Abe the Wizard 56 รางวัล

Now you are reading Abe the Wizard Chapter 56 รางวัล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

AtW ตอนที่ 56 รางวัล

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

 

ด้วยแสงอาทิตย์ที่สาดส่องอยู่เหนือท้องฟ้าตอนนี้รถม้าของอาเบลและอัศวินมาแชลกำลังวิ่งอยู่บนถนนสายหลักของเมืองฮาเวส เส้นทางสำหรับรถม้าที่พวกเขาทั้งสองคนใช้เดินทางนั้นเป็นเส้นทางที่ราบเรียบผิดกับเส้นทางระหว่างปราสาทแฮรี่ที่ใช้เดินทางมาที่เมืองฮาเวสเมืองนี้ โชคดีที่อัศวินมาแชลและอาเบลนั้นไม่ต้องเดินไปที่จุดหมายด้วยขาของพวกเขา การที่พวกเขาสองคนเดินไปถึงจะต้องเปียกโชกไปด้วยเหงื่อของตัวเองอย่างแน่นอน

 

ในตอนนี้อาเบลคิดถึงสิ่งที่เรียกว่ารถในโลกเดิมที่อาเบลเคยอยู่ ถึงแม้ว่าพวกรถนั้นจะไม่ใช่อะไรที่ดีที่สุดแต่อย่างน้อยในรถก็มีเครื่องปรับอากาศนั่นเอง

 

การเดินทางในโลกใบนี้ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางที่ใช้เวลานานและเป็นเหมือนกับการเดินทางที่ใช้ทรมานตัวเองอีกด้วย สุดท้ายแล้วรถม้าของอาเบลก็ได้เดินทางไปถึงที่พักของท่านเจ้าเมืองแล้ว

 

“ท่านอัศวิน ท่านอาเบล!” เสียงคนรับรถม้าเรียกทั้งสองคน “ตอนนี้พวกเราเดินทางถึงที่พักของท่านเจ้าเมืองฮาเวสแล้วครับ”

 

ก่อนที่จะลงจากรถม้านั้นอัศวินมาแชลได้จัดชุดสูทของเขาให้ดูเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น จากนั้นอัศวินมาแชลก็ได้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาก่อนที่จะเช็ดเหงื่อที่ไหลรินอยู่บนใบหน้าทันที

 

หลังจากที่เช็ดเหงื่อบนใบหน้าตัวเองเสร็จแล้วอัศวินมาแชลก็ได้ยื่นผ้าเช็ดหน้าอีกผืนให้กับอาเบลทันที “เช็ดเหงื่อด้วยสิ่งนี้ซะสิ จำไว้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับเรา อย่าทำอะไรหยาบคายเมื่อต้องเจอกับท่านเจ้าเมืองเข้าล่ะ”

 

เมื่ออัศวินมาแชลและอาเบลก้าวเท้าออกมาจากรถม้าของพวกเขา พวกเขาทั้งสองคนก็ได้เห็นกำแพงสุดสูงตระหง่าของพระราชวัง ครั้งสุดท้ายที่อาเบลและอัศวินมาแชลมาที่นี่เป้นเวลากลางคืนนั่นเอง ในเวลานั้นอาเบลไม่ทันสังเกตว่ากำแพงของพระราชวังนั้นยิ่งใหญ่มากมายขนาดนี้

 

“ดิฉันขอแสดงความยินดีอย่างสุดซึ้งให้กับอัศวินมาแชลผู้ทรงเกียรติ และท่านปรมาจารย์อาเบลผู้ทรงเกียรติด้วย ดิฉันมาที่นี่เพื่อที่จะต้อนรับพวกคุณทั้งสองคนก่อนที่จะไปพบท่านเจ้าเมืองค่ะ”

 

เนื่องจากอาเบลเป็นบุตรบุธรรมของอัศวินมาแชล ในการพบกันอย่างเป็นทางการนี้อัศวินมาแชลจึงต้องการที่จะนำเสนออาเบลให้ได้มากที่สุด

 

อัศวินมาแชลได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกไปว่า “ผมเองก็ดีใจมากที่ได้พบคุณ” หลังจากที่อัศวินมาแชลพูดเสร็จตัวอาเบลก็โค้งคำนับทำความเคารพตาม

 

ภายใต้การนำทางของแม่บ้านคนนี้อาเบลและอัศวินมาแชลก็ได้เดินผ่านลานพระราชวังขนาดใหญ่ไป แม้ว่าน้ำพุกลางลานจะไม่ได้ส่องสว่างเหมือนกับตอนกลาบงคืนแล้ว แต่อาเบลก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงไอเย็นภายใต้แสงแดดที่ร้อนละอุวันนี้ได้ หลังจากที่เดินผ่านลานพระราชวังมาได้อาเบลและอัศวินมาแชลก็ต้องเดินไปที่ทางเดินยาวเพื่อที่จะผ่านประตูที่ถูกแกะสลักเป็นรูปเทพธิดาแห่งการเก็บเกี่ยวไป หลังจากที่ผ่านประตูไปได้ก็มีพ่อบ้านคนหนึ่งยืนต้อนรับอาเบลและอัศวินมาแชลอยู่ก่อนแล้ว “นี่เป้นห้องสำหรับรับแขกครับ ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองกำลังรอพวกคุณอยู่”

 

เมื่ออาเบลได้เห็นไวเคานต์ดิ้กเคนอีกครั้งอาเบลก็รู้สึกเคารพเขามากขึ้นกว่าครั้งที่แล้วที่พบกัน ดูเหมือนว่าที่ตัวไวเคานต์ดิ้กเคนจะเต็มไปด้วยพลังที่เปรียบเสมือนภูเขาไฟก็ว่าได้ แม้ว่าตอนนี้ภูเขาไฟจะยังไม่ปะทุออกมาแต่อาเบลก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่ได้ไหลออกมาจากตัวของไวเคานต์คนนี้ได้

 

“นายเลื่อนระดับแล้วสินะปรมาจารย์อาเบล” ในขณะที่ไวเคานต์ดิ้กเคนพูดทักทายอาเบลเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังลมปราณของเหล่าอัศวินทั้งหมดที่กำลังยืนอยู่ที่นี่ ไวเคานต์ดิ้กเคนคิดว่าอาเบลคงไม่ตกใจกับความสามารถของเขาในตอนนี้

 

ไวเคานต์อยากที่จะต่อสู้กับเหล่าอัศวินที่เป็นทางการเท่านั้น ไวเคานต์ดิ้กเคนไม่ชอบที่จะต้องจับจ้องไปที่อัศวินฝึกหัดเลย เพราะไวเคานต์ดิ้กเคนรู้สึกไม่คู่ควรพ่อนั่นเอง แต่หลังจากที่จับพลังและกิริยาท่าทางของอาเบลไวเคานต์ดิ้กเคนก็รู้ทันทีว่าอาเบลเป็นอัศวินอย่างเป็นทางการแล้วนั่นเอง

 

“ใช่ครับท่าน” อาเบลได้ตอบไปอย่างอ่อนน้อมพร้อมกับโค้งคำนับด้วยความเคารพ

 

ไวเคานต์ดิ้กเคนรู้สึกชื่นชมและยินดีให้กับอาเบลอยู่อย่างลับๆ ไวเคานต์ดิ้กเคนรู้ดีว่าอาเบลนั้นพยายามฝึกฝนแค่ไหนถึงสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงดยุคคาร์เมลเลย การที่จะมีอัจฉริยะปรากฎตัวขึ้นมาแบบนี้ได้เป็นเหมือนกับสิ่งที่หาได้ยากเป็นอย่างมากในโลกมนุษย์แบบนี้ และแน่นอนว่าการที่ไวเคานต์ดิ้กเคนอยากที่จะเป็นมิตรกับอาเบลให้ได้มากที่สุดก็เป็นเพราะว่าส่วนหนึ่งนั้นอาเบลเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กนั่นเอง และในตอนนี้อาเบลไม่ได้มีความสามารถในการตีเหล็กเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตอนนี้อาเบลนั้นได้มีพรสวรรค์ในฐานะอัศวินอีกด้วย

 

ไวเคานต์ดิ้กเคนได้ชี้ไปที่อัศวินที่กำลังยืนอยู่ข้างเขา “นี่คืออัศวินซาโรหยาน เขาเป็นหนึ่งในผู้นำในการทำลายล้างเหล่าออร์คครั้งล่าสุดนี้”

 

อัศวินซาโรหยานได้โค้งคำนับให้กับอัศวินมาแชลและอาเบล เขาอยากจะขอบคุณทั้งสองคนที่ทำให้เขาได้มีส่วนร่วมในศึกสงครามครั้งนั้น

 

การโค้งคำนับเพื่อทักทายและขอบคุณจากอัศวินซาโรหยานนั้นเป็นการแสดงที่แสดงถึงความจริงใจที่สุดแล้ว

 

ด้วยความปรารถนาดีของอัศวินชั้นสูงทำให้ทั้งสองคนทั้งอัศวินมาแชลและอาเบลได้โค้งคำนับตอบสนองอย่างรวดเร็วไป การกระทำแบบนี้เป็นเหมือนกับการผูกมิตรนั่นเอง

 

“ตอนนี้เขามีผลงานครั้งยิ่งใหญ่ เขาเป็นผู้นำในการจัดการเหล่าออร์คไปกว่า 159 ตัว ในระหว่างการปะทะกันเขาได้สังหารวูฟไรเดอร์ชั้นสูงอีกด้วย และเขายังสามารถทำให้นกกระจอกแห่งท้องนภานั้นบาดเจ็บได้” ไวเคานต์ดิ้กเคนพูดไปพร้อมกับรอยยิ้ม

 

นกกระจอกแห่งท้องนภานั้นได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบในครั้งนั้นนั่นเอง ตอนนี้อาเบลรู้แล้วว่าอาการบาดเจ็บของเมฆาสีขาวนั้นมาจากไหน แต่โชคดีที่อาเบลไม่ได้เปิดเผยเมฆาสีขาวให้กับคนภายนอกได้รู้

 

ไวเคานต์ดิ้กเคนมองไปที่อาเบลก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “ท่านปรมาจารย์อาเบลได้ส่งศพของพวกวูฟไรเดอร์ทั้งสองตัวมาเมื่อวานก่อนนี้ อัศวินซาโรหยานได้ตรวจสอบสภาพศพของพวกมันแล้ว หนึ่งในวูฟไรเดอร์เป็นวูฟไรเดอร์ชนชั้นสูงที่ปกครองพวกวูฟไรเดอร์ชั้นสูงนั่นเอง ฉันได้ส่งเรื่องคุณงามความดีในครั้งนี้ไปที่เมืองเบกองเมื่อคืนก่อนแล้ว ที่สำนักงานใหญ่ที่นั้นจะต้องตบรางวัลให้กับนายอย่างแน่นอน”

 

เมืองใหญ่ๆ อย่างเมืองฮาเวสนั้นมีวิธีการส่งข้อมูลไปที่สหพันธ์แห่งช่างตีเหล็กด้วยวิธีของตัวเอง รายงานความสำเร็จครั้งนี้ได้รับการตรวจสอบแล้วดังนั้นเรื่องการรับรางวัลจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ความสำเร็จในครั้งนี้ได้ถูกรายงานจากไวเคานต์ดิ้กเคนโดยตรง แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องตอบสนองอย่างรวดเร็วแน่นอน

 

เมื่อได้ยินว่าอาเบลจะได้รับรางวัลเพิ่ม อาเบลก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลย โชคดีที่อาเบลไม่ได้ทิ้งศพของวูฟไรเดอร์ทั้งสองไปในระหว่างการเดินทาง

 

“และอัศวินมาแชล ด้วยการกระทำที่กล้าหาญของนายแล้วปราสาทแมธริวจึงได้รับการช่วยเหลือ และนายก็ยังสามารถจัดการกับวูฟไรเดอร์ไปได้อีกหลายตัวในขณะที่ต้องปกป้องปราสาทแฮรี่ไว้ ดยุคคาร์เมลจึงตัดสินใจที่จะมอบตำแหน่งลอร์ดให้กับนาย” ไวเคานต์ดิ้กเคนได้ประกาศออกมาอย่างเคร่งขรึม

 

“เพื่อท่านดยุค!” อัศวินมาแชลได้คุกเข่าพร้อมกับพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

“สำหรับอัศวินซาโรหยานที่เป็นเหมือนกับผู้นำในการสังหารออร์คทั้ง 156 ตัวนี้ นายจะได้แขนเสื้อประจำตระกูลพร้อมกับที่ดินอีก 100 ไมล์จากดยุคคาร์เมล” ไวเคานต์ดิ้กเคนได้ประกาศอีกครั้ง

 

อัศวินซาโรหยานได้คุกเข่าพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมา การเป็นท่านลอร์ดที่มีที่ดินเป็นของตัวเองนั้นเป็นอะไรที่ทุกคนใฝ่ฝันกันทั้งนั้น ตอนนี้ครอบครัวตระกูลซาโรหยานนั้นจะได้กลายเป็นเจ้าของที่ดินอย่างขุนนางอย่างเต็มตัวแล้ว

 

ในที่สุดไวเคานต์ดิ้กเคนก็ยิ้มมาที่อาเบล “สำหรับปรมาจารย์ช่างตีเหล็กอาเบล นายสามารถหาข้อมูลข่าวสารของพวกออร์คมาได้ แถมนายยังสามารถที่จะช่วยขับไล่เหล่าออร์คให้ออกจากปราสาทแมธริวได้อีกด้วย และแน่นอนว่านายยังสามารถจัดการกับพวกออร์คได้หลายครั้งอีกด้วย จากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ผ่านมาแล้วดยุคคาร์เมลจึงตัดสินใจที่จะมอบปราสาทแมธริวและขอบเขตทั้งหมดให้กับนายนั่นเอง!”

 

อาเบลไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยินเลย รางวัลในครั้งนี้ที่อาเบลได้รับมานั้นมากเกินกว่าที่อาเบลได้คาดการณ์เอาไว้ แต่หลังจากที่มองไปที่รอยยิ้มของดิ้กเคนแล้วอาเบลก็เข้าใจได้ว่าการที่ไวเคานต์ดิ้กเคนได้พยายามอย่างหนักมาขนาดนี้ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่ากษัตริย์นั้นไม่ต้องการที่จะรุกรานเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายนั่นเอง

 

“เพื่อท่านดยุค!” อาเบลได้ลอกเลียนแบบอัศวินมาแชล ตอนนี้อาเบลได้นั่งคุกเข่าพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง

 

อัศวินซาโรหยานได้แต่มองอาเบลด้วยความอิจฉา รางวัลที่มอบให้กับอาเบลนั้นเป็นรางวัลใหญ่ที่ไม่เคยมีมาตรฐานไหนเป็นแบบนี้มาก่อน โดยปกติแล้วเหล่าสมาชิกของราชวงศ์นั้นจะได้รับรางวัลแบบอาเบลก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลย แต่การที่จะมอบรางวัลให้กับขุนนางแบบนี้ได้ไม่ใช่อะไรที่เห็นกันได้บ่อยนัก

 

ไวเคานต์ดิ้กเคนยิ้มให้กับอาเบลก่อนที่จะช่วยอาเบลให้ยืนขึ้น “งั้นตอนนี้ก็คงเป็นท่านลอร์ดอาเบลแล้วสินะ?” ดิ้กเคนได้สอบถามอาเบลก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง

 

อันที่จริงแล้วการที่ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กแบบอาเบลนั้นจะได้รับสถานะอื่นที่สูงส่งกว่าอย่างเช่นท่านลอร์ดเป็นอะไรที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในทวีปแห่งนี้ แต่อาเบลยังเด็กเกินไปและยังไม่ได้ออกเดินทางไปที่แผ่นดินใหญ่เลย ดังนั้นแล้วชื่อเสียงของอาเบลในฐานะปรมาจารย์ช่างตีเหล็กนั้นจึงโด่งดังอยู่สหพันธ์ช่างตีเหล็กเท่านั้น เมื่อผลงานของอาเบลได้ปรากฎขึ้นที่แผ่นดินใหญ่ แน่นอนว่าทุกคนนั้นจะต้องรู้จักอาเบลมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

อาเบลตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เรียกผมว่าอาเบลเถอะครับ ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าควรจะเรียกผมว่าปรมาจารย์หรือท่านลอร์ดดี ผมคิดว่าควรจะเรียกชื่อผมเลยจะดีกว่านะครับ”

 

“นายเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนมากนะ ท่านปรมาจารย์อาเบล! ทุกคนในโลกใบนี้ล้วนแต่แสวงหาชื่อเสียงและเกียรติยศกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่มีใครเลยที่ประสบความสำเร็จในแบบเดียวกับที่นายทำได้ในตอนนี้เลย”

 

หลังจากที่พูดเสร็จไวเคานต์ดิ้กเคนก็ได้ปรบมือให้กับอาเบล อัศวินซาโรหยานก็หยักหน้าเพื่อแสดงถึงความเห็นชอบที่มีต่อปรมาจารย์หนุ่มคนนี้

 

ไวเคานต์ดิ้กเคนยังพูดต่อไปว่า “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอีกสองเดือน พวกนายทั้งสามคนจะต้องไปที่เมืองเบกอง พวกนายควรจะมาให้ตรงเวลาดีกว่านะ”

 

โดยทั่วไปแล้วการที่จะได้รับตำแหน่งลอร์ดและเป็นเจ้าของดินแดนดินแดนหนึ่ง หลังจากที่ได้รับรางวัลมาแล้วผู้ที่ได้รับรางวัลนั้นจะต้องไปที่เมืองหลวงเบกองเพื่อที่จะไปรับรางวัลจากกษัตริย์นั่นเอง การที่ไปรับรางวัลด้วยตัวเองนั้นก็เป็นเหมือนกับการแสดงความซื่อสัตย์ที่มีต่อพระราชาและท่านดยุค

 

ก่อนที่จะแยกย้ายจากไป อัศวินซาโรหยานก็ได้ดึงตัวอัศวินมาแชลและอาเบลเอาไว้ก่อน ตอนนี้อัศวินมาแชลได้หาสถานที่สำหรับการเลี้ยงฉลองสำหรับทั้งสองคนเอาไว้แล้ว อัศวินมาแชลจึงไม่สามารถที่จะปฏิเสธการขอเข้าร่วมของอัศวินซาโรหยานได้เลย ดังนั้นแล้วอัศวินมาแชลจึงได้ตกลงกับอัศวินซาโรหยานไป แน่นอนว่าความจริงแล้วอัศวินมาแชลนั้นต้องการร่วมงานเลี้ยงกับอัศวินซาโรหยาน แต่สำหรับอาเบลแล้วเขาได้ปฏิเสธอย่างสุภาพก่อนที่จะแยกย้ายจากอัศวินทั้งสองไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด