ข้าคือหงส์พันปี 175 จนถึงตอนนี้เจ้ายังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือ

Now you are reading ข้าคือหงส์พันปี Chapter 175 จนถึงตอนนี้เจ้ายังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียงซั่นเข้ามาในหอหมิงเยว์ ชื่อก็ไม่ได้เปลี่ยนเท่าไหร่ เพียงแค่เปลี่ยนจากเซียงซั่นเป็นเซียงเอ๋อร์ พอฟังแล้วดูละมุนน่ารักขึ้นมาหน่อย

เซียงซั่นเงยหน้าขึ้นแล้วตื่นตระหนก มองเห็นอวี้เยี่ยนกับเฉินเสียนชัดเจนแล้ว สีหน้าซีดเผือด

นางไม่กล้าฝ่าฝืนและต่อต้าน ทำได้เพียงแค่พาทั้งสองคนเดินผ่านห้องโถงใหญ่ เข้าไปในเรือนคนใช้ด้านหลัง

หอหมิงเยว์นี้มีสามชั้น พักที่ชั้นหนึ่งเป็นคนที่ลำดับขั้นต่ำสุด ชั้นสองเป็นลำดับขั้นกลาง ชั้นบนสุดคือลำดับขั้นสูงสุด

ลำดับขั้นต่ำสุดก็ถูกที่สุด เพียงแต่จ่ายเงินได้ ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องปรนนิบัติ

รูปโฉมใบหน้าของเซียงซั่นอยู่ที่นี่นับว่าลำดับขั้นกลางขึ้นไป เพียงแค่นางเพิ่งจะถูกขายเข้ามาแล้วนางก็ไม่เชื่อฟัง แม่เล้าในหอนางโลมเลยจำใจให้นางลิ้มลองรสชาติของความเก่งกาจนี้ไปเป็นโสเภณีชั้นต่ำสุด

เพียงแค่ต้องการให้นางลิ้มลองความทุกข์ทรมานนี้ นางถึงจะยอมรับชะตาชีวิต

ภายในห้องคนรับใช้จัดตกแต่งอย่างเรียบง่าย เตียงหนึ่งหลังโต๊ะหนึ่งตัว ตั่งไม่กี่ตัว ภายในห้องหอยังเป็นความหอมที่คุณภาพต่ำ ฉุนจมูกอย่างมาก

เซียงซั่นกล่าวว่า “นั่งเถิด ทำให้องค์หญิงลำบากใจจริงๆเพคะ คาดไม่ถึงว่าจะมาหาหม่อมฉันในสถานทีเช่นนี้”

อวี้เยี่ยนรู้สึกว่าสิ่งของไม่ว่าสิ่งใดก็ตามในห้องนี้สกปรกเป็นอย่างมาก นางเลยปูผ้าเช็ดหน้าที่ตั่ง ถึงได้ให้เฉินเสียนนั่งลง

“เจ้าอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตได้สมความปรารถนาหรือไม่?”เฉินเสียนกล่าวถาม

เซียงซั่นฝืนใจยิ้มด้วยความปวดร้าว กล่าวว่า“องค์หญิงถามว่าใช้ชีวิติได้สมความปรารถนาหรือเพคะ?องค์หญิงมองไม่เห็นหรือ ยังมีอะไรมาเทียบกับหม่อมฉันที่มีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายได้เพคะ? องค์หญิงมาดูจุดจบของหม่อมฉันหรือเพคะ วันนี้เห็นหม่อมฉันเป็นเช่นนี้แล้ว นับว่ามีความสุขแล้วใช่หรือไม่เพคะ?”

เฉินเสียนกล่าวว่า “ถ้าหากข้าพูดว่าข้ามาเยี่ยมเจ้าด้วยความใจจริง เจ้าต้องพูดว่าข้าเสแสร้งทำเป็นเห็นใจเป็นแน่ ก็ถือสะว่าข้ามาหัวเราะเยาะเย้ยเจ้าเถิด ”

เซียงซั่นเทน้ำชาสองแก้ว แก้วหนึ่งให้ตัวเอง อีกแก้วส่งไปที่ด้านข้างมือเฉินเสียน แล้วกล่าวว่า“ในเมื่อองค์หญิงเลือกให้หม่อมฉันปรนนิบัติ หม่อมฉันจำเป็นต้องดูแลองค์หญิงดีๆ เชิญองค์หญิงดื่มน้ำชาเพคะ อย่ารังเกียจชาของที่นี่เลยนะเพคะ”

เฉินเสียนยกขึ้นมาที่ปากกำลังจะดื่ม แล้ววางลง กล่าวว่า “ไปเปิดม่านด้านหลังออกที ระบายอากาศ กลิ่นหอมนี้ฉุนเสียจริง”

เซียงซั่นจำใจต้องลุกไปเปิดออก

นางหมุนตัวกลับมานั่งลง แล้วกล่าวว่า “ร่างกายขององค์หญิงเป็นหญิง ทำให้พระองค์ลำบากเพื่อที่จะมาหัวเราะเยาะหม่อมฉัน ยังต้องวิ่งมาที่หอหมิงเยว์นี่ด้วย ”นางดื่มน้ำชาหนึ่งกลืน แล้วกล่าวซักถามอีกว่า“หลิ่วเหมยอู่ทราบเรื่องเหล่านี้ เป็นเพราะพระองค์พูดใช่หรือไม่เพคะ?”

เฉินเสียนกระตุกริมฝีปากขึ้น “ตอนนี้เพิ่งจะมาซักถามเรื่องเหล่านี้ ยังมีความหมายอะไรหรือ”

“ถึงแม้ว่าพระองค์ไม่ยอมรับ หม่อมฉันก็รู้ว่าเป็นพระองค์เพคะ !”เซียงซั่นกล่าว “หม่อมฉันคาดไม่ถึงว่าสุดท้ายในมือของพระองค์ยังมีสิ่งนี้อยู่ สรุปแล้วเป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กันเพคะ พระองค์รู้ได้อย่างไรเพคะ?”

เฉินเสียนขมวดคิ้ว มองนางแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า“เจ้าคิดว่าต่อหน้าข้าสาบานว่าจะไม่เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็สงบจิตสงบใจเชื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ ช่วยเจ้า? มีผู้สาบานว่าถ้าหากทำสิ่งใดแล้วก็จะให้ถูกฟ้าผ่า แต่นี่ไม่มีผู้ที่ถูกฟ้าผ่าเลย สุดท้ายตรงกับคำพยากรณ์หรือไม่?”

“ต้องการจะหยุดเจ้า ไม่ใช่ว่าต้องจับหางเจ้าไว้ก่อนหรือ”เฉินเสียนลูบไล้แก้วน้ำชา แกล้งทำเป็นดื่มหนึ่งกลืน

“จิตใจคิดร้ายต่อผู้อื่นมิพึงมี การระวังผู้อื่นมิควรขาด ข้าจับจุดอ่อนนั้นไว้ได้ ถ้าหากเจ้าประพฤติตนเหมาะสมเจียมตัว ข้าก็ไม่ได้คิดที่จะเปิดโปงให้บุคคลอื่นรู้ น่าเสียดายที่ข้าก็คิดไม่ถึง ยังมีวันที่ข้าจะต้องนำมันออกมาใช้”

เซียงซั่นสีหน้าแสดงความเกลียดชัง ถ้าหากไม่ใช่เฉินเสียน นางจะไม่มีจุดจบเช่นนี้เลย!

นางกัดฟันกล่าวว่า“หม่อมฉันเพียงแค่ให้ยากับแม่บ้านจ้าวสองขวด แต่ทว่าพระองค์ต้องการทำร้ายหม่อมฉันเช่นนี้!”

เฉินเสียนหรี่ตามอง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“ทำร้ายเจ้าเช่นนี้? ตอนนี้เจ้าเป็นเช่นนี้ เทียบกับทุบตีจนแหลกละเอียดให้หมากินยังดีกว่าเลย ข้าออมมือให้แล้วไม่ใช่หรือ”

เซียงซั่นวู่วามมาก ลุกขึ้นตบโต๊ะกล่าวด้วยความโมโหว่า“พระองค์ออมมือหรือ?พระองค์รู้หรือไม่ว่าตอนนี้หม่อมฉันใช้ชีวิตอย่างไรเพคะ?”

พูดอยู่นางก็ดึงแขนเสื้อตัวเองขึ้น ฉีกดึงแขนเสื้อทึ้ง กล่าวแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและเกลียดชังว่า“พระองค์ดู พระองค์ดู!อยู่ที่นี่ไม่มีผู้ใดที่ไม่กล้ากลั่นแกล้งหม่อมฉัน!ผู้ดูแลสั่งให้หม่อมฉันรับแขก ถ้าหากว่าหม่อมฉันไม่ทำ ผู้คุมของหอหมิงเยว์ทั้งหมดก็จะพุ่งเข้ามากลั่นแกล้งหม่อมฉัน……จนถึงตอนที่หม่อมฉันยินยอมทำถึงได้หยุด……..”

เซียงซั่นน้ำตาไหลริน สั่นสะท้านแล้วกล่าวว่า “พวกเขาไม่มีทางสนใจว่าร่างกายหม่อมฉันจะมีบาดแผลหรือไม่ เพียงแค่มีแขกมา หม่อมฉันก็จำเป็นต้องรับ ไม่ว่าจะมากันกี่คน……”

สาวงามที่มีลำดับขั้นต่ำสุดอยู่ที่นี่ไม่มีสิทธิจะพูดแม้แต่น้อยเลย

เฉินเสียนเพิ่งจะรู้ เพียงแค่เป็นเวลาทำงานค้าขาย ไม่ว่าจะมีกี่คนนำเงินมาเลือกใช้บริการเซียงซั่น ไม่ว่าจะเป็นเวลาเดียวกันหรือไม่ เซียงซั่นก็จำเป็นต้องรับ ไม่สามารถที่จะกล่าวปฏิเสธผู้ที่มาได้

คำพูดของเซียงซั่นทำให้เฉินเสียนขมวดคิ้วขึ้น อวี้เยี่ยนฟังพักหนึ่งรู้สึกรับไม่ได้ พยายามอดกลั้นความอยากจะอาเจียน

เซียงซั่นจ้องเขม็งใส่เฉินเสียนด้วยความเกลียดชังแล้วกล่าวว่า“พระองค์เคยพูดว่าจะปกป้องหม่อมฉัน พระองค์จะช่วยหม่อมฉัน วันนั้นทำไมพระองค์ไม่ปรากฏตัวเล่าเพคะ !พระองค์เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง พระองค์นั่นแหละที่เป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุด!”

อวี้เยี่ยวกล่าวขึ้นด้วยความโมโหว่า“เซียงซั่น ปากเจ้าพูดให้มันดีหน่อยนะ!”

เฉินเสียนไม่โกรธ กล่าวขึ้นว่า“เซียงซั่น เจ้าคิดให้แจ่มแจ้ง คำพูดที่ไม่น่าฟังข้าพูดไปหมดแล้ว เป็นเจ้าที่จิตใจไม่ดีผิดทำนองคลองธรรมในอดีต ข้าทำให้เจ้าสูงขึ้นได้ ข้าก็สามารถที่จะทำให้เจ้าล้มลงได้เช่นกัน”

เซียงซั่นหัวเราะเสียงดัง กล่าวขึ้นว่า“อย่างมากหม่อมฉันก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งของพระองค์!เอามาเป็นหมากตัวหนึ่งที่เอาไว้จัดการกับหลิ่วเหมยอู่!”

เฉินเสียนสีหน้าไร้ความรู้สึก กล่าวถามว่า“เช่นนั้นหลังจากที่เจ้าได้เป็นภรรยาคนที่สามแล้ว ข้าเคยยุยงหลอกใช้ให้เจ้าไปทำหรือไม่? เจ้าอยากมีชีวิตเช่นไร อยากได้สิ่งใด ทั้งหมดต้องพึ่งแผนการของเจ้าเองไปแย่งชิงมานะ เรื่องเดียวที่ข้าให้เจ้าทำ นั่นคือการเป็นภรรยาคนที่สาม หลังจากเป็นภรรยาคนที่สามอย่างสงบเสงี่ยมแล้ว ถ้าหากไม่ใช่ว่าเจ้าทั้งสองฝ่ายทำให้มันวุ่นวาย วันนี้ข้ากับเจ้าก็ยังคงจะไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันและใช้ชีวิตของแต่ละคนต่อไปนะ แต่ว่าเจ้าไม่ยินยอมไม่ใช่หรือ สุดท้ายยังดึงข้าเข้าไปเกี่ยว “เฉินเสียนน้ำเสียงเยือกเย็น “ถึงวันนี้ เจ้ากลับยังโทษข้า?”

เซียงซั่นกัดฟันกรอดกล่าวขึ้นว่า“พระองค์กล่าวว่าหม่อมฉันดึพระองค์เข้าไป แต่นั่นไม่ใช่ว่าหม่อมฉันคิดไว้เพื่อพระองค์หรือ!เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าพระองค์ร้องไห้ตะโกนขอร้องให้ท่านแม่ทัพโปรดปรานหรือ ตอนนี้เป็นอะไรเพคะ ข้าเปลืองแรงกายแรงใจนำเขามา พอเข้าใกล้แล้วแต่ทว่าพระองค์นั้นไม่ต้องการ!”

เฉินเสียนกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า“แม่ทัพฉินนอนกับหญิงอื่นแล้ว ไม่สะอาด ข้าจะเอามาทำสิ่งใดกันเล่า? เจ้าพูดกับจิตใจที่รู้จักบาปบุญคุณโทษของเจ้าสิ เจ้าคิดเพื่อข้าจริงนะหรือ?”

เธอลุกขึ้นช้าๆ สบตากับเซียงซั่นแล้วกล่าวว่า“เจ้าคิดเพื่อข้าจริง ไม่มีทางดูไม่ออก ข้าแค่มองฉินหรูเหลียงก็จะอาเจียนออกมาแล้ว ตอนนี้เจ้าพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ทำให้คนรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา”

“พระองค์อยากจะอาเจียน แต่หม่อมฉันนั้นรับไม่ได้แล้ว!”เซียงซั่นทั้งเกลียดทั้งเจ็บปวด

“หม่อมฉันรักท่านแม่ทัพ แต่ท่านแม่ทัพล่ะ ท่านแม่ทัพเห็นหม่อมฉันเป็นเครื่องระบายอารมณ์!ท่านแม่ทัพคิดถึงพระองค์ทุกวันคืน ทุกคืนก็มาทรมานหม่อมฉัน หม่อมฉันควรจะทำเช่นไรเพคะ? หรือว่าหม่อมฉันต้องนั่งรอความตายทุกๆชาติก็ถูกเขาทรมานตายเช่นนั้นหรือ?! พระองค์เคยคิดหรือไม่ หม่อมฉันประสบทุกข์ทรมานทุกสิ่งอย่างนี้ เป็นเพราะพระองค์ก่อให้มันเกิด!หม่อมฉันอยากเกลียดพระองค์ แต่หม่อมฉันก็ไม่กล้าเกลียด หม่อมฉันควรจะทำเช่นไรเพคะ? องค์หญิง หม่อมฉันก็จนตรอกแล้วเพคะ”

เฉินเสียนฟังอย่างเงียบๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า“เพราะฉะนั้นเจ้าเลยยังคงรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมใช่หรือไม่ เห็นชัดว่ามีเส้นทางมากมายให้เดิน แต่เจ้าจงใจเลือกเส้นทางที่ไม่ควรที่สุดลำบากที่สุดแล้วก็โง่เขลาที่สุด เพราะเจ้ารู้สึกว่า เส้นทางนั้นถึงแม้จะสูงและชันเสี่ยงอันตรายสักหน่อยหนึ่ง แต่มันเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงความเจ็บปวดทรมานของเจ้า และยังสามารถทำให้คู่อริหัวแตกเลือดไหลออกมาได้ ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด