แม่ปากร้ายยุค 80 1182 หลบหนี
ตอนที่ 1182 หลบหนี
หลินม่ายแอบกลอกตาอย่างลับ ๆ “ถ้าเธอต้องการกิ๊บติดผมนั่น ฉันจะให้ฟรีก็ได้”
เด็กหญิงทั้งสองยิ้มแย้มแจ่มใสและเร่งเร้าให้หลินม่ายนำกิ๊บติดผมออกมาให้พวกหล่อนโดยเร็ว
หลินม่ายหยิบกิ๊บติดผมออกจากกระเป๋าเป้สะพายหลังและยกมันขึ้นต่อหน้าเด็กหญิงทั้งสอง
“ฉันจะให้กิ๊บติดผมพวกเธอโดยมีเงื่อนไข พวกเธอต้องบอกฉันว่าทำไมครอบครัวพวกเธอถึงมีเงินมากมายขนาดนี้?”
เด็กหญิงทั้งสองนิ่งเงียบและหันมองหน้ากัน
หลินม่ายเห็นดังนั้นจึงพูดว่า “ถ้าไม่ยอมพูดก็ช่างเถอะ” จากนั้นก็ล้มตัวนอน และกำกิ๊บติดผมไว้ในมือแน่น
เด็กหญิงสองคนพูดคุยกันอยู่นาน ก่อนตัดสินใจเขย่าตัวหลินม่ายอีกครั้ง
เด็กหญิงคนโตกล่าวว่า “เราจะบอกเหตุผลให้คุณก็ได้ แต่คุณต้องรักษาคำพูด”
หลินม่ายเล่นหูเล่นตากับพวกเธอ “แน่นอนสิ!”
เด็กหญิงคนโตพูดว่า “หมู่บ้านของเรามีทุ่งดอกไม้ที่สวยงามมากอยู่ในแกรนด์แคนยอน”
เด็กหญิงตัวน้อยเสริมว่า “มีหลายสีด้วย สีแดง สีขาว สีม่วง… มีทั้งหมดเลย”
เด็กหญิงคนโต “ดอกไม้พวกนี้ออกผลไม้ที่มีราคามาก ทุกครั้งที่พ่อออกไปขายผลไม้พวกนี้ พ่อจะได้เงินกลับมาบ้านมากมาย”
เด็กหญิงตัวน้อยเสริมว่า “ทุกบ้านในหมู่บ้านเราต่างก็ร่ำรวยกันหมด”
หลินม่ายรับฟังอย่างเฉยเมย เธอแน่ใจแล้วว่าหมู่บ้านนี้ทำการปลูกฝิ่น จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะไม่ต้องการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ธุรกิจนี้ทำเงินได้มากกว่าและเร็วกว่าการพัฒนาจุดชมวิว
เธอโยนกิ๊บติดผมรูปหงส์รุ่นลิมิเต็ดให้กับเด็กสาวทั้งสอง
เด็กหญิงทั้งสองเกือบจะเริ่มทะเลาะกันเรื่องกิ๊บติดชิ้นนี้ หลินม่ายกลัวว่าถ้าพวกหล่อนเสียงดัง หัวหน้าหมู่บ้านอาจจะได้ยิน
คนเหล่านี้กล้าปลูกดอกฝิ่นและขายยา พวกเขาย่อมกล้าฆ่าคน
หากพวกเขารู้ว่าเธอล่วงรู้ความลับของหมู่บ้านแล้ว พวกเขาจะต้องฆ่าปิดปากเธออย่างแน่นอน
หลินม่ายรีบถอดต่างหูเพชรที่สวมอยู่ออก แล้วมอบให้เด็กหญิงทั้งสอง
เด็กหญิงทั้งสองหยุดโต้เถียงและบอกหลินม่ายว่าอย่าบอกใครเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเธอจะถูกปู่ทุบตีจนตาย
หลินม่ายพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม
เธอได้วางแผนไว้ในใจว่าจะเดินทางออกจากที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้
จากนั้นเธอจะไปพบรองผู้ว่าการต้วนเพื่อรายงานสถานการณ์และขอให้ตำรวจจัดกองกำลังมากวาดล้างยาเสพติดในหมู่บ้าน ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดควรถูกจับกุมและลงโทษ
เนื่องจากล่วงรู้ความลับของหมู่บ้านในหุบเขา หลินม่ายจึงนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน กระทั่งหลังเที่ยงคืนเธอจึงบังคับให้ตัวเองนอนหลับได้ในที่สุด
แต่หลังจากหลับไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง เธอก็ตื่นจากการหลับใหล
หลินม่ายมองดูนาฬิกาและพบว่าเพิ่งจะตีสี่เท่านั้น
ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตื่น ดังนั้นเธอจึงกลับไปนอนต่อ และเข้าสู่โหมดหลับลึกโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นมีคนทุบประตู ทำให้หลินม่ายต้องลืมตาขึ้นพร้อมกับได้ยินเสียงคนจากด้านนอกที่ตั้งใจลดเสียงลง “คุณหลิน ตื่นเร็วเข้า ผมมีเรื่องจะเล่าให้คุณฟัง”
หลินม่ายจำเสียงของต๋าเฮ่อได้ เธอจึงลดเสียงและตอบกลับไป “รอฉันสักสองนาทีนะคะ เดี๋ยวฉันออกไป
ด้านนอกประตูมีเพียงความเงียบ
หลินม่ายรีบแต่งตัวและรวบผมยาวของเธอ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู
ต๋าเฮ่อมีท่าทางดูกังวลมาก เมื่อเห็นเธอออกมา เขาก็ดึงเธอออกไปและไม่หยุดจนกระทั่งเดินมาถึงมุมหนึ่งที่ห่างออกมา
หลินม่ายถาม “เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“ผมจะให้คุณดูอะไรบางอย่าง” ต๋าเฮ่อตอบพลางคลำหาบางอย่างในกระเป๋ากางเกง
เขาเผยท่าทางสับสนและพูดว่า “หืม? ผมใส่มันไว้ในกระเป๋ากางเกง แต่มันหายไปไหนแล้ว”
ในเวลานี้ เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง “สหายต๋าเฮ่อ คุณกำลังมองหาสิ่งนี้อยู่หรือเปล่า?”
หลินม่ายและต๋าเฮ่อหันกลับไปมองพร้อมกัน ก่อนเห็นผลฝิ่นในมือหัวหน้าหมู่บ้านสูงอายุ
ทันใดนั้นหลินม่ายรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี แต่ต๋าเฮ่อเอื้อมมือไปหยิบผลฝิ่นด้วยสีหน้าโง่เขลาและพูดด้วยความประหลาดใจ “อยู่นี่เอง มันไปอยู่ในมือคุณได้ยังไง?”
แต่หลังจากกล่าวออกไป เขาก็ตระหนักได้ทันที ก่อนจับมือหลินม่ายและออกตัววิ่ง “หนีเร็วครับ ทั้งหมู่บ้านนี้กำลังปลูกดอกฝิ่น เราต้องหนีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกฆ่าปิดปากแน่ ๆ”
เสียงหัวเราะอันเย็นเยือกของหัวหน้าหมู่บ้านดังไล่หลังพวกเขา “พวกคุณคิดว่าจะหลบหนีออกไปได้งั้นเหรอ?”
เขายิงปืนขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้ทั้งหมู่บ้านพลันเงียบสงัดในทันที ก่อนที่เสียงตะโกนจะดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน
ต๋าเฮ่อและหลินม่ายวิ่งหนีออกไปอย่างสิ้นหวัง
แต่ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านก็ระดมกำลังพล และค่อย ๆ เข้าล้อมพวกเขาจากทุกด้าน
ต๋าเฮ่อตื่นตระหนก ก่อนที่สายตาของเขาจะสะดุดที่พุ่มไม้แห่งหนึ่ง
เขาเคยมาที่นี่มาก่อนและจำได้ว่ามีถ้ำอยู่หลังพุ่มไม้ แต่เขาไม่เคยเข้าไปเลย
เขาแหวกพุ่มไม้และผลักหลินม่ายเข้าไป “คุณเข้าไปซ่อนตัวในนั้นและห้ามส่งเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น ผมจะล่อชาวบ้านไปอีกทาง ตราบใดที่เราไม่กลับไปภายในวันสองวันนี้ รองผู้ว่าการต้วนจะต้องส่งคนมาตามหาเรา คุณจะต้องอดทนให้ถึงตอนนั้น!”
สิ้นเสียง เขาขยับตัวออกมาและจงใจส่งเสียงดังเพื่อดึงดูดชาวบ้านให้ไล่ตาม
ก่อนที่หลินม่ายจะหลั่งน้ำตาออกมา ร่างกายของเธอก็ถูกต๋าเฮ่อผลักอย่างแรงด้วยฝ่ามืออันทรงพลัง ทำให้เธอกลิ้งเข้าไปด้านในถ้ำราวกับกงล้อ
ขณะที่กลิ้งลงไป เธอพบว่าในถ้ำเป็นทางลาดลง
เธอไม่รู้ว่าทางลาดยาวแค่ไหน และต้องกลิ้งลงไปอีกนานแค่ไหน
โชคดีที่เพิ่งผ่านเดือนแรกของปีและมีอากาศหนาวเย็น เธอจึงสวมเสื้อแจ็คเก็ตตัวสั้น
ไม่เช่นนั้นหากสวมเสื้อผ้าบางและกลิ้งไปตามทางลาดแบบนี้ ร่างกายของเธอคงจะฟกช้ำไปจนหมด
หลังจากกลิ้งไปในความมืดสักพัก ดวงตาของหลินม่ายก็พบกับแสงสว่างเบื้องหน้า ก่อนที่ร่างกายของเธอจะถูกขวางด้วยไม้ไผ่สองถึงสามท่อน
เธอค้นพบว่ามันคือถ้ำที่มีทางเข้าสองทาง และเธอได้กลิ้งออกมาจนถึงปลายทางอีกด้านหนึ่ง
เธอนอนหมอบอย่างระมัดระวังในกองหญ้าที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างสักพัก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายใด ๆ ก่อนจะเริ่มกำหนดทิศทาง
แม้ว่าจะเป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว แต่ดวงอาทิตย์ก็โผล่พ้นขอบฟ้าออกมาเพียงบางส่วนเท่านั้น
แต่แล้วหลินม่ายก็ต้องตกใจ เธอตระหนักว่าตัวเองไม่รู้ว่าเส้นทางไหนที่ควรต้องเดินไป
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนดทิศทางที่ควรวิ่ง
แล้วเธอควรทำอย่างไร?
ตอนนี้ต๋าเฮ่อและคนอื่น ๆ กำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขายังคงรอเธอมาช่วยเหลือ และไม่สามารถเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
หลินม่ายกำหนดทิศทางคร่าว ๆ และวิ่งไประยะหนึ่งด้วยความระมัดระวัง
หลังจากวิ่งผ่านป่า เธอพบกับพื้นที่โล่งกว้าง
ทุ่งกว้างแห่งนี้มีต้นฝิ่นเติบโตอยู่จนเต็มพื้นที่
มีทุ่งดอกฝิ่นแห้งกระจัดกระจายเป็นระยะ ๆ ดอกฝิ่นแห้งเหล่านี้ยังมีตัวฝักเหลืออยู่บ้าง
การมองเห็นทุ่งดอกฝิ่นที่กว้างใหญ่ทำให้หัวใจของหลินม่ายเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก
ทันใดนั้นเธอก็ฉุกคิดบางอย่างได้ จึงปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูงแล้วมองสำรวจในระยะไกล
เธอสังเกตเห็นว่าหมู่บ้านหุบเขาตั้งอยู่ไม่ไกลจากทุ่งดอกฝิ่นเหล่านี้
ในที่สุดเธอก็คิดออกแล้วว่าจะต้องสิ่งไปทางไหน เพื่อกลับไปยังสถานที่ที่พวกเธอจากมา
การกลับไปทางเดิมไม่ใช่ทางเลือกที่ดีอย่างแน่นอน ผู้คนจากหมู่บ้านหุบเขาอาจรอดักอยู่ที่ริมถนน
เธอต้องเลี่ยงใช้เส้นทางอื่นออกไป
โชคดีที่เธออยู่คนเดียวจึงสามารถเดินทางได้สะดวก และเนื่องจากความวิตกกังวล เธอวิ่งไปตามทางอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งต้องกลิ้งและคลานบนพื้นก็ตาม
เวลาประมาณสองทุ่ม ในที่สุดเธอก็มาถึงบ้านของคุณลุงถาน
เธอทุบประตูบ้านของคุณลุงถานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ครอบครัวของพวกเขาต่างตกใจเมื่อเห็นสภาพสะบักสะบอมของหลินม่าย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ซวยล่ะสิ ดันโดนจับได้แล้ว ต๋าเฮ่อจะรอดไหม
ไหหม่า(海馬)
Comments