แม่ปากร้ายยุค 80 1162 ล่าถอย
ตอนที่ 1162 ล่าถอย
……….
ตอนที่ 1162 ล่าถอย
หลังจากงานศพของจางเสวี่ยฉุน หลินม่ายได้จัดตั้งการประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิตในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดยเรียกร้องให้มีการปราบปรามอย่างรุนแรงต่อองค์กรมืด อย่างเช่นองค์กรเหยี่ยวดำ
เนื่องจากมีการเตรียมการล่วงหน้าอย่างถี่ถ้วน ขนาดของการประท้วงจึงใหญ่มาก
เพื่อป้องกันความปลอดภัยของผู้เข้าร่วม หลินม่ายได้เชิญแก๊งหลักทั้งสามมาร่วมการประท้วงด้วยเช่นกัน
ในสหรัฐอเมริกา การถือปืนไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย สมาชิกแก๊งทั้งสามต่างก็ถือปืนและยืนเรียงแถวกันอย่างเรียบร้อยด้านข้างกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งทั้งสง่างามและทรงพลัง
ต่อให้องค์กรเหยี่ยวดำต้องการก่อวินาศกรรม พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือหุนหันพลันแล่น
ในระหว่างการเดินขบวน ผู้คนยังคงเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ขบวนประท้วงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนก้อนหิมะ และเสียงที่ประณามองค์กรเหยี่ยวดำก็ดังขึ้นอย่างมาก
นักการเมืองบางคนในสหรัฐฯ โกรธจัด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เนื่องจากแรงกดดันทางสังคม อำนาจแฝงขององค์กรเหยี่ยวดำในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่จึงถูกปราบปรามโดยตำรวจอเมริกัน
วันที่อากาศแจ่มใส หลินม่ายได้นำดอกกุหลาบสีขาวที่จางเสวี่ยฉุนชอบมาให้หล่อน
หลินม่ายนั่งอยู่ด้านหน้าหลุมศพ ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดออกมาเช็ดป้ายหลุมศพอย่างระมัดระวัง
ในภาพบนหลุมศพ จางเสวี่ยฉุนยังคงงดงาม ดูฉลาดเฉลียว และมีรอยยิ้มอ่อนโยนเสมอ
หลินม่ายวางดอกไม้ไว้ด้านหน้าหลุมฝังศพและพูดกับรูปถ่ายของจางเสวี่ยฉุน “เสวี่ยฉุน เพื่อที่จะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการสังหารหมู่ที่หนานจิง ฉันได้ดำเนินการมาถึงที่สุดแล้ว เหลือเพียงทำตามขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น
ฉันจะต้องตีพิมพ์หนังสือ ‘หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง’ ในประเทศเกาะเพื่อให้ชาวเกาะที่ถูกหลอกได้รู้ความจริงของประวัติศาสตร์ เช่นนั้นการทำงานหนักของเธอจะไม่ไร้ผล”
หลินม่ายมองดูหญิงสาวในภาพบนหลุมศพอย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนและหันหลังเดินจากไป
ในเวลาเดียวกัน ณ สนามบินปักกิ่ง จางเสวี่ยฉุนซึ่งยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บดีได้ลงจากเครื่องบินพร้อมกับสามีของหล่อน
ตามมาด้วยพ่อแม่และลูกชาย
หล่อนพูดด้วยรอยยิ้มกับจางเสวี่ยฉุน “ยินดีต้อนรับวีรสตรีของเราสู่ประเทศจีน หลังจากอยู่ในเมืองหลวงเป็นเวลาสามวัน เราจะส่งคุณไปยังสถานที่อันเป็นจุดหมายปลายทาง”
ไม่กี่วันต่อมา ในสถานที่ที่สวยงามแต่ห่างไกลและด้อยพัฒนา ปรากฏวิลล่าหลังเล็กแห่งหนึ่งตั้งตระหง่าน
ที่หน้าหน้าต่างวิลล่า หญิงสาวรูปลักษณ์งดงามและอ่อนโยนกำลังอ่านหนังสือเงียบงัน
ด้านนอกวิลล่า มีผู้เฒ่าคู่หนึ่งกำลังไล่ตามผีเสื้อพร้อมกับเด็กชายผิวขาว
ที่ตีนเขามีโรงเรียนขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ซึ่งชายผิวขาวกำลังสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็ก ๆ
นี่คือสรวงสวรรค์อันเงียบสงบ
ไม่กี่วันต่อมา สมาชิกของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติซึ่งแอบปกป้องหลินม่ายและฟางจั๋วหรานได้แจ้งข่าวให้พวกเขาทั้งหมดถอนตัวออกจากสหรัฐอเมริกาในวันนั้น
เขาและภรรยาได้รับคำสั่งให้ออกจากสหรัฐอเมริกาภายในสามวันเพื่อกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แม้ฟางจั๋วหรานจะยังคงสุขุมอยู่เสมอแม้ภูเขาไท่ซานถล่ม แต่ครั้งนี้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อยและถามว่าเพราะเหตุใด
สมาชิกของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่แจ้งข่าวดังกล่าวบอกเขาว่า ฝ่ายขวาจัดในประเทศเกาะกำลังขุ่นเคืองอย่างหนักเพราะอำนาจลับขององค์กรเหยี่ยวดำในสหรัฐอเมริกาเกือบถูกทำลายไปแล้ว
ด้วยการสมรู้ร่วมคิดกับฝ่ายขวาในสหรัฐอเมริกา พวกเขากำลังเตรียมใช้อำนาจของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อกล่าวหาทั้งสองว่าเป็นสายลับจากจีนที่ซ่อนตัวอยู่และใช้เหตุผลนี้จับกุม
พวกเขาจะต้องล่าถอยโดยเร็ว
แม้ว่าบอดี้การ์ดของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติจะมีทักษะมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขากำลังต่อสู้ในดินแดนของคนอื่น และโอกาสในการชนะก็มีค่อนข้างน้อย
หากคนใดคนหนึ่งถูกจับได้จริง ๆ ข้อพิพาทระหว่างทั้งสองประเทศจะปะทุขึ้นกลายเป็นคลื่นยักษ์
มาตุภูมิของพวกเขาในตอนนี้ยังไม่เข้มแข็งพอ หากเกิดความขัดแย้งระหว่างสองประเทศขึ้นอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานมาก เพื่อประโยชน์ของสถานการณ์โดยรวม ผู้บังคับบัญชาจึงต้องถอนตัวทั้งหมด
ผู้บังคับบัญชาขอให้หลินม่ายและสามีเดินทางกลับโดยเร็ว เพราะพวกเขากังวลว่าสหรัฐฯ จะจับกุมหลินม่ายด้วยข้อหาดังกล่าว
หลินม่ายวางแผนการเผยแพร่หนังสือ “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” ของจางเสวี่ยฉุนตามลำพัง
ประเทศตะวันตกเกือบทั้งหมดรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันน่าสลดใจและนองเลือดที่เกิดขึ้นในประเทศจีน และพวกเขายังรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมอันโหดร้ายของผู้บุกรุกด้วย
สิ่งนี้ทำให้สหรัฐอเมริกาและนักการเมืองตะวันตกจำนวนมากโกรธมาก
ประกอบกับการที่หลินม่ายจัดการชุมนุมขนาดใหญ่และบังคับให้ตำรวจปราบปรามองค์กรเหยี่ยวดำ ทำให้นักการเมืองตะวันตกบางคนกัดฟันด้วยความโกรธ
หลินม่ายกลายเป็นหนามยอกอก และยังเป็นหนามที่มีเลือดเนื้อ
อย่างไรก็ตาม นักการเมืองอเมริกันได้เรียนรู้เกี่ยวกับการก่อสร้างโรงงานชิปของหลินม่ายในประเทศจีน พวกเขาจึงต้องการกำจัดเธอ
ชาติตะวันตกมักจะปิดกั้นเทคโนโลยีต่างๆ ของจีนอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้มังกรยักษ์ตัวนี้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
พวกเขาหวังว่าจีนจะยากจนและล้าหลังอยู่เสมอ ดังนั้นหลินม่ายซึ่งนำเทคโนโลยีตะวันตกขั้นสูงมาสู่จีนจึงไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่บนโลก
พวกเขาต้องการให้เธอตาย เพื่อทำให้ชาวจีนคนอื่นหวาดกลัว และไม่กล้าทำแบบที่หลินม่ายทำ
แต่นักการเมืองเหล่านั้นก็รู้ด้วยว่าหากลอบสังหารเธอ ประเทศจีนจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปง่ายดายอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดเธอก็เสียชีวิตในสหรัฐอเมริกา
แม้ว่าจีนจะยากจนและล้าหลัง แต่ก็กล้าที่จะแข็งกร้าวกับสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศตะวันตกทั้งหมด
หากการลอบสังหารไม่ได้ผล เช่นนั้นก็ตั้งข้อหาอาชญากรรมและจำคุกหลินม่ายไว้ในสหรัฐอเมริกา
หน่วยงานระดับสูงทราบถึงเจตนาของนักการเมืองตะวันตกที่นำโดยสหรัฐอเมริกา ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเร่งกระตุ้นให้หลินม่ายและสามีกลับบ้าน
หลินม่ายถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอกลัวว่าแผนการที่ใช้อำนาจของคนจีนโพ้นทะเลในท้องถิ่นและแก๊งต่าง ๆ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจะไม่สามารถปกปิดความจริงเกี่ยวกับเรื่องของครอบครัวจางเสวี่ยฉุนที่ถูกส่งไปยังประเทศจีน ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก!
คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และเด็ก ๆ ล้วนกลับประเทศจีนแล้ว หลินม่ายและสามีจึงล่าถอยได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตามหลินม่ายวางแผนที่จะพาลุงฝูไปด้วย เขาอายุมากและไม่มีบุตร ดังนั้นทั้งคู่จึงอยากพาเขาไปเกษียณอายุในประเทศจีน
ลุงฝูตอบตกลงอย่างง่ายดาย เมื่อแก่ตัวลง ใครบ้างจะไม่อยากให้คนหนุ่มสาวดูแล?
สำหรับสุนัขหมาป่าตัวใหญ่สองตัวอาหวงและหวางไฉ พวกมันกำลังจะกลับประเทศจีนเช่นกัน แต่พวกมันไม่ได้เดินทางพร้อมกับหลินม่ายและคนอื่น ๆ เพราะกลัวว่าการเตรียมการขนส่งจะทำให้การเดินทางล่าช้าและส่งผลกระทบต่อการกลับมาของทั้งคู่
ลุงฝูจัดบุคลากรสำหรับการเดินทาง จากนั้นจัดเตรียมการขนส่งหมาป่าตัวใหญ่สองตัว
แม้ลุงฝูจะอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา แต่เขาก็เป็นชาวจีนโพ้นทะเลในอเมริกา เขาไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางกลับประเทศจีน ไม่เช่นนั้นคงจะเกิดความล่าช้า
วันรุ่งขึ้น หลินม่ายและสามีออกเดินทางพร้อมกับลุงฝู
ทอมขับรถมายบัคพาทั้งสามคนไปยังสนามบิน
หลินม่ายรู้สึกอยากจะร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล เมื่อเห็นบอดี้การ์ดคนใหม่นั่งอยู่ในที่นั่งผู้โดยสารที่แจ็คเคยอยู่
ตอนที่ทุกคนออกจากบ้าน มันเป็นเวลาหกโมงเช้าเท่านั้น ท้องฟ้ายังไม่ค่อยสว่างนัก
จากวิลล่าของพวกเขา ทอมต้องขับรถผ่านถนนห่างไกลอีกกว่าครึ่งชั่วโมงจึงจะเข้าสู่เขตเมืองที่จอแจ
หลินม่ายมองออกไปนอกรถอย่างวิตกกังวล ด้วยสัญชาตญาณ เธอรู้สึกว่าพวกเขาคงไม่สามารถหลบหนีได้ง่าย ๆ
และเป็นเช่นนั้นจริง ไม่นานหลังจากรถเคลื่อนตัวออกไป ถนนด้านหน้าก็ถูกขวางทางด้วยท่อนไม้ขนาดใหญ่หลายต้น
ที่นี่ไม่มีป่าไม้ และไม่มีคนตัดไม้ แล้วท่อนไม้เหล่านี้มาจากไหน?
ต่อให้ใช้นิ้วเท้าคาดเดาก็รู้ได้ทันทีว่ามีคนทำสิ่งนี้โดยเจตนา เพื่อขัดขวางไม่ให้หลินม่ายและสามีกลับประเทศ
ฟางจั๋วหรานขอให้ลุงฝูนั่งอยู่ในรถและอย่าลงไป รถเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาว ยกเว้นเขาที่เป็นชายชรา ดังนั้นเขาจึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการปกป้อง
ฟางจั๋วหรานลงจากรถพร้อมกับทอมและพอลผู้คุ้มกันคนใหม่ เพื่อช่วยกันย้ายท่อนไม้ออก
หลินม่ายลงจากรถและคอยช่วยดูแลอย่างระมัดระวัง
สาเหตุหลักคือพวกเขากลัวว่าองค์กรเหยี่ยวดำจะดำเนินการกะทันหัน และก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่จะคร่าชีวิตพวกเขาทั้งหมด
แม้ว่าชายทั้งสามจะค่อนข้างแข็งแรง แต่ไม้ก็หนาและหนัก เพียงแค่ทำให้มันกลิ้งไปข้างถนนก็นับว่ายากลำบากมากแล้ว
ขณะที่ทั้งสามช่วยกันผลักท่อนไม้ออกจากถนน หลินม่ายถือปืนด้วยสองมือและเล็งออกไปนอกตัว
ทันใดนั้น เสียงกรอบแกรบดังขึ้นจากป่าทางด้านซ้าย แม้การเคลื่อนไหวจะไม่ดังมาก แต่ก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
หลินม่ายเล็งกระบอกปืนไปทางเสียงที่ได้ยินโดยไม่ลังเลและตะโกนขึ้น “ออกมา!”
ในใจพวกเขาล้วนตื่นตระหนกมาก โดยกลัวว่าสมาชิกขององค์กรเหยี่ยวดำจะกระโดดออกมาพร้อมยิงปืนมาที่พวกเขา เวลานั้นพวกเขาคงไม่มีแม้แต่เวลาให้ป้องกันตัว
แต่ผ่านไปประมาณครึ่งนาทีก็ไม่มีใครออกมา
หลินม่ายเข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามล่อให้เธอยิงก่อน
ตราบใดที่หลินม่ายยิงออกไป มันจะเป็นการทำร้ายคนอื่นโดยเจตนา
ทางสหรัฐอเมริกาสามารถจับกุมเธอ โดยตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าว ตัดสินว่าเธอเป็นจารชน และปล่อยให้เธอถูกจองจำอยู่ในคุกของสหรัฐอเมริกาตลอดไป
แต่หลินม่ายก็ยังไม่กล้าผ่อนคลาย เพราะเกรงว่าใครบางคนในป่าอาจจู่โจมกะทันหัน
ฟางจั๋วหรานและคนอื่น ๆ กลิ้งท่อนไม้ไปข้างถนน จากนั้นทุกคนก็ขึ้นรถและขับออกไป
ชายชาวเอเชียคนหนึ่งเดินออกจากป่าและมองดูรถมายบัคเคลื่อนตัวห่างออกไปจนลับสายตา เขาชกลำต้นของต้นไม้ด้านข้างด้วยความโกรธพลางสาปแช่ง
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและบอกผู้สมรู้ร่วมคิด “แผนแรกล้มเหลว เริ่มแผนสองได้”
ด้านหลังเขามีตำรวจหลายนายเดินออกมา โดยที่พวกเขารอให้หลินม่ายยิงคนบาดเจ็บและบังคับใช้กฎหมายกับเธอ
อย่างไรก็ตามหลินม่ายไม่ได้ลั่นกระสุนยิง
ทั้งกลุ่มยังคงขับรถต่อไปที่สนามบิน และทันใดนั้นรถมายบัคก็สั่นอย่างรุนแรง
ทอมสาปแช่งอย่างดุเดือดและบอกว่า “ยางรถรั่ว”
ทุกคนลงจากรถเพื่อตรวจสอบ ก่อนพบตะปูขนาดใหญ่หลายตัวอยู่บนพื้น และมีสองตัวที่ถูกฝังอยู่ในยางรถ
หลินม่ายและฟางจั๋วหรานมองหน้ากัน
มีคนพยายามถ่วงเวลาไม่ให้พวกเขาไปถึงสนามบิน
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่คาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว
ลุงฝูกดโทรศัพท์โทรออก และไม่ถึงห้านาทีต่อมาก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาจากด้านหน้า
ทุกคนทิ้งรถมายบัคไว้ข้างหลังและขึ้นรถอีกคัน
ไม่กี่นาทีต่อมารถก็ขับเข้าไปในเมือง
ด้านหน้ามีรถติดแน่นขนัด และตำรวจกำลังจัดการสถานการณ์
หากสถานการณ์ไม่สามารถแก้ไขได้ภายในสี่สิบหรือห้าสิบนาที พวกเขาจะต้องพลาดเที่ยวบินและไม่สามารถออกเดินทางภายในวันนี้
กลุ่มคนลงจากรถอย่างเด็ดเดี่ยวและรอที่ข้างถนนสักครู่
จากนั้นชายหนุ่มผิวดำหลายคนก็ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา
พวกเขามอบรถจักรยานยนต์ให้หลินม่ายและคนอื่น ๆ ทันทีที่มาถึง
หลินม่ายและทุกคนขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าสู่สนามบิน
ลุงฝูแก่เกินไปที่จะขี่รถจักรยานยนต์ ดังนั้นฟางจั๋วหรานจึงให้เขานั่งซ้อนท้ายขณะที่เขาขี่ตรงไปยังสนามบิน
ในที่สุดกลุ่มคนก็วิ่งเข้าไปในสนามบิน 15 นาทีก่อนที่เครื่องจะออก
หลินม่ายกังวลใจ โดยกลัวว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะทำให้เรื่องยุ่งยากในระหว่างการตรวจสอบความปลอดภัย แล้วพวกเขาจะไปขึ้นเครื่องไม่ทันเวลา
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยได้ตรวจสอบเอกสารของทุกคนและปล่อยพวกเขาให้ผ่านไปง่ายดายอย่างน่าประหลาดใจ
ในที่สุดก็สามารถออกไปได้ หลินม่ายหันกลับและขอให้ทอมกับพอลกลับไป
ทอมลังเลที่จะจากไป เขาไม่รู้ว่าหลินม่ายและสามีต้องการหนีกลับจีนพร้อมลุงฝูเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกประหัตประหาร
เขาเข้าใจว่าหลินม่ายและทุกคนมีเรื่องด่วนในประเทศจีนและต้องกลับไปจัดการตามที่เธอบอกเขา โดยพาลุงฝูไปพักผ่อนระหว่างนั้น
ทั้งสองโบกมือให้คู่รักหลินม่ายและลุงฝู โดยบอกให้พวกเขากลับมาหลังจากจัดการเรื่องเสร็จ
หลินม่ายและสามีตอบรับและเดินเข้าไปข้างใน
แต่เวลานั้นชายผิวขาวคนหนึ่งรีบข้ามจุดตรวจรักษาความปลอดภัยและวิ่งมาหลินม่ายพร้อมกับแสดงหมายจับ “คุณหลิน ผมเดนนิสฝ่ายสืบสวนจากรัฐบาลกลาง คุณถูกสงสัยว่าขโมยความลับทางการค้าและทำการฉ้อโกง ช่วยตามผมไปให้ปากคำด้วยครับ”
หลินม่ายเลิกคิ้วด้วยความหงุดหงิด หลังจากพยายามมาตลอดทั้งเช้า เธอก็ยังไม่สามารถจากไปอย่างง่ายดาย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สรุปยังไงคะเนี่ย เสวี่ยฉุนตายจริงหรือยังไม่ตาย? หรือว่าเป็นภาพในมโนทัศน์ของม่ายจื่อ
เป็นตอนที่ระทึกและน่าอึดอัดมากค่ะ เหมือนถ่ายหนักแล้วถ่ายไม่สุด ม่ายจื่อจะทำอย่างไรต่อไปล่ะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)
……….
เ
Comments