบคอบ และสมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงการพัฒนาระยะยาว! เห็นได้ชัดเลยว่าเขาคือของจริง!
ขงโม่เอ๋ยขงโม่…หากเจ้าไม่มัวแต่ติดอยู่ในวิถีชีวิตของอดีตและไม่พิจารณาเหล่าผู้มีพรสวรรค์ที่มีอยู่ในครอบครอง เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะมีโอกาสในการยึดครองนครชฺวีฟู่มาเป็นของตนเองได้? จงดู นี่คือของที่ข้าได้รับมาจากสงคราม ผลตอบแทนที่ดีที่สุดจากสงครามที่ไม่สามารถจับต้องได้!
ฉินเย่ระงับความรู้สึกตื่นเต้นภายในใจของตัวเองและมองรัฐมนตรีทั้งหมดที่กำลังกระซิบกระซาบกันอย่างตื่นเต้นหรือจมอยู่กับความคิดของตนเอง นี่คือการรวมตัวกันของผู้มีพรสวรรค์ ทุกคนที่มีความสามารถอย่างน้อยเทียบได้กับจางเจ้อกวง! ฉินเย่มั่นใจเลยว่าความก้าวหน้าของยมโลกจะต้องพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป!
นี่ไม่ใช่ครับแรกที่เขาตรวจดูรายการสิ่งของที่ได้มาจากสงครามในนครเผิงชิว แต่เขาก็ยังพบว่าตัวเองยังคงรู้สึกดีใจอย่างท่วมท้นเมื่อตรวจสอบสิ่งของทั้งหมดที่ได้มา เขาใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะแย้มยิ้มบาง ๆ ขณะที่มองไปยังจางเจ้อกวง “เป็นข้อเสนอแนะที่ยอดเยี่ยมมาก!”
“แต่ข้ามีคำถาม ข้อแรก นครเผิงชิวมีอุตสาหกรรมอยู่ทั้งสิ้น 17 อุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวข้องกับสิ่งจำเป็นพื้นฐานของประชาชนทั้งสิ้น พวกเรามีสินค้าในคลังที่เพียงพอสำหรับแผนการของเจ้าหรือไม่?”
แน่นอน...สำหรับนครที่มีพื้นที่มากกว่า 100 ตารางกิโลเมตรและมีวิญญาณอย่างน้อย 10 ล้านตนแล้ว การมีอุตสาหกรรมเพียง 17 แห่งนั้นน้อยเกินไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้น นครเผิงชิวก็ได้ขยายจนถึงขีดสุดของมันแล้วเช่นกัน
“พวกเรามีสินค้าอยู่ในคลังเพียงพอพ่ะย่ะค่ะ” จางเจ้อกวงประสานฝ่ามือและกำปั้นเข้าด้วยกันอย่างนอบน้อย “แต่ก็เกือบจะไม่พอเช่นกัน กระหม่อมได้พูดคุยกับรัฐมนตรีท่านอื่น ๆ ทันทีที่แบบแผนนี้ได้ถูกร่างขึ้น หากเราให้อุตสาหกรรมทั้งหมดเปิดทำการอย่างเต็มที่และผลิตสินค้าทั้งวันทั้งคืน เราก็จะสามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอต่อความต้องการของงานเทศกาลที่ใกล้จะมาถึงได้พ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเย่พยักหน้า “ข้อที่สอง ข้าจำได้ว่าร้านค้าทั้งหมดในย่านการค้าล้วนเป็นของเอกชนทั้งสิ้น ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ รัฐบาลไม่ได้มีส่วนร่วมใด ๆ นอกจากในด้านของพลังงานและธนาคาร พวกเรามีมาตรการใด ๆ ในการชดเชยให้กับพ่อค้าเหล่านี้สำหรับความร่วมมือของพวกเขา?”
“ทางเราได้ติดต่อเพื่อหารือกับพวกเขาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทางเราคิดว่าหากพระองค์สามารถตอบสนองความปรารถนาสูงสุดของพวกเขาโดยการให้พวกเขาได้ฟังเสียงของบุคคลผู้เป็นที่รักอีกครั้ง พวกเขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความร่วมมือกับเราพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าจะมีส่วนน้อยที่ไม่เห็นด้วยกับแผนการนี้ แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะมอบส่วนลดของสินค้าให้พ่ะย่ะค่ะ”
หยินและหยางคือทั้งสองด้านของเหรียญ… ในวินาทีนั้น ฉินเย่รู้สึกว่าเขาสามารถเข้าใจความหมายของประโยคดังกล่าวได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น…
สิ่งล่อใจที่ดีที่สุดที่เขาสามารถจัดหาได้ในโลกใต้พิภพยังคงมาจากแดนมนุษย์ ความสามารถในการเข้าฝันของบุคคลอันเป็นที่รักหรือเดินทางกลับไปยังแดนมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่มีเฉพาะในยมโลกเท่านั้น แค่สิทธิพิเศษนี้เพียงลำพังก็ทำให้เขาอยู่ห่างจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่นหลายไมล์!
“ยอดเยี่ยมมาก” ฉินเย่ยิ้มและพยักหน้าเบาๆ “ข้าจะดำเนินการต่อจากนี้เอง และข้าก็เชื่อว่ากรมทรัพยากรวิญญาณจะสนับสนุนข้าอย่างเต็มที่ โชคดีที่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีที่แล้วทางยมโลกได้จัดงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ขึ้น ดังนั้นเราจึงพอมีอะไรให้ทำอยู่บ้าง ข้าเองก็มีความคิดบางอย่างที่อยากจะหารือกับเจ้าอย่างละเอียดหลังจากนี้เช่นกัน”
จางเจ้อกวงพยักหน้าและนั่งลงตามเดิมพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
นี่คือความสำเร็จทางการเมืองครั้งแรกของเขา!
ความตึงเครียดอย่างนั้นหรือ?
เชิญเลย…นี่มันคือการต่อสู้ระหว่างเหยี่ยวกับนกพิราบ!
เขาแค่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ จากนั้น เมื่อความตึงเครียดพุ่งสูงขึ้นถึงจุดสูงสุด เขาก็แค่จบมันทั้งหมดด้วยข้อเสนอแนะที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ของตนเอง แน่นอน รัฐมนตรีคนอื่น ๆ อาจจะมองไปไกลถึงอนาคต แต่สิ่งที่เขาเสนอไปคือสิ่งที่ยมโลกต้องการมากที่สุดในตอนนี้
“รัฐมนตรีจาง” ฉินเย่เอ่ยขึ้นก่อนที่จางเจ้อกวงจะได้นั่งลง “นี่เป็นข้อเสนอที่ดีมาก นอกจากเงินเดือนแล้ว เรายังให้รางวัลกับผลงานที่มีความสำคัญอีกด้วย และรางวัลนั้นก็คือแต้มกุศล หรือที่รู้จักในชื่อของค่าคุณธรรมหยิน”
ดวงตาของวิญญาณทั้งหมดเป็นประกายขึ้นทันทีขณะที่พวกเขาต่างจ้องมองไปที่เวทีหลัก
ฉินเย่เอ่ยต่อ “นี่คือการประเมินที่ใช้กับข้าราชการของยมโลกโดยเฉพาะ การเลื่อนตำแหน่งและโยกย้ายของเจ้าจะขึ้นอยู่กับค่าคุณธรรมหยินที่เจ้าสะสมทั้งสิ้น และรายละเอียดที่แน่นอนทั้งหมดจะถูกประกาศอย่างเป็นทางการในอนาคต แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น ค่าคุณธรรมหยินทั้งหมดจะถูกจดบันทึกโดยเจ้าหน้าที่”
“และด้วยเหตุนี้ ค่าคุณธรรมหยินนี้จะถูกเชื่อมโยงกับสิทธิพิเศษในการเดินทางกลับไปยังแดนมนุษย์หรือเข้าฝันของบุคคลอันเป็นที่รักโดยตรง มีเพียงผู้ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับยมโลกเท่านั้นที่จะได้รับค่าคุณธรรมหยินเหล่านี้”
ช่างสะดวกสบายจริงๆ
สมุดแห่งความเป็นตายทำให้วิญญาณสามารถกลับไปยังแดนมนุษย์ เข้าฝัน หรือแม้แต่ตรวจดูวันเสียชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รักและสาเหตุการตายของพวกเขาได้ ไม่แปลกเลยที่มันจะถูกรู้จักในฐานะของหนึ่งในสามวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของยมโลก! และมันก็ไม่แปลกเลยเช่นกันที่หลิวอวี้จะมีสีหน้าขมขื่นทันทีที่เขาขู่ว่าจะเรียกคืนสิทธิพิเศษทั้งหมดในการใช้สมุดแห่งความเป็นตายในตอนนั้น!
หากปราศจากการเข้าถึงพลังอำนาจของสมุดแห่งความเป็นตาย อีกฝ่ายจะสามารถเรียกตนเองว่าเป็นจ้าวนรกแห่งโลกใต้พิภพได้อย่างไร?
จะได้รับอิสรภาพแล้วอย่างไร? ในเมื่อเจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามนุษย์ผู้หนึ่งจะตายเมื่อใด! เห็นได้ชัดเลยว่าฉินเย่มีความคับแค้นใจต่อหลิวอวี้เป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน ฉินเย่ก็อยากจะรู้ว่าการทำงานของสมุดแห่งความเป็นตายนั้นเป็นที่น่าพึงพอใจเพียงใด ดังนั้นเขาจึงลองทดสอบสถานการณ์โดยการออกแพ็คเกจใหม่ที่น่าดึงดูดใจออกมา…
“ข้อเสนอแนะของรัฐมนตรีจางนั้นดีมาก ตามระบบการให้รางวัลในตอนนี้ เขาจะได้รับ ค่าคุณธรรมหยิน 5,000 แต้ม”
ค่าคุณธรรมหยิน 5,000 แต้ม… รัฐมนตรีทั้งหมดพยักหน้าเบา ๆ ขณะที่จำไว้ในใจเกี่ยวกับรางวัลทที่ได้รับจากการเสนอนโยบายดังกล่าว
ฉินเย่ยิ้ม “และบังเอิญ ค่าคุณธรรมหยิน 5,000 แต้มนี้ก็เพียงพอที่จะแลกสำหรับการเดินทางกลับไปยังแดนมนุษย์เป็นเวลาสามชั่วโมง”
ตู้ม!!!
รัฐมนตรีทั้งหมดต่างตกตะลึงไปกับสิ่งที่ได้ยิน!
รัฐมนตรีทั้งหมด ไม่ว่าพวกเขาจะเกิดเมื่อใด ทั้งหมดต่างมองไปที่ฉินเย่ด้วยแววตาที่ลุกโชน
“เดินทางกลับไปยังแดนมนุษย์?” หนึ่งในรัฐมนตรีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยทวนออกมาเสียงดัง
“ถูกต้อง” อาร์ทิสเอ่ยขึ้น “ท่านจ้าวฉินและข้านั้นได้ปรับปรุงกฎอยู่เรื่อย ๆ แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ค่าคุณธรรมหยิน 5,000 แต้มนั้นเพียงพอที่จะสามารถทำให้เจ้าเดินทางกลับไปยังแดนมนุษย์ได้เป็นเวลาสามชั่วโมง ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนตรงไปจนถึงตี 3”
ฉินเย่เอ่ยต่อ “ตำแหน่งที่จะไปนั้นล้วนขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าทั้งสิ้น หรือหากเจ้าไม่รู้ว่าบุคคลที่เจ้าต้องการจะพบหน้านั้นอยู่ที่ใด ยมโลกสามารถจัดหาบริการ GPS ให้ได้”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ…
ใบหน้าของรัฐมนตรีหลายท่านแดงก่ำเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดเลยว่าข่าว ๆ นี้สร้างความตื่นเต้นให้พวกเขาเป็นอย่างมาก!
นี่พวกเขาสามารถเข้าถึงสิทธิพิเศษเช่นนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!
ไม่คิดเลยว่าจะเพิ่งมีคนได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับไปยังแดนมนุษย์ต่อหน้าต่อตาของพวกเขา!
มีใครบ้างที่ไม่ต้องการกลับไปที่แดนมนุษย์?
มีผู้ใดบ้างที่จะยังสามารถนิ่งเฉยต่อความคิดที่จะได้กลับไปเห็นหน้าบุคคลอันเป็นที่รัก อดีตที่อยู่อาศัย และลูกหลานของตนในแดนมนุษย์ได้?
ในความเป็นจริง นี่คือหนึ่งในความปรารถนาสูงสุดของวิญญาณทุกตน! ขงโม่ไม่มีทางทำอะไรเช่นนี้ได้ แต่ฉินเย่กลับสามารถมอบผลประโยชน์เช่นนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องกะพริบตาด้วยซ้ำ!
ทันใดนั้น หัวใจของวิญญาณทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมและระบุตัวตนกับยมโลก!
แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย
เหตุใดพวกเขาถึงไม่ใช่คนที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้กัน?
Comments