สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน 950 สาวใช้ตัวแสบ854
ตอนที่ 950 สาวใช้ตัวแสบ854
“คุณตื่นแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เย่เชินหลินไม่ได้สนใจความอับอายของเธอ แค่ต้องการรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นเป็นยังไงบ้าง
“ฉันไม่เป็นไร ทำไมคุณไม่ขึ้นมาพักผ่อนด้านบน?” เซี่ยชีหรั่นขยับตัวถอยกลับ เธอเพิ่งจะรู้สึกถึงอาการปวดเมื่อยทั่วร่างกาย
“พักผ่อนให้ดี คุณนอนมาทั้งวันแล้ว” เสียงของเย่เชินหลินไม่ได้ประหลาดใจเหมือนตอนแรก แสดงออกถึงความกังวล เพียงแต่ตัวเขาเองไม่ได้สังเกตเห็นมัน
นึกได้ว่าเย่เชินหลินก็ไม่ได้พักผ่อนอะไร เซี่ยชีหรั่นทำปากมุ่ยแล้วกล่าว : “คุณก็ขึ้นมาพักผ่อนเถอะ ฉันไม่อยากให้วันพรุ่งนี้คุณล้มป่วยไปด้วยหรอกนะ ในบ้านมีคนป่วยคนเดียวก็พอแล้ว ถ้าคุณป่วยด้วยอีก ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
เย่เชินหลินคิดสักพักก่อนจะคลานขึ้นเตียง เขาเอาแต่ดูแลเซี่ยชีหรั่นตลอด ไม่อยากได้ความช่วยเหลือของใคร เขาควรจะพักผ่อนได้แล้ว
“ทำไมไม่พักผ่อนดีดี?”
“คุณไม่อยู่ ฉันไม่ชินน่ะ หลิน คุณกลับมาได้ไหม คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นห่วงคุณมากเลยนะ” เซี่ยชีหรั่นคิดว่าเย่เชินหลินเอาแต่อยู่ที่บริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปเป็นเวลานานถึงจะกลับบ้าน เธอยังคงกังวลเหลือเกิน ถ้าใช้โอกาสนี้ล่ะก็เย่เชินหลินจะยอมสัญญาแล้วกลับมาไหม ไม่สนว่าจะสำเร็จหรือไม่ เธอต้องลองดูสักตั้ง
“ได้”
เซี่ยชีหรั่นคิดว่าต้องเปลืองน้ำลายตัวเองสักหน่อยถึงจะสามารถชักชวนเย่เชินหลินกลับมาได้ เธอเริ่มคิดแล้วคิดอีกว่าจะสามารถใช้วิธีไหนได้ที่จะชวนเย่เชินหลินกลับมา คิดไม่ถึงว่าแค่อ้าปากเย่เชินหลินก็ตอบตกลงแล้ว เธอตกตะลึงกับความน่ายินดีที่สุดกะทันหันนี้
พอเห็นสภาพที่ยินดีของเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินจึงลูบผมของเธอ ยัยเด็กโง่ ฉันจะไม่มีทางปล่อยให้เธอป่วยอีกเด็ดขาด
ความสัมพันธ์ของทั้งสองก้าวหน้าไปไม่น้อยจากการป่วยครั้งนี้ ความเคารพของทั้งสองคนจากความเย็นชาแปรเปลี่ยนเป็นการให้เกียรติกันเสมือนแขก
ตอนเซี่ยชีหรั่นคุยกับฝู้เฟิ่งหยีจึงทราบว่าเธออยากให้จิ่วจิ่วกับเหยนชิงเหยียนวางแผนการหมั้นเสียก่อน ในใจเริ่มวางแผนหาเวลาให้ทั้งสองคนจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย
“จิ่วจิ่วเธอกับเสี่ยวห้านจะหมั้นกันตอนไหน” เซี่ยชีหรั่นไม่อ้อมค้อม มองไปยังจิ่วจิ่วที่ถือโทรศัพท์อยู่พลางพูดขึ้น สถานการณ์ของพวกเขาทั้งสองคนตอนนี้กำลังอยู่ในห้วงของความรัก รีบหมั้นกันไว้ก่อนจะได้สบายใจ
“พูดอะไรน่ะ” เมื่อจิ่วจิ่วได้ยินคำพูดนี้ของเซี่ยชีหรั่น ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ ลักยิ้มเล็ก ๆ ยิ่งชัดขึ้น ในตอนนี้โทรศัพท์ดังขึ้น เธอไม่ตอบเซี่ยชีหรั่นและหันไปดูโทรศัพท์อีกครั้ง นิ้วแตะหน้าจออย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นฉากนี้เซี่ยชีหรั่นก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ พอเห็นแบบนี้ดูเหมือนว่าจิ่วจิ่วจะลืมเสี่ยวจุนแล้ว!
“จิ่วจิ่วถือโอกาสที่คุณพ่อคุณแม่ยังอยู่ที่นี่ อย่างไรคนเฒ่าทั้งสองก็ชอบเธอ เอาเรื่องนี้จัดแจงให้เรียบร้อยก่อน การที่มีคนที่ชอบเป็นความสุขอย่างหนึ่งนะ” เซี่ยชีหรั่นพูดถึงตรงนี้ก็คิดถึงเย่เชินหลินขึ้นมา ชีวิตของเธอมีเย่เชินหลินเป็นส่วนหนึ่ง ถึงได้มีสีสันแบบนี้ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่
“คุณเย่ เนื่องจากคุณส้งได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ตอนนี้ปรากฏอาการป่วยทางจิตหวาดระแวงเล็กน้อย อาการเหล่านี้จะเกิดการเพ้อฝัน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย” หมอมองไปยังเย่เชินหลินอย่างหวาดกลัว ตั้งแต่เข้ามาเขาก็รู้สึกว่าที่แห่งนี้เป็นเขตความกดอากาศต่ำ คุณส้งคนนี้เป็นอะไรกับคุณเย่ เขาไม่กล้ายืนยัน ได้แค่ใช้ดุลพินิจในการพูดเท่านั้น กลัวว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปแล้วจะมาเสียใจเอาทีหลัง
ส้งหลิงหลิงในที่สุดตอนนี้คุณก็ได้รับการลงโทษ ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้คงไม่ทำตั้งแต่แรก เย่เชินหลินมองไปยังส้งหลิงหลิง ตอนนี้สายตาของส้งหลิงหลิงชัดแจ๋ว เธอมองไปยังเย่เชินหลิน รู้สึกมีความสุขเหลือเกินที่ได้สบตากับเขา
“เข้ามาสิ คุณออกไปได้แล้ว ต้าฮุยส่งเขาออกไป” เย่เชินหลินบอกกับนอกประตู ประตูเปิดออกท่ามกลางเสียงของเย่เชินหลิน ปรากฏชายร่างใหญ่บึกบึนหลายคน และผู้หญิงอีกสองคน
“เชิญครับ” หลินต้าฮุยผายมือออก เขารู้ว่าคุณเย่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นเขาจัดการกับเรื่องแบบนี้ จึงให้พาหมอออกไปก่อน
หมอเห็นว่าตัวเองสามารถออกไปได้ เขาดีใจจนเนื้อเต้น จะมาใส่ใจได้อย่างไรว่าที่นี่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขากระโดดหนีไปพร้อมหลินต้าฮุย เกรงว่าถ้าช้าไปแม้แต่ก้าวเดียวเย่เชินหลินจะให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ
“พวกนายพาเธอไปสถานที่หมายเลขหนึ่ง ทำปกติอย่าให้เธอติดต่อกับคนแปลกหน้า” เย่เชินหลินคิดว่าตอนนี้ส้งหลิงหลิงเป็นแบบนี้ เขาทำเพื่อเธอได้แค่นี้ นี่ถือเป็นการซื้อทางเลือกเพื่อตัวเขาเอง หลังจากนี้ทั้งชีวิตของเขาต้องดีต่อเซี่ยชีหรั่นเท่านั้น ใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีรักเพียงเธอ
“เชินหลิน คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ ฉันจะไม่จากคุณไปไหน” ส้งหลิงหลิงพอได้ยินว่าตัวเองต้องจากไป เธอเอาแต่เขย่าหัว พูดพร้อมร้องไห้ทั้งน้ำตา เย่เจิ้งเหิงจากไปก็ไม่ได้ทำให้เธอเสียใจเท่ากับตอนนี้ ตอนนี้ต้องพรากจากเย่เชินหลิน ส้งหลิงหลิงสามารถมองเห็นได้ว่าหลังจากนี้ตัวเองจะใช้ทั้งชีวิตไปกับความทรงจำ
เย่เชินหลินไม่ได้ไปดูส้งหลิงหลิง แววตาเย็นชาของเขามองไปทางด้านคนที่เดินเข้ามา
ผู้ที่อยากมาเหล่านั้นคือคนที่คุ้นเคยกับอารมณ์ของเย่เชินหลินดี พอเห็นเย่เชินหลินแบบนี้ พวกเขาก็ดึงส้งหลิงหลิงแล้วจากไป
เย่เชินหลินเดินออกจากห้องเห็นหลินต้าฮุยเดินมาพอดี
“ต้าฮุย ส่งกลับไปแล้วหรือยัง?” เย่เชินหลินลูบหน้าผากของเขา จัดการไปเรื่องหนึ่งแล้ว หลังจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ตอนนี้เรื่องของอาซานเพิ่งจะโผล่แววมา เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้เวลาไม่น้อยเลย
“ครับคุณเย่ ส่งไปแล้วครับ” หลินต้าฮุยกล่าวอย่างเคารพ ตอนกลับมาเห็นส้งหลิงหลิงถูกพาออกไป เขามีความสุขแทนเซี่ยชีหรั่นเสียจริง
ส้งหลิงหลิงไปแล้ว ตอนนี้ควรไปดูชีหรั่นเสียหน่อย
เย่เชินหลินเพิ่งมาถึงประตูห้องของเซี่ยชีหรั่น ได้ยินเสียงจ๊อก ๆ แจ๊ก ๆ เสียงนี้เขาจำได้ เป็นเสียงหลานสาวของพี่ส้ง ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
เซี่ยชีหรั่นนั่งคุยกับจ้าวเหวินอิงบนเตียง วันนี้เย่เชินหลินออกไป จ้าวเหวินอิงเบื่อกับการอยู่บ้านเพียงลำพัง หลี่เหอไท้ไม่อยู่บ้าน หลี่หมิงจุ้นก็ไม่อยู่ จ้าวเหวินอิงเลยพาต้าเฟิ่งมาหาเซี่ยชีหรั่น ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องเด็กเธอยังโทษตัวเองอยู่หรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าเซี่ยชีหรั่นป่วยอยู่
“ชีหรั่น ไม่เป็นไรใช่ไหม?” จ้าวเหวินอิงถามอย่างลังเล เธอผู้เป็นแม่แท้ ๆ ลูกสาวป่วยมาตั้งหลายวันเพิ่งจะรู้
ในใจของจ้าวเหวินอิงเอาแต่โทษตัวเอง
“ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะแม่ ตอนนี้หนูสบายดีไม่ใช่หรือ?” เซี่ยชีหรั่นกล่าวกับจ้าวเหวินอิงอย่างอบอุ่น เธอไม่ได้บอกจ้าวเหวินอิงเพราะกลัวว่าเธอจะกังวลและเป็นห่วง นี่มันแค่เรื่องเล็ก ๆ เธอรู้ว่าจ้าวเหวินอิงจะเป็นแบบนี้ถึงได้ไม่ยอมบอกเธอ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จ้าวเหวินอิงจะมาบ้านตระกูลเย่
“พี่เหอไท้ไม่อยู่บ้านหรือคะ?” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของจ้าวเหวินอิง เซี่ยชีหรั่นเริ่มถามโน่นถามนี่ หากเอาแต่คุยเรื่องป่วยของเธอก็จะทำให้จ้าวเหวินอิงโทษตัวเองขึ้นไปอีก
“เขามีธุระออกไปข้างนอกแล้ว แม่อยู่บ้านคนเดียวรู้สึกเบื่อเลยพาต้าเฟิ่งมาหาลูก” จ้าวเหวินอิงเหลือบมองเซี่ยชีหรั่นอย่างละเอียดสายตาที่ห่วงใยอย่างไม่ปิดบัง มองยังไงก็มองไม่พอ
“แม่คะ ไม่เป็นไรหรอก หนูหายดีแล้ว นี่เป็นเพราะเชินหลินทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จะให้หนูเจาะสายน้ำเกลือให้ได้” เพื่อไม่ให้จ้าวเหวินอิงเป็นกังวล เซี่ยชีหรั่นทำได้เพียงอ้างถึงคุณชายเย่ เธอเชื่อว่าความห่วงใยของเย่เชินหลินที่มีต่อตัวเองนั้นสามารถโน้มน้าวใจจ้าวเหวินอิงได้มากกว่าข้อแก้ตัวอื่น ๆ
เย่เชินหลินยืนอยู่ด้านนอกได้ยินประโยคนี้พอดี เขาเลิกคิ้วแล้วดันประตูเข้าไป
“แม่ครับ” เย่เชินหลินพูดด้วยความเคารพ เขาส่งยิ้มให้ต้าเฟิ่งเช่นกัน มีเพียงเซี่ยชีหรั่นคนเดียวเท่านั้นที่เขาไม่แม้แต่มอง
“เชินหลินมาแล้ว” จ้าวเหวินอิงมองดูลูกเขยของตัวเอง เอาชีหรั่นมอบให้เขาเธอก็วางใจ
“แม่ครับ ไม่ต้องห่วง ชีหรั่นหายดีแล้ว” เย่เชินหลินรู้ความคิดของเซี่ยชีหรั่นดี ตามน้ำไปกับคำพูดของเซี่ยชีหรั่นเพื่อกลบคำโกหกเธอ
เซี่ยชีหรั่นมองไปยังเย่เชินหลินที่หันหลังให้ตัวเอง หรือว่าตอนที่องค์ชายเย่ผู้ยิ่งใหญ่เข้ามา จะได้ยินคำพูดของตัวเธอแล้ว?ได้ยินคำพูดเธอแล้วแน่ ๆ ไม่ใช่พูดว่าเขาทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่หรือไง กลายเป็นว่ามาหันหลังให้เธอเฉย ตาผู้ชายจิตใจคับแคบคนนี้
“ต้าเฟิ่งมานี่ลุงพาไปเล่น ที่นี่ให้คุณน้ากับคุณยายคุยกันนะ” เย่เชินหลินมองออกว่าจ้าวเหวินอิงกับเซี่ยชีหรั่นยังอยากคุยกันอีกเยอะ เขาดึงมือต้าเฟิ่งออกจากห้องไป ต้าเฟิ่งตามเย่เชินหลินไปอย่างว่าง่าย หันหน้ากลับมาส่งยิ้มหวานให้กับจ้าวเหวินอิง
เย่เชินหลินไม่ใช่คนที่อารมณ์ดีอะไรนัก นึกไม่ถึงว่าอยู่ดี ๆ เขาจะพาต้าเฟิ่งออกไปเล่น?เซี่ยชีหรั่นแสดงความสงสัยออกมา เห็นว่าคุณแม่อยากคุยกับตัวเองเพียงลำพัง มีคำพูดที่ไม่สะดวกคุยต่อหน้าเย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นเฝ้าดูเย่เชินหลินจากไปจนกระทั่งเขาปิดประตูลง
เย่เชินหลินพาต้าเฟิ่งมาถึงที่ที่ผูกชิงช้าไว้ให้เซี่ยชีหรั่น เขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองสามารถมีอารมณ์ที่ดีแบบนี้ได้ ต้าเฟิ่งเริ่มแรกไม่กล้าที่จะมองเย่เชินหลิน คิดถึงเมื่อก่อนหน้าที่เอาแต่เรียกเย่เชินหลินว่าคุณลุงนิสัยไม่ดี ต้าเฟิ่งชำเลืองมองไปที่เย่เชินหลินอย่างระมัดระวัง พบว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะเข้มงวดถึงยอมวางหัวใจดวงน้อยที่แขวนไว้สูงลิ่ว หลังจากภายใต้การดูแลที่แสนอ่อนโยนของเย่เชินหลินก็เริ่มเดินเข้าไปใกล้เขา คนตัวน้อยตัวใหญ่เล่นกันอย่างมีความสุขในสวนดอกไม้ จนกระทั่งเซี่ยชีหรั่นมาเรียกพวกเขาไปทานข้าว
จากระยะไกล เซี่ยชีหรั่นสามารถมองเห็นนัยน์ตาของเย่เชินหลินที่มองไปทางต้าเฟิ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มองต้าเฟิ่งเพียงมองต้าเฟิ่งเป็นสิ่งอื่น เซี่ยชีหรั่นมองดูเย่เชินหลินแบบนี้ นึกถึงลูกที่จากไป เชินหลิน คุณกำลังคิดถึงเย่เจิ้งเหิงอยู่หรือ?
“กินข้าวกัน” เซี่ยชีหรั่นส่งเสียงทำลายความเงียบ เธอไม่จี้จุดเย่เชินหลิน ทั้งสามคนเดินพูดไปหัวเราะไปยังห้องรับแขก
บนโต๊ะอาหาร ครอบครัวใหญ่นั่งอยู่ด้วยกัน เย่เชินหลินวางต้าเฟิ่งไว้ข้างๆเขา พออาหารมาก็คอยคีบกับข้าวให้เธอ เขารู้สึกราวกับว่ากำลังคีบอาหารให้กับลูกของตัวเอง เย่เฮ่าหรันขมวดคิ้วเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ แต่ว่าไม่ได้พูดอะไร ฝู้เฟิ่งหยีชำเลืองมองจ้าวเหวินอิง เธอก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เซี่ยชีหรั่นทานข้าวเงียบ ๆ จ้าวเหวินอิงมองแวบเดียวก็ดูออกว่าเย่เชินหลินคิดถึงลูกของตัวเองถึงได้ใช้ความรู้สึกนั้นกับต้าเฟิ่ง เธอไม่รู้จะต้องพูดอะไรกับสถานการณ์นี้ เด็กตายไปก็เป็นผลดีกับชีหรั่น เด็กตายแล้วเธอเองก็ไม่ได้มีความสุข ถึงอย่างไรคนนะไม่ใช่ต้นไม้ใบหญ้า ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวเหวินอิงยังเป็นคนที่ใจดีด้วย
นอกจากต้าเฟิ่งจะทานอย่างมีความสุขแล้ว เย่เชินหลินก็คีบอาหารอย่างเพลิดเพลิน คนอื่น ๆ ไม่ได้มีความสุขนักจิ่วจิ่วรู้สึกมองไม่ลงแต่โดนสายตาของเซี่ยชีหรั่นกดดันไว้
“ทุกคน มา มากินข้าวกัน” ฝู้เฟิ่งหยีพูดไปขำไป ในใจของเธอวางแผนจะหาเวลาบอกชีหรั่นให้เธอเองผลิดอกออกผลให้กับตระกูลเย่ ฝู้เฟิ่งหยีอยู่ที่ปักกิ่งเห็นครอบครัวอื่นล้วนแต่เต็มไปด้วยลูกหลาน ได้แต่คอยอิจฉา เธอยังถือว่าดี ลูกชายทั้งสองคนยังไม่แต่งงาน
“กินเถอะ กินเถอะ” เย่เฮ่าหรันผายตะเกียบของเขาออกแสดงท่าทางเชิญชวน มื้ออาหารไม่นานก็ผ่านไป จ้าวเหวินอิงมองเวลาเห็นว่าได้เวลาต้องกลับบ้านแล้ว ฝู้เฟิ่งหยีให้เซี่ยชีหรั่นไปส่งจ้าวเหวินอิง เธอต้องการถามความคิดเห็นของเย่เชินหลิน
“แม่คะ หนูไปส่ง” เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้องหรอก แม่ส่งข้อความถึงคนขับแล้ว” จ้าวเหวินอิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เธออดที่จะจ้องมองเซี่ยชีหรั่นอย่างอาลัยอาวรณ์ไม่ได้
Comments