ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 612 ปัญหาของการแต่งงาน
เหมาเหว่ยหลงมาอาศัยอยู่ที่ฟาร์มปลาได้ช่วงหนึ่งแล้ว แต่เรื่องส่วนตัวระหว่างฉินสือโอวกับวินนี่นั้น พวกเขาทั้งสองไม่เคยแสดงอะไรให้เหมาเหว่ยหลงเห็นเลย เขาเห็นแต่เพียงความรักอันหวานชื่นของคนทั้งสองแบบฉันมีเธอ เธอมีฉันอะไรพวกนั้น
แม้ว่าเรื่องส่วนตัวของฉินสือโอวและวินนี่บางเรื่องจะไม่สามารถบอกออกมาได้ เช่นว่าฉินสือโอวมีจิตสำนึกโพไซดอน หรือความสัมพันธ์ของวินนี่และครอบครัวของเธอและเรื่องอื่นๆ
เรื่องนี้ทำให้เขาปวดหัวมาตลอด สภาพของประเทศแคนาดาและประเทศจีนไม่เหมือนกัน ไม่น่าแปลกที่ความรักข้ามชาติยากที่จะประสบความสำเร็จ เพราะวัฒนธรรม ความเป็นอยู่และความตระหนักนึกคิดของคนสองคนต่างกัน ทำให้พวกเขาทะเลาะกันได้ง่ายๆ
พูดถึงเรื่องส่วนตัว ชาวแคนาดานั้นให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมาก พวกเขาคิดว่า ‘อะไรก็ตามที่เป็นของของตัวเอง ทุกสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่นล้วนแล้วแต่อยู่ในขอบเขตของความเป็นส่วนตัวทั้งหมด’
ในทัศนคติของชาวแคนาดา เรื่องของความเป็นส่วนตัวอยู่เหนือเรื่องของศีลธรรม เป็นสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่งวุ่นวายหรือคุกคามเรื่องของคนอื่น และยิ่งไม่ได้รับอนุญาตให้คนอื่นสอบถามหรือนำไปเผยแพร่โดยเจตนา เกรงว่าแม้แต่สามีภรรยาหรือพ่อแม่ลูก พวกเขาก็ต้องมีพื้นที่ความเป็นส่วนตัวให้แก่อีกฝ่ายทั้งนั้น
ดังนั้นเมื่อครู่ที่เหมาเหว่ยหลงไม่อยากพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจและเปลี่ยนข้อหัวนั้น ฉินสือโอวเลยตามน้ำไปตามหัวข้อที่เขาเปลี่ยน
ถ้ายังอยู่ที่ประเทศจีน เขาที่ตอนนี้สร้างรายได้ได้หลายร้อยล้านคงยังพยายามถามความต้องการของเหมาเหว่ยหลงในตอนนี้ให้ชัดเจนแน่นอน ในสายตาของชาวจีน สำหรับพี่น้องที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เมื่อไม่มีเงินแล้วไม่มาหาเขาล่ะก็ แบบนั้นก็ไม่ถือว่าอีกฝ่ายปฏิบัติต่อเขาในฐานะน้องชาย
เขามองไปยังฉินสือโอวท่าทีทำอะไรไม่ถูก เหมาเหว่ยหลงถามออกมาอย่างประหลาดใจ “มีอะไรเหรอ? วินนี่ไม่อยากแต่งงานกับนายเหรอ? ไม่ใช่หรอกมั้ง?”
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา เขาส่ายหัวพลางพูดออกมา “ไม่ใช่ไม่อยากแต่งงานกับฉัน แต่เธอไม่อยากแต่งงานเร็วขนาดนั้น ฉันล่ะไม่เข้าใจความคิดของเธอจริงๆ”
“ไม่ได้ล่ะ แกหาเวลาไปที่บ้านของเธอหน่อยสิ ไปคุยกับพ่อแม่ของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้” เหมาเหว่ยหลงให้การสนับสนุนเขา
ฉินสือโอวกลอกตาพลางโบกมือปฏิเสธแล้วพูดขึ้น “ไปๆ ๆ แกนี่อยากให้ฉันแต่งงานจริงๆ เลยนะ ที่นี่คือแคนาดา ไม่ใช่ประเทศจีน วินนี่จะแต่งงานกับใคร จะแต่งเมื่อไร ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพ่อแม่ของเธอเสียหน่อย”
ในเรื่องนี้เหมาเหว่ยหลงไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้มากนัก เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของประเทศ โดยรวมแล้วชาวแคนาดาไม่พูดถึงเรื่องแต่งงานกันง่ายๆ ดังนั้นเรื่องนี้จึงขึ้นอยู่กับทางที่วินนี่เลือก ฉินสือโอวทำได้เพียงร้อนใจไปวันๆ เท่านั้นและไม่สามารถที่จะไปตำหนิเธอได้
ก่อนจะมาปักหลักอยู่ที่แคนาดา เขาก็เหมือนกับคนทั่วไป เนื่องจากอิทธิพลจากการดูภาพยนตร์ยุโรปและอเมริการวมถึงการอ่านวรรณกรรม ฉินสือโอวมักจะคิดว่าชาวตะวันตกนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเปิดกว้าง มีทัศนคติเรื่องความรักและการแต่งงานที่ค่อนข้างอิสรเสรี รักกันก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างเอิกเกริก ไม่รักกันก็เพียง ‘กล่าวลา’ กันไปด้วยดี
พอมาถึงที่นี่ถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง ชาวแคนาดาคิดเรื่องแต่งงานอย่างละเอียดรอบคอบ คนที่นี่อาจจะพูดได้ว่าในชีวิตพวกเขานั้นมีเพื่อนต่างเพศที่ดีๆ หลายคน แต่มันกลับเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะเดินเข้าพิธีแต่งงาน
ปัจจัยที่มีผลต่อทัศนคติเรื่องการแต่งงานของชาวแคนาดานั้นมีอยู่หลายประการ อันดับแรกคือปัจจัยเรื่องความเชื่อทางศาสนา แม้ว่าแคนาดาจะเป็นประเทศที่มีคนหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน มีวัฒนธรรมที่หลากหลายรวมถึงศาสนาและนิกายที่มีอยู่อย่างหลากหลาย แต่ศาสนาหลักก็ยังคงเป็นศาสนาคริสต์
ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์นั้น การแต่งงานถูกมองว่าเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้ มีการตีความในพระคัมภีร์ไบเบิลบทที่เก้าไว้ว่าความหมายที่แท้จริงการแต่งงานถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่ตอนที่พระเจ้าได้สร้างมนุษย์ครั้งแรกแล้ว
หากมองในมุมของชาวคริสเตียน การแต่งงานไม่ได้มีเพียงการที่คนสองคนรักกันแล้วอยากจะสร้างครอบครัวด้วยกันเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าเหตุผลพวกนั้นคือความหมายที่แท้จริงของการแต่งงาน การแต่งงานคือพระคุณส่วนหนึ่งที่พระเจ้ามอบให้แก่มนุษย์
การที่คนทั้งสองคนรักกัน กล่าวคำปฏิญาณว่าจะอยู่ร่วมกันไปชั่วชีวิตต่อหน้าพระเจ้า แม้ในยามเจ็บป่วย ยามทุกข์หรือมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นต่อชีวิต คนทั้งสองก็ปฏิญาณว่าจะอยู่ร่วมกันตราบนิจนิรันดร์ อีกทั้งการแต่งงานของพวกเขายังต้องได้รับการยอมรับจากครอบครัว แสดงให้เห็นถึงความสวยงามและความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ความรักในโลกใบนี้มีทั้งความรักแบบสามีภรรยา ความรักต่อลูก ความรักที่มีต่อพ่อแม่ ต่อเพื่อน….
ภายใต้คำสอนเหล่านี้ ชาวคริสเตียนจึงไม่สามารถหย่าขาดจากกันได้ นั่นก็เพราะการหย่าไม่เพียงแต่เป็นการทรยศต่อผู้ที่ศรัทธาในคำปฏิญาณที่กล่าวไว้ต่อหน้าพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการปฏิเสธวัตถุประสงค์และของขวัญที่พระเจ้ามอบให้อีกด้วย
นอกจากปัจจัยทางศาสนาแล้ว กฎหมายของประเทศและทัศนคติทางการเงินก็เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะเดินเข้าพิธีแต่งงานกันง่ายๆ เช่นกัน เพราะหลังจากที่แต่งงานแล้ว หากชีวิตไม่ได้สวยงาม สุดท้ายก็ต้องเกิดการหย่าร้างขึ้น นอกจากนี้ยังมีเหตุผลเกี่ยวกับการหาทนายเพื่อขึ้นศาลและขั้นตอนทางศาลอื่นๆ ที่ยุ่งยากและการดำเนินการค่อนข้างช้าด้วย
ดังนั้นในประเทศแคนาดา คนบางคนจึงอยู่ด้วยกันมาหลายปีจนมีลูกโดยที่พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะจัดงานแต่งงาน มีบางคนที่อายุมากกว่าสามสี่สิบปี เมื่อพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเป็นผู้ใหญ่มากแล้วจึงคอยคิดเรื่องแต่งงาน และยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่คิดจะแต่งงาน
อีกทั้งในสายตาของวินนี่ เธอกับฉินสือโอวได้ปลูกบ้านอยู่ด้วยกันแล้วหนึ่งหลัง พวกเขารักกันและใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข มีสัตว์เลี้ยงที่ดูแลราวกับเป็นลูกของตน ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำไมยังจะต้องหมกมุ่นอยู่กับทะเบียนสมรสเพียงใบเดียวด้วยล่ะ?
แต่คำแนะนำของเหมาเหว่ยหลงที่มอบให้แก่ฉินสือโอวก็ทำให้เขามีความคิดที่ต่างออกไปนิดหน่อย แม้ว่าในประเทศแคนาดาพ่อตากับแม่ยายจะมีสิทธิ์มีเสียงในการแต่งงานเพียงน้อยนิด แต่พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะพูด เขาคิดจะโทรหาสองสามีภรรยามาริโอ้และเซโรวา จากนั้นคงเป็นเรื่องง่ายที่จะคุยเรื่องนี้กับวินนี่อีกครั้ง
พอคิดได้ดังนั้น ฉินสือโอวก็ขับเรือออกทะเลด้วยตัวเอง จิตสำนึกโพไซดอนกำลังคัดเลือกปลาที่อยู่ในฟาร์มปลาอย่างพิถีพิถัน เขาเลือกปลาที่มีสีสันสดใสอย่างปลาตัวเป่ามาสี่ห้าตัว ปลาแฟงค์ทูธตัวอ้วน หอยกูอีดั๊กที่มีลำตัวอวบอิ่ม นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลอื่นๆ ที่ค่อนข้างมีราคาอย่างปูราชินี ล็อบสเตอร์ในน้ำลึก ปลาแซลมอนแปซิฟิก และปลาไหลอเมริกัน
แน่นอนว่าเขาขับเรือยอชต์ออกไปแวะรับถังไวน์ถังเล็กๆ ทั้งสี่ใบที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณฟาร์มปลาขึ้นมาด้วย
เขานำถังไวน์ทั้งสี่วางไว้ในห้องแช่เย็น ฉินสือโอวให้ชาร์คนำปลาพวกนั้นไปแช่แข็งและแพ็กไว้อย่างดี เย็นวันนั้นเขาก็ไปหาวินนี่แล้วพูดว่า “เฮ้ ที่รัก คุณไม่ได้กลับบ้านมานานแค่ไหนแล้วนะ? ลาพักร้อนเถอะ ผมจะพาคุณกลับไปบ้านดีไหม?”
วินนี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดออกมา “อือ ก็จริง ฉันคิดถึงปู่กับย่ามากเลย สุดสัปดาห์นี้เป็นไง พวกเราบินไปหาพวกเขากัน แบบนี้จะได้ไม่รบกวนเวลางานด้วย”
ฉินสือโอวอยากจะยกนิ้วให้วินนี่เสียจริง หญิงสาวคนนี้ไม่จำเป็นต้องขยันทำงานตลอดเวลาก็ได้นะ เทียบกับเขาที่เป็นเจ้าของฟาร์มปลาคนนี้สิ วันๆ ก็เอาแต่อู้งาน
สองวันถัดมาทุกคนต่างก็ยุ่งวุ่นวายกับงานของตัวเอง วินนี่กับหลิวซูเหยียนไปทำงาน เหมาเหว่ยหลงติดต่อกับโอวหยางไห่เรื่องการทำฟาร์ม ส่วนฉินสือโอวก็พาชาวประมงออกไปตกปลาในทะเล หรือไม่ก็ไปขับเรือไล่พวกเรือประมงที่เข้ามาขโมยปลาในฟาร์มปลาของเขา
สองสามวันมานี้ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เรดาห์ก็ตรวจจับเรือประมงที่มาขโมยปลาได้ตลอด เบิร์ดรู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก เขาต้องเตรียมพร้อมตลอดทั้งวัน พอพบปัญหาเขาก็ต้องรีบขับเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปไล่เรือประมงพวกนั้นทันที
ส่วนใหญ่เรือประมงพวกนี้เมื่อถูกพบแล้วก็จะออกไปแต่โดยดี แต่ก็มีพวกหัวแข็งที่ไม่สนอะไรแล้วยังคงขโมยปลาต่อไป หากเป็นเช่นนั้นรถดับเพลิงหัวจรวดก็จะถูกนำมาใช้ประโยชน์ในตอนนั้นทันที
เรือที่เข้ามาขโมยปลาเป็นเรือประมงเล็กๆ เรือประมงพวกนี้เคลื่อนที่ไปมาได้สะดวกกว่า เป้าหมายก็เล็กๆ จึงทำให้สังเกตเห็นได้ยาก
แต่ที่ฟาร์มปลามีเรดาห์ตรวจจับ ดังนั้นอย่าว่าแต่เรือประมงเลย แม้แต่นกตัวใหญ่เพียงหนึ่งตัวบินเข้ามาก็ถูกเรดาห์จับได้แล้ว ดังนั้นต่อให้มีเพียงเรือเล็กๆ เข้ามาในฟาร์มปลาเพียงลำเดียว พวกมันก็จะถูกตรวจจับได้ทันที อีกทั้งเรือประมงพวกนี้ก็กำจัดได้ง่าย รถดับเพลิงหัวจรวดเพียงหนึ่งอันก็สามารถส่งผลกระทบต่อเรือพวกนี้ได้แล้ว
ชาร์ครู้สึกว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ เขาจึงติดต่อไปยังบิ๊กฟุตและเรคเพื่อซื้อทุ่นลอยน้ำมานับพันกว่าลูกแล้วเขียนลงไปว่า ‘เขตฟาร์มปลาส่วนตัวห้ามเข้า’ ทุ่นพวกนี้สามารถลอยอยู่บนผิวน้ำและเชื่อมต่อลูกดิ่งหรือหินอะไรพวกนี้ได้ด้วย เมื่อปล่อยมันลงไปในน้ำทะเลพวกมันก็จะลอยอยู่กับที่
…………………………………………
Comments