ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก 39 โรงเรียน ณ ยามค่ำคืน
เวลาสามทุ่มตรง บรรยากาศรอบโรงเรียนเงียบสงัด มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องลงมากระทบพื้นทางเดินและต้นไม้ใหญ่ที่โยกไหวตามแรงลม เสียงแมลงร้องขึ้นเบา ๆ เสริมความหลอนให้สถานที่แห่งนี้จนแทบจะขนลุก แม้จะเป็นโรงเรียนสุดหรูใจกลางกรุงก็ตาม
ผมที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อคลุมฮู้ดและกางเกงยีนส์ ยืนตัวสั่นอยู่หน้าโรงเรียน พลางกอดตัวเองแน่นเพื่อไล่ความหนาวและความหวาดกลัว พลางได้แต่ถามตัวเองว่ามาทำอะไรที่นี่
“นี่พี่ทิพย์…เราต้องจัดเต็มขนาดนี้จริง ๆ เหรอ” ผมกระซิบพลางหันไปมองหัวหน้าชมรมสุดแสบที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอสวมชุดสีดำรัดกุม ในมือก็ถือกระเป๋าที่พกทุกอย่างราวกับกำลังจะไปปล้นธนาคารมากกว่าสืบสวนอย่างพวกเชือก ไฟฉาย หมวกโม่ง นี่ถ้ามีสว่านเจาะด้วยคงครบองค์เลย
“ก็เพื่อไม่ให้ใครเห็นไงล่ะน้องรัก!” พี่ทิพย์ตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง “นี่คือภารกิจลับ ต้องระวังตัวทุกฝีก้าว!”
“ระวังตัว?” ผมแค่นเสียง “แต่ใส่แบบนี้ไป ยามเห็นไม่ไล่จับส่งสันติบาลเอาเหรอเจ้?”
“ไม่ต้องห่วง ถ้ายามเจอเมื่อไหร่ก็ใช้แผนสำรองเอา แต่ถ้าไม่ใส่แล้วยามเห็น พรุ่งนี้เช้าเต็มเจออภิชนาถบ่นหูชาได้เลย”
คุณพี่ที่รักพูดไปก็สะบัดโม่งในมืออย่างมั่นอกมั่นใจ พลางทำให้ผมคิดว่านี่คิดถูกจริง ๆ แล้วใช่ไหมที่มาเล่นตามเกมของเจ้แก… แต่ถ้าเพื่อหนทางการรักษาความเป็นชายที่มันชักจะเหลืออยู่น้อยนิด มองดูแบบนี้มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงอยู่
แต่เอาจริงไม่ใช่แค่พี่ทิพย์ที่แปลก สมาชิกชมรมคนอื่นนี่ก็เรียกว่าเตรียมพร้อมมาอย่างกับทำเป็นประจำ เสื้อฮู้ดสีดำ ไอ้โม่ง ไหนยังจะมีววิทยุกันติดไม้ติดมือทุกคนอีก ทำเอาผมรู้สึกแปลกแยกไปเลยที่ใส่มาแค่นี้
“มือใหม่ก็แบบนี้ล่ะ เดี๋ยวอยู่ไปนาน ๆ ก็เป็นงานเอง เอ้านี่โม่ง เจ้ให้ยืมนะ”
ผมถอนหายใจยาวอย่างจำใจแล้วรับโม่งดำในมือของหัวหน้าชมรม “โอเคค่ะ… งั้นจะทำยังไงต่อดี?”
พี่ทิพย์หยิบแผนที่โรงเรียนที่ขีดเขียนเต็มไปหมดออกมา พร้อมชี้ไปที่ห้องวิทยาศาสตร์ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารเรียนหลังใหญ่ “เป้าหมายของเราอยู่ที่นี่! จากข้อมูลล่าสุด ครูปรางค์กับครูชวินน่าจะอยู่ในห้องนี้ตอนนี้ เราจะย่องเข้าไปดูว่าเขาทำอะไรกันแน่!”
“แล้วนี่ขีดเขียนอะไรเต็มไปหมดนี่คะ?”
“เส้นทางตรวจตราของลุงยามไง”
“ถามจริง?”
หามาขนาดนี้ ไม่ทราบว่าคุณพี่จะปล้นโรงเรียนเหรอ น่ากลัว น่ากลัวจริง ๆ ชมรมนี้…
“ดูทำหน้าเข้าสิ ของแบบนี้มันต้องฝึกเอาไว้นะ ไม่งั้นจะไปแอบล้วงข้อมูลคอมของอาจารย์ได้ไง”
“แล้วมันสมควรล้วงไหมล่ะคะนั่น อาชญากรรมล้วน ๆ ไม่มีอย่างอื่นผสมเลยนะ”
“โด่ว ไม่โดนจับได้ก็ไม่นับหรอกน่า”
“นับสิคะ!!”
เอาเถอะ เถียงอะไรไปก็คงไม่ได้ความ ขนาดเสี่ยงโดนเอาไปถ่วงอ่าว เจ้แกยังไม่สนใจเลย เพราะงั้นฟ้าเอ๋ย ทำใจเสียเถิด
“เห้อ เอาเถอะค่ะ แล้วแผนว่าไงนะคะ”
“โอเค งั้นเริ่มกันเลยดีกว่า เสียเวลามากแล้วเดี๋ยวลุงยามแกจะมาเจอเอาได้”
ว่าแล้วพี่ทิพย์ก็จัดแจงบอกกล่าวแผนการทั้งหมด โดยจะให้แบ่งคู่กันไปตามแต่ล่ะตึกที่สามารถเชื่อมเข้าไปถึงห้องวิทยาศาสตร์ซึ่งอยู่ตึกวิทย์ชั้นสามได้
“ต้องแยกกลุ่มกันด้วยเหรอคะ แอบวุ่นวายนะเจ้”
“เอ้า ไปกันเกือบสิบนี่มันเห็นได้ง่ายเลยนะน้องฟ้า อีกอย่างถ้าลุงยามมาเจอก็เกมยกกลุ่มเลยนะ แยกไปล่ะดีแล้ว เพราะโดนจับไปกลุ่มหนึ่ง กลุ่มที่เหลือก็ยังไปต่อได้”
“กับการเรียนจริงจังแบบนี้ไหมเนี่ย”
“เกรดสี่ทุกวิชาจ้า”
เจริญจริง ๆ แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าอัจฉริยะกับคนบ้า มันมีช่องว่างคั่นกันเพียงเล็กน้อย
“เนื่องในโอกาสที่น้องเป็นมือใหม่หัดเดิน เดี๋ยวไปกับเจ้แล้วกันนะ รับรองว่าปลอดภัยหายห่วง”
“วางใจได้ใช่ไหมคะ”
“อัตตาการโดนลุงยามจับได้ตอนลอบเข้าโรงเรียนพี่น้อยสุดเลยนะ”
พูดมาขนาดนี้ก็ทำเอาผมมองอย่างกลัว ๆ ให้กับชมรมที่เผลอหลงเข้ามาอยู่ ตอนแรกนึกว่าแค่หาเรื่องเมาท์ชาวบ้านไปเรื่อย แต่นี่มันระดับกลุ่มอาชญกรรมย่อม ๆ เข้าไปแล้ว ให้ตายสิ เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณน้ำกับคุณบีมถึงได้เป็นห่วงนัก
“เอาล่ะเสียเวลามามากแล้ว ลุยกันเถอะ แต่จำไว้นะว่าถ้าใครโดนจับได้จงอย่าขายมิตรแห่งนักเมาท์เด็ดขาด”
“แน่นอนเจ้”
“อย่าห่วงเจ้ ขาเมาท์ไม่มีวันทรยศกันแน่นอน”
อะไรมันจะรักกันปานนั้น….นี่ควรซึ้งใจใช่ไหมนะ
และเมื่อให้สัตย์สัญญากันเสร็จสรรพ ทุกคนก็ใส่ไอ้โม่งประดุจโจรห้าร้อยกระโดดปีนข้ามกำแพงโรงเรียนอย่างเชี่ยวชาญยิ่งกว่าตัวละครในหนังจนทำเอาผมได้แต่มองตาค้างแต่ก็แค่แวบเดียวก่อนที่พี่ทิพย์จะหย่อนเชือกมาให้
“มัวยืนอะไรอยู่ยัยตุ๊กตา ขึ้นมาได้แล้ว”
“คะ…ค่ะ”
พอปีนข้ามกำแพงมาได้ ผมก็พยายามสูดลมหายใจลึก ๆ ให้หัวใจที่เต้นระรัวสงบลง ความมืดที่ปกคลุมโรงเรียนในยามค่ำคืนนั้นต่างจากตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง ทั้งเงาต้นไม้ใหญ่ที่โยกไหวไปตามลม ทั้งเสียงแมลงร้องเบา ๆ ทำให้ทุกย่างก้าวดูน่าขนลุกไปหมด น่ากลัวขนาดว่าจะมีอะไรโผล่มาตอนนี้ก็ไม่แปลกเลยแม้แต่นิดเดียว
“นี่พี่ทิพย์…โรงเรียนตอนกลางคืนมันน่ากลัวกว่าที่คิดนะ…” ผมกระซิบเบา ๆ ขณะที่เดินตามเธอไปในความมืด
“น่ากลัวเหรอ?” เธอหันมายิ้มกว้างแบบที่ดูไม่น่าไว้วางใจนัก “นั่นสินะ! ก็มีข่าวเหมือนกันว่ามีคนเจอเงาคนเดินกับเสียงโหยหวนอยู่ในอาคารวิทย์ยามดึกด้วยล่ะ~”
“ล้อเล่นใช่ไหมพี่ทิพย์”
“จริงเสียยิ่งกว่าจริง ไม่เห็นสายศีลที่ห้อยไปมาเหรอ นั่นน่ะเพราะมีนักเรียนหายตัวไปตอนมาเข้าค่ายยามดึกแถม…..”
“พี่ไม่ต้องเล่าต่อเลยค่ะ!” ผมรีบปราม น้ำเสียงสั่นเครือพอ ๆ กับขาที่เริ่มจะไม่อยากก้าวต่อ กับบางเรื่องยังพอไหว แต่เรื่องผีนี่ขอลา พอเป็นแบบนั้นพี่ทิพย์ก็เหมือนจะสนุกใหญ่ เล่นเล่ามันทั้งหมดทุกตำนานโรงเรียนที่มีอยู่จนตอนนี้แค่มีลมพัดมาผมก็กลัวตัวสั่นแล้ว
“เอาน่า ไม่ต้องกลัวไปหรอก ทีมเรามาตอนดึกประจำ ไม่เคยเจอเรื่องพวกนั้นสักครั้ง เอ้าไหนลองส่งเสียงให้ตุ๊กตาขี้กลัวคนนี้หน่อยเร็ว” พี่ทิพย์กระซิบปลอบ พลางหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา ทักหาคนอื่น ๆ
“ทีม B รายงานตัวค่ะ กำลังเดินถึงบันไดทางขึ้นชั้นสอง…ไร้เงาผีสักตัว หนูฟ้าวางใจได้” เสียงผู้หญิงดังขึ้นพร้อมเสียงลมเบา ๆ
“รับทราบ ทีม C ล่ะ?” พี่ทิพย์ถามกลับ หน้าก็หันมายิ้มให้แบบเหมือนอยากให้ผมวางใจ
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากทีม C มีเพียงความเงียบที่น่ากังวล ผมเริ่มชักรู้สึกไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้สิ
“พี่ทิพย์…ไหงเงียบงี้อะ?” ผมถามเบา ๆ เมื่อไม่มีเสียงตอบรับมาจากปลายสาย
“อาจจะเป็นสัญญาณหลุดล่ะมั้ง เดี๋ยวลองเรียกใหม่…” พี่ทิพย์พูดขณะหมุนปรับสัญญาณของเครื่องสื่อสารไปมา
ทันใดนั้นเอง เสียงจากวิทยุสื่อสารดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ใช่เสียงของคนในชมรม มันเป็นเสียงหวีดแหลมต่ำประดุจเสียงที่ดังเข้ามาจากที่ไกล ๆ
“…ใคร…อยู่…ตรงนั้น…” เสียงที่ดังออกมาทำให้ขนลุกวาบ ผมเผลอกำมือพี่ทิพย์แน่น
“พี่ทิพย์! เสียงใครอะ!” ผมกระซิบถามโดยตอนนี้ใจมันชักจะเริ่มเต้นเร็วรัวขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันมือก็สั่นยิ่งกว่าเจ้าเข้า เพราะตัวผมจำได้แม่นว่านั่นไม่ใช่เสียงคนในชมรมแน่นอน
“ใจเย็น ๆ น้องฟ้า แค่แกล้ง…ล่ะมั้ง” สีหน้าของเจ้แกดูไม่มั่นใจเลยสักนิด ยิ่งทำเอาผมขนลุกเข้าไปใหญ่
เสียงในวิทยุสื่อสารเงียบไปสักพัก ก่อนจะมีเสียงตะโกนดังลั่นจนทำให้ผมสะดุ้งเฮือก
“เจออะไรบางอย่าง! มันมาแล้ว! มันมาแล้วววววว!” เสียงจากทีม C ดังขึ้นอย่างแตกตื่น ก่อนที่สัญญาณจะขาดหายไปในทันที
“เฮ้ย! ทีม C!” พี่ทิพย์พยายามติดต่อกลับ แต่ไม่มีการตอบอะไรกลับมาทั้งสิ้น มีเพียงเสียงซ่าของวิทยุกับเสียงของสายลมที่ดังหวิว ๆ มาเท่านั้น
งานนี้ชักไม่ดี ไม่ดีสุด ๆ
“พี่ทิพย์! เราทำยังไงดีอะ!” ผมตัวสั่นเทิ้ม มือก็เขย่าพี่ทิพย์รัว ๆ ซึ่งตอนนี้พี่ทิพย์เองก็ไม่แตกต่างกัน
“ยะ…ลุงยามมั้ง!” ย
“ลุงยามที่ไหน เสียงหลอนขนาดนั้นอะพี่ แล้วเมื่อกี้ทีม C ร้องอย่างกับโดนผีจกตับ…. มะ..มันมีจริง ๆ ใช่ไหมคะ”
“คิดมากน่า ผีมะ..มันมีที่ไหนกันล่ะ”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่สภาพเจ้แกตอนนี้ก็แทบไม่ต่างจากผม นั่นคือขาสั่นพับ ๆ ประดุจคนโดนเจ้าเข้า ไม่พอมือที่ว่างอยู่ก็หมุนหาสัญญาณรัว ๆ คล้ายกับอยากให้ไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่เรื่องคิดไปเอง
“เอาไงดีพี่ทิพย์ ถอยก่อนดีไหม”
“หนีกับเรื่องแบบนี้…เสียชื่อชมรมข่าวสารหมด…ลุยต่อ!!”
จากนั้นพี่ทิพย์ก็ลากแขนของผมไปทั้งแบบนั้น ทว่าเดินไปได้สักพักหนึ่ง เสียงวิทยุจากทีม B ก็ดังขึ้นมาอีก
“ซ่า…. เงา เงานั่นมันอะไรกัน… เจ้ หนูว่าทรงนี้ไม่ดีแล้ว… ซ่า….”
“เฮ้ย สรุปเจอไรทีม B”
“ซ่า…. งานงอก…… พะ..พวกเรา หนี… ซ่า”
และแล้วเสียงก็ดับขาดไปทิ้งวิ่งเพียงเสียงซ่าของวิทยุเช่นเคย นั่นทำเอาพวกเราทั้งสองคนหันมามองหน้ากันอีกครั้ง
“เอ่อเจ้… หนูว่า…ถอยเถอะ”
“อีกแค่ชั้นเดียวก็ถึงแล้ว อย่าให้เรื่องผีมันมาขัดขวางเราได้นะฟ้าน้องรัก”
“แต่ขาพี่สั่นหมดแล้วนะ”
“สั่นสู้ต่างหากล่ะยะ”
“กลัวก็บอกเถอะค่ะ….หนูพร้อมกลัวเป็นเพื่อนแล้วอะ”
“กะ…กลัวที่ไหน เลอะเทอะ….”
สุดท้ายก็ย่องกันไปอย่างเบา ๆ บนทางเดินชั้นสองต่อ เหลือเพียงแค่ขึ้นไปอีกชั้นก็น่าจะถึง พวกเราทั้งสองคนเดินกันไปแบบใจเต้นตุบ ๆ ในใจก็ท่องสารพัดบทสวดมนไล่ผีเท่าที่นึกออก
ติ้ง
ตอนนั้นเองที่จู่ ๆ มือถือของผมมันก็เด้งข้อความขึ้นมาจนเราทั้งสองคนสะดุ้งเฮือก พอเห็นว่าเป็นข้อความเด้งจากมือถือก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ใครอะ คุณแฟนสุดที่รักทั้งสองเหรอ”
“ใช่ที่ไหน พี่สาวต่างหาก”
ตอนแรกก็นึกว่าสองคนนั้นทักมาเหมือนกัน แต่พอดูดี ๆ ก็เลยเห็นว่าเป็นพี่อีฟที่ทักมาถามเพราะเห็นว่ายังไม่ยอมกลับจากโรงเรียนสักที ซึ่งพอจะตอบกลับไปก็เจอพี่ทิพย์คว้ามาแล้วเขียนว่า
หนีผีอยู่ค่ะ!!!!!
“เดี๋ยว ๆ เจ้ยังก่อเรื่องไม่พอเหรอ แบบนี้พี่หนูเป็นห่วงก่อนพอดี”
“ขำ ๆ น่ะ เดี๋ยวพิมพ์แก้ให้ก็ได้ ไม่สนุกเลย”
ทันใดนั้นเองระหว่างที่เราทั้งสองกำลังคุยอยู่นั้นก็มีแสงไฟส่องวูบวาบจากปลายทางเดิน พร้อมกับเสียงร้องดังตะโกนขึ้นมา
“เฮ้ย! ใครอยู่ตรงนั้น!” เสียงทุ้มใหญ่ดังลั่น พร้อมกับแสงไฟสว่างจ้าที่หันมาทางพวกเรา
“ผี!” ผมกำลังจะกรีดร้องออกมาดังลั่นก็เจอพี่ทิพย์ปิดปากไปเสียก่อน
“เงียบก่อน! อย่าเพิ่งแตกตื่น! นั่นลุงยาม” พี่ทิพย์กระซิบตอบกลับ แต่เธอเองก็เริ่มมีเหงื่อซึมบนหน้าผาก บ่งบอกว่าเมื่อครู่เจ้แกก็ตกใจเหมือนกัน
แต่เดี๋ยวก่อน… จะผีหรือลุงยามตอนนี้มันก็น่ากลัวพอ ๆ กันไม่ใช่เหรอ ผีน่ะมันน่ากลัวตอนนี้ แต่ถ้าลุงยามเจอ ได้ไปกลัวฉี่ราดตอนห้องปกครองแน่ ๆ
“ใครอยู่ตรงนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้!” เสียงลุงยามขู่พลางเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นทำเอาหัวใจผมแทบหลุดออกมาจากอก
“พี่ทิพย์! ทำไงดีคะ!?” ผมเริ่มตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม
“ใจเย็นฟ้า… เดี๋ยวพี่จัดการเอง!” พี่ทิพย์หันมามองผม พร้อมกับส่งสายตาแปลก ๆ
“จะแผนอะไรอีกล่ะคะคราวนี้!” ผมถาม แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตอบกลับ เธอก็หันไปตะโกนใส่ลุงยาม
“นี่แน่ะ! ตามมาให้ได้ถ้าแน่จริง!”
“หา!?” ผมตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นพี่ทิพย์วิ่งออกจากมุมที่เราซ่อนตัว ทะเล่อทะล่าไปทางปลายทางเดินอีกฝั่งที่ตรงข้ามกับที่เรากำลังจะไป
“หยุดนะ! เดี๋ยวเสียงนี่…..ยัยเด็กเปรตตตตตต! พวกแกอีกแล้วเหรอ!!!” ลุงยามรีบสาดไฟฉายวิ่งตามไปทันที
“เดี๋ยวเจ้ล่อให้ ฟ้าลุยเดี่ยวเลยนะ!!!”
“เดี๋ยวก่อนพี่ทิพย์ เดี๋ยว…..”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ ร่างขอพี่ทิพย์ก็หายไปพร้อมกับแสงไฟของลุงยาม เสียงฝีเท้าวิ่งไล่กันดังขึ้นมาจนลุ้นระทึกยิ่งกว่าหนังสายลับในโรง
“สรุปต้องไปเองจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย”
ผมจ้องมองทางเดินขึ้นชั้นสามอันแสนใกล้จุดหมายของพวกเราตาปริบ ๆ ในใจก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีอะไรมาเซอร์ไพรซ์อีก
*********
มุมมองพี่อีฟ
หนีผีอยู่ค่ะ!!!!!
ตอนแรกเห็นว่าคุณฟ้าหายบอกว่าติดกิจกรรมชมรมอยู่เลยอาจกลับช้า แต่นี่มันก็ช้าเกินไปเลยลองทักไปดู แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาดันเป็นข้อความแปลก ๆ แบบนี้ซะนี่
มองแล้วตัวฉันก็ได้แต่เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ว่าคุณฟ้าไปอยู่ชมรมแบบไหนกัน ถึงได้มีไปหนีผีกับเขาด้วยแต่ปัญหามันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือ
“สรุปว่าคุณฟ้าอยู่ไหนงั้นเหรอคะคุณพี่สาว”
“พี่อีฟ สรุปว่าฟ้าอยู่ไหนเหรอคะ”
เด็กสาวที่ติดคุณน้องสาวทั้งสองราวกับโดนมนต์เสน่ห์ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจู่ ๆ ก็นั่งรถมาที่บ้านกันแบบเร่งรีบและบอกว่าอยากเจอตัวคุณฟ้ากันยกใหญ่ เหมือนตอนลงมาจะพูดอะไรแปลก ๆ ด้วยสิ….
“แหมคุณบีมรีบมาจังเลยนะคะ อยู่รอดูตัวต่อก็ไม่มีใครว่าหรอกนะคะ”
“เธอต่างหาก เป็นเจ้าหญิงทั้งที ไม่เอาเจ้าชายที่พ่อหาให้มาซะหน่อยล่ะ เจ้าชายอย่างฉันขอมีเจ้าหญิงก็พอแล้ว”
โลกของคนรวยนี่มันสุดจริง ๆ ไปเลยนะคะ ช่างเข้าถึงยากจริง ๆ ว่าแต่จะไม่มีสงครามกลางเมืองเอาใช่ไหมนะ
เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะที่สำคัญคือทั้งสองกำลังจ้องหน้าดิฉันอย่างกดดันราวกับอยากรู้ว่าฟ้าอยู่ที่ไหนกันแน่ ซึ่งแน่นอนว่าดิฉันไม่ได้ซื่อขนาดจะโชว์ข้อความที่คุณฟ้าส่งมาให้ดูทันทีอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง เพราะขืนให้เห็นข้อความสั้น ๆ นี่ไป สงสัยได้โรงเรียนแตกแน่นอน….
“เรื่องนั้น…”
ติ้ง!
คุณฟ้าส่งข้อความมากอีกข้อความ พอจะหงายขึ้นมาดูก็พบว่าทั้งสองนั้นคว้าโทรศัพท์มือถือในมือไปตอนไหนก็ไม่รู้เรียบร้อยแล้วและข้อความบนหน้าจอก็พร้อมที่จะทำให้เรื่องที่มันว่าแย่แล้ว แย่ไปกว่าเดิม
ขอโทษด้วยเมื่อครู่หสากวงสกไดวสดกาวสดไ
….
“ฟ้า!!! ลักพาตัว มีคนลักพาตัวฟ้าแน่นอน”
“แย่แล้วค่ะคุณฟ้าเจอผีหลอก…..ต้องรีบไปช่วย!!!”
แค่นั้นล่ะเสียงรถยนต์จำนวนหลายสิบคันที่หน้าบ้านก็ได้ดังขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะรีบวิ่งออกไปครั้งนอกโดยไม่ให้แม้แต่จะอธิบายเลยสักคำเดียว
……….
“โรงเรียนจะระเบิดไหมนะ”
Comments