บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 138นางเลือกคนไม่ผิด
บทที่138นางเลือกคนไม่ผิด
พวกหยูนเฉียวเฝ้าอยู่หย้าปากถ้า พรางได้ยินเสียงเดินเบาเบา จึงหันหัวกลับไปดู ก็เห็นเสี่ยวอู่คลี่ยิ้มอยู่
หยูนเฉียวฉีกยิ้มอ่อนโยน ยกมือขึ้นทำท่าโบกไม้โบกมือให้เสี่ยวอู่ “เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ตัวเบาเบา คล้ายจะลอยไปลอยมาได้เหมือนพวกเซียนเลยใช่ไหมล่ะ”
“เสี่ยวอู่รู้สึกว่ารสชาติของน้ำหยกทิพย์เป็นอย่างไร ข้ารู้สึกว่ามันออกหวานนิดหน่อย” จูนเสี่ยวเหล่ยก็เริ่มพูดกับเสี่ยวอู่
กู่ซงก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ แต่ไหนแต่ไรมาเสี่ยวอู่เป็นแมวที่ฉลาดอยู่แล้ว นิสัยก็คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคน ยิ่งได้เห็นธาตุแท้ของเสี่ยวอู่ บกเข้ากับคำบอกเล่าที่พ่อของจูนเสี่ยวอู่เคยเหล่าให้นางฟังตอนยังเด็กว่า เสี่ยวอู่เป็นปีศาจแมว
กู่ซงกระตุกปากเล็กน้อย แมวปีศาจ? แมวก็คงไม่ต่างอะไรกับสัตว์ทิพย์ จะมีปีศาจในโลกนี้ได้อย่างไร
เสี่ยวอู่จึงร้องเมี้ยวเมี้ยวแบบส่งเดชให้พวกเขาราวกับว่าตอบความสงสัยของพวกเขา เสี่ยวอู่จะเดินออกไปยังข้างนอก เมื่อเห็นดังนั้นพวกหยูนเฉียวจึงร้อนใจ จะห้ามเสี่ยวอู่ดีไหม หากออกไปแล้วเสี่ยวอู่ถูกจับตัวไป พวกเราต้องรู้สึกผิดต่อจูนจิ่วแน่ๆ
หยูนเฉียวจึงรีบพูด “เสี่ยวอู่ ในตอนนี้ข้างนอกอันตรายมาก เจ้าจะออกไปไม่ได้”
จูนเสี่ยวเหล่ยจึงหยิบเนื้อวัวแดดเดียวออกมา “ใช่แล้วเสี่ยวอู่ ถ้าเจ้าหิวแล้วอยากจะกินอะไรสักหน่อยไหม ข้ามีเนื้อวัวแดดเดียวนะ เจ้าอยากกินหรือเปล่า”
“แมวที่ไหนเขากินเนื้อวัวแดดเดียว เสี่ยวอู่ข้ามีเนื้อปลาตาก เจ้าอยากกินหรือเปล่า รีบมากินเร็ว” กู่ซงตั้งใจหยิบเนื้อปลาตากแห้งขึ้นมา นั้นทำให้เสี่ยวอู่สนใจอยู่ไม่น้อย
จากท่าทีสายตาที่โองอางสูงส่ง เมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้าจูนจิ่วแล้ว เสี่ยวอู่ก็เริ่มแสดงท่าทางน่ารัก ยิ้มจนแก้มปปริกออกมา ที่แท้ แมวมันก็เลือกปฏิบัติเหมือนกัน
เสี่ยวอู่จึงเหลือบตามองคนเขลาทั้งสาม มันครุ่นคิดสักพัก จึงใช่กรงเล็บขีดขีดเขียนเขียนอะไรบางอย่างลงพื้น ท่าทีแบบนั้นทำให้ดึงดูดทั้งสาม ทั้งสามคนจึงรีบมามุ่งดูจ้องมองไปยังพื้น
หยูนเฉียวจึงออกปากชม “เสี่ยวอู่เก่งจริงเชียว ทั้งเขียนหนังสือเป็น ไม่แปลกเลยที่เป็นแมวของจูนจิ่ว”
“เสี่ยวอู่เขียนอะไรกัน”
“นี้เป็นภาพวาด หรือ ตัวหนังสือกันแน่ มันคืออะไรกันแน่”
ไม่แปลกใจที่พวกเขาอ่านไม่ออก ต่อให้เสี่ยวอู่เขียนหนังสือได้ แต่จะไปหวังอะไรกับการเอากรงเล็บเขียนตัวหนังสือขึ้นมา แน่นอนว่ามันดูไม่ออกอยู่แล้ว เสี่ยวอู่จึงรีบร้อนใจเข้าไปอีก คงต้องปล่อยให้มันงอกขึ้นมาเองแล้วละ
ทั้งสามคนใช้เวลาอยู่นานจนสามารถถอดตัวหนังสืออก มีอักษรแปดตัว
หยูนฉียวจึงออกมาเรียงต่อกัน “ข้างมีคน ข้าต้องออกไปจัดการ”
“ข้างนอกมีคนหรือ”
ทั้งสามหันหัวกลับมา หมายจะถามเสี่ยวอู่ว่ารู้ได้อย่างไร แต่กลับไม่พบร่างของเสี่ยวอู่แล้ว คงออกไปแล้วแน่ๆ
กู่ซงพูดเสียงต่ำ “ไม่ว่าอย่างไรเสี่ยวอู่ก็เป็นแค่แมวตัวหนึ่ง จะให้ออกไปรับอันตราบได้อย่างไร พวกเราต้องรีบออกไป”
“แต่ว่าที่ปากถ้ำจูนจิ่วได้วางกลเอาไว้” จูนเสี่ยวเหล่ยชี้ไปทางปากถ้ำ ทั้งสามคนก็เงียบลงในทันที เพราะจูนจิ่วได้บอกไว้ว่า กลอันนั้นสามารถฆ่าคนได้เลย พูดของจูนจิ่วไม่เคยโกหก แล้วเสี่ยวอู่จะเป็นอย่างไร
พวกเขาออกไปไม่ จะปล่อยให้เสี่ยวอู่ออกไปเองจริงๆ หรือ
ทั้งสามมองกัน เหมือนจะคิดบางอย่างออก หรือเราควรไปบอกจูนจิ่ว แต่เมื่อคิดได้ดังนั้นกลับต้องเอาความคิดนี้กลับเข้าไป เพราะพวกเราจะไปรบกวนจูนจิ่วไม่ได้ จะทำอย่างไรกันดี
ทั้งยังได้ยินเสียงดังเกริกก้องของการเคลื่อนไหว ทั้งเสียงต้นไม้ที่ล้มลงตามตามกัน เสียงผู้คนที่ร้องออกมาอย่างป่าเถื่อน ทำให้พวกเขายิ่งร้อนใจ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
ทั้งสามคนร้อนใจจนได้แต่ยืนงงอยู่ปากถ้ำ เมื่อจูนจิ่วเดินออกมาเห็นท่าทีแบบนั้นก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ จนนางสงสัยแล้วถามออกมา “พวกเจ้าทำอะไรกัน”
หยูนเฉียว “แม่นางจูน”
“ศิษย์พี่จูน เสี่ยวอู่ออกไปแล้ว มันเขียนบอกว่าข้างนอกมีคน แล้วก็พุ่งออกไปเลย”
เมื่อได้ยินจูนเสี่ยวเหล่ยอธิบาย จูนจิ่วจึงรีบไปปากถ้ำทันที พร
วาดมือออกไปเพียงพริบตาก็เก็บกลเหล่านั้นจนหมด พวกหยูนเฉียวต่างก็ตกตะลึงไปตามตามกัน สุดยอด ไม่คาดคิดเลยว่าจูนจิ่วจะเก็บกลนั้นไว้ในกำไล แล้วมันน่าแปลกใจตรงไหนกัน
ไม่มีกลแล้ว พวกเขาก็รีบออกไปทันที
เมื่อออกไปถึงก็เห็นแมวสีขาวตัวใหญ่เหมือนสันเขาอยู่ที่นั่น ในปากของมันได้คาบใครบางคนเอาไว้ เพียงแต่สะบัดหัวครั้งเดียวร่างของคนนั้นก็กระเด็นลอยออกไปทันที แต่ยังไม่ทันได้กระทบลงพื้น แมวตัวนั้นก็ไปรับเอาม้วนเล่นเหมือนลูกบอลกลางอากาศ
บนพื้นนั้นเต็มไปด้วยคนระเนระนาด บ้างที่ยังไม่ตายก็ร้องออกมาด้วยความคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด เลือดที่กระอักออกมาได้ย่อมเสื้อผ้าจนมันกลายเป็นสีแดง เห็นได้ว่าอาการบาดเจ็บมาจากข้างไหน แล้วอาการเหล่านี้ใครเป็นคนทำกัน
แต่เหมือนเสี่ยวอู่เล่นอย่างมีความสุข ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไร
“เสียวอู่” จูนจิ่วกอดอก พรางพูดออกมาด้วยความเรียบง่าย
แมวที่กำลังเล่นลูกบอลร่างคนอยู่นั้น เมื่อได้ยินก็รีบนั่งลงโดยดี เมื่อไม่มีแมวโยกไปโยนมาแล้วร่างนั้นก็ล่วงหล่นลงพื้นทันที แต่แรงกระแทกมีมาก จนกระอักเลือดออกมาและสลบไป
จากนั้น พวกหยูนเฉียวก็ได้เห็นแมวร่างใหญ่ดุจมังกรเป็นบุญตา มันโดดลอยไปโดดลอยมาอยู่บนต้นไม้ หางขาวปุกปุยของมันกระดิกไปมา ทั้งยังนอนกลิ้งไปมาบนพื้นอย่างออดอ้อน มันส่งเสียงร้องออกมาที พาให้ใจคนอ่อนละทวย แต่เมื่อได้เห็นร่างจริงของ กลับต้องนิ่งแข็งไป
สัตว์เลี้ยงที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ คนทั่วไปคงควบคุมมันไม่ได้เป็นแน่
เมื่อแสดงความน่ารักน่าชังออกมา ในระหว่างนั้นมันเหยียบไปบนร่างที่กำลังจะคิดหนีจนกระอักเลือดแล้ว หลังเริ่มรู้สึกตัวมันก็คิดได้ว่า เจ้านายของตัวเองไม่ชอบสัตว์เลี้ยงที่มีขนาดใหญ่ มันจึงค่อยค่อยงอหูลงและหดตัวเล็กลงกลายเป็นแมวเล็กๆ หนึ่งตัว
แล้วจึงวิ่งเข้ามาสองสามก้าว เสี่ยวอู่ร้องขึ้น “เมี้ยวเมี้ยวเมี้ยว”
จูนจิ่วจึงตวัดสายตาใส่เสี่ยวอู่ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรมัน จูนจิ่วยกมือขึ้นพราง
ก็มีใบไม้ล่วงหล่นอยู่ปลายนิ้วของนางคมกริบดั่งมีด ใบไม้ที่คมกริบเหล่านั้นก็ได้ฆ่าผู้คนที่ตามคลื่นลมปราณนางมาจนหมดสิ้น นางจึงใช้มือเพียงข้างเดียวอุ้มเสี่ยวอู่ขึ้นมา
“เมี้ยว” เสี่ยวอู่ งุนงง ทำไมเจ้านายถึงได้โกรธขนาดนี้
“ข้าเคยพูดกับเจ้าว่าอย่างไร อย่าแสดงร่างจริงของเจ้ามิใช่หรือ”
“เมี้ยวเมี้ยว” ที่แท้ก็เพราะเหตุนี้ เจ้านาย พวกหยูนเฉียวก็รู้เรื่องนี้นานแล้วมิใช่หรือ
เมื่อได้ยินเสี่ยวอู่พูดดังนั้น จูนจิ่วจึงใช้สายตาทั้งคมทั้งเย็นชาไปทั้งพวกหยูนเฉียว
ถ้าหากร่างที่แท้จริงของเสี่ยวอู่แพร่ออกไป ไม่รู้ว่าจะฮือฮามากขนาดไหน แต่พวกหยูนเฉียวกลับรู้มานานแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เมื่อถูกสายตาจูนจิ่วมองมาจนหวาดกลัว หยูนเฉียวจึงรีบพูดขึ้น “มันแบบนี้แม่นางจูนจิ่ว เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกข้าเคยเห็นร่างนี้ของเสี่ยวอู่”
“ใช้แล้ว ศิษย์พี่จิ่ว เสี่ยวใช่แมวปีศาจหรือเปล่า สุดยอดไปเลย ไม่แปลกเลยที่เป็นแมวที่ศิษย์เลี้ยง”
พอได้ยินดังนั้น จูนจิ่วก็คลายสีหน้าที่ดุร้ายลง พรางพูดขึ้น “พวกเจ้าไม่สงสัยอะไรตัวของเสี่ยวอู่หรือ”
“ไม่” ทั้งสามตอบออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
กู่ซงถูจมูกไปมาพร้อมพูดด “จูนจิ่วหากเจ้าเลี้ยงแมวทั่วไปนะสิแปลก เสี่ยวอู่น่ะเหมาะกับเจ้าที่สุดแล้ว”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” นางจึงคลายความเย็นชาลง พรางก็มีรอยยิ้มอ่อนออกมา นางเลือกคนไม่ผิดจริงๆ คู่ควรแก่การไว้วางใจ
Comments