ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 98: การแข่งขันกระชับมิตร
บทที่ 98: การแข่งขันกระชับมิตร
หากเขาบอกอาร์ทิสว่าอีกฝ่ายกำลังอาศัยอยู่ในอุปกรณ์สนองตัณหาของมนุษย์ นางจะต้องเดือดดาลและฉีกร่างเขาในทันทีแน่
มันคงจะดีกว่าถ้าจะหาโอกาสดี ๆ ในการบอกเรื่องนี้กับนางทีละน้อย….ช่องว่างระหว่างวัยนี่ช่างน่ากลัวจริง ๆ…
พูดถึงเรื่องนั้น แม้แต่การพาอาร์ทิสกลับไปที่โรงแรมก็ยังเป็นปัญหา
ฉินเย่ไม่ได้ไร้ยางอายถึงขนาดที่จะเรียกแท็กซี่ในขณะที่แบกตุ๊กตายางตรงหน้าไปด้วย ถ้าอาร์ทิสอึดอัดและขยับตัวเล็กน้อยแล้วทำให้คนขับผิดสังเกตขึ้นมาล่ะ? เขาไม่ต้องตีตุ๊กตาแล้วบอกมันเบา ๆ ว่า “เป็นเด็กดีหน่อย” เลยหรือ? หรือเขาควรจะทำให้คนขับหมดสติไปดี?
ไม่ว่าจะตัวเลือกไหนมันก็แย่ทั้งนั้น!
ด้วยเหตุนี้ ฉินเย่จึงหยิบกระเป๋าเดินทางมาหนึ่งใบและยัดร่างของอาร์ทิสเข้าไปโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่านางไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถึงขั้นบ่นออกมาไม่หยุด “แค่อุ้มร่างของข้าเดินไปไหนมาไหนมันจะเป็นอะไรไป? มันนับว่าเป็นเกียรติของเจ้าด้วยซ้ำที่ได้ทำเช่นนี้!” “หรือเจ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกร่างต้นของข้า?” “เรือนร่างอันงดงามนี้มันดีเกินไปสำหรับเจ้าด้วยซ้ำ!”
ให้ตายเถอะ!
ใช่…มันดีเกินกว่าที่ผู้ชายคนไหนจะหาได้ เพราะมันเป็นร่างที่ยั่วยวนและสำส่อนมากอย่างไรล่ะ!
เมื่อเขากลับไปถึงห้องของตัวเอง เด็กหนุ่มก็ได้พบกับคนที่เขาไม่อยากเจอหน้าเป็นที่สุดในตอนนี้
ความไว้วางใจที่หวังเฉิงห่าวมีต่อเขานั้นอยู่ภายใต้ขอบเขตของความคลั่งไคล้ เวลานี้ อีกฝ่ายกำลังนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์อยู่บนเตียง และเศษซาก KFC ที่เหลืออยู่ถูกวางกองอยู่ข้าง ๆ
“อะไรน่ะ? นายต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า?” ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นว่าฉินเย่กำลังแบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาในห้อง หวังเฉิงห่าวก็กระโดดลงจากเตียงและวิ่งไปหาอีกฝ่ายทันที
“ไม่จำเป็น” ฉินเย่ผลักมือของคนตรงหน้าออกไป “นายได้จัดการตามที่ฉันบอกหรือยัง? ฉันอยากให้นายไปลงทะเบียนสอบเข้าทันทีที่สำนักฝึกตนเปิด…เดี๋ยวก่อนนะ นายช่วยอย่าทำให้ฉันต้องเป็นห่วงได้ไหม? การเป็นพ่อคนมันเหนื่อยนะ!”
“อ๋อ…” เด็กหนุ่มตัวสูงและร่างกายกำยำยกมือเกาศีรษะของตัวเองและมองไปยังกระเป๋าเดินทางอย่างสงสัยเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น ฉันคงต้องไปแล้วสินะ?”
“ไปให้พ้นไป!”
ทันทีที่บานประตูปิดลง เขาก็หันหลังกลับมาและพบว่ากระเป๋าเดินทางที่ตนถือมาด้วยได้เปิดออกแล้ว และสิ่งที่อยู่ภายในก็หายไป ฉินเย่ตกใจเป็นอย่างมาก เวรเอ๊ย! จะเกิดอะไรขึ้นหามีคนในโรงแรมเห็นเครื่องมือสนองตัณหาของมนุษย์เดินไปเดินมาราวกับมีชีวิต?
ทว่าหลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เขาก็พบว่าตอนนี้อาร์ทิสกำลังนั่งอยู่ข้างขอบหน้าต่างและมองไปด้านนอกด้วยสายตาโศกเศร้า
“พอมาคิดดูแล้ว มันก็ผ่านมาร้อยกว่าปีแล้วจากครั้งที่ข้าเคยมายังโลกมนุษย์ครั้งล่าสุด แล้วจะนับประสาอะไรกับมองพวกมันด้วยตาเนื้อ….เจ้าทำอะไรน่ะ?!!”
ทว่าก่อนที่นางจะได้เอ่ยจนจบ ผ้าห่มผืนใหญ่ก็ถูกโยนมาคลุมร่างและนางก็พบว่าตัวเองถูกโยนเข้าไปใต้เตียง
“เจ้าหนู…มีบางอย่างบอกข้าว่าเจ้ากำลังเรียกร้องหาความตาย! อย่าคิดเชียวว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้า!!” อาร์ทิสเอ่ยลอดไรฟันอย่างโกรธเกรี้ยว
“ยายเฒ่าเอ๋ยยายเฒ่า….!” ฉินเย่รู้สึกราวกับตนเพิ่งได้รับภาระอันยิ่งใหญ่ หน้าผากของเขาในเวลานี้เต็มไปด้วยเหงื่อ ขณะที่เอ่ยแกมขอร้อง “ท่านรู้หรือไม่ว่าสภาพของตัวเองในเวลานี้นั้นน่าตกใจมากเพียงใด? หากท่านไม่อยากให้หน่วยสอบสวนพิเศษมาเคาะประตูห้องของเราละก็ช่วยเงียบเสียงทีเถอะ!”
อาร์ทิสเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าเมืองเป่าอันเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับผู้ฝึกตนให้แก่สาธารณะแล้วหรือ? เจ้าจะบอกว่าข้าเป็นหุ่นเชิดของเจ้าก็ได้ บอกพวกเขาว่าเจ้าสืบสายเลือดมาจากปรมาจารย์นักเชิดหุ่นก็ได้ไม่ใช่หรือไง เจ้าโง่!”
หุ่นเชิด?!
สายเลือดที่ใช้ตุ๊กตายางเป็นหุ่นเชิดเนี่ยนะ?!
ต่อให้ท่านจะไม่สนใจหน้าตาของตัวเอง แต่ข้าสน! ท่านก็รู้ไม่ใช่หรือว่าตอนนี้ข้าเป็นอาจารย์แล้ว?! อาจารย์น่ะ!!!
ลองจินตนาการดูซิ หลายปีผ่านไป อาจารย์ของสำนักฝึกตนแห่งแรกผายมือไปป้ายเชิดชูเกียรติยศของเหล่าอาจารย์ในอดีตและอธิบายให้เด็กนักเรียนที่ยืนอยู่รอบ ๆ ฟังว่า “นี่คือคุณฉิน เขาเป็นหนึ่งในอาจารย์รุ่นแรก ๆ ที่เรามีในสถาบันของเรา เขาสามารถใช้ตุ๊กตายางได้อย่างเชี่ยวชาญ…”
ความอัปยศที่พุ่งสูงทะลุกรอบตาราง!!
แต่เนื่องจากการคำนึงถึงการรักษาชีวิตของตัวเอง ฉินเย่ไม่กล้าที่จะอธิบายสถานการณ์ให้กับอาร์ทิสฟังในตอนนี้ กลับกัน เขารีบคว้าร่างของอาร์ทิสเอาไว้และเอ่ยว่า “เรื่องเป็นเช่นนี้…ท่านไม่ได้สัมผัสกับโลกภายนอกมาเป็นเวลานาน และข้าก็รู้สึกว่ามันคงจะเป็นการดีที่สุดที่ท่านจะค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยรอบ”
เขาอยากจะชื่นชมในความหัวไวของตัวเองจริง ๆ!
“แล้วอย่างไร?” อาร์ทิสไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลยสักนิด “ไม่ใช่ว่าเจ้าควรจะพาข้าไปเดินรอบ ๆ เพื่อเปิดวิสัยทัศน์ของตัวเองหรอกหรือ?”
ไม่มีทาง!
“…อันที่จริง มันมีอะไรที่ดีและสบายกว่าอะไรพวกนั้นเสียอีก ยกตัวอย่างเช่น….อย่างเช่น….เช่น…ใช่แล้ว!”
“ข้าต้องไปเอาของบางอย่าง ท่านจงรออยู่ที่นี่และอย่าไปไหนเด็ดขาด!”
“……”
ทันทีที่เอ่ยจบฉินเย่ก็รีบเดินจากไปทันที และเขาก็กลับมาพร้อมกับโทรศัพท์ยี่ห้อผลไม้ชนิดหนึ่งของหวังเฉิงห่าว เขาโยนมันให้กับอาร์ทิสและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “มา ข้าจะสอนวิธีใช้มันให้กับท่าน…อันดับแรก ข้าจะสอนเครื่องมือที่คลาสสิกที่สุดให้ มันคือโปรแกรมแชทของแอปคิวคิว”[1]
อาร์ทิสที่ได้ยินเช่นนั้นเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสนใจทันที
“และแอปนี้เรียกว่า Surprise Video Network ข้าจะลงทะเบียนผู้ใช้ให้ท่านเดี๋ยวนี้เลย…” “และบนหน้าเว็บไซต์นี้ ท่านจะสามารถค้นหาทุกอย่างที่ท่านอยากรู้ได้…”
ในอีก 2-3 นาทีต่อมา ฉินเย่ยังคงอธิบายทุกอย่างให้กับอาร์ทิสฟังอย่างใจเย็น เมื่ออธิบายทุกอย่างเรียบร้อยและยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก เขาก็พบว่าอาร์ทิสกำลังดื่มด่ำกับความสุขในการท่องเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางไม่สนใจที่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขาเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้รอยยิ้มลึกลับและไม่สามารถสื่อความหมายได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ฮ่า ๆๆๆๆ….ยายเฒ่าอย่างท่านจะมาสู้กับข้าได้อย่างไร?
รอให้ข้าแนะนำให้ท่านรู้จักกับแอปวีแชทหลังจากนี้ก่อนเถอะ ข้าเชื่อว่าท่านจะไม่ก้าวเท้าออกจากห้องห้องนี้อีกเลย!
เพราะสุดท้ายแล้ว ระยะทางที่ห่างไกลที่สุดในโลกนี้นั้นไม่ใช่ระยะห่างระหว่างท่านกับข้า แต่มันคือระยะห่างระหว่างพวกโอตาคุกับเด็กสาวที่อยู่ห้องข้าง ๆ
ไม่ใช่สิ…เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าสัตว์ประหลาดเฒ่าตัวนี้นั้นมีความสามารถในเก็บรักษาข้อมูล ทำความเข้าใจ และตรรกะความคิดที่อยู่ในระดับเหนือมนุษย์ แค่นี้มันไม่เพียงพอที่จะทำให้นางเสพติดและหมกมุ่น….
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของฉินเย่ก็ประดับด้วยรอยยิ้มที่ดูคล้ายกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ “อาร์ตี้ ทั้งหมดที่ข้าได้อธิบายให้ท่านฟังนั้นเป็นเพียงแอปพื้นฐานเท่านั้น มาเถอะ ข้าจะอธิบายสิ่งที่ยกระดับไปอีกขั้นหนึ่งให้ท่านฟัง”
อาร์ทิส ผู้ที่กำลังตั้งสมาธิอยู่กับการท่องโลกอินเทอร์เน็ต เงยหน้าจากหน้าจอเป็นครั้งแรกในที่สุด หางตาของนางกระตุกเล็กน้อย
ร้านชาแนลทีมอลล์….[2]
หรือข้าควรจะพูดว่า…ดึงความเป็นผู้หญิงของท่านออกมาดี?
“นี่ ยังมีนี่อีก…” เขาคลิกลิงก์สองลิงก์ด้วยความรู้สึกที่คลุมเครือ “พวกนี้คือสิ่งที่เรียกว่าวิดีโอเกม มันคือเกมออนไลน์ที่กำลังเป็นที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้ เกมนี้ชื่อ คิงออฟกลอรี ส่วนเกมนี้ชื่อว่า PUBG และที่เราเข้าอยู่นี่คือแอปซื้อของออนไลน์ ข้าได้ดาวน์โหลดทุกอย่างไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถลองเล่นดูได้เลย…แล้วถ้าท่านไม่มีสกิน ท่านก็เรียกหวังเฉิงห่าวเอาก็แล้วกัน แล้วหมอนั่นจะช่วยซื้อสกินให้ท่านเอง ”
อาร์ทิสเหลือบตามองเด็กหนุ่มอย่างระแวง “เหตุใดวันนี้เจ้าถึงดูตั้งใจนัก แถมยังดูขยันเป็นพิเศษด้วย?”
“เปล่านี่…ฮ่า ๆๆๆๆ ข้าเคยไม่สนใจความต้องการของท่านเสียเมื่อไหร่?”
เมื่ออาร์ทิสเริ่มจมอยู่กับความล้ำลึกของโลกอินเทอร์เน็ตอย่างแท้จริง ฉินเย่ก็ลุกขึ้นยืนและลูบหลังของตัวเองเบา
ในที่สุดก็จบสักที…
ช่างน่าเศร้านัก เด็กหนุ่มหารู้ไม่ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้ายที่สุดของเขาเท่านั้น
ในคืนนั้นเอง
“ให้ตายเถอะ! ทำไมลักซ์ [3] ของเจ้านั่นทำไมไม่เหมือนกันของข้า? แล้วมันดูเหมือนว่าดาเมจของอีกฝ่ายจะสูงกว่าของข้าด้วย!”
เสียงกดแป้นพิมพ์? ของนางทำให้เส้นเลือดบริเวณขมับของฉินเย่เต้นตุบ ๆ อย่างไม่สามารถควบคุมได้
เขาลืมไปด้วยว่ายายแก่นี่ไม่จำเป็นต้องหลับต้องนอน…นี่มันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ชัด ๆ!
“หืม? เจ้ากล้าสบถใส่ข้าอย่างนั้นหรือ…ลุกขึ้น! รีบมาสอนข้าพิมพ์ตอบเจ้าพวกนั้นเดี๋ยวนี้!” “ทำไมฮีโร่ตัวนี้ของข้าถึงฆ่าอะไรไม่ได้สักตัว?” “เจ้าพวกนั้นเรียกข้าว่านู้บ(noob เรียกง่าย ๆ ว่า อ่อน) นู้บคืออะไร? หรือว่าข้าใช้สกิลผิด?”
02.00 น. ฉินเย่อุดหูและมุดตัวอยู่ในผ้าห่มเหมือนกับรังไหม
03.00 น. ฉินเย่นอนมองเพดาน กระสับกระส่ายแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
04.00 น. เขาหอบผ้าห่มของตัวเองและเตรียมที่จะเดินไปที่ห้องของหวังเฉิงห่าว แต่ก็กลับถูกอีกฝ่ายรั้งเอาไว้ “รูนตัวนี้ส่งผลอะไร?”
05.00 น. เขามองไปที่หน้าจอด้วยรอยคล้ำขนาดใหญ่สองรอยรอบดวงตา แทบจะเหมือนกับคนตาย
06.00 น.
“เกมขยะ” อาร์ทิสถอนหายใจออกมายาวเหยียด ด้วยนิ้วมือที่เป็นยางของนาง ในที่สุดนางก็ปิดคอมพิวเตอร์ลง จากนั้นจึงเหลือบมองไปยังฉินเย่ และนางก็ต้องตกตะลึงราวกับเห็นผี “เหตุใดเจ้าจึงยังไม่นอนอีก?”
ฉินเย่: “……”
เด็กหนุ่มขยี้ตาไปมาอย่างเหนื่อยใจ ประสบการณ์ยอดแย่ในคืนนี้ทำให้เขาได้เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของ ประโยคที่ว่า “หว่านพืชแบบใดก็ได้ผลแบบนั้น”
“พักเสียบ้าง ข้าจะดูละครแล้ว…จะว่าไป ตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมาเป็นเวลานานขนาดนี้ นี่เป็นเรื่องดี ๆ เรื่องแรกที่เจ้าทำให้ข้าเลยนะ”
ไม่กี่นาทีต่อมา…
“ในคืนอันหนาวเหน็บ เจ้าปรารถนาที่จะกลายเป็นเพียงสายน้ำ ชะล้างโคลนตมในฤดูใบไม้ผลิ ปกป้องข้าไว้ กาลเวลาพ้นผ่าน เก็บซ่อนคนรัก เหลือเพียงกลิ่นบุปผาฟุ้งขจรสู่นทีที่ไหลริน….[4]”
โอ๊ยยยยยยยยย!!!
ฉินเย่กระแทกศีรษะของตัวเองลงกับหมอนอย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าไม่ได้ว่าอะไรตอนที่ท่านอดีตตุลาการนรกนั่งเล่นเกมตลอดคืนเหมือนกับพวกนักศึกษามหาวิทยาลัยคนอื่น ๆ แต่ท่านจะมาดูสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่ตอนนี้ได้อย่างไร?! ฮะ?!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉินเย่ไม่กล้าที่จะย้ายไปนอนที่ห้องของหวังเฉิงห่าวด้วยกลัวว่าความน่ากลัวในห้องของเขาจะสร้างปัญหาให้เขามากกว่าเดิม ในคืนต่อมา เด็กหนุ่มได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองและได้มอบหูฟังตัดเสียงรบกวนอย่างดีให้กับอาร์ทิสก่อนที่จะใส่ที่อุดหูและที่ปิดตาให้กับตัวเอง ในที่สุดทุกอย่างก็ดีขึ้น
ในเช้าวันที่สาม หลังจากที่ฉินเย่ได้เข้าสู่นิทราไปสามชั่วโมง เขาก็ต้องตื่นขึ้นและมองเพดานห้องด้วยดวงตาที่แดงก่ำ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครอีกเนี่ย?” เขาเอ่ยอย่างเหนื่อยอ่อน
“คุณฉินครับ” น้ำเสียงนิ่งเรียบทว่าหนักแน่นดังมาจากอีกด้านหนึ่งของประตู “ผมเป็นคนขับรถที่ทางสำนักฝึกตนแห่งแรกส่งมาครับ คนที่เคยขับรถให้คุณก่อนหน้านี้ คุณพอจะจำได้หรือเปล่าครับ?”
ฉินเย่เปิดปากหาวและเอื้อมมาไปในกางเกงและเกาเพื่อบรรเทาอาการคัน จากนั้น ขณะที่เริ่มล้างหน้า เขาก็เอ่ยว่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
เกิดความเงียบขึ้นประมาณสามวินาที
“คุณฉิน…คุณลืมหรือเปล่าครับว่าวันนี้คือวันแข่งขันสำหรับเหล่าอาจารย์ประจำสาขาวิชาต่าง ๆ? และหลังจากการที่แข่งขันจบลง คุณก็ต้องไปที่วิทยาเขตหลังของมหาวิทยาลัยอันฮุ่ยที่ตั้งอยู่ที่เมืองไท่ซานเพื่อศึกษาเพิ่มเติม”
ฉินเย่ที่กำลังถูหน้าของตัวเองชะงักไปทันที
หลังจากผ่านไปสิบวินาที เขาก็เปิดประตูด้วยใบหน้าที่สดชื่นกว่าเดิม “หวังว่าคุณคงจะไม่ได้รอนานเกินไปนะครับ ทีนี้เราไปกันได้หรือยัง?”
ไม่นานทั้งสองก็ขึ้นรถและมุ่งหน้าไปที่สำนักฝึกตนแห่งแรกทันที
ส่วนอาร์ทิสน่ะหรือ?
หึหึหึ…เกรงว่าคงจะมีแต่ปรมาจารย์หยางเท่านั้นที่จะสามารถปลุกให้นางตื่นขึ้นจากความมัวเมาของอินเทอร์เน็ตได้
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงที่สำนักฝึกตน แววตาของฉินเย่เปลี่ยนเป็นนิ่งและเคร่งขรึมโดยพลัน
สำนักฝึกตนแห่งแรกในเวลานี้เริ่มดูน่าเกรงขามมากขึ้น เจ้าหน้าที่ทหารเดินลาดตระเวนไปทั่วทุกแห่งทำให้ทั้งสถาบันเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อึมครึม
รถคันที่เขานั่งขับตรงไปที่ลานขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว ป้ายคำขวัญและป้ายบอกทางไม่มีให้เห็นอีกต่อไป เหล่าผู้ฝึกคนที่นี่ต่างยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเองและสนใจแต่สิ่งที่ตนสนใจเท่านั้น นอกเหนือจากเวทีขนาดใหญ่ 50 เมตรที่ถูกสร้างขึ้นอยู่กลางลานแล้ว มันก็ไม่มีอะไรอื่นให้เห็นโดยรอบอีก
มันเป็นเวทีหินที่ดูคล้ายกับที่ใช้ในสมัยโบราณ และมีคนยืนล้อมรอบอยู่ประมาณร้อยคน คนทั้งหมดต่างยืดกล้ามเนื้อและอบอุ่นร่างกาย ออร่าที่หนาแน่นของอัจฉริยะขั้นนักล่าวิญญาณปกคลุมไปทั่ว นอกจากนี้ ฉินเย่ยังสัมผัสได้ถึงสายตาของพวกที่แข็งแกร่งกว่าขั้นนักล่าวิญญาณที่กำลังสอดส่องเพื่อตรวจสอบพื้นที่โดยรอบอีกด้วย
50% ของหัวกะทิที่อยู่ขั้นนักล่าวิญญาณของประเทศต่างมารวมตัวกันที่นี่!!
คนทั้งหมดต่างระเบิดจิตวิญญาณและความตั้งใจในการต่อสู้ของตัวเองออกมาขณะที่จับกลุ่ม 3-5 คนและพูดคุยกัน หากสูดหายใจเข้าลึกๆ คุณจะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ลอยอยู่ในอากาศ
ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของฉินเย่ค่อย ๆ หายไปขณะที่เขามองสำรวจไปรอบ ๆ จากนั้นจึงเดินหลบไปด้านหนึ่งเพื่อเริ่มอบอุ่นร่างกายดั่งเช่นคนอื่น ๆ
การแข่งขันครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
ทางสำนักฝึกตนไม่ได้แจกแจงรายละเอียดทั้งหมดอย่างชัดเจน แต่พวกเขาได้บอกเอาไว้ว่ามันคือการแข่งขันจัดอันดับ
และลำดับการจัดอันดับมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งใด?
ทรัพยากรและอำนาจอย่างไรล่ะ!
และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้เขายอมตกลงเข้าร่วมงานกับสำนักฝึกตนในตอนแรก!
ก่อนหน้านี้เขาได้ใช้เวลากับลิมโบและตี้ทิงไปพอสมควร ข้อเท็จจริงที่ว่าการแข่งขันจะถูกจัดขึ้นในวันนี้เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเขาได้หมดสติไปหลายวันหลังจากที่กลับมายังแดนมนุษย์ และในเมื่อเป็นเช่นนั้น…
ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกายขึ้น “การขยายตัวครั้งแรกของยมโลกแห่งใหม่…คงจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว!”
“หลังจากที่การแข่งขันนี้จบลง เราจะแลกคะแนนความดีที่มีอยู่ทั้งหมดซะ ส่วนเรื่องของนรก…มันถึงเวลาแล้วที่จะทำให้เหล่าดวงวิญญาณรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเราอีกครั้ง!”
[1] QQ โซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างหนึ่งในจีน
[2] โดยพื้นฐานแล้ว สกินคือการเปลี่ยนความสวยงามให้กับตัวละครหรืออาวุธที่คุณมีอยู่ในเกมเพื่อให้ดูเท่ห์ขึ้น
[3] ตัวละครจากเกม LOL
[4] เนื้อเพลงเหน็บหนาว《凉凉》ที่ใช้ประกอบซีรีส์จีนเรื่อง “สามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่”
Comments