Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 798 ใบไม้ใบสุดท้าย
ตอนที่ 798 ใบไม้ใบสุดท้าย
…………….
ต่อจากนั้นไม่กี่วัน
ปู้ลั่วและบล็อกต่างโปรโมตกิจกรรม ‘ราชาเรื่องสั้น’ หลากหลายรูปแบบของตน
ขณะเดียวกันก็ยังมีการต่อสู้อย่างเปิดเผยและการต่อสู้แบบลับๆ
การแข่งขันระหว่างสองบริษัทยักษ์ใหญ่ก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในหมู่ชาวเน็ตจำนวนมาก!
ท่ามกลางพายุฝนซึ่งกำลังก่อตัว
กระแสใต้น้ำในวงการนิยายกำลังเคลื่อนไหว
หลินเยวียนกำลังกดคีย์บอร์ดอย่างเงียบเชียบในห้องทำงาน
เขาค่อยๆ เขียนต้นฉบับที่เหลือเสร็จทีละชิ้น
และเมื่อเขาทำงานเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยจนใกล้ถึงกลางเดือนแล้ว
ช่วงสายวันนี้
จู่ๆ จินมู่ก็เคาะประตูห้องทำงานของหลินเยวียน และนำข่าวมาบอกเขา
“ทางบล็อกเพิ่งเริ่มต้นกิจกรรมในครั้งนี้ พวกเราเปลี่ยนวิธีการเล่นเกมจากเมื่อก่อน พวกเขาจะปล่อยเรื่องสั้นโดยปกปิดตัวตนของผู้เขียน นี่คือสัญญาณประกาศสงครามกับเรา ตั้งแต่วันวันนี้ไปทุกๆ ชั่วโมง พวกเขาจะปล่อยเรื่องสั้นนิรนามหนึ่งเรื่อง”
“บล็อกล่ะครับ?”
“ก็ตามไปครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
หลินเยวียนเขียนนิยายเสร็จแล้ว นี่คือไพ่เด็ดซึ่งเขาเตรียมไว้สำหรับบล็อก วิธีการเล่นไพ่ใบนี้กับปู้ลั่วก็เป็นสิ่งที่เหล่าบรรณาธิการจากปู้ลั่ววรรณกรรมจะต้องขบคิด และตอนนี้ปู้ลั่วได้วางไพ่นำไปก่อนแล้ว
ปัง!
เสียงปืนสัญญาณดังขึ้น
การต่อสู้เพื่อตำแหน่งราชาเรื่องสั้นได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!
……
เรื่องสั้นเรื่องแรกที่เผยแพร่ออกมานั้นมีชื่อว่า ‘กระจกเงา’
ทันทีที่ผลงานเรื่องนี้เผยแพร่ออกมา ก็ดึงดูดเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตได้ในทันที!
‘นิยายเรื่องนี้สนุกมาก!’
‘ปู้ลั่วสมแล้วที่มีไลน์อัปทองคำ คุณภาพของเรื่องแรกก็ดีใช้ได้!’
‘น่าเสียดายที่ตอนจบขาดความน่าสนใจ แต่โดยรวมแล้วนับว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม’
‘นี่อาจไม่ใช่ผลงานของเฟยหงกับเฝิงหวา ให้ความรู้สึกเหมือนกับสไตล์ของโจวอวี่ ถ้าเปรียบเทียบกับเรื่องก่อนๆ เรื่องนี้น่าจะติดอยู่ในสามอันดับแรกไม่หนีไปไหนแน่ แต่ไลน์อัปนักเขียนของปู้ลั่วก็โหดเกินไป คาดการณ์อันดับไม่ได้เลย’
‘ฉันรู้สึกเหมือนกับเป็นผลงานของโจวเก๋อ’
‘ถ้านิยายเรื่องนี้เผยแพร่กับทางบล็อกจะต้องคว้าสามอันดับแรกได้อย่างแน่นอน นอกจากฉู่ขวงแล้ว ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่าบล็อกจะมีผลงานของใครที่สู้กับเรื่องนี้ได้!’
‘พูดถึงบล็อก กิจกรรมของบล็อกเริ่มแล้วหรือยัง?!’
‘…’
ชาวเน็ตนึกสงสัย
ปู้ลั่วเริ่มปล่อยของแล้ว ฝั่งบล็อกจะรับมืออย่างไร
มีคนลองเปิดหน้าอินเทอร์เฟซกิจกรรมของบล็อก
พรึบ!
หน้ากิจกรรมของบล็อกได้รับการอัปเดตแล้ว เรื่องสั้นเรื่องแรกปรากฏขึ้น!
ชื่อของผลงานคือ ‘ใบไม้ใบสุดท้าย[1]’!
‘อ่านี่มัน!’
‘บล็อกเคลื่อนไหวเร็วมาก!’
‘ดูเหมือนว่าทั้งสองฝั่งจะทำงานหนักมาก ปู้ลั่วเพิ่งปล่อยเรื่องสั้นเรื่องแรก แล้วบล็อกก็ปล่อยเรื่องสั้นตามมาติดๆ !’
‘กิจกรรมของทั้งสองฝั่งเล่นวิธีเดียวกันหมด!’
‘หยิบขึ้นมาเทียบกันแบบนี้ จุดบกพร่องของบล็อกจะไม่ยิ่งเด่นชัดกว่าเดิมหรือ?’
‘เทียบกับไลน์อัปของปู้ลั่วแล้ว ทางบล็อกน่าจะมีแค่ผลงานของฉู่ขวงที่หยิบออกมาได้?’
‘ลองอ่านเรื่องนี้ก่อนแล้วกัน’
‘ผมพนันได้เลยว่าคุณภาพของเรื่องแรกของบล็อกสู้ปู้ลั่วไม่ได้แน่นอน ผลงานของฉู่ขวงจะต้องเก็บไว้ปล่อยในช่วงหลัง เป็นการกู้สถานการณ์ไปในตัว!’
‘…’
ชาวเน็ตพูดคุยกัน หันไปทางบล็อก และกดเข้าไปยังเรื่องใบไม้ใบสุดท้าย
ในความเป็นจริง
ที่ทุกคนให้ความสนใจกับบล็อก ทั้งหมดก็เพราะฉู่ขวง
ในบรรดาผู้เขียนจากฝั่งบล็อก มีเพียงผลงานของฉู่ขวงที่ควรค่าแก่การรอคอย
……
วิทยาลัยศิลปะหานโจว
ในห้องเรียน 1313
ชั้นเรียนพิเศษของศาสตราจารย์โลแกน!
ศาสตราจารย์โลแกนเป็นบุคคลสำคัญของสาขาวรรณกรรมในสังกัดวิทยาลัยศิลปะหานโจว นอกจากบทบาทของเขาในฐานะศาสตราจารย์แล้ว เขายังเป็นนักเขียนนิยายขนาดสั้นและขนาดกลางซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากคนหนึ่ง มีผลงานตีพิมพ์มากมาย และเป็นที่นับหน้าถือตาอย่างยิ่งในวิทยาลัย
ชั้นเรียนในวันนี้จัดเตรียมขึ้นเป็นพิเศษเพื่อศาสตราจารย์โลแกน
วันนี้ศาสตราจารย์โลแกนไม่ได้บรรยาย แต่กลับบอกให้ทุกคนเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่ออ่านเรื่องสั้นซึ่งเผยแพร่ผ่านปู้ลั่วและบล็อกในวันนี้ จากนั้นจึงอภิปรายเรื่องสั้นตามความเข้าใจของนักเรียนแต่ละคน
เป็นวิธีการสอนที่แปลกใหม่ ผสมผสานกับความเป็นไปแบบเรียลไทม์ในวงการวรรณกรรม
ในเวลานี้ ทุกคนเพิ่งอภิปรายเกี่ยวกับเรื่อง ‘กระจกเงา’ บนปู้ลั่วจบ และกระตือรือร้นกำลังพลุ่งพล่าน
โลแกนมองดูบล็อก เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
“เมื่อครู่ทุกคนพูดได้ดีมาก ต่อไปเชิญทุกคนอ่านเรื่องใบไม้ใบเดียวที่เผยแพร่ในบล็อก แล้วบอกสิ่งที่แต่ละคนเข้าใจ”
“ครับ/ค่ะ!”
นักเรียนพูดพร้อมกัน ก่อนจะคลิกไปยังเรื่องใบไม้ใบสุดท้าย
โลแกนคลิกไปยังผลงานเรื่องนี้เช่นกัน
กิจกรรมเรื่องสั้นของปู้ลั่วและบล็อกนับเป็นเหตุการณ์สำคัญในแวดวงวรรณกรรม โลแกนได้ยื่นเรื่องกับทางสถาบันเพื่อเปิดชั้นเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมครั้งนี้โดยเฉพาะ และผลลัพธ์จวบจนปัจจุบันก็นับว่าไม่เลว
นี่คือจุดประสงค์ของโลแกนเช่นกัน
เขารู้สึกว่านี่เป็นชั้นเรียนที่ดี สามารถทำให้นักเรียนเข้าใจเรื่องสั้นได้อย่างลึกซึ้ง
‘ไม่รู้ว่าเรื่องสั้นของฉู่ขวงคือเรื่องไหน จะเผยแพร่เมื่อไหร่’
ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในห้วงสำนึกของโลแกน ก่อนที่เขาจะกดเข้าไปอ่านนิยายเรื่องนี้
ฝั่งปู้ลั่วมีนักเขียนหลายคนที่โลแกนตั้งตารอ แต่มีฝั่งบล็อกกลับมีฉู่ขวงเพียงคนเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทัพนักเขียนจากบล็อกจะเทียบกับฝั่งปู้ลั่วไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นนักเขียนเรื่องสั้นที่มีชื่อเสียงในวงการ ผลงานส่วนใหญ่ของพวกเขาควรค่าแก่การศึกษาและขบคิดของนักเรียน
นอกจากนี้
ถ้าเกิดใบไม้ใบสุดท้าย เป็นผลงานของฉู่ขวงล่ะ?
ความคิดมากมายปรากฏขึ้นในสมองของโลแกน และเขาได้ดำดิ่งลงสู่โลกแห่งการอ่านอย่างเป็นทางการ
[ในชุมชนทางตะวันตกของจัตุรัสแห่งหนึ่ง ถนนหนทางพาดผ่านทิศทางที่สับสน และแตกออกเป็นซอยเล็กซอยน้อยอีกมากมาย…]
ในช่วงแรกเป็นการแนะนำเรื่องราว
เป็นวิธีทั่วไปในเกริ่นเปิดเรื่องสั้น
โลแกนคิดโดยปราศจากความหวั่นใจ สายตาอ่านเนื้อหาต่อไป
สองนาทีผ่านไป
จู่ๆ เสียงแปลกๆ ก็ดังขึ้นในสมองของโลแกน
‘หืม?’
หัวใจของเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ การอ่านของโลแกนค่อยๆ ช้าลง
เนื้อหาของเรื่องสั้นเรื่องนี้ไม่ซับซ้อน…
ตัวเอกหญิงในเรื่องชื่อว่าจอห์นซีล้มป่วยเป็นโรคปอดบวมอย่างรุนแรงในเดือนพฤศจิกายนซึ่งมีอากาศหนาวเย็น และอาการของเธอก็แย่ลงเรื่อยๆ
ในฐานะจิตรกร เธอฝากความหวังของชีวิตไว้กับใบไม้ใบสุดท้ายบนเถาวัลย์นอกหน้าต่าง
เธอคิดว่าวันที่ใบไม้บนเถาวัลย์ร่วงโรยจะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเธอ
หลายคนที่ยอมแพ้ต่อโรคร้ายมักมีความคิดที่เลื่อนลอยเช่นนี้เสมอ
เพื่อนสนิทของจอห์นซีรู้สึกโศกเศร้ากับเรื่องนี้ จึงบอกเล่าความคิดนี้ของจอห์นซีกับจิตรกรเฒ่าเบอหร์แมน[1]
เบอหร์แมนเป็นชายอารมณ์ร้อนและดื่มเหล้าเป็นเนืองนิจ เขาวาดภาพมาเกือบสี่สิบปีแต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ เขามักจะพูดอยู่ทุกวันว่าจะสร้างผลงานอันน่าทึ่ง แต่ทั้งหมดกลับเป็นเพียงคำพูดที่ว่างเปล่า
หลังจากได้ฟังเรื่องนี้ เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งไปยกหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมา ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น
แม้ว่าลมนอกบ้านจะรุนแรงเพียงใด ขอบของใบไม้ซึ่งเป็นรอยหยักได้เหี่ยวเฉาและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไปแล้ว แต่มันกลับยังคงติดอยู่บนเถาวัลย์สูง
จอห์นซีรู้สึกตื้นตันใจเหลือเกินเมื่อได้เห็นว่าใบไม้ใบสุดท้ายยังคงติดอยู่บนต้น
ใบไม้ยังคงต้านทานลมหนาวสุดขั้วได้ ทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะ?
ศรัทธาของเธอกลับมาอีกครั้ง และยืนหยัดเพื่อมีชีวิตรอดอีกครั้ง…
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร
ตราบใดที่เราเช่ือในปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน?
หากเรื่องนี้จบลงเช่นนี้ โลแกนจะต้องชี้หน้าบริภาษผู้เขียนอย่างแน่นอน
คิดจะกรอกปากผู้อ่านด้วยซุปไก่เยียวยาหัวใจเช่นนี้เลยหรือ?
โลแกนขมวดคิ้ว
และอ่านต่อด้านล่าง
อันที่จริงหลังจากนี้ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรแล้ว
เรื่องราวจบลงด้วยคำพูดซึ่งเพื่อนสนิทบอกกับจอห์นซี
“คุณเบอหร์แมนเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมที่โรงพยาบาลวันนี้ เขาล้มป่วยเพียงแค่สองวัน เช้าวันแรกภารโรงพบเขาในห้องชั้นล่าง ไม่สามารถขยับตัวได้เพราะความเจ็บปวด รองเท้าและเสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่ม เย็นเฉียบจากอากาศหนาว ไม่มีใครรู้ว่าในคืนที่ลมแรงและฝนตกหนักนั้นเขาออกไปที่ไหน ต่อมาพวกเขาพบตะเกียงที่ยังไม่ดับ บันไดที่เลื่อนไปมาได้ พู่กันสามสี่อันกระจัดกระจายอยู่บนพื้น จานสีซึ่งมีสีเขียวและสีเหลืองอยู่ในนั้น แล้วก็…คนดี เธอจงมองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูใบไม้ใบสุดท้ายของเถาวัลย์บนกำแพง สงสัยบ้างไหมว่าทำไมมันถึงไม่กวัดแกว่งหรือเคลื่อนไหวแม้ลมจะพัดแรงขนาดนี้ อนิจจา คนดี ใบไม้ใบนี้คือผลงานชิ้นเอกของเบอหร์แมน ในคืนที่ใบไม้ใบสุดท้ายนี้กำลังละร่วงหล่น เขาวาดมันไว้ตรงนั้นตลอดกาล”
อึก
โลแกนกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
คิ้วของเขาขมวดมุ่นไปจนถึงหน้าผาก เกิดเป็นรอยริ้วอย่างเห็นได้ชัดเจน!
ชั่วขณะนั้นเอง!
โลแกนกำลังตกตะลึง!
ท่ามกลางความสับสน
เบื้องหน้าของเขาราวกับปรากฏภาพเช่นนี้ขึ้นมา
ในคืนที่พายุฝนโหมกระหน่ำ จิตรกรเฒ่าเบอหร์แมนซึ่งอายุเกินกว่าหกสิบปี ปีนขึ้นบันได และโบกสะบัดพู่กันด้วยความยากลำบาก
ใบไม้ใบสุดท้าย ถือกำเนิดขึ้นภายใต้สภาวะอันยากลำบากอย่างยิ่งยวด!
ในวาระสุดท้ายของชีวิต จิตรกรเฒ่าเบอหร์แมนซึ่งไม่เคยประสบความสำเร็จจากฝีมือการวาดภาพของเขา ท้ายที่สุดก็รังสรรค์ผลงานชิ้นเอกอันน่าทึ่งออกมาได้สำเร็จ!
หักมุม!
หักมุมแบบคลาสสิก!
โลแกนสมองชาวาบ!
ความรู้สึกมากมายผุดขึ้นในใจ!
ในเวลานี้ ชื่อหนึ่งแวบขึ้นมาในใจของโลแกน
ฉู่ขวง!
โลแกนแทบสรุปได้ว่า ใบไม้ใบสุดท้ายจะต้องมาจากปลายปากกาของฉู่ขวงอย่างแน่นอน
เขาเคยศึกษาเรื่องสั้นของฉู่ขวง
นี่คือตอนจบรูปแบบของฉู่ขวงที่คลาสสิกมาก
ฉู่ขวงเชี่ยวชาญการเขียนตอนจบที่หักมุมจนชวนตะลึง
นี่คือสิ่งที่โลแกนชื่นชมมากที่สุดเกี่ยวกับฉู่ขวง!
พรูลมหายใจออก
โลแกนรำพันในใจ
‘ช่างเป็นการหักมุมที่น่าทึ่ง เช่นเดียวกับเรื่องของขวัญจากเมไจในตอนนั้น ทั้งที่ตอนจบเหนือความคาดหมาย แต่กลับสมเหตุสมผล’
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองด้านล่างเวที
ในชั้นเรียนนี้เต็มไปด้วยนักเรียนหลายร้อยคน แต่ละคนค่อยๆ ทยอยอ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้จบ
โลแกนมองออกถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของนักเรียนซึ่งนั่งอยู่แถวหน้าได้อย่างชัดเจน
ประหลาดใจ!
ซาบซื้ง!
ตกตะลึง!
ความรู้สึกที่แตกต่างกันปรากฏบนใบหน้าของนักเรียน นักเรียนหญิงบางคนมีอารมณ์อ่อนไหวดวงตาแดงก่ำ
และเมื่อทุกคนอ่านนิยายเรื่องนี้จบ ทั้งห้องเรียนจึงเสียงดังขึ้นมา!
ทุกคนกำลังพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น
“ฉู่ขวงต้องเป็นคนเขียนเรื่องนี้แน่เลย!”
“เขียนได้ดีมาก!”
“การหักมุมในตอนสุดท้ายซึ้งมาก!”
“ไม่เคยรู้สึกประทับใจเรื่องสั้นขนาดนี้มาก่อน!”
“ก่อนที่จะอ่านถึงตอนจบ ฉันเกือบคิดว่านี่เป็นผลงานสั่วๆ ที่สรรเสริญปาฏิหาริย์…”
“เรื่องนั้นของปู้ลั่วเทียบไม่ได้เลย!”
“เทียบกันไม่ได้เลยสักนิด เรื่องนี้ชนะปู้ลั่วแบบไม่เห็นฝุ่น!”
“จับผิดไม่ได้เลย!”
“…”
หลังจากถกเถียงกันอย่างคึกคักอยู่หลายนาที โลแกนจึงเคาะโต๊ะ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เอาละ เรามาคุยเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้กันดีกว่า…”
————————
ปล.บทนี้จะต้องโดนวิจารณ์แน่นอน แต่ทุกคนไม่ต้องห่วง นี่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเดินเรื่อง บทแรกเป็นตัวอย่างและมาตรฐาน ดังนั้นจึงต้องบรรยายรายละเอียดมากเป็นพิเศษ แต่บทต่อๆ ไปจะไม่ลงรายละเอียดมากขนาดนี้แล้ว
[1] ใบไม้ใบสุดท้าย (The Last Leaf) โดยโอ.เฮนรี ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1907
Comments