ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! 295 ช่วยจัดการใครคนหนึ่ง
บทที่ 295 ช่วยจัดการใครคนหนึ่ง
วันต่อมา เจียงสื้อสื้อก็พูดเรื่องที่เธอจะย้ายไปอยู่ข้างนอก กับคุณแม่คุณแม่จิ้น
พอพวกเขาได้ฟัง ต่างก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “อยู่ดีๆ ทำไมถึงอยากจะย้ายออกไปข้างนอกล่ะ? มีจุดไหนที่ลุงกับป้าทำไม่ดีหรือเปล่า?”
“ไม่มีเลยค่ะคุณลุงคุณป้า ทั้งคุณลุงคุณป้าต่างก็ดีกับหนูมากเลยล่ะค่ะ อีกอย่างร่างกายหนูก็ดีขึ้นมากแล้ว ก็เลยไม่อยากจะอยู่รบกวนอีกน่ะค่ะ” เจียงสื้อสื้อรีบอธิบายไปทันที เพราะกลัวว่าพวกเขาจะเข้าใจผิด
“รบกวนอะไรกันล่ะ หนูอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะนะ จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้เลย” คนที่พูดก็คือคุณแม่จิ้น
เจียงสื้อสื้อเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เธอคิดว่าคุณแม่จิ้นอยากให้เธอย้ายออกไปเร็วๆ ด้วยซ้ำ เพราะจริงๆ แล้วเธอไม่ได้ชอบอะไรตัวเองขนาดนั้น
แต่จริงๆ แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ที่คุณแม่จิ้นปกป้องเธอต่อหน้าซูชิงหยิง เธอก็รู้สึกได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของคุณแม่จิ้น
เพียงแต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่า จะเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้
“ใช่แล้วสื้อสื้อ หนูอยู่ที่นี่ต่อเถอะนะ อย่างน้อยมีคนดูแลก็ดีกว่าล่ะนะ" คุณพ่อจิ้นเองก็ช่วยกล่อมด้วย
“ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากๆ นะคะ แต่หนูตัดสินใจว่าจะย้ายออกไปแล้วล่ะค่ะ”
พอเห็นว่าเธอยืนกรานแบบนั้น คุณแม่กับคุณพ่อจิ้นต่างก็หันสบตากัน ก่อนจะถอนหายใจ “ก็ได้ ถ้าอยากจะย้ายออกก็ทำตามใจเถอะจ้ะ”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว ก่อนจะลองถามหยั่งเชิงไปดู : “คุณป้าไม่ได้โกรธหนูอยู่ใช่ไหมคะ?”
“ไม่ได้โกรธสักหน่อย ก็แค่คิดว่าหลังจากนี้ บ้านหลังนี้คงจะกลับมาเงียบเชียบเหมือนเดิม ก็เลยรู้สึกทุกข์ใจหน่อยๆ น่ะนะ” คุณแม่จิ้นพูดไปพลางส่ายหัวถอนหายใจไปด้วย ดูท่าทางเธอแล้วดูหดหู่เสียจริง
พลันเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกได้ทันทีว่า เรื่องที่ตัวเองจะย้ายออกไปดูไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ แต่พอคิดถึงว่าจะหาความยุ่งยากมาให้พวกเขา เธอก็ตัดใจไม่เปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเอง ก่อนจะหันไปพูดกับคุณแม่จิ้นว่า : คุณป้าคะ หลังจากนี้หนูกับเฟิงเฉินจะมาหาที่บ้านบ่อยๆ นะคะ”
คุณแม่จิ้นได้ยินแบบนั้นก็ยิ้ม : “ขอบคุณที่มีน้ำใจนะ แต่ไม่ต้องฝืนหรอก ป้ากับลุงต่างก็ชินแล้วล่ะ”
“ไม่ได้ฝืนค่ะ ไม่ได้ฝืนเลยแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ”
คุณแม่จิ้นยิ้มร่าเข้าไปอีก ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อถามขึ้นว่า : “แล้วเก็บของเสร็จหรือยังล่ะ? ต้องการให้ช่วยไหม?”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ของของหนูไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่หรอกค่ะ” ตอนที่เธอเข้ามาอยู่แรกๆ นั้น เธอก็ไม่ได้พาข้าวของอะไรมาเยอะแยะ ก็แค่เสื้อผ้ากับของใช้ในชีวิตประจำวันนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น
“งั้นป้าจะให้คนขับรถไปส่งแล้วกันนะ” คุณแม่จิ้นพูด
หลังจากส่งเจียงสื้อสื้อกลับออกไป คุณแม่จิ้นก็กลับเข้ามาที่โถงรับแขก พอเห็นว่าคุณพ่อจิ้นจ้องมาที่ตัวเอง ด้วยท่าทางเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถามไปอย่างไม่สบอารมณ์ : “นี่คุณจะมองฉันทำไมกัน?”
“ผมเห็นว่าคุณเปลี่ยนไปน่ะ” คุณพ่อจิ้นยิ้มพูด
คุณแม่จิ้นพูดอย่างไม่เข้าใจ “อะไรเปลี่ยนไปหรือ?”
“ก็ท่าทีที่มีต่อเจียงสื้อสื้อยังไงล่ะ”
ที่แท้ก็พูดถึงสิ่งนี้นี่เอง
คุณแม่จิ้นเดินมานั่งลงข้างๆ เขา ก่อนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่พักหนึ่ง จึงพูดขึ้นว่า : “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้กีดกันสื้อสื้อกับเฟิงเฉินแล้วล่ะ”
ก่อนหน้านี้เธอพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อขัดขวางไม่ให้พวกเขาได้คบกัน แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้มีความคิดแบบนั้นเลย แม้กระทั่งรู้สึกได้ว่า ตัวเธอรู้สึกดีกับเจียงสื้อสื้อมากแล้วจริงๆ
แน่นอนว่า ยกเว้นเรื่องที่เธอเคยมีลูกมาก่อน
พอเห็นท่าทางที่ไม่เข้าใจของเธอ คุณพ่อจิ้นก็ยิ้มบางๆ ก่อนจะช่วยพูดอธิบายขึ้น “คุณเองก็อยู่ด้วยกันกับสื้อสื้อมาตั้งหลายวัน คุณเห็นว่าความคิดของคุณกับสื้อสื้อ มีอะไรที่แตกต่างกันหรือเปล่าล่ะ?”
คุณแม่จิ้นพยักหน้า
“รู้สึกว่าเธอเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน รู้จักลำดับความสำคัญ ถูกไหม?”
คุณแม่จิ้นพยักหน้าอีกครั้ง
พลันรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณพ่อจิ้นก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก “ดังนั้น หากอยากจะเข้าใจใครสักคน ก็ต้องผ่านการรู้จักสนิทสนมแบบนี้ก่อนล่ะนะ”
“หมายความว่าไงกัน? คุณคงจะไม่ใช่ว่าเห็นด้วยแล้วหรอกใช่ไหม?” คุณแม่จิ้นขมวดคิ้ว ก่อนจะจับจ้องไปที่เขาเขม็ง
“มู่หลัน คุณคิดว่าลูกของคุณสองคนฉลาดไหมล่ะ?” จู่ๆ คุณพ่อจิ้นก็ถามเรื่อง ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่
คุณแม่จิ้นอึ้งไปเสี้ยววินาที ก่อนจะตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ : “ฉลาดแน่นอนอยู่แล้วสิ ถ้าไม่ฉลาดบริษัทจิ้นกรุ๊ปจะใหญ่โตได้ขนาดนี้หรือ?”
“นั่นก็ถูกแล้วล่ะ ในเมื่อพวกเขาฉลาด ทำไมจะมองไม่ออกล่ะ ว่าคนไหนจะดีหรือว่าเลว? ที่เฟิงเฉินชอบสื้อสื้อ ต้องเป็นเพราะสื้อสื้อมีอะไรบางอย่าง ที่มีค่าพอจะให้เขาชอบ ดังนั้นพวกเราที่เป็นพ่อกับแม่ บางทีก็ควรจะต้องเปลี่ยนความคิดเก่าแก่ของพวกเราบ้างล่ะนะ”
คุณแม่จิ้นเลิกคิ้ว “ดังนั้นคุณก็เลยเห็นด้วยที่พวกเขาจะคบกัน”
นี่ถือว่าเป็นประโยคยอมรับล่ะนะ
คุณพ่อจิ้นพยักหน้ารับ “ผมชอบสื้อสื้อมากเลยนะ”
“งั้นหรือ พวกคุณชอบเธอกันทั้งหมด มีแค่ฉันที่ไม่ชอบสินะ”
“คุณเองก็ชอบไม่ใช่หรือ?” คุณพ่อจิ้นมองเธอ ก่อนจะพูดอย่างมีเลศนัย
“ไม่ใช่สักหน่อย” คุณแม่จิ้นพูดไปแค่นั้น ก่อนจะรีบพุ่งขึ้นชั้นบนไปทันที
คุณพ่อจิ้นเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พวกเขาต่างก็ใช้ชีวิตมาด้วยกันตั้งหลายปี ทำไมเขาจะมองไม่ออกล่ะ ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?
ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ไม่นาน ที่บ้านคงจะมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้นล่ะนะ
……
พอซูชิงหยิงรู้ว่าเจียงสื้อสื้อจะย้ายออกมาจากบ้านตระกูลจิ้น เธอก็รู้สึกดีใจอย่างมาก
แต่เธอก็กลัวว่าจะเป็นเรื่องเท็จ จึงตั้งใจขับรถไปอยู่แถบนอกบ้านของตระกูลจิ้น ก่อนจะเห็นเจียงสื้อสื้อลากกระเป๋าขึ้นรถ ด้วยตาของตัวเอง
ที่แท้ก็ย้ายออกไปจริงๆ ด้วย
ซูชิงหยิงที่นั่งอยู่ในรถ ก็เผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจออกมาทันที
ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอเมื่อวานจะมีประโยชน์ล่ะนะ ยิ่งกับคนที่รักษาหน้าตาของตัวเองอย่างฉินมู่หลันด้วยแล้ว เธอจะไปเห็นด้วย ที่จะให้เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินคบกันได้ยังไงกันล่ะ?
แสดงว่าตัวเธอเองก็ยังมีโอกาสอยู่สินะ
แบบนี้เธอต้องคิดหาวิธี ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฉินมู่หลันกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ
ฉินมู่หลันเองก็ชอบพวกเครื่องประดับยี่ห้อดังๆ จากนานาประเทศนี่นา?
ไม่แน่ว่าลงทุนอะไรดีๆ ไป อาจจะได้อะไรตอบแทนมาก็ได้
เอาแบบนี้ล่ะดี
ขณะที่ซูชิงหยิงเตรียมจะติดเครื่องรถนั้น หางตาเธอก็เหลือบไปเห็นรถคันสีดำคันหนึ่ง จอดอยู่ที่ไม่ไกลจากตรงนั้นนักอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันดูทั้งเก่าทั้งสกปรก ราวกับแทบจะกลายเป็นเศษเหล็กได้เลย
ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยระดับสูงทั้งนั้นนะ รถที่เข้าออกก็มีแต่รถหรูๆ ทำไมถึงมีรถสภาพแบบนี้โผล่มาได้ล่ะ?
ขณะที่เธอกำลังสงสัยนั้นเอง ก็มีผู้ชายคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะเดินวนไปวนมาอยู่ด้านนอกบ้านตระกูลจิ้นราวกับผี อีกทั้งยังมองเข้าไปด้านใน ราวกับกำลังมองหาใครบางคนอยู่
หรือว่าจะเป็นเจียงสื้อสื้อกัน?
ซูชิงหยิงแววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินไปยังคนๆ นั้น
ถ้าหากมาหาเจียงสื้อสื้อจริงล่ะก็ ก็อาจจะรู้เรื่องที่ไม่มีใครรู้ ของเจียงสื้อสื้อได้บ้าง
พอผู้ชายคนนั้นเห็นเธอ ใบหน้าของเขาก็ปรากฏความตระหนก ก่อนจะรีบหันหลังวิ่งทันที
ซูชิงหยิงรีบรั้งเขาไว้อย่างรวดเร็ว “นายเป็นใครกันน่ะ? มาทำอะไรที่นี่?”
“ปล่อยนะ!” ฝ่ายชายดึงหน้า ก่อนจะตะโกนอย่างดุร้าย
ซูชิงหยิงไม่มีทางปล่อยเขาแน่ เธอรีบเอื้อมมือไปดึงมือของฝ่ายชายมา ก่อนที่เธอจะเห็นใบหน้าที่ตื่นตระหนกของฝ่ายชาย เข้าเต็มสองตาของเธอเลย
ทำไมถึงดูคุ้นหน้าคุ้นตาแบบนี้นะ?
ซูชิงหยิงพยายามนึกคิดไปมาในสมองอย่างรวดเร็ว ว่าเคยเจอคนๆ นี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?
พลันแววตาก็เบิกโพลงขึ้นทันที “นายมันเป็นคนที่ลักพาตัวเสี่ยวเป่าครั้งก่อนนี่นา”
หลังจากถูกรู้ตัว สีหน้าของฝ่ายชายก็นิ่งขรึมลง ก่อนจะยื่นมือไปบีบคอของเธอไว้ทันที
“นายรู้สึกไม่พอใจใช่ไหม? อยากจะช่วยพี่น้องของนายหรือเปล่า?” ซูชิงหยิงถามขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่มือของเขากำลังบีบคอเธออยู่
ฝ่ายชายหรี่ตาลง ก่อนจะจ้องเธออย่างระมัดระวัง
ซูชิงหยิงพยายามข่มความหวาดกลัวเอาไว้ แล้วพูดขึ้น : “ฉันสามารถช่วยพี่น้องของนายออกมาได้นะ”
ฝ่ายชายได้ยินก็เริ่มลังเล
“ฉันให้เงินนายได้นะ เพื่อให้นายกับพี่น้องของนายหลบหนีไป แน่นอนว่าก่อนหน้านั้น นายต้องช่วยฉันก่อน”
“เธออยากให้ฉันทำอะไรล่ะ?” ฝ่ายชายปล่อยมือออก
เมื่อได้รับอิสระ ซูชิงหยิงก็ผ่อนลมหายใจ ก่อนจะพูดขึ้น : “ฉันอยากให้นายช่วยกำจัดคนๆ หนึ่งน่ะ”
“ฆ่าคนหรือ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันแค่อยากให้นายมอบบทเรียนให้เธอคนนั้นหน่อยน่ะ เพื่อให้เธอไปจากเมืองจิ้นนี้ซะ ยิ่งไปไกลก็ยิ่งดี ไม่ต้องกลับมาตลอดไปเลยด้วย” ซูชิงหยิงพูดพลางกัดฟันกรอด พลันใบหน้าที่ถูกความโกรธเกลียดและเจ้าเล่ห์ครอบงำ จากเดิมที่มีใบหน้าที่ดูสวยสดงดงาม
Comments