บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 9เกี่ยวอะไรกับข้า
บทที่9เกี่ยวอะไรกับข้า
จูนจิ่วเบิกตาโตเป็นแมวขาวดั่งหิมะจมูกสีชมพูตัวหนึ่งถูไปถูมาอยู่บนขานางออดอ้อนคนอย่างว่าง่ายหางปุยยาวๆกวาดผ่านหลังมือนาง
แมว…..ตัวปุยๆ
จูนจิ่วอุ้มแมวน้อยตัวขาวขึ้นมา“แมวมาจากไหนหัน?”
“เหมียวเจ้านายเป็นข้าเองเสี่ยวอู่เหมียว”
“…….”จูนจิ่วมองดูแมวน้อยตัวขาวแล้วก็มองดูกำไลบนข้อมือกำไลมือยังอยู่
เสี่ยวอู่พูดขึ้นว่า“เหมียวเจ้านายดูข้าข้ากลายเป็นแมวขาวตัวน้อยแล้วกลายเป็นแมวที่เจ้านายชอบที่สุด”
เป็นเสียงของเสี่ยวอู่ไม่ผิดแน่แค่เป็นคำพูดของคนที่ออกมาจากปากแมวขาวตัวน้อยจูนจิ่วขมวดคิ้ว“เป็นเจ้าจริงๆหรือเสี่ยวอู่?เจ้าเป็นปีศาจ?เจ้าแปลงกายได้?”
“เจ้านายข้าไม่ใช่…….”แมวเค้าสง่างามอย่างสมบูรณ์แบบนะ
แต่เมื่อมองดูจูนจิ่วเสี่ยวอู่ส่ายหางไปมาเลียนิ้วจูนจิ่วอย่างไม่มีความจำกัดเลย“แมวเสี่ยวอู่เป็นแมวเจ้านายชอบไหม?”
ติดตามอยู่ข้างกายจูนจิ่วมาสิบปีเสี่ยวอู่รู้ดีกว่าใครจูนจิ่วชอบสิ่งของที่มีขนปุยๆขนปุยๆก็ต้องเป็นแมวที่ได้รับการโปรดปรานที่สุดเมื่อก่อนมองเห็นจูนจิ่วอุ้มแมวมาอุ้มๆหอมๆเสียวอู่อิจฉาแทบตาย
เพื่อให้เจ้านายรักและโปรดปรานเป็นแมวตัวหนึ่งแล้วยังไง?
จูนจิ่วเริ่มลูบอย่างคล่องมือฟังเสียงกรนของแมวดวงตานางก็เริ่มหลับไป
แต่ก็ยังถามขึ้นว่า“เสี่ยวอู่เจ้าเป็นปีศาจหรือ?”
เสี่ยวอู่ส่ายหัว“เป็นปราณเสริมร่างเจ้านายให้ข้ามีกำลังทำให้ข้าสามารถแปลงกายในโลกใบนั้นไม่มีปราณดังนั้นข้าจึงทำได้เพียงอาศัยกำไลมือพูดคุยกับเจ้านาย”
ปราณ?
จูนจิ่วรู้นี่คือสิ่งที่โลกใบนี้ใช้เรียกกำลังระหว่างฟ้าดินอย่างหนึ่งปราณเสริมร่างถึงจะสามารถฝึกจิตกลายเป็นนักจิตได้
เจ้าของเดิมไม่สามารถปราณเสริมร่างถึงได้ถูกกว่าหาว่าเป็นคนขี้ขลาดตาขาวไม่ใช่หรือ?
จูนจิ่วปล่อยเสี่ยวอู่ลงยื่นมือจับชีพจรเมื่อจับดูชีพจรจูนจิ่วก็เข้าใจทันที“เจ้าของเดิมไม่สามารถฝึกจิตเป็นเพราะการอุดตันของลมปราณไม่สามารถดูดซึมลมปราณแต่คำท่องปิงซินเป็นคำท่องประจำสำนักพวกเราสามารถไล่ลมปราณดังนั้นจึงสามารถปราณเสริมร่าง”
“ดีที่สุดเลยแบบนี้เจ้านายก็จะสามารถฝึกจิตกลายเป็นนักจิต”
กลายเป็นนักจิตหรือ?
ดวงตาจูนจิ่วเป็นประกายมุมปากฉีกยิ้มอย่างเย่อหยิ่งคนพวกนั้นก็เพราะตนเองเป็นนักจิตจึงรังแกเจ้าของเดิมอย่างทระนงเรื่องที่ผ่านมาของเจ้าของเดิมตอนนี้นางยังไม่คิดบัญชีก็ได้
แต่หากยังกล้ามาหาเรื่องนางนางไม่ใช่เจ้าของเดิม
นางเป็นหมอเทวดาจูนจิ่วคนที่รังแกนางจะต้องชดใช้ร้อยเท่าพันเท่า
“เจ้านายท่านรีบๆฝึกจิตกลายเป็นนักจิตไปตบหน้าพวกเขาให้บวมเลย”
“ข้ากลายเป็นนักจิตมีผลดีต่อเจ้าด้วยใช่ไหม?”จูนจิ่วลูบหัวเสี่ยวอู่จรดหางรู้สึกดีมาก
“เหมียวเจ้านายกลายเป็นนักจิตเสี่ยวอู่ก็จะสามารถรักษาร่างกายที่แปลงมานี่ไปตลอด”
“ดี”
แต่ว่าร่างกายนี้ยังต้องล้างไขกระดูกอาบน้ำยาสมุนไพรก่อนไม่อย่างนั้นต่อให้ปราณเสริมร่างก็เดินไปได้ไม่ไกล
จูนจิ่วคิดเรื่องต่างๆไปด้วยนอนหลับฝันไปด้วย
เมื่อตื่นขึ้นมาลืมตามองเห็นใบหน้ากว้างของโม่อู๋เยว่งดงามไร้ที่ติมีสิ่งเดียวที่เหมือนดั่งปีศาจ
จูนจิ่วพูดขึ้นอย่างมีสติ“เจ้ามาอยู่ในห้องข้าทำไม”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีคนมาแล้ว”โม่อู๋เยว่ยื่นมือชี้ไปที่นอกประตู
จูนจิ่วรีบลุกขึ้นนางใส่เสื้อผ้านอนจึงไม่ต้องเปลี่ยนผลักประตูเดินออกไปเมื่อเงยหัวมองดูสายตาประกายความอาฆาต“เป็นเจ้า”
“คุณหนูคุณหนูปี้หลัวสำนึกผิดแล้วคุณหนูให้อภัยบ่าวเถอะ”
ปี้หลัวคุกเข่าอยู่บนพื้นกระโจนเข้าหาจูนจิ่ว“คุณหนูปี้หลัวเป็นคนดูแลท่านคนเดียวมาตลอดปี้หลัวไม่มีคุณงามความดีแต่ก็ผ่านความยากลำบากมาคุณหนูท่านให้อภัยบ่าวเถอะ”
จูนจิ่วหันข้างขมวดคิ้วปี้หลัวกระโจนได้ความว่างเปล่าจนหัวฟาดพื้นเลือดไหลเต็มหัวทันที
ปี้หลัวร้องอย่างคร่ำครวญ“คุณหนูดูสิปี้หลัวเลือดไหลแล้ว”
“เกี่ยวอะไรกับข้า”
Comments