Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี 29 ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

Now you are reading Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี Chapter 29 ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หากจะถามว่าเหตุใดจึงทำเช่นนั้น ลูซิโอคงต้องขอเวลาขบคิดสักหน่อย เพราะกระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่รู้คำตอบ และคงจะทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเลือกตอบด้วยคำตอบใดคำตอบหนึ่งจากสองตัวเลือก หนึ่งคือ ‘ตัวเราขยับไปเอง’ และสองคือ… ‘เพื่อชดเชยบาปที่เราทำไว้กับนาง’ ลูซิโอคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น

หากจะกล่าวตามจริง สองคำตอบนั้นเป็นเพียงเหตุผลที่เขานำมาปะติดปะต่อกัน หาใช่คำตอบที่ถูกต้อง แม้แต่ตัวลูซิโอเองก็ไม่อาจรู้หรืออธิบายได้ว่าตนทำเช่นนั้นด้วยเหตุผลใด

เขารู้สึกผิดต่อแพทริเซียเสมอมา ทั้งเรื่องที่เขาทอดทิ้งนางซึ่งเป็นภรรยาหลวง และมอบความรักให้อนุภรรยาอย่างโรสมอนด์ ทั้งเรื่องที่โรสมอนด์ก่อไว้ในวันงานเลี้ยงรับรองคณะทูต แต่ทั้งสองเรื่องนั้นตัวเขาในตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว

เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาเข้าไปรับธนูอาบยาพิษแทนแพทริเซียเพราะเรื่องแค่นั้น? หรือบางทีอาจเป็นเพียงการทำตามสัญชาตญาณที่ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลซับซ้อนก็เป็นได้ คำถามนี้มีเพียงลูซิโอซึ่งเป็นผู้กระทำเท่านั้นที่ตอบได้ แต่ตัวเขาเองก็คิดหาเหตุผลที่แท้จริงของการกระทำของตนไม่ออกเช่นกัน

เพราะฉะนั้นหากมีใครมาถามเหตุผลที่เขาเสียสละตัวเอง ลูซิโอคงจะตอบด้วยคำตอบที่สอง แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่เขาจะตอบให้คนอื่นฟังเท่านั้น ใจของเขายังคงหาคำตอบที่แท้จริงอย่างไม่หยุดหย่อน

ลูซิโอชอบความลึกลับซับซ้อน ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง เขายิ่งชอบ

ดังนั้น สาเหตุที่เขายังไม่อาจลืมตาตื่นขึ้นอาจเป็นเพราะเขายังหาคำตอบให้กับคำถามนั้นไม่ได้

เหตุใดเขาจึงยอมเสี่ยงตายเพื่อช่วยแพทริเซียซึ่งเป็นจักรพรรดินีที่เขาไม่ได้รัก? เขาอาจลืมตาตื่นขึ้นเมื่อพบคำตอบ หรืออาจตื่นขึ้นมาทั้งที่ยังหาคำตอบไม่พบ แม้แต่เรื่องนี้ ตัวเขาเองก็มิอาจรู้ได้เลย

“ดีมาก กินเก่งจัง”

แพทริเซียลูบแผงหลังคอของแซลลี่อย่างเอ็นดู แซลลี่ส่งเสียงออกมาพลางสลัดตัวดีดดิ้นอย่างอารมณ์ดี แพทริเซียป้อนน้ำให้เจ้าม้าพอประมาณ ก่อนจะไปหาหญ้าที่ม้าน่าจะกินได้มาวางกองไว้ที่หนึ่ง เมื่อป้อนหญ้าจนม้าอิ่ม นางจึงผูกแซลลี่ไว้อีกครั้ง แม้แซลลี่จะเป็นม้าที่ฉลาดจนนางไม่คิดว่ามันจะเดินไปที่อื่น อีกทั้งมันยังมีความจงรักภักดีต่อนางสูงลิ่ว แต่นางก็เลือกที่จะผูกมันเอาไว้เผื่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น แพทริเซียผูกแซลลี่ไว้ใกล้ถ้ำโดยกะให้เชือกเหลือเยอะหน่อย ก่อนจะเดินออกไปตามทางเพื่อหาสมุนไพรมาให้ลูซิโอ

ความจริงแล้วแพทริเซียไม่ได้รู้จักสมุนไพรมากมายนัก ดีไม่ดีอาจค่อนไปทางไม่ค่อยรู้จักเลยก็ว่าได้ แต่โชคยังดีที่ตอนเข้ารับการอบรมเพื่อเป็นจักรพรรดินีพอจะได้ศึกษาเรื่องพวกนี้มาบ้าง แพทริเซียจึงสามารถแยกแยะสมุนไพรพื้นฐานที่ใช้ทั่วไปได้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมในตอนนั้นช่างมีประโยชน์เหลือเกิน จากนั้นหญิงสาวก็ตั้งอกตั้งใจสอดส่ายสายตาหาสมุนไพรที่พอจะช่วยได้ในเวลานี้ แต่สิ่งที่แพทริเซียพบกลับมีเพียงหญ้าพิษที่ดูคล้ายสมุนไพรเท่านั้น นางยังไม่พบสมุนไพรที่ต้องการ ร่างบางเดินเตร่อยู่อย่างนั้นราวหนึ่งชั่วโมงก่อนที่สายตาจะกวาดไปเห็นบางสิ่ง

“อ๊ะ!”

ครั้นเห็นสมุนไพรต้นเล็กๆ ที่ออกดอกสีม่วง แพทริเซียก็อุทานออกมาด้วยความดีใจ

“สกัลเลอร์”

ในจักรวรรดิมาวินอส ดอกสกัลเลอร์ถือเป็นดอกไม้หายากที่จะบานเพียงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะร่วงโรยไป คนส่วนใหญ่ให้ค่าดอกสกัลเลอร์ในแง่ของความสวยงามเท่านั้น แต่ในวงการปรุงยากลับไม่ใช่ ดอกสกัลเลอร์มีสรรพคุณในการรักษาที่ดีสมกับความหายากของมัน สามารถแก้พิษได้แทบทุกชนิด

การได้เจอดอกไม้ชนิดนี้ที่นี่ก็เหมือนโชคหล่นทับ แพทริเซียรีบวิ่งไปยังจุดที่ดอกสกัลเลอร์บานอยู่ด้วยสีหน้ายินดี แต่แล้วนางก็ต้องพบกับความจริงที่ว่ามันเติบโตอยู่บนผาสูงพอสมควร หญิงสาวมีสีหน้าลำบากใจ เงยหน้ามองข้างบนไล่ลงมาข้างล่างเพื่อวัดระยะ หากตกลงมาระหว่างที่ปีนอยู่ นางคงตายแน่ๆ แพทริเซียชั่งใจอยู่เพียงครู่เดียวก็ตัดสินใจได้ว่า ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องปีนขึ้นไปเก็บดอกไม้นั้นมา

นี่ไม่ใช่การเสียสละหรือการพยายามช่วยชีวิตคนรักที่น่าซาบซึ้งใจ แต่หากนางไม่เก็บดอกไม้นั้นมา ลูซิโอคงมีชีวิตอยู่ไม่พ้นคืนนี้

และหากเป็นเช่นนั้น นางเองก็คงต้องตายตามเขาไป ถ้าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตาย ลองพยายามให้ถึงที่สุดก่อนตายน่าจะดีกว่า แพทริเซียยื่นมือออกไปจับก้อนหินที่ใกล้ที่สุดที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้ามุ่งมั่น แม้ความสามารถด้านกีฬาของนางจะไม่โดดเด่นนัก แต่นางก็จะลองเชื่อในโชคชะตาของตนดูสักครั้ง อย่างไรการที่นางได้มาเจอดอกสกัลเลอร์บานอยู่ตรงหน้าก็นับว่าเป็นโชคดีแล้ว

“แฮ่ก แฮ่ก…”

แพทริเซียหอบหายใจอย่างแรงขณะปีนผา ด้วยอาการของโรคกลัวความสูงทำให้นางตัวเกร็งและรู้สึกเสียวปลาบที่ปลายเท้า แต่การเอาชีวิตรอดย่อมสำคัญกว่า ตอนนี้นางรู้สึกอยากร้องไห้ในอ้อมกอดของบิดามารดา แต่หากนางอยากจะทำเช่นนั้น นางต้องเอาชนะความกลัวในตอนนี้ให้ได้ก่อน

แพทริเซียกัดริมฝีปากพลางส่งแรงไปที่ปลายเท้า ต้องรอด นางต้องรอด

“อีกนิด…เดียว”

เมื่อถึงจุดที่น่าหวาดเสียว ปลายนิ้วของแพทริเซียก็สั่นระริกจนแทบจะเป็นตะคริว นางรู้สึกได้ว่ามีน้ำตาเอ่อล้นอยู่ที่ขอบตา แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาร้องไห้ ไว้เด็ดดอกไม้ให้ได้เสียก่อนเถิด หรือถ้าโชคไม่ดีก็เอาไว้ร้องก่อนจะตกลงไปตายก็ยังไม่สาย

แพทริเซียสั่งให้ประสาทสัมผัสทั้งหมดจดจ่ออยู่กับดอกสกัลเลอร์ นางใช้แรงทั้งหมดที่มีเอื้อมมือออกไป มือและร่างกายของนางสั่นเทาอย่างน่าสงสาร แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจ ขอเพียงเด็ดดอกไม้นั่นมาได้…

“อ๊ะ!”

ทันใดนั้น ก้อนหินที่แพทริเซียเหยียบก็แตกร้าวและร่วงลงไปเบื้องล่าง ทันทีที่รู้ว่าชีวิตของตนกำลังตกอยู่ในอันตราย แพทริเซียก็รีบย้ายขาไปเหยียบหินก้อนอื่น ครั้นคิดว่าเกือบได้ไปโลกหน้าจริงๆ แล้ว ในอกของหญิงสาวก็วูบโหวง แพทริเซียถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเอื้อมมือไปเด็ดดอกสกัลเลอร์อีกครั้ง

“อา…อีกนิดเดียว…!”

ใกล้มากแล้วจริงๆ แพทริเซียรีดเค้นแรงทั้งหมดที่มีขยับนิ้วมืออย่างยากลำบาก และในที่สุดก็สามารถเกี่ยวดอกสกัลเลอร์เอาไว้ได้ หญิงสาวดึงมันออกมาอย่างไม่ลังเล ก่อนจะยิ้มให้กับความสำเร็จและตะโกนออกมา

“ได้แล้ว!”

ตอนนี้แพทริเซียได้ดอกสกัลเลอร์มาไว้ในมือแล้ว ที่เหลือก็แค่ลงไปข้างล่างให้ได้เท่านั้น แพทริเซียกำดอกสกัลเลอร์ไว้แน่นราวกับกลัวว่ามันจะหล่นหายและค่อยๆ ไต่กลับลงไปข้างล่าง โชคดีที่นางบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้แล้ว ขากลับลงไปจึงไม่น่ากลัวและไม่ทำให้นางระแวงเท่าตอนปีนขึ้นมา

วินาทีที่เท้าของแพทริเซียสัมผัสกับพื้นราบโดยสวัสดิภาพ นางรู้สึกขอบคุณตัวเองเป็นครั้งแรกที่ยังมีชีวิตอยู่ ร่างบางรีบเดินกลับไปยังถ้ำที่ทิ้งลูซิโอไว้โดยไม่เสียเวลายินดีกับความสำเร็จ

***

อีกด้านหนึ่ง ราฟาเอลากำลังเพลิดเพลินกับการยิงธนูล่าสัตว์ที่ไม่ได้ทำมานานราวกับปลากระดี่ได้น้ำ หลังจากต้องเปลี่ยนกระบอกใส่ลูกธนูถึงสองครั้ง นางก็เผยสีหน้าพึงพอใจ เหล่าอัศวินที่ตามหลังมาต่างมีสีหน้าตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น

ได้ยินมาว่าช่วงนี้ฝีมือของราฟาเอลาพัฒนาขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะรุดหน้าไปมากขนาดนี้ ราฟาเอลามองเหยื่อที่กองพะเนินอยู่ด้านหลังอย่างพึงใจ

อา ถ้าได้ขนาดนี้ชัยชนะก็คงอยู่ไม่ไกล ราฟาเอลานับจำนวนเหยื่ออย่างเบิกบาน แต่ครั้นนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ สีหน้าของนางก็ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย

“ฝ่าบาทจะทำได้ดีไหมนะ”

เดิมทีราฟาเอลาจะตามไปด้วย แต่แพทริเซียปฏิเสธคำขอของนาง และนางเองก็รู้ว่าแพทริเซียอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองจึงปล่อยให้อีกฝ่ายไปคนเดียว…แต่นางเองก็ไม่ค่อยสบายใจ ราฟาเอลาถามอัศวินที่อยู่ด้านหลัง

“เซอร์[1]ราซิล ท่านทราบหรือไม่ว่าพระจักรพรรดินีเสด็จไปที่ใด”

“ข้าไม่ทราบหรอกท่าน”

ความจริงแล้วคำถามนั้นช่างไร้สาระเสียจริง เซอร์ราซิลจะรู้เรื่องนั้นได้อย่างไร ใช่ว่ามีเครื่องติดตามตัวอยู่ที่แพทริเซียเสียเมื่อไร ราฟาเอลาได้แต่ตำหนิตัวเอง

ย่ามใจเกินไปแล้ว

นางไม่ควรเชื่อคำพูดของฝ่าบาทแล้วปล่อยให้พระองค์เสด็จไปคนเดียวเลย ยิ่งในเวลาเช่นนี้ด้วยแล้ว

ราฟาเอลาหน้าเสีย นางสะบัดบังเหียนบังคับม้าให้หันไปอีกทาง ม้าของราฟาเอลาวิ่งควบออกไปอย่างรวดเร็ว ขอให้ทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งที่นางกังวลไปเอง ขอให้เป็นเพียงสิ่งที่นางคิดเพ้อเจ้อไปเองเท่านั้นเถอะ

***

ปกติแล้วสมุนไพรต้องนำมาต้มกินจึงจะได้ประสิทธิผลมากที่สุด แต่ในถ้ำที่ไม่มีอะไรเลยเช่นนี้ ไหนเลยจะทำเช่นนั้นได้ ครั้นกลับมาถึงถ้ำ แพทริเซียก็ครุ่นคิดหาวิธีให้ลูซิโอกินสมุนไพรแต่ก็ไม่พบวิธีที่เหมาะสม วิธีที่ดีที่สุดคือให้ลูซิโอเคี้ยวสมุนไพรนี้และกลืนเข้าไปทั้งหมด แต่จะให้คนที่หมดสติเคี้ยวอะไรได้อย่างไร จะต้มให้กิน นางก็ไม่มีอุปกรณ์เสียนี่

เช่นนั้นต้องทำอย่างไรให้เขาได้กินสมุนไพรนี้? แพทริเซียเริ่มลำบากใจ นางต้องรีบให้ลูซิโอกินสมุนไพรนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อที่สมุนไพรจะออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด ในขณะที่กำลังคิดหาวิธีอยู่นั้น วูบหนึ่งนางคิดถึงวิธีแปลกๆ จนหลุดหัวเราะออกมา ไม่นะ วิธีอื่นยังพอว่า แต่วิธีนั้นไม่ได้เลย ข้าจะ…กับผู้ชายคนนี้ได้อย่างไร

แพทริเซียสายหน้าหวือ ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่ใช้วิธีนั้นเด็ดขาด แค่วิธีนั้นเท่านั้นที่ทำให้ไม่ได้ แพทริเซียมองลูซิโอที่นอนอยู่ด้วยสีหน้าเกลียดชัง

เขายังคงนอนนิ่งราวกับคนตาย หากไม่มีเสียงหายใจเบาๆ นั่น เขาก็ดูเหมือนคนตายจริงๆ

แพทริเซียกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะมองลูซิโอที่นอนอยู่ แล้วย้อนกลับมามองดอกสกัลเลอร์ที่ค่อยๆ เหี่ยวเฉาอยู่ในมือของตนพร้อมกับพึมพำออกมา

“เจ้าทำบ้าอะไรอยู่ แพทริเซีย”

ตนคงบ้าไปแล้วจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่รู้สึกขัดแย้งในตัวเองในสถานการณ์เช่นนี้ ตนบ้าไปแล้ว ลำบากมาขนาดนี้ยังจะไม่ยอมใช้วิธีที่แน่นอนและเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวเองและอีกฝ่ายอีกหรือ บ้าไปแล้วจริงๆ

แพทริเซียทำหน้าขึงขัง ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นางยัดดอกสกัลเลอร์ที่ถืออยู่เข้าปาก วิธีที่นางเลือกคือเคี้ยวดอกสกัลเลอร์เพื่อคั้นน้ำออกมาแล้วป้อนให้อีกฝ่ายทางปาก แม้จะเป็นวิธีที่ไม่อยากใช้แม้แต่น้อย แต่ในตอนนี้ไม่มีวิธีใดที่แน่นอนและได้ผลไปกว่านี้อีกแล้ว

อีกทั้งถ้าเคี้ยวในปากก็อาจจะมีสมุนไพรส่วนหนึ่งถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายของนางเองด้วย วิธีนี้จะทำให้ตนและอีกฝ่ายได้รับการรักษาด้วยกันทั้งคู่ ในตอนนี้นี่เป็นวิธีที่แน่นอนและมีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว

แพทริเซียสะกดจิตตัวเองให้เคี้ยวดอกสกัลเลอร์ไปเรื่อยๆ นางระมัดระวังไม่ให้น้ำของดอกสกัลเลอร์ไหลออกมาจากปาก และพยายามเคี้ยวอย่างเต็มที่เพื่อคั้นน้ำออกมาให้ได้มากที่สุด

ในที่สุดน้ำดอกสกัลเลอร์ปริมาณพอสมควรก็คั่งอยู่ในปากของหญิงสาว นางค่อยๆ ยื่นหน้าไปใกล้ลูซิโอ ใช้มือบีบปากของอีกฝ่ายให้อ้าออกช้าๆ เนื่องจากยังไม่ได้สติ ปากของเขาจึงเผยอออกจากกันอย่างง่ายดาย ร่างบางประกบปากลงไปอย่างระมัดระวังให้น้ำของดอกสกัลเลอร์ไหลเข้าไปในโพรงปากของชายหนุ่ม

เมื่อวางใจได้แล้ว แพทริเซียก็ถอนหายใจในใจอย่างโล่งอก สิ่งที่สำคัญคือน้ำดอกสกัลเลอร์ทั้งหมดต้องไหลผ่านลำคอของเขา ดังนั้นแพทริเซียจึงไม่ถอนริมฝีปากออกเลยจนกว่าเขาจะกลืนน้ำดอกสกัลเลอร์เข้าไปทั้งหมด

เมื่อกลิ่นขมๆ ของดอกสกัลเลอร์รวมเป็นหนึ่งอยู่ระหว่างริมฝีปากของคนทั้งคู่ แพทริเซียจึงถอนริมฝีปากออก นางเลียน้ำดอกสกัลเลอร์ที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากจนไม่เหลือสักหยด หญิงสาวถอนหายใจพลางส่ายหน้า ตอนนี้นางทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ไปหมดแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้าเท่านั้น

“…”

แพทริเซียเหม่อมองลูซิโอที่นอนหมดสติอยู่

[1] เซอร์ (Sir) คือ คำเรียกนำหน้าชื่ออัศวิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด