[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 161 องค์ที่ 6 ผู้กล้าเกิดใหม่ – ผู้กล้าเกิดใหม่และจุดเริ่มต้นของฝันร้าย
“ฮ่า!”
“กุอั๊ก…?!”
ดาบของฉันแทงทะลุลำตัวของทหารมาร
ตอนนี้ ฉันได้ฆ่าชีวิตผู้อื่นแล้ว แต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย น่ากลัวชะมัด
หนึ่งในพลังของอาชีพ [ผู้กล้า] คือให้ความรู้สึกด้านชากับการสังหารชีวิตอื่นนอกจากมนุษย์ ซึ่งมันทำให้ฉันขยะแขยงตัวเองที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการคร่าชีวิตนี่ยิ่งกว่าซะด้วยซ้ำ
ใช่ ตอนนี้ฉันกำลังต่อสู้อยู่ในสนามรบในฐานะผู้กล้า
วิ่งเข้าสังหารเหล่ามารกับพรรคพวก 9 คน อยู่กลางสมรภูมิ
พวกนั้นก็สู้กลับเหมือนกัน แต่กำลังของพวกเรามีมากกว่า
เพราะว่า
“ทำได้ดีมากครับ ท่านผู้กล้า เมื่อครู่ก็ได้เลเวลเพิ่มขึ้นด้วยนี่ครับ?”
“ไม่จริงน่า~ นี่วันที่พวกข้าจะถูกแซงหน้าไปใกล้เข้ามาแล้วเหรอเนี่ย”
“…คุณดูเก็น คุณฮัซซาร์ด”
แค่มีทั้ง 2 คนนี้ ก็สุดยอดแล้ว
12 อัครสาวกลำดับที่ 5 ‘มหาเกาทัณฑ์’ ฮัซซาร์ด
กับลำดับที่ 4 ‘วัชระ’ ดูเก็น
12 อัครสาวกที่ว่ากันว่า ‘แบ่งออกที่ลำดับ 6’ 2 คนจากกลุ่มบุคคลทั้ง 5 ที่มีความแข็งแกร่งมากมายอย่างเทียบไม่ติดเลย
ขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษย์อยู่กับพวกเราแล้ว พูดตามตรงคือ ไม่มีความรู้สึกว่าจะแพ้เลย
ส่วน อีก 7 คน
“…หึ ไอ้พวกปลาซิวปลาสร้อย”
“ฮึก ฮึก… น่าเศร้าเสียจริง…! ทำไมพวกเธอถึงต้องเกิดมาเป็นเผ่ามารด้วยนะ…”
“นอยน์จิ ถ้าเอาแต่ร้องไห้จนมองไม่เห็นทางข้างหน้า มันจะไม่อันตรายเหรอ~?”
คน 3 คนที่เก่งจนหาตัวจับยากตรงนั้นเองก็เป็น 12 อัครสาวกเหมือนกัน
คนที่เพิ่งได้ขึ้นเป็นลำดับที่ 8 ‘ผู้โยงลำนที’ เลนัวร์
ลำดับที่ 7 ที่ทำงานมาอย่างยาวนาน ‘ดาบวิศุทธ์’ อีดิธ
และลำดับที่ 6 ‘จอมเวทย์เจ้าน้ำตา’ นอยน์
“โโโโอ้!? เดี๋ยว! ไอจัง! อันตราย!”
“อย่าไปกลัวๆ! พวกนั้นเป็นศัตรูนะ!”
“เอ๊ะ?… คิย้า!?”
“อาจารย์ครับ! หมอบลง!… ฮ่า!”
“อ- อ๊า!?… ช- ช่วยไว้ได้พอดีเลย…”
…พวกที่ทำตัวอันตรายกันอยู่นั่นก็คือกลุ่มผู้กลับชาติมาเกิดที่ถูกเลือกมาพร้อมกับฉัน
นักบุญ จี๊ด หรือก็คือ ‘คิตาจิมะ โทวยะ’ เพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่ชาติก่อน
นักดาบ ซิกม่า หรือ ‘ฮากิโนะ ยูมะ’ จากชาติก่อน เขาเคยมีนิสัยขี้อายนะ แต่พอมาเกิดใหม่แล้ว ก็กลายเป็นคนร่าเริงไปแล้ว
จอมเวทย์ ไอ หรือ อาจารย์ประจำชั้นและอาจารย์สอนวิทย์ของพวกเรา ‘ฮิซากิ ไอกะ’
จอมยุทธ์ วิคก้า หัวหน้าห้องหัวดื้อตั้งแต่ชาติก่อนยันชาตินี้ ชื่อในชาติก่อนของเธอคือ ‘อิชิฮาระ เรย์นะ’
ทุกคนเป็นนักสู้ชั้นยอดที่มีพลังแข็งแกร่งเทียบเท่ากับ 12 อัครสาวกลำดับล่างเลย… แต่ก็นะ อดีตมนุษย์โลกที่เติบโตมาในสภาพสังคมสงบสุข ไม่ได้เคยชินกับสงครามและการต่อสู้ เพราะงั้นพวกเราทุกคนก็ยังกังวลกันอยู่ รวมทั้งฉันเองก็ด้วย
“…ดูเหมือนทหารเผ่ามารแถวนี้จะถอยกันไปหมดแล้วล่ะนะ”
คุณดูเก็นเปรยขึ้นมาแบบนั้น ก่อนจะผ่อนคลายความตึงเครียดลงเล็กน้อย
ซากศพของพวกมารก็นอนตายกันเกลื่อนกลาด พูดกันตามตรงเลยคือมันไม่ใช่ภาพที่น่าดูเลยซักนิดเดียว แต่บรรดา 12 อัครสาวกก็ยังคงสงบกันอยู่ไม่เปลี่ยนเลย
แต่ทางนี้เนี่ย ไอก็อ้วกไป 3 รอบแล้วด้วยซ้ำ
“ก็ไม่แปลกอะไรหรอกนะ… แต่นี่มันชักจะน่าเบื่อไปหน่อยแล้ว พวกมารมันก็ทำได้แค่นี้เองล่ะนะ”
“อีดิธ อย่าประมาทเชียว ความประมาทนี่แหละที่นำความตายมาสู่ผู้กล้ารุ่นก่อนและ 2 รุ่นก่อน คุณควรจะจำเอาไว้นะครับว่าแม้แต่ในพวกมาร ก็ยังมีสัตว์ประหลาดที่แม้แต่พวกเราก็รับมือไม่ได้อยู่น่ะ”
คนที่กำลังตำหนิคุณอีดิธอยู่ก็คือคุณฮัซซาร์ด คุณดูเก็นที่อยู่ข้างหลังก็พยักหนักให้ด้วยเหมือนกัน
“…ท่านเปลี่ยนไปนะ ท่านฮัซซาร์ด เมื่อก่อนท่านไม่เคยพูดอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำไป”
“………พอได้ผ่านนรกขุมนั้นมาแล้ว มุมมองความคิดก็จะเปลี่ยนไปเลยล่ะ”
4 ปีที่แล้ว พวกเขา 2 คนได้เคยสู้กับขุนพลจตุเทวอสุรามาแล้วครั้งนึง และทั้งคู่ก็พ่ายแพ้มาด้วย
พวกเขาบอกว่า ถ้าตอนนั้นท่านรีเวลซ์ไม่ได้มาช่วยเอาไว้ล่ะก็ พวกเขาคงต้องตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ซากุระ ฟอเรสเตอร์… ผมไม่อยากต้องเจอกับเจ้านั่นอีกแล้ว”
“ไอ้ความสั่นกลัวนั่นมันอะไรกันน่ะ! มีทุกคนอยู่ที่นี่ พวกขุนพลจตุเทวอสุราก็ไม่ได้น่ากลัวซักนิด! รอให้พวกมันโผล่หัวมาไม่ไหวด้วยซ้ำไป!”
“เธอไม่ได้รู้อะไรก็เงียบปากไปเลย!… ซากุระ เจ้านั่นมัน… สัตว์ประหลาดชัดๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่ายังมีอีกตั้ง 2 คนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้านั่นอยู่อีก…”
“ลีน บลัดลอร์ดเองก็เหมือนกัน ตอนที่ข้าเสีย ‘หอกทองคำ ฟูล’ ไป ข้าก็ทำอะไรนังนั่นไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แถมข้ายังถูกนังนั่นหลอกเข้าจนหัวปั่น เป็นศัตรูที่เป็นตัวปัญหาที่สุดจริงๆ”
ลีน บลัดลอร์ด ตัวตนจริงๆ ของเธอคือ ‘เซนโจ โยนะ’ รักแรกของฉันเอง
ผู้ที่แข็งแกร่งแทบที่สุดในกองทัพจอมมาร ฉายา ‘ขุนพลเทพอสูร’ คนที่พอจะได้เห็นเธอจากที่ไกลๆ บอกว่าเธอมีความสามารถในการต่อสู้มือเปล่าและการใช้เวทมนตร์พร้อมกันอย่างต่อเนื่อง สมกับเป็นเทพอสูรจริงๆ เลย
ถ้าถามว่า ทำไมถึงต้องเป็นคนที่พอเห็นจากที่ไกลๆ นั่นก็เพราะคนที่ได้เห็นในระยะใกล้ๆ เนี่ยถูกฆ่าตายหมดไม่เหลือ
“…เอาเถอะ แบบนั้นก็ดี โชคดีที่แวมไพร์ที่ชื่อลีนนั่นดูจะแค้นฉันที่ฆ่าพ่อของเธออยู่ ตอนที่ยัยนั่นขาดสติพุ่งเข้ามา จะได้ให้ดาบสีขาวของฉันได้มีรอยสนิมซักหน่อย”
“โห! คุณอีดิธเท่ระเบิด!”
“นั่นสินะ จี๊ด”
คุณอีดิธดูไม่แยแสอะไร ส่วนคุณฮัซซาร์ดกับคุณดูเก็นก็ถอนหายใจ
ฉันคิดว่าพวกเขาน่ากลัวมากจริงๆ ตัวตนของขุนพลจตุเทวอสุราเนี่ย
“แต่ว่านะ ฮัซซาร์ด เรื่องที่ข้ากังวลอยู่เนี่ยคือ…”
“ขุนพลจตุเทวอสุราตำแหน่งที่ 1 ที่ชื่อว่า ‘ขุนพลเทพสงคราม’ โยมิสินะครับ”
“อา ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจอมมาร แต่กลับไม่เคยมีใครเห็นแม้แต่เงา ถึงจะมีข่าวลือว่าคนที่สังหารมีอาเมื่อ 4 ปีก่อนก็คือโยมิก็เถอะ”
“ข่าวลือนั่นมันเป็นคือข่าวเลื่อนลอยนี่ครับ… เหมือนจะมีความคิดนึงว่าบางทีเจ้านั่นอาจจะไม่มีตัวตนอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้วก็ได้”
“หมายความว่าแค่ทำไว้เป็นชื่อปลอมๆ งั้นเหรอ? ถึงจะไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ แต่การทำแบบนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรกับลีนหรือไง…”
ดูเหมือนจะกลายเป็นหัวข้อที่นอกเรื่องไปซะแล้ว
“ท- ทุกท่านคะ เราพักคุยกันมาพอแล้ว ลุยกันต่อเลยดีกว่าค่ะ…”
ตอนที่ฉันกำลังจะตอบกลับไปว่า ‘ไปกันเถอะ’ นั้น
ฉันก็รู้สึกถึงปฏิกิริยาเวทมนตร์ปริมาณมหาศาลบนท้องฟ้า
พอรีบหันขึ้นไปมอง บาเรียขนาดยักษ์ก็กางออกในชั่วพริบตา
“นี่มัน… เวทคุ้มครองป้องกันการเคลื่อนย้าย…!?”
“ผนึกการเคลื่อนย้ายของพวกเรา… หรือก็คือ เป็นการประกาศเจตนาที่จะไม่ปล่อยให้พวกเราหนีไปได้สินะ… อย่าบอกนะว่า นี่ ตั้งแต่วันแรกเลยงั้นเหรอ…”
ทุกคนเฝ้ามองไปทั่วบริเวณ และคอยฟังทุกเสียงที่อยู่โดยรอบ
“………เฮ่ มีใครกำลังมาจากตรงนั้นด้วย”
พอได้ยินเสียงเรียกของจี๊ด พอฉันหันไปมอง… และใช่ มีใครอยู่ตรงนั้นจริงๆ
เขาตัวสูงเกิน 180 ผิวสีฟ้า ตาสีดำขาวสลับกัน สวมชุดที่คล้ายกับทหาร หรือก็คือ ชายคนนี้มีลักษณะของเผ่ามนุษย์มาร
“เห้ย ไม่จริงน่า…”
“…เกรย์ คริสต์…”
เกรย์ คริสต์ ฉันขุดชื่อนั้นออกมาจากความทรงจำ ก่อนที่ความหนาวยะเยือกจะวิ่งลงไปตามกระดูกสันหลังทันทีเลย
ขุนพลจตุเทวอสุราตำแหน่งที่ 4 ‘ขุนพลเทพยุทธ์’ เกรย์ ด้วยความสามารถในการต่อสู้มือเปล่าที่ว่ากันว่าไม่มีใครเทียบได้เลยในกองทัพจอมมาร เป็นหนึ่งในคนที่ไม่อยากเจอแน่นอน
“…ยินดีที่ได้เจอ…คณะผู้กล้า…ข้า…เกรย์ คริสต์…นักสู้แห่ง…กองทัพจอมมาร…”
“…นี่กองทัพจอมมารดูท่าจะลนลานจริงๆ นะ ถึงขนาดที่ให้ขุนพลจตุเทวอสุรามาตั้งแต่วันแรกเลยเนี่ย”
“…ข้าไม่…ปฏิเสธ…เจ้า [คุณสมบัติของผู้กล้า]…แต่ว่า…เพราะอะไร…ถึงมีคน…มากเกินไปจริงๆ…”
“หึ! ท่านมิซารี่ให้พวกข้ากำจัดพวกมารอย่างแกยังไงล่ะ!”
“…ถ้าอย่างนั้น…ช่วยไม่ได้…แต่…เจ้านั่น…ผู้กล้าเซโน่…หยุดซะ…”
“……อะไรนะ?”
“…ท่านจอมมาร…กล่าวไว้…ผู้กล้า…หมดจากเจ้านั่น…ก็จะหมดสิ้น…”
จากฉัน จะหมดสิ้นงั้นเหรอ?
ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง แสดงว่าถ้าฉันตาย ก็จะไม่มีผู้กล้าปรากฏขึ้นไปอีกนานเลยงั้นเหรอ
ผู้กล้าเป็นอาชีพเดียวที่สามารถ [เติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด] ถ้าเกิดมันหายไปล่ะก็ ถึงฉันจะเป็นคนพูดเองก็เถอะ แต่มนุษย์จะต้องเสียหายระดับที่ประเมินไม่ได้แน่ๆ
“…จะจริงหรือเท็จก็ช่าง! ไม่ว่าจะยังไง ทั้งหมดที่ข้าต้องทำ ก็แค่ฆ่าแกซะ และปกป้องผู้กล้าเอาไว้ก็พอ!”
“จ- จริงด้วยสิ การสู้แบบ 1 ต่อ 1 อาจจะเป็นงานหิน แต่ตอนนี้มีทั้งผมกับคุณดูเก็นอยู่ตรงนี้ ถ้าเป็นการต่อสู้ 2 ต่อ 1 ล่ะก็…!”
พอพูดออกมาแบบนั้น คุณดูเก็นกับคุณฮัซซาร์ดก็กระชับสมบัติศักดิ์สิทธิ์ในมือไว้แน่นทันที
“ท่านดูเก็น! ท่านฮัซซาร์ด! ฉันก็จะช่วยด-…”
“เจ้าโง่! พาตัวผู้กล้ากลับไปแล้วรีบถอยไปซะ! ต่อหาเธอจะเข้ามาสู้ด้วย เธอก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงเท่านั้นแหละ!”
“อึก…! ต- แต่ว่า!”
“อีดิธ ทำตามที่ฮัซซาร์ดบอกซะ ต่อหน้าเจ้านี่ เจ้ายังอ่อนแอเกินไป”
“กึก… เข้าใจ แล้วค่ะ”
“พวกเจ้าทั้งหมดถอยไปซะ! รีบไป ระหว่างที่พวกข้ายังหยุดเจ้านี่เอาไว้!”
พอได้ยินเสียงนั้นของคุณดูเก็น พวกเราทั้งหมดก็รีบถอยกันในทันที
คุณอีดิธดูเป็นคนเดียวที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เธอก็ยอมทำตามที่เขาบอก
แต่ว่า
“{เบรกเลเซอร์ (ลำแสงทำลายล้าง)}”
เต็นท์ค่ายพักก็ถูกระเบิดทำลายในพริบตา
ด้วยเวทมนตร์ระดับสูงพิเศษที่ถูกยิงมาจากที่ไหนซักที่
“บ้าอะไรวะนั่น!?”
“…จริงอยู่…พวกแก…อาจหยุด…ข้า…ได้…ซักพัก…”
ฉันถูกแรงกระแทกอัดกระเด็น แต่ก็ยังปลอดภัยดี และยังกลับมาอยู่ในจุดที่ใกล้พอจะได้ยินเสียงของเกรย์ด้วย
“…แต่…เรื่องที่ขุนพลจตุเทวอสุรา…ที่อยู่ที่นี่…ข้าจำไม่ได้ว่า…มีข้าเพียงลำพัง…”
ฉันหันกลับไปมองข้างหลังด้วยตัวที่สั่นไปหมดเพราะคำพูดนั้น
“อ- เออคือ… ขอโทษนะครับ… ถ้าผมปล่อยให้พวกคุณหนีไปได้ ผมต้องเจอปัญหาแน่ เพราะงั้น ผมก็เลยต้องเป่าให้พวกคุณกระเด็นกันไปนะครับ…”
มีเด็กผู้หญิงอยู่ตรงนั้น
อายุราวๆ 12 หรือเปล่านะ แถมยังถือไม้คทาที่ดูเทอะทะไม่เข้ากับตัวเลย
“…ฮึก! จ- เจ้านั่น! เจ้านั่นมัน!?”
คุณฮัซซาร์ดก็ร้องออกมาอย่างหวาดกลัว… ไม่สิ กรีดร้องเลยต่างหาก
จอมเวทย์ที่ใช้เวทมนตร์ระดับสูงได้ แถมคุณฮัซซาร์ดก็ยังกลัวขนาดนั้นด้วย
งั้นก็หมายความว่า ไม่จริงน้า เธอคนนั้น… ไม่สิ เจ้าหมอนั่น
“ซากุระ ฟอเรสเตอร์… อ- อ๊าาา! น- น่ากลัวเกินไปแล้ว…!”
ว่าแล้วเชียว เด็กคนนั้น เอลฟ์คนนั้น
ขุนพลจตุเทวอสุราตำแหน่งที่ 3 ‘ขุนพลเทพปราชญ์’ ซากุระ
จอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพจอมมาร ที่ครั้งนึงได้ไล่ต้อนคุณฮัซซาร์ดจนจนมุม
เด็กแบบนั้นน่ะเหรอ? ล้อกันเล่นใช่มั้ย?
“บ้าที่สุด คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีขุนพลจตุเทวอสุรามาที่นี่ตั้ง 2 คนน่ะ…!”
“ท- ท่าไม่ดีแล้วครับ คุณดูเก็น แบบนี้…!”
ขุนพลจตุเทวอสุราแค่คนเดียวก็ตึงมือแล้ว นี่ตั้ง 2 คน? เรื่องหนีน่ะเป็นไปไม่ได้เลย
…ทำไมฉันถึงไม่คิดจะสู้ล่ะ เอลฟ์ที่ชื่อซากุระนั่นก็ดูท่าจะอ่อนแอเวลาต้องสู้ระยะประชิดด้วย บางที อาจจะมีโอกาสชนะก็ด-…
“ไม่ใช่แค่ 2 คนซักหน่อย แหกตาดูซะสิ”
ความหวังทั้งหมดถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ จากเสียงที่ลอยมาจากด้านบน
พอมองขึ้นไป ก็มีเด็กผู้หญิงคนนึงลอยอยู่ตรงนั้น
ฉันตกอยู่ใต้อารมณ์ที่ปั่นป่วน เป็นความสิ้นหวังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน กับความสุขที่ในที่สุดก็ได้เจอเธอซะที ปนกันอยู่ในเวลาเดียวกัน
ตาสีแดง ผมยาวสีดำ ห้อยจี้อยู่ที่คอ
คล้ายกับที่ได้ยินมาเลย ไม่ผิดแน่ เธอคนนี้
“ลีน บลัดลอร์ด…”
คุณดูเก็นพูดชื่อที่ฉันกำลังคิดอยู่ในใจออกมาด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวและเสียงที่สั่นระริก
ขุนพลจตุเทวอสุราตำแหน่งที่ 2 ‘ขุนพลเทพอสูร’ ลีน
สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุดในสมรภูมิ เด็กสาวที่ฉันอยากเจอมาตลอด
ในที่สุด เธอก็ลงมาตรงหน้าฉันแล้ว
TN: ผู้กล้าคุง รู้ใช่มั้ยว่าเคียวยมทูตพาดรออยู่บนคอเอ็งอยู่เนี่ย 5555
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r
Comments