วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 578 ผู้หญิงที่โตแล้ว
บทที่578 ผู้หญิงที่โตแล้ว
ยิ่งกว่านั้น ชีวิตคนเราบนโลกใบนี้ ใครกันไม่เคยมีอดีต? ใครกันที่จะไม่มีความลับเลยสักนิด?
ของเพียงเธอมั่นใจว่าวันนี้ลู่จิ่งเซินรักเธอและในใจของเขาไม่มีผู้หญิงคนอื่น แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้จิ่งหนิงก็ยกมุมปากด้วยความพอใจ
ในตอนนี้อีกาฟากหนึ่ง
ในห้องหนังสือ
แสงในห้องมืดสลัวเล็กน้อยลู่จิ่งเซินนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังหลังโต๊ะทำงานโดยเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ดวงตาของเขาขุ่นมัวเล็กน้อย
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเขามีภาพวิดีโอคอลชายอีกด้านกำลังพูดอะไรบางอย่างเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว แต่
ลู่จิ่งเซินกลับฟังและไม่ตอบกลับ
จนอีกฝ่ายพูดอยู่นานกว่าสิบนาทีจนพูดทุกอย่างจนเกือบหมดแล้วก็ยังเห็นเขาปิดปากเงียบจึงได้ถามอย่างเหลืออด: “sam คุณตกลงที่จะอพยพคนเหล่านั้นได้อย่างไร? คนของคุณอยู่ที่นั่น พวกเราทำอะไรไม่สะดวกเลยจริงๆ แถมพวกเราก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตนของคุณ แต่คนของคุณไม่ไปเสียที พวกเราไม่มีทางที่จะเก็บมันเอาไว้ได้แล้ว!”
ลู่จิ่งเซินนั่งอยู่ตรงนั้นและหรี่ตาเล็กน้อยแล้ววางนิ้วเรียวลงบนที่วางแขนแล้วแตะเบา ๆ
อีกฝ่ายดูเหมือนจะหมดความอดทนและพูดอย่างโกรธ ๆ “Sam ใครๆ ก็บอกว่าชายชาวตะวันออกอย่างคุณนั้นรักษาคำสัตย์ ตอนนี้คุณกำลังกินเขตแดนของเราอย่างชัดเจน หรือว่านี่คือคำสัตย์ของคุณงั้นเหรอ? หลายปีมานี้ เราไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันที่สุดอย่างนั้นเหรอ? คิดถึงตอนนั้น แปดปีก่อนที่ผมช่วยคุณ…”
“Kris” ทันใดนั้นลู่จิ่งเซินก็พูดออกมาคำหนึ่ง
คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและหยุดกึก
สายตาของเขามองไปทางซ้ายและขวาดูเหมือนรู้สึกผิดเล็กน้อย
“Sam คุณก็ต้องเข้าใจผมด้วย ตอนนี้การทำธุรกิจที่นี่นั้นลำบากมาก รอบด้านมีผู้มีอิทธิพลรายใหญ่รายล้อมเราทีละน้อย เขตนี้ ตอนนี้เป็นปราการด่านสุดท้ายของเราแล้ว ถ้าหากแม้แต่คุณยังจะยึดเอาเขตนี้ของเราไป ผมก็ไม่รู้จะถอยไปไหนได้อีกแล้ว ต่อให้ผมไม่คิดเพื่อตัวเอง ก็เพื่อลูกน้องอีกหลายร้อยคนที่ติดตามผม จึงอาจจะต้องแตกหักกับคุณ Sam เราเคยร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมา ผมไม่อยากให้เราต้องทะเลาะกันจนถึงจุดนั้นจริงๆ!”
ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแทบจะเกลี้ยกล่อมอยู่ตลอด ขอร้องเขาในท่าที่นอบน้อมที่สุด
ลู่จิ่งเซินยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น เขานั่งอยู่ตรงนั้นแววตาสงบนิ่งราวกับว่าเรื่องราวที่ได้ยินนั้นเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยไม่สำคัญ
ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ ๆ เขาก็พูดขึ้น: “คุณต้องการเขตนั้น ได้”
คืนนี้ทั้งคืนเขาไม่ได้พูดอะไรนัก แต่สิ่งที่พูดครั้งนี้กลับเหมือนเสียงสวรรค์
เมื่อชายที่อยู่อีกฝั่งได้ยินก็ตื่นเต้นมากและยิ้มจนแก้มแทบปริ
“จริงเหรอ? คุณรับปากว่าจะให้เขตนั้นกับผมจริงเหรอ?”
ลู่จิ่งเซินหรี่ตาลงเล็กน้อยและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ใช่ แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน คุณก็ต้องรับปากผมข้อหนึ่ง”
เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกไปใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มก็หุบลงทันที
เขาทำหน้าแหยแล้วพูด “Sam ระหว่างพี่น้อง ไม่ควรจะมีข้อแม้ไม่ใช่เหรอ?”
ดวงตาของลู่จิ่งเซินหรี่ลงอย่างรวดเร็วและเขาพูดอย่างเย็นชา: “ในเมื่อคุณไม่อยาก งั้นก็…”
“เฮ้ อย่า!” ฝั่งตรงข้ามขัดจังหวะเขาทันทีกลัวว่าเขาจะกลับคำ
ถึงแม้จะคิดกับตัวเองว่าลู่จิ่งเซินเต็มใจที่จะตัดชิ้นเนื้อขนาดใหญ่ออกจากปากของเขาเอง แต่สิ่งที่เขาขอต้องไม่ธรรมดาอาจจะยากด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เขาถอยไม่ได้แล้ว ไม่ว่าลู่จิ่งเซินจะขออะไร ก็คงทำได้เพียงกัดฟันรับคำ
เมื่อคิดเช่นนี้เขาจึงพูดขึ้น: “คุณพูดมาสิ คุณต้องการอะไร?”
“ในตลาดมืดคุณมีแหล่งสินค้าใหม่ที่เพิ่งปล่อยมาซึ่งเป็นหัวใจของกลุ่มเลือด Rh-negative trait”
อีกฝ่ายอึ้งไปอย่างแรง!
“นี่…”
เขาขมวดคิ้วสีหน้ามีความลำบากใจไม่น้อย
ลู่จิ่งเซินเองก็ไม่เร่งเร้าเพียงแต่ใช้สายตาสงบนิ่งมองเขา เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องตอบตกลงแน่
แน่นอนว่าภายในหนึ่งนาทีคนที่อยู่อีกด้านก็ถอนหายใจ
“เฮ้อ ผมไม่โกหกคุณแล้วกัน คุณก็รู้ว่า กรุปเลือด Rh-negative trait มันหายากมาก ใครก็ตามที่ต้องการการปลูกถ่ายอวัยวะทั่วโลกจะถูกขูดรีดในราคาสูงสำหรับการจัดหากรุปเลือดนี้”
“สินค้านี้ผมมีแน่ แต่มันถูกนักธุรกิจชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จองไว้ก่อนแล้ว แต่ในเมื่อคุณต้องการ ผมก็จนปัญญานอกจากให้คุณก่อน ทางนั้นผมจะหาทางรับมืออีกที”
ลู่จิ่งเซินรู้ว่าถึงแม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้ แต่เบื้องหลังแล้วจะต้องมีวิธีการของตัวเองแน่
ดังนั้นเขาแค่ยกมุมปากแล้วพูด “ดี เมื่อไหร่ถึงจะได้ของ?”
“ของแบบนี้แน่นอนว่ายิ่งเร็วยิ่งดี หากว่าช้าแล้วเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ผมไม่กล้ารับประกันว่าจะคุณยกพื้นที่นั้นให้ผม ดังนั้นอย่างช้าก็สามวัน อีกสามวันของจะส่งถึงประเทศจีน”
ในที่สุดลู่จิ่งเซินก็แสดงรอยยิ้มที่หายไปนานและกล่าวอย่างจริงใจกับบุคคลในวิดีโอ: “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นก็ดีใจที่ได้ร่วมงาน”
ฝั่งตรงข้ามหัวเราะเจื่อนแล้วไม่รู้ว่ากำลังหัวเราะเยาะตัวเองหรือลู่จิ่งเซิน
และพูดตามมา “ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ”
หลังจากวางสายวิดีโอคอล ลู่จิ่งเซินเหลือบดูเวลาก็สี่ทุ่มแล้ว
เขาลุกขึ้นและลงไปข้างล่าง
พอเดินไปถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็เห็นจิ่งหนิงที่เพิ่งออกมาจากห้องของอานอาน
เขาหยุดเล็กน้อยแล้วเดินลงมาและถาม: “อานอานหลับแล้วเหรอ?”
“อือ”
จิ่งหนิงพยักหน้าและเดินไปข้างๆ เขา เมื่อเห็นเขายังสวมเสื้อผ้าเมื่อตอนกลางวันจึงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
“ฉันคิดว่าคุณไปอาบน้ำแล้ว ทำไมยังไม่อาบคะ?”
ลู่จิ่งเซินยิ้มแล้วพูด: “ไม่รีบ ยังเช้าอยู่เลย”
จิ่งหนิงอดที่จะถอนหายใจไม่ได้
เธอยื่นมือออกจัดการปกคอเสื้อที่ยุ่งเล็กน้อยให้เขาแล้วพูด: “หรือว่าคุณลืมแล้วคะ? พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปประเทศ T ไฟล์ทหกโมงเช้าพรุ่งนี้ ถ้าหากไม่รีบไปอาบน้ำพักผ่อนเร็วๆ พรุ่งนี้เช้าจะตื่นทันเหรอคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นอยู่ใกล้มากและกลิ่นหอมจาง ๆ จากร่างกายของเธอทำให้ลู่จิ่งเซินหายใจไม่ออก
หากจะพูดทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว ช่วงโปรโมชั่นน่าจะหมดไปนานแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อจิ่งหนิงเป็นผู้หญิงที่มีลูกแล้วด้วย ตามหลักแล้วทั้งคู่เป็นพ่อแม่คนแล้ว โดยธรรมชาติไม่มีทางที่จะเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันที่ตัวติดกันตลอดเวลาแล้ว
แต่พวกเขาสองคนกลับแตกต่างอย่างน่าประหลาด
ดูเหมือนเวลาจะไม่สามารถลดทอนความรู้สึกของพวกเขาลงได้ แต่กลับทำให้ยิ่งความรู้สึกยิ่งมากขึ้น
เหมือนเหล้าชั้นดียิ่งบ่มนานก็ยิ่งหอมเมื่อได้กลิ่นแล้วทำให้ลุ่มหลง
ส่วนจิ่งหนิงที่เป็นคุณแม่ลูกสองนั้นกลับไม่ได้มีเสน่ห์น้อยลงแต่กลับมีแต่เพิ่มขึ้น ความอ่อนเยาว์ที่หมดไปกลับมีสไตล์ของผู้หญิงเต็มวัยเข้าแทนที่
Comments