แม่ปากร้ายยุค 80 1172 มอบดอกกุหลาบให้ผู้อื่น
ตอนที่ 1172 มอบดอกกุหลาบให้ผู้อื่น
……….
ตอนที่ 1172 มอบดอกกุหลาบให้ผู้อื่น
มู่ตงพาน้องชายและน้องสาวทั้งสี่คนไปแจกจ่ายสิ่งของต่าง ๆ
เขาวางแผนอย่างเป็นระเบียบมาก
ตั่วตั่วรับผิดชอบในการแจกจ่ายถุงเท้า น้องชายคนหนึ่งมีหน้าที่แจกจ่ายนมผง น้องชายอีกคนมีหน้าที่แจกจ่ายน้ำตาลทรายแดง และน้องชายคนเล็กเป็นคนแจกจ่ายชุดนักเรียนคู่กับเขา
ชุดนักเรียนในประเทศจีนเป็นชุดกีฬาทั้งหมด แต่มีสีและสไตล์ที่ต่างกัน
นักเรียนในเมืองไม่ชอบใส่ชุดนักเรียน เนื่องจากชุดกีฬามีขนาดใหญ่เกินไปและไม่สามารถอวดเรือนร่างได้
แต่เด็ก ๆ ในแถบภูเขาชอบมาก เพราะพวกเขาไม่เคยใส่ชุดกีฬามาก่อน
พี่น้องมู่ตงทั้งห้าคนได้แจกจ่ายสิ่งของให้กับเด็ก ๆ ของโรงเรียนประถมเซียนหนิ่ว และได้รับคำขอบคุณเป็นอย่างมาก
พี่น้องทั้งห้าคนต่างก็หน้าแดงด้วยความตื่นเต้น
หลังจากแจกสิ่งของเสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงวัน
นักเรียนจำนวนมากและชาวบ้านใกล้เคียงเชิญครอบครัวของหลินม่ายมาที่บ้านอย่างกระตือรือร้น แต่หลินม่ายและลูก ๆ ของเธอปฏิเสธ
เมื่อเห็นอย่างนี้ ชาวบ้านจึงนำไก่ เป็ด ไข่ และปลามาด้วย แต่ขาดเพียงเนื้อเท่านั้น
ชาวบ้านเต็มใจที่จะมอบอาหารอันมีค่าเหล่านี้ แต่พวกเขาไม่เต็มใจที่จะฆ่าหมูเพื่อขอบคุณหลินม่ายและคนอื่น ๆ
การเลี้ยงหมูไม่ใช่เรื่องง่าย ชาวบ้านต้องการขายมันในช่วงสิ้นปีเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินใช้จ่ายในครอบครัว
อย่างไรก็ตามครอบครัวของหลินม่ายไม่รับไก่ เป็ด ปลา และไข่จากชาวบ้าน โดยบอกให้ชาวบ้านนำไปขายในตลอด อย่างน้อยก็ได้รับเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว
ขณะที่ครอบครัวใหญ่และเพื่อนชาวบ้านกำลังคุยกัน ชายคนหนึ่งสวมชุดดำล้วนได้ก้าวเข้ามา
แม้ว่าชายคนนั้นจะแต่งตัวเรียบง่าย แต่เขาก็เด่นสะดุดตามาก ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในหอพักของสวี่เมิ่ง เขาก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนทันที
เพราะชายผู้แข็งแกร่งคนนี้มีงูสีแดงดำตัวใหญ่และหนาเท่ากับสองนิ้วพันรอบแขนของเขา
ทันทีที่เข้าไปในประตู เขาก็โยนงูบนแขนของเขาไปกลางห้องแล้วพูดว่า “ใครก็ได้ถลกหนังงูตัวนี้ที แล้วเอาไปทำซุปรับรองแขกผู้มีเกียรติ”
หลินม่ายและเด็ก ๆ ลุกพรวดขึ้นด้วยความหวาดกลัวและแทบจะวิ่งหนีออกไป
โดยเฉพาะตั่วตั่วที่ซุกตัวเข้าสู่อ้อมแขนของหลินม่าย และไม่กล้ามองไปที่งูตัวนั้น
หลินม่ายอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา แม้ตั่วตั่วจะไม่ได้อวบอ้วน แต่เด็กหญิงวัยเจ็ดขวบก็ยังมีน้ำหนักอยู่บ้าง
อาซางวัย 11 ปีซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของผู้ใหญ่บ้านวิ่งเข้ามาอย่างอารมณ์ดี เขาคว้างูที่มีความยาวกว่า 7 นิ้วขึ้นมา
เขาตะโกนอย่างตื่นเต้น “ลุงอาหู่ งูตัวนี้มีพิษหรือเปล่า?”
ชายที่ชื่อว่าอาหู่หัวเราะเสียงดังและบอกว่า “สีเหลืองแดงแสดงว่ายมบาลเรียก ถ้าสีดำแดงแสดงว่าไม่เป็นไร”
ครอบครัวของหลินม่ายมองไปที่งูตัวยาวในมือของอาซางทันที
มันเป็นสีดำแดง เช่นนั้นก็ควรปลอดพิษ
ตอนเที่ยง หลินม่ายและครอบครัวดื่มซุปเนื้องูอย่างเอร็ดอร่อย
เด็ก ๆ ทุกคนดื่มไปหลายชาม
มู่เซี่ยวางชามและตะเกียบลง เขาตื่นเต้นกับความกระตือรือร้นของชาวบ้าน
อีกหลายคนพยักหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อแสดงความเห็นชอบต่อสิ่งที่เขาพูด
สวี่เมิ่งใช้ตะเกียบตีหัวเล็ก ๆ ของพวกเขา “ผู้คนดีต่อเธอก็เพราะเธอทำดีต่อพวกเขา นี่เรียกว่าการให้ดอกกุหลาบแก่ผู้อื่น และทิ้งกลิ่นหอมที่คงอยู่ในมือของเธอ”
วันรุ่งขึ้นหลังจากแจกจ่ายสิ่ง หลินม่ายได้มอบหมายเด็กทุกคนให้สวี่เมิ่ง เพื่อขอให้อีกฝ่ายดูแลพวกเขาเป็นเวลาสองวัน ขณะที่เธอจะพาผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบบ่อน้ำแร่
มู่ตงตบหน้าอกด้วยท่าทางหนักแน่น “หม่าม้า ไปทำงานเถอะครับ ผมจะดูแลน้อง ๆ เอง”
หลังจากสำรวจภาคสนามมาหลายวัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์น้ำหลายคนกล่าวว่า การไหลของน้ำในบ่อนี้มีไม่น้อย และสามารถนำไปใช้ผลิตน้ำแร่ได้อย่างน้อยหนึ่งร้อยปี
มันสามารถผลิตแค่หลายร้อยปีเท่านั้น สถานการณ์ตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใครจะรับประกันได้ว่าอีกร้อยปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น?
คงจะดีหากสามารถทำอะไรสักอย่างได้ภายในเวลาหนึ่งร้อยปี
หลังจากการตรวจสอบ หลินม่ายได้จัดให้มีคนส่งเด็ก ๆ และผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดกลับไปที่เมืองเจียงเฉิง
ในวันออกเดินทาง เด็กชายตัวเล็กจากโรงเรียนประถมเซียวหนิ่วมาแต่เช้าเพื่อดูตั่วตั่ว เด็กทั้งสองลังเลที่จะแยกจากกัน
เด็ก ๆ และผู้เชี่ยวชาญเดินทางจากไป
หลินม่ายเริ่มเลือกสถานที่สำหรับสร้างโรงงานน้ำแร่ หอพักคนงาน และโรงอาหาร
โม่เจี้ยนอันและวิศวกรโยธาหลายคนใช้เวลานานในการเลือกสถานที่
สาเหตุหลักคือ หากเลือกสถานที่ไม่เหมาะสมและเกิดโคลนถล่ม โรงงานและหอพักจะตกอยู่ในอันตราย
ดินโคลนถล่มมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ภูเขาสูงชัน
นอกจากนี้จะต้องพิจารณาต้นทุนในการนำน้ำแร่จากภูเขาเข้ามาในโรงงาน
หากอยู่ห่างจากแหล่งน้ำแร่จากภูเขามากเกินไป ค่าขนส่งจะสูง
ในที่สุดก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ในการเลือกสถานที่
หลินม่ายทำเรื่องขออนุมัติที่ดินจากรัฐบาล
รองผู้ว่าการต้วนเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อใดที่เธอตั้งโรงงาน เขาจะอนุมัติที่ดินให้ทันที
หลินม่ายตรงไปที่ห้องทำงานของรองผู้ว่าการต้วน
ก่อนที่จะไปถึงประตูสำนักงาน เธอได้ยินรองผู้ว่าราชการต้วนพูดอย่างเสียอารมณ์ “บ่อน้ำแร่เซียนหนิ่วถูกสหายหลินม่ายซื้อไปแล้ว คุณหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าจะไม่อนุมัติ?”
“ถ้าอย่างนั้นวิสาหกิจในท้องถิ่นก็ควรต้องเสนอให้จัดตั้งโรงงานน้ำแร่ก่อนพวกเขาสิ ตอนนี้คุณต้องการให้ผมนำบ่อน้ำแร่เซียนหนิ่วกลับมาในนามของการสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่น นี่ไม่ทำให้ภาครัฐกลายเป็นคนกลับกลอกเหรอ? แล้วใครจะกล้ามาลงทุนกับเราอีกในอนาคต? นอกจากนี้บริษัทที่คุณแนะนำมีความสามารถในการตั้งโรงงานหรือไม่? ไม่ใช่ว่าต้องไปกู้เงินมาเหรอ? เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะมีคนอิจฉาคนอื่นที่ต้องการทำเงินมากมายด้วยการเปิดธุรกิจน้ำแร่ และเข้ามาคว้าธุรกิจ แม้ว่าคุณจะทำหน้าที่เป็นคนกลาง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่”
เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เขาคิดอะไรงั้นเหรอ? เขาเห็นน้องชายภรรยากำลังทำผลงานใหญ่ แล้วเขาจะไม่อยากมีส่วนร่วมได้อย่างไร?
นอกจากนี้โครงการที่หลินม่ายตรวจสอบยังทำกำไรได้แน่นอน ใครบ้างจะไม่อยากกินเนื้อติดมันชิ้นใหญ่ขนาดนี้?
น่าเสียดายที่เขาเป็นแค่ผู้บริหาร หากรองผู้ว่าการไม่เห็นด้วย เขาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องจากไปด้วยความหดหู่ใจ
ทันทีที่ออกมา เจ้าหน้าที่คนนั้นเห็นหลินม่าย เขาเบือนหน้าไปทางอื่นและเดินผ่านเธอไป
หลินม่ายเคาะประตูห้องทำงานของรองผู้ว่าการต้วน
ประตูถูกเปิดออก เมื่อรองผู้ว่าการต้วนได้ยินเสียงเคาะประตู เขาจึงเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นหลินม่ายที่ยืนอยู่หน้าประตู
เขาลุกขึ้นยืนทันทีและทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม “คุณเลือกสถานที่แล้วหรือยังครับ?”
หลินม่ายพยักหน้า “ตัดสินใจได้แล้วค่ะ แต่ว่ามีคนอื่นต้องการซื้อบ่อน้ำแร่เซียนหนิ่วหรือคะ?”
รองผู้ว่าการต้วนรู้ว่าเธอได้ยินการสนทนาระหว่างเขากับผู้บริหารเมื่อสักครู่นี้
“อย่าห่วงเลยครับ ตราบใดที่ผมยังอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครแข่งขันแย่งบ่อน้ำแร่เซียนหนิ่วกับคุณ”
หลังจากคิดครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวเสริม “ผมจะไม่ยอมให้คนอื่นมาแย่งชิงบ่อน้ำแร่เซียนหนิ่วจากคุณ แม้ว่าผมจะไม่อยู่ที่นี่ก็ตาม”
หลินม่ายกล่าวขอบคุณเขาจากใจจริง
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ด้วยความช่วยเหลือของรองผู้ว่าการต้วน ที่ดินได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วในราคาที่น่าพึงพอใจ
หลังจากอนุมัติที่ดินแล้ว จากนั้นก็เริ่มก่อสร้างได้
เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ โม่เจี้ยนอันวางแผนที่จะใช้แรงงานต่างถิ่นที่มีทักษะจากอสังหาริมทรัพย์ของเขาเองสำหรับงานขนาดใหญ่ และรับสมัครแรงงานไร้ฝีมือในท้องถิ่นเพิ่มเติม
อาคารโรงงานและหอพักมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ซึ่งต้องใช้คนงานอย่างน้อย 500 คน
ทันทีที่มีข่าวแพร่กระจาย ในวันรับสมัครงาน ประตูสำนักงานชั่วคราวที่สร้างโดยทีมงานโครงการในสถานที่ก่อสร้างก็เต็มไปด้วยผู้คนที่รอต่อแถวสมัครงาน
ซึ่งพวกเขาล้วนเป็นผู้ชายในชุดชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในเขตปกครองตนเองเอินซือแห่งนี้มีชนกลุ่มน้อยอย่างน้อย 28 ชาติพันธุ์
โม่เจี้ยนอันได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นประธานของว่านทงกรุ๊ปในภาคกลางของจีน มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะประจำการอยู่ที่สถานที่ก่อสร้างและควบคุมการก่อสร้างโรงงานและหอพักเป็นการส่วนตัว
เขาส่งมอบความรับผิดชอบโครงการนี้ให้กับชิวกั๋วจื้อและคนกลุ่มหนึ่ง
ผู้ชายทุกคนมองไปที่ชิวกั๋วจื้อซึ่งรับผิดชอบเรื่องการสรรหาบุคลากรด้วยความหวัง
ใครบ้างจะไม่อยากทำงานที่ได้รับค่าแรงวันละ 2 หยวน รวม 60 หยวนต่อเดือน ทั้งยังมีอาหารและที่พักให้
หลายคนไม่มีเงินออมที่บ้านถึง 100 หยวนด้วยซ้ำ สำหรับคนในท้องถิ่น เงินเดือนที่สูงเช่นนี้เป็นสิ่งล่อใจอย่างมากสำหรับทุกคน
ในเวลานี้ คนงานระดับล่างในสถานที่ก่อสร้างในเมืองใหญ่มีรายได้วันละ 5 หยวนแล้ว
ชิวกั๋วจื้อใช้โทรโข่งสั่งให้ทุกคนเข้าแถวให้เรียบร้อย
กลุ่มคนที่เบี้ยดเสียดกันอยู่หน้าสำนักงานเพื่อมาสมัครงานเริ่มจัดแถวกันในที่สุด
จากนั้นชิวกั๋วจื้อเริ่มทำการรับสมัคร
เขาถามเพียงคำถามสั้น ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ส่วนตัวของผู้สมัคร เพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีสุขภาพที่ดีหรือไม่
เขาจะยอมรับคนงานที่มีสุขภาพที่ดีทันที และปฏิเสธผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ
ผู้ที่ได้รับคัดเลือกต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ส่วนผู้ที่ถูกคัดออกต้องกลับบ้านด้วยความหดหู่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ธุรกิจเริ่มมีคู่แข่งเสียแล้ว จะมีคนมาขัดขาหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)
……….
Comments