บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ 438 ถูกคนหลอกใช้ โต้กลับ
เสียงของจี้อีหมิงนั้นไม่เบา พวกฝู้หลินจ้านที่อยู่นอกถ้ำพอได้ยินเสียงก็เดินเข้ามา พอเห็นชิงหยู่กับมู่จิ่งหยวนค้นตัว ทั้งสองก็ตกใจ “นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไร”
เสียงที่ถามเพิ่งจะสิ้นสุดลง ก็เห็นชิงหยู่ฉีกแขนเสื้อของจี้อีหมิงออก เอาห่อของเล็กๆที่ห่อด้วยผ้าบางๆออกมาจากช่องลับในแขนเสื้อ ขยี้ดูแล้วข้างในเหมือนจะเป็นของที่ละเอียดเหมือนผง ชิงหยู่เอาให้จูนจิ่ว “ศิษย์น้องเจ้าดูสิว่าใช่นี่หรือไม่”
มองสิ่งของที่ค้นออกมาจากตัวจี้อีหมิง ทุกคนต่างก็นิ่งอึ้งไป รวมถึงตัวจี้อีหมิงด้วย ตัวแข็งทื่อมองอย่างงุนงงแม้แต่ความเจ็บปวดที่ขาลืมไปชั่วคราว
ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ถุงผ้าบนมือจูนจิ่ว ต่างก็กลั้นหายใจรอคำตอบของจูนจิ่วอย่างใจจดใจจ่อ
จูนจิ่วฉีกห่อผ้าออก เทผงด้านในไว้บนฝ่ามือ ใช้ปลายนิ้วแตะลงไป ยกมือขึ้นมาดม นางเอ่ยเสียงเย็นว่า “นี่เป็นผงหอมชนิดหนึ่งที่ใช้ล่อสัตว์ทิพย์ พวกเราจะไม่ได้กลิ่น แต่สัตว์ทิพย์จะได้กลิ่นนี้ ”
ทุกคนสุดหายใจเข้า
จูนจิ่วพูดต่อไปว่า “อีกอย่างผงหอมชนิดนี้ไม่ได้มีอยู่ทั่วไป คนทั่วไปนั้นหาไม่ได้ ที่พิเศษกว่านั้นคือ ในนี้มีการเพิ่มเต็มผงยาที่ใช้ดึงดูดอินทรีเสือดาวสามตาด้วย สรุปคือ ของสิ่งนี้ใช้เพื่อดึงดูอินทรีเสือดาวสามตาโดยเฉพาะ”
มีของสิ่งนี้อยู่ อินทรีเสือดาวสามตาที่อยู่ไกลเป็นพันลี้ก็สามารถไล่ตามมาได้
ทุกคนต่างมองไปที่จี้อีหมิง สีหน้าซับซ้อนเกินบรรยาย จี้อีหมิงร้องไห้ ส่ายหัวอย่างแรง “ไม่ใช่ข้า ข้าไม่มีว่าของสิ่งนี้มาอยู่ในเสื้อผ้าข้าได้อย่างไร พวกเจ้าต้องเชื่อข้านะ ฮือ”
“จูนจิ่ว ”ฝู้หลินซวงมองไปที่นาง
ยกมือขึ้นตัดบทในสิ่งที่ฝู้หลินซวงจะพูด จูนจิ่ว “ข้ารู้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเขา คนโง่ยังไม่ยอมพกของสิ่งนี้ไว้กับตัวเลย เห็นได้ชัดว่าจี้อีหมิงถูกคนหลอกใช้แล้ว ”
“เป็นใคร”ฝู้หลินจ้านเอ่ยด้วยเสียงดุดัน แววตามีไอสังหารวาบผ่าน
นั่นมันอินทรีเสือดาวสามตาเชียวนะ หนึ่งตัว ก็สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะจิ้งจอกสำริดขวางอินทรีเสือดาวสามตาเอาไว้ ไม่แน่พวกเขาอาจตายกันหมดแล้ว ใครกันที่อำมหิตขนาดนี้ คิดจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด
“ขอโทษ ”จี้อีหมิงร้องไห้หนักขึ้นอีก เขาไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง กลัวว่าจะดึงดูดสัตว์ทิพย์มา จึงได้กลั้นจนสะอื้น
ร่างสั่นสะเทือนจนกระทบกับบาดแผล มีเลือกไหลออกมาจากขา จูนจิ่วเห็นแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเย็นว่า “อยากตายก็ไม่ต้องมาเสียเวลาให้ข้าต้องมาช่วยเจ้า ถ้ายังร้องอีกจะโยนเจ้าออกไปให้อินทรีเสือดาวสามตามันกินซะ”
จี้อีหมิงรีบเอามืออุดปากทันที ตาเบิกกว้างไม่กล้าร้องไห้ไม่กล้าเคลื่อนไหว
ใครก็ไม่อยากจะแหย่ให้จูนจิ่วโมโห ตอนนี้จูนจิ่วดูแล้ว ใบหน้าของนางเหมือนจะไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆเลย แต่พอเห็นเช่นนี้แล้วก็ยิ่งดูน่ากลัว แรงกดดันไร้ตัวตน กดทับพวกเขาจนไม่กล้าพูดแทรก จูนจิ่วกำลังโกรธเคืองมาก
ตอนนี้เองเสี่ยวอู่เดินเข้ามา ถูไถไปที่ขาของจูนจิ่ว กระไอแห่งความกระหายเลือดอันน่ากลัวนั้นค่อยจางลงไปบ้าง ทำให้พวกเขาหายใจสะดวกขึ้น
เสี่ยวอู่พูดว่า “เสี่ยวหยิ่งกลับมาแล้ว”
“อินทรีเสือดาวสามตาถูกข้าไล่ไปแล้วแต่ก็แค่ชั่วคราว มันคงต้องตามมาอีกแน่ พวกเจ้าถูกมันจับจ้องไว้แล้ว อยู่ในรายการอาหารของอินทรีหัวเสือดาวสามตา ข้าว่าพวกเจ้าถอนตัวออกไปจากที่นี่ดีกว่า ”เสี่ยวหยิ่งเดินเข้ามาและพูดขึ้น
ดูแล้วเขาจะเหนื่อยมาก บนร่างจิ้งจอกสำริดยังมีร่องรอยกรงเล็บหลงเหลืออยู่ เสี่ยวหยิ่งกระโดดไปบนฝ่ามือของชิงหยู่ มุดเข้าไปในแขนเสื้อ
น้ำเสียงอู้อี้ส่งมาจากข้างในนั้น “ข้าไม่มีแรงแล้ว ถ้าครั้งหน้ายังต้องเจอกับอินทรีเสือดาวสามตาอีก ข้าคงสู้ไม่ได้แล้วพวกเจ้าก็หาวิธีกันเอาเองเถอะ”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร แม้คำถามที่ว่าเสี่ยวหยิ่งเป็นอะไร ก็ไม่มีใครอ้าปากถามสักคำ พวกเขามองจูนจิ่วเงียบๆ รอให้นางพูดก่อน โดยไม่รู้ตัวเหมือนราวกับว่าจูนจิ่วกลายเป็นพี่ใหญ่ ที่พวกเขาต้องรอฟังคำสังเพื่อทำตามอย่างไรอย่างนั้น
จูนจิ่วโยนถุงผ้าในมือไปยังกองไฟที่ลุกโชน แล้วก็ล้างมือ หยิบเอายาออกมาบีดจนแตกแล้วก็ทาเพื่อกลบกลิ่นของยาในถุงผ้านั้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นๆว่า “กลิ่นนี้ได้ซึมเข้าร่างของจี้อีหมิงแล้ว อีกทั้งเขายังได้รับบาดเจ็บหนักเคลื่อนไหวไม่ได้ เขาต้องไปจากที่นี่ ”
“ได้ ”จี้อีหมิงรีบพยักหน้ารับทันที เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ถ้าหากเขาจะระแวงสักนิดและตรวจดูก่อนออกเดินทาง ก็คงไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
เขาเป็นคนนำความเดือดร้อนมาให้ทุกคน ล้วนเป็นความผิดของเขา เมื่อคิดว่าเกือบจะทำให้ทุกคนเป็นอันตราย จี้อีหมิงก็อดไม่ได้ที่อยากจะร้องไห้ อยากจะตบหน้าตัวเองสักหลายที
มู่จิ่งหยวนพูดว่า “เช่นนั้นก็ปล่อยพลุสัญญาณ ส่งจี้อีหมิงออกไป พวกเราอยู่ต่อ แต่จะต่อกรกับเจ้าอินทรีเสือดาวสามตาอย่างไร ”
เสี่ยวหยิ่งพูดไม่ผิด สัตว์ทิพย์ล้วนแค้นฝังหุ่น ยิ่งถ้าเป็นอินทรีเสือดาวสามตาที่ดุร้ายอำมหิตยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้จะไม่มีผลยาในการดึงดูดแล้ว แต่อินทรีเสือดาวสามตาก็ได้จดจำหน้าตาและกลิ่นอายของพวกเขาไว้แล้ว ขอเพียงอยู่ในพื้นแอ่งนี้อีกหนึ่งวัน ไม่ช้าคงต้องได้ปะทะกันอีก
ทางที่จะป้องกันอันตรายได้ ก็คือพวกเขาถอนตัวถอยออกไป ก็สามารถแก้วิกฤตอันตรายได้ แต่ใครเล่าจะยอม จูนจิ่วแววตาเคร่งขรึม นางพูดว่า “ไปปล่อยพลุสัญญาณเถอะ ส่งจี้อีหมิงออกไปก่อนค่อยว่ากัน
“ได้ ”มู่จิ่งหยวนออกไปปล่อยพลุสัญญาณ
จูนจิ่วมองไปยังจี้อีหมิงอีกครั้ง เอ่ยขึ้นว่า “เอาที่มัดผมของเจ้าให้ข้า”
……
พลุสัญญาณถูกปล่อยขึ้นฟ้า เกิเสียงระเบิดดังขึ้น
ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว เวลากลางคืนของฤดูหนาวมาได้เร็วมาก ฟ้าข้างนอกค่อยๆมืดลงแล้ว แสงจากทั้งสี่ทิศก็ค่อยๆหม่นลง ฟ้ามือนั่นแสดงว่าในป่ายิ่งอันตราย แต่เจ้าสำนักเทียนซูกับป้าฟางยังคงเหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
พวกเขารีบวิ่งไล่ตามไปยังจุดที่ปล่อยสัญญาณพลุ ด้านหลังยังพาลูกศิษย์เทียนซูมาด้วย
มองผ่านกระจกน้ำก็เรื่องหนึ่ง เห็นด้วยตาตนเองก็เรื่องหนึ่ง ป้าฟางสูดลมหายใจเข้า ก้าวเท้าก้าวใหญ่ๆเข้าไป“รีบช่วยกันยกจี้อีหมิงกลับไปที่รักษา แล้วก็รายงานเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวด้วย ”แล้วก็มองไปทางจูนจิ่ว ป้าฟางพูดว่า “จูนจิ่ว พวกเจ้ารีบเตรียมตัวไปกับพวกเรา ”
“ทำไมพวกเราต้องไปด้วย ”จูนจิ่วมองเขาด้วยความเย็นชา
ป้าฟางชะงัก สีหน้าเปลี่ยนเป็นประหลาดใจและไม่เป็นสุข ป้าฟางจ้องจูนจิ่วเขม็งพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าปล่อยพลุสัญญาณ ไม่ใช่ว่าต้องจะถอนตัวกลับไปหรอกหรือ จี้อีหมิงบาดเจ็บขนาดนี้ พวกเจ้าน่าจะรู้แล้วว่าที่นี่อันตรายแค่ไหน ถ้าครั้งหน้าอินทรีเสือดาวสามตามาอีก พวกเจ้าจะรับมือได้หรือ”
“อย่าดื้อรั้นเหลวไหลอีกเลย ชีวิตจะเอามาล้อเล่นได้อย่างไร รีบไปกับข้า หรือเจ้าเห็นว่าชัยชนะสำคัญกว่าชีวิต ”พูดไป น้ำเสียงของป้าฟางก็เริ่มมีความบีบคั้นมากขึ้น
พวกชิงหยู่มองสีหน้าของจูนจิ่ว ต่างก็นิ่งเงียบเป็นฉากหลังอย่างชาญฉลาด
จูนจิ่วยิ้ม ยังคงเป็นยิ้มที่เยือกเย็นหนาวเข้ากระดูก ดวงตาทั้งคู่คมกริบ จูนจิ่วพูดว่า “ใครจุดพลุสัญญาณเสียง ก็เป็นคนนั้นที่ต้องการสละสิทธิ์ จี้อีหมิงเป็นคนปล่อยสัญญาณพลุ ย่อมต้องเป็นเขาที่ต้องไป ไม่เกี่ยวกับพวกเรา”
“เหลวไหล พลุเสียงนั้นเป็น ……”ป้าฟางพูดได้ครึ่งหนึ่งก็ต้องนิ่งไป
จบกัน ถูกจูนจิ่วเล่นคำเข้าให้แล้ว
จูนจิ่วมองด้วยรอยยิ้มเย็นชา ถามต่อไปว่า “มีอีกเรื่อง ที่ข้ารู้สึกประหลาดใจมาก ป้าฟางท่านรู้ได้อย่างไรว่าที่ทำร้ายจี้อีหมิงคืออินทรีหัวเสือดาวสามตา นั่นมันสัตว์ทิพย์ชั้นแปด พวกท่านบอกเองไม่ใช่เหรือว่าที่นี่มีแต่สัตว์ทิพย์ชั้นเจ็ด ”
จูนจิ่วยื่นมือออกไป ในมือนางมีที่ครอบผมของจี้อีหมิง
สีหน้าของป้าฟางและเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูต่างก็เปลี่ยนไป ต่อหน้าพวกเขา จูนจิ่วกำมือไว้แน่น ถ่ายทอดพลังทิพย์บีบจนที่ครอบผมนั้นแตกเป็นผง ที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองคนสีหน้าต่างเขียวคล้ำ เกือบจะกลายเป็นสีดำ
เพราะว่ากระจกน้ำ ซ่อนอยู่ในนั้น จูนจิ่วรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
Comments