แม่ปากร้ายยุค 80 1191 ความหลังในกานซู
ตอนที่ 1191 ความหลังในกานซู
ก่อนถึงเวลาเที่ยงวัน ยางลาก็กลับมาอีกครั้ง
คราวนี้หล่อนมาเชิญฟางจั๋วหรานไปรับประทานอาหารที่บ้านของหล่อน
ฟางจั๋วหรานลังเลชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
เขาขอให้ยางลารอก่อน เพื่อที่เขาจะไปเรียกภรรยามาด้วยกัน
รอยยิ้มบนใบหน้ายางลาแข็งค้างทันที หล่อนแค่อยากใช้เวลากับฟางจั๋วหรานตามลำพัง แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะชวนภรรยามาด้วย
กว่าครึ่งชั่วโมงต่อมา หลินม่ายก็มาถึงด้วยรถจักรยานยนต์
ยางลากำลังพูดคุยและหัวเราะกับฟางจั๋วหราน ใบหน้าของหล่อนที่ไร้ชีวิตชีวามาหลายปีพลันเปล่งประกายสดใส
แต่เมื่อเห็นหลินม่ายเข้ามา หล่อนก็รู้สึกละอายใจ
ทั้งคู่มาถึงบ้านพักชั่วคราวของยางลา
เมื่อเดินผ่านบ้านดินที่พังทลายซึ่งไม่มีใครอยู่ได้ ยางลาก็บอกว่านั่นคือบ้านของหล่อน
ตอนนี้เป็นช่วงปลายทศวรรษ 1990 และชาวบ้านจำนวนมากอาศัยอยู่ในบ้านอิฐ แต่บ้านของยางลาเป็นบ้านดิน
ในบ้านพักชั่วคราวของยางลา หลินม่ายเห็นเด็กหญิงตัวเล็กที่ขายมะเดื่อ ปรากฏว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของยางลานั่นเอง
เนื่องจากต้องช่วยแม่เลี้ยงดูครอบครัว เด็กหญิงตัวเล็กจึงไม่เคยไปโรงเรียนเลยแม้แต่วันเดียว
หลินม่ายลูบศีรษะเด็กหญิงด้วยความลำบากใจ
อาหารที่ยางลาเตรียมไว้มีเพียงจานเดียวคือเนื้อแกะที่จับเอง แต่มีปริมาณมากในอ่างขนาดใหญ่
ยางลากระตือรือร้นมากและคอยกระตุ้นหลินม่ายให้กินข้าว
ยางลายังบอกกับหลินม่ายว่า ฟางจั๋วหรานไม่เพียงชอบกินเนื้อแกะเท่านั้น แต่ยังชอบกินบาร์บีคิวและบะหมี่ต่าง ๆ ด้วย
หลินม่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “มันผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว คุณยังจำได้ว่าจั๋วหรานชอบกินอะไรบ้าง แต่ก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ ตั้งแต่แต่งงานกับฉัน จั๋วหรานก็ชอบอาหารที่ฉันปรุงเท่านั้น”
เธอหันไปถามฟางจั๋วหราน “จั๋วหราน ฉันพูดถูกไหมคะ?”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้ารับ “คุณพูดถูก”
ใบหน้าของยางลาพลันเก้อเขินเล็กน้อย
ฟางจั๋วหรานถามยางลาว่า ทำไมหล่อนถึงไม่เขียนจดหมายมาหากันบ้างตอนที่เผชิญกับความยากลำบาก?
เพราะตอนที่เขาเดินทางจากไป เขาได้ทิ้งข้อมูลการติดต่อไว้ให้กับพ่อของหล่อน
ยางลากล่าวว่าไม่นานหลังจากที่เขาจากไป พ่อของเธอก็ทำข้อมูลการติดต่อของชายหนุ่ม หาย
หลินม่ายกินเนื้อแกะได้ไม่มาก หากนาน ๆ กินครั้งหนึ่งจะอร่อย แต่หากกินประจำเธอคงทรมาน
เมื่อมาถึงมณฑลกานซูครั้งนี้ เธอกินเนื้อแกะเป็นระยะ ๆ และตอนนี้ก็กลับมากินอีกครั้ง ซึ่งหลินม่ายไม่ได้เพลิดเพลินกับมันมากนัก
ฟางจั๋วหรานกินไปเยอะมาก ไม่ว่ายางลาใส่เนื้อแกะลงในชามของเขาเท่าไร เขาก็กินมันจนหมด
หลังรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านยางลา ทั้งคู่ก็จับมือกันเดินออกไป
ยางลายืนอยู่ที่ประตูและเฝ้าดูพวกเขาออกไป ดวงตาจับจ้องไปที่แผ่นหลังตรงของฟางจั๋วหรานเสมอ
ระหว่างทางกลับไปยังที่พักชั่วคราว ฟางจั๋วหรานเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตให้ภรรยาฟัง
ในยุคนั้น ฟางจั๋วหรานและลูกหลานของเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนถูกส่งไปยังมณฑลกานซู พูดให้ถูกคือเป็นการสอนให้คิดหรือทำใหม่
เวลานั้นเขามีรุ่นพี่ที่ดีคนหนึ่งซึ่งมามณฑลกานซูก่อนหน้าเพื่อรับการสั่งสอนเช่นกัน
รุ่นพี่ชายคนนั้นทำให้ยุวปัญญาชนหญิงชื่อหยางชุนฮวาตั้งท้อง
ในเวลานั้นมีกฎระเบียบปกป้องยุวปัญญาชนหญิงที่ระบุว่าใครก็ตามที่ข่มขืนหล่อนจะถูกวิพากษ์วิจารณ์และประณามจากสาธารณชน และพวกเขายังต้องรับโทษประหารชีวิตด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากยุวปัญญาชนหญิงคนนั้นตั้งครรภ์
ทั้งรุ่นพี่ชาย หยางชุนฮวา และฟางจั๋วหรานต่างก็ตื่นตระหนกมาก
ฤดูร้อนใกล้จะมาถึงแล้ว ท้องของหยางชุนฮวาขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้ รุ่นพี่คนนั้นก็วางแผนแก้ไขปัญหาให้กับหยางชุนฮวา
เขาโน้มน้าวให้หล่อนใส่ร้ายฟางจั๋วหรานเรื่องลูกในท้อง เมื่อเรื่องราวจบลง เขาจะยอมแต่งงานกับหล่อน
เพื่อที่จะได้แต่งงานกับรุ่นพี่ชาย หยางชุนฮวาจึงทำตามคำพูดของเขา
ในช่วงเวลานั้นฟางจั๋วหรานถูกวิพากษ์วิจารณ์ทุกวันและถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยซ้ำ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงทราบว่าหลานชายคุณปู่ฟางถูกใส่ร้ายและต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้เขา
ฟางจั๋วหรานต้องการให้ปู่ฟางช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครกล้าส่งจดหมายให้เขา เพราะกลัวว่าจะมีส่วนร่วมในคดีอาญาที่เลวร้ายนี้และทำลายอนาคตของตัวเอง
เป็นพ่อของยางลาชื่อจาซีซึ่งใช้เงินของตัวเองเดินทางไปเมืองหลวงและพบกับคุณปู่ฟาง จากนั้นเล่าเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ของฟางจั๋วหรานให้คุณปู่ฟางทราบ
คุณปู่ฟางรีบรายงานข้อเท็จจริงที่ว่าฟางจั๋วหรานถูกหยางชุนฮวาใส่ร้ายต่อผู้บังคับบัญชา
ผู้บังคับบัญชาได้จับกุมรุ่นพี่ของฟางจั๋วหรานและหยางชุนฮวาเพื่อสอบสวน จากนั้นความจริงก็ปรากฏขึ้น
รุ่นพี่ของฟางจั๋วหรานถูกตัดสินประหารชีวิต ส่วนหยางชุนฮวาถูกตัดสินจำคุก
หลังจากนั้นฟางจั๋วหรานก็ออกจากมณฑลกานซูภายใต้การไกล่เกลี่ยของคุณปู่ฟาง
เมื่อฟางจั๋วหรานจากไป คุณปู่ฟางได้ส่งคนมามอบเงินจำนวนมากให้กับจาซีเพื่อเป็นการตอบแทน
น่าเสียดายที่ญาติของยางลาประสบอุบัติเหตุหลายครั้งและเงินทั้งหมดถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้พ่อของหล่อนยังสูญเสียข้อมูลการติดต่อของอีกฝ่าย ทำให้ปีนั้นทั้งครอบครัวประสบความยากลำบาก
หลินม่ายไม่เคยได้ยินฟางจั๋วหรานพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตนี้เลย
เธอหวนนึกถึงคำพูดของยางลาเกี่ยวกับฟางจั๋วหรานระหว่างมื้ออาหาร
ทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานแล้ว และหญิงสาวก็เก็บงำความชอบทั้งหมดที่มีต่อชายหนุ่มไว้ในใจ
หลินม่ายรู้สึกเสมอว่าอาจมีบางอย่างระหว่างยางลาและฟางจั๋วหราน
เธอถามอย่างแนบเนียนว่า “ทำไมคุณถึงไม่เคยบอกฉันเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตนี้มาก่อนเลยล่ะ?”
ฟางจั๋วหรานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ประสบการณ์นั้นมืดมนเกินกว่าที่จะพูดถึง ดังนั้นผมจึงไม่เคยบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”
หลินม่ายจับมือใหญ่ของเขาไว้แน่น และรู้สึกเศร้าเสียใจแทนชายหนุ่มด้านข้าง
เธอเกลียดตัวเองที่ได้พบกับฟางจั๋วหรานช้าเกินไป และไม่สามารถอยู่เคียงข้างเขาในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต
หลินม่ายถามอย่างตรงไปตรงมา “ฉันคิดว่ายางลาน่าจะสนใจคุณอยู่นะ หล่อนเคยชอบคุณมาก่อนหรือเปล่า?”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “ใช่ ก่อนที่ผมจะจากไป ลุงจาซีเป็นหัวหน้าหมู่บ้านในเวลานั้นและพยายามจะดักจับผมไว้ โดยบอกว่าเขาจะยอมปล่อยผมไปหากผมแต่งงานกับยางลาและพาหล่อนออกจากที่นี่ แต่ยางลาร้องไห้และขอร้องให้เขาปล่อยผมไป หล่อนบอกว่าหากผมถูกบังคับให้แต่งงานกับหล่อน หล่อนจะได้แค่ตัวของผม แต่ไม่ได้หัวใจ”
หลินม่ายยิ้มเจ้าเล่ห์และถามว่า “ถ้าอย่างนั้นหล่อนก็ได้ตัวคุณแล้วหรือคะ?”
ฟางจั๋วหรานถามกลับ “พรหมลิขิตกำหนดให้ผมเป็นของคุณ แล้วคุณคิดว่าหล่อนได้ตัวผมหรือเปล่าล่ะ?”
หลินม่ายเพียงยิ้มและไม่ตอบ
เธอชอบได้ยินคำว่า “พรหมลิขิต” ไม่มีผู้ใดสามารถแยกคู่ครองที่พระเจ้ากำหนดให้
หลังจากนั้นฟางจั๋วหรานก็พูดว่า “ม่ายจื่อ ผมอยากช่วยยางลา”
“จะช่วยยังไงคะ?”
“สร้างบ้านให้หล่อนและช่วยให้หล่อนทำธุรกิจเล็ก ๆ” ฟางจั๋วหรานอธิบาย “หล่อนกับพ่อเป็นผู้มีพระคุณของผม ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นหล่อนมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ยากเช่นนี้”
หลินม่ายพยักหน้า “ได้ค่ะ แต่ฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง ฉันเกรงว่าถ้าคุณเป็นคนลงมือ หล่อนอาจจะเกิดจินตนาการอย่างบ้าคลั่ง เราไม่จำเป็นต้องให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับหล่อนนี่?”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
ตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น หลินม่ายมาพบยางลาและบอกหล่อนว่าจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้ รวมถึงช่วยให้หล่อนได้ประกอบธุรกิจเล็ก ๆ
ยางลารู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดและถามว่า “นี่คือความตั้งใจของจั๋วหรานใช่ไหม?”
หลินม่ายส่ายหัว “ไม่ใช่ค่ะ ฉันทนไม่ไหวที่จะเห็นลูก ๆ ของคุณหยุดเรียน นอกจากนี้คุณและพ่อของคุณช่วยชีวิตสามีฉันไว้ในอดีต ฉันจึงอยากช่วยเหลือคุณ”
ยางลาไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูด และเชื่อมั่นอยู่ในใจว่ามันเป็นความตั้งใจของฟางจั๋วหราน
ยางลาตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
หล่อนอยู่ในวัยสี่สิบ และต้องการผู้ชายที่พร้อมจะแก่ไปด้วยกัน ภายในใจของหล่อน ฟางจั๋วหรานคือตัวเลือกเดียวที่มี
หล่อนเกลียดตัวเองที่โง่เขลา ทำไมตอนนั้นหล่อนถึงไม่เชื่อฟังข้อตกลงของพ่อและบังคับให้ฟางจั๋วหรานแต่งงาน ไม่อย่างนั้นตอนนี้หล่อนและฟางจั๋วหรานคงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันแล้ว
ตอนนี้พระเจ้าได้ส่งฟางจั๋วหรานกลับมาอยู่เคียงข้าง หล่อนจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้
จากนั้นเป็นต้นมา ยางลาไปหาทีมแพทย์ที่ฟางจั๋วหรานทำงานอยู่
ไม่ว่าทีมแพทย์จะตั้งโต๊ะให้การช่วยเหลือที่ใด ก็มักจะเห็นยางลาถือกระติกน้ำร้อนมาส่งอาหารให้ฟางจั๋วหรานเสมอ
ในไม่ช้าก็มีข่าวลือแพร่ภายในทีมแพทย์ว่าฟางจั๋วหรานและอดีตแฟนสาวกำลังออกเดตกันอีกครั้ง
ยางลามีความสุขมาก
เมื่อเรื่องอื้อฉาวเหล่านี้ไปถึงหูของหลินม่าย หลินม่ายจะต้องโกรธมากและทะเลาะกับฟางจั๋วหรานครั้งใหญ่
ถึงตอนนั้น หล่อนจะฉวยโอกาสเข้าไปปลอบโยนฟางจั๋วหรานอย่างอ่อนโยน แล้วชายหนุ่มจะเห็นความดีงามของหล่อน บางทีพวกเขาสองคนอาจพัฒนาความสัมพันธ์จนขั้นลึกซึ้ง
วันนี้ยางลามาส่งอาหารให้ฟางจั๋วหรานเหมือนเคย แต่เมื่อเห็นหลินม่ายอยู่ด้วย หล่อนก็ลังเลด้วยความรู้สึกผิด
หลินม่ายถือกระติกน้ำร้อนในมือเช่นกัน
เธอยิ้มให้ยางลาและพูดว่า “คุณรู้ไหมคะว่าทำไมฉันถึงต้องดั้นด้นนำอาหารกลางวันมาให้จั๋วหราน ทั้งที่รู้ว่าทีมแพทย์มีอาหารกลางวันแบบกล่องแจกตอนเที่ยงอยู่แล้ว?”
…………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คำว่าผู้มีพระคุณมันค้ำคออยู่นี่เอง พี่หมอถึงปฏิเสธได้ไม่เต็มปาก ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องนี้ม่ายจื่อจัดการเอง
ไหหม่า(海馬)
Comments