Abe the Wizard 92 สนับสนุน

Now you are reading Abe the Wizard Chapter 92 สนับสนุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Abe the Wizard (AtW)

AtW ตอนที่ 92 สนับสนุน

หลังจากที่หัวหน้าผู้บัญชาการฮอปกนพูดเสร็จ เขาก็ได้เดินไปข้างหน้าอาเบลก่อนที่จะปล่อยพลังแรงกดดันมาจากร่างกายของเขา พลังนั้นดูเหมือนน้ําพุที่สามารถส่งคลื่นกระแทกกลางอากาศไป ทั่วบริเวณโดยรอบได้

เกือบในขณะเดียวกันที่ฮอปกินได้ปล่อยคลื่นพลังออกมาอาเบลก็ก้าวไปข้างหน้าลอร์ดมาแชลเพื่อที่จะป้องกันคลื่นพลังด้วยร่างกายของตัวเองแรงกดดันที่มีแรงอันมหาศาลนั้นพุ่งเข้าหาตัวอาเบล โดยตรงถึงแรงกดดันจะมีมากมายขนาดไหนแต่ตัวเขานั้นก็ไม่ได้กระเด็นหรือขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยอาเบลได้ใช้จุดกระตุ้นพลังลมปราณทั้งห้าจุดในร่างกายของเขาเพื่อที่จะปลดปล่อยพลังลม ปราณสีทองสําหรับป้องกันตัวออกมาแม้ว่าคนปกติทั่วไปนั้นจะไม่สามารถสังเกตเห็นพลังลมปราณสีทองของเขาได้แต่คนทั้งสามคนที่มีฐานะเป็นถึงหัวหน้าผู้บัญชาการนั้นมีสัมผัสที่เฉียบคมกว่าคนทั่วไปมาก

“อัศวินระดับกลาง!?”ผู้บัญชาการทั้งสามรู้สึกตกใจทันทีเมื่อสัมผัสพลังของอาเบลได้ ตอนนี้พวกเขากําลังตกอยู่ในความสับสนไปซะแล้วอาเบลนั้นไม่เคยปกปิดอายุของตัวเองเลยเขาเป็นวัยรุ่นที่มีอายุเพียง 13 ปีเท่านั้นแต่ด้วยอายุที่น้อบแบบนี้แล้วอาเบลสามารถที่จะเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กได้และเขานั้นยังสามารถเป็นอัศวินระดับกลางได้อีกด้วยตอนนี้ความอัจฉริยะของอาเบลนั้นไกลเกินไปกว่าจินตนาการของผู้บัญชาการทั้ง 3 คนไปแล้วพวกเขาทั้ง 3 คนนั้นคิดไม่ออกเลยว่าในอนาคตนั้นอาเบลจะเป็นยังไงกันแน่

ในขณะนั้นเองติ้กเคนเริ่มรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ส่งบกําลังเสริมมาช่วยปกป้องปราสาทแฮรี่ในศึกเมื่อครั้งก่อนในขณะเดียวกันหัวหน้าผู้บัญชาการฮอปกินเองก็รู้สึกเสียใจกับการกระทําที่ได้ทําลงไป หลังจากที่เขาปล่อยคลื่นพลังกดดันออกมาตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างก็น่าอัดใจในทันทีนี่ไม่ใช่ความตั้งใจของฮอปกินเลยที่จําทําร้ายอัศวินระดับกลางทั้ง 2 คน ที่ได้อยู่ต่อหน้าเขาเขาแค่ต้องการที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของปราสาทแฮรี่ที่แท้จริงเพียงเท่านั้น

เนื่องจากหัวหน้าผู้บัญชาการฮอปกินใช้พลังออกไปตอนนี้พลังที่แท้จริงในฐานะอัศวินระดับกลางของอาเบลจึงได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้วนั่นเองไม่มีใครคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นมาก่อนแม้แต่ผู้บัญชาการฮอปกินเองก็ไม่คิดว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียง”บรู้วววว…” ดังออกมาจากที่ไหนสักแห่ง

เสียงที่เพิ่งจะดังขึ้นคือเสียงของลมทมิฬที่สูงได้ครึ่งหนึ่งของมนุษย์กําลัง เล่นอยู่กับลอเรนนั่นเองแม้ว่าจะเป็นไป ไม่ได้เลยที่คนทั่วไปจะรู้ว่าเสียงเสียงนี้คืออะไรแต่มันคือหมาป่าที่เป็นสัตว์ที่ไม่ ผิดแน่เมื่อลมทมิฬสัมผัสได้ว่ากําลังมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเจ้านายของมันมันก็วิ่งมาหาอาเบลในทันทีเพื่อที่จะได้ปกป้องเขา

“ลมทมิฬมานี่เร็ว!” อาเบลร้องเรียกมันเพราะกลัวว่าผู้บัญชาการทั้งสามจะทําร้ายลูกหมาป่าตัวนี้

“นี่มันลูกหมาป่าที่มีเจ้าของสินะ” ดึกเคนเผลอพูดออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว

ตอนนี้การปรากฏตัวขึ้นของลมทมิฬทําให้ความตึงเครียดทุกอย่างนั้นเริ่มบรรเทาลงหัวหน้าผู้บัญชาการฮอปกินที่รู้สึกผิดก็ได้พูดความในใจออกมา”ปรมจารย์อาเบลฉันขอโทษจริงๆฉันไม่ได้มี เจตนาที่จะทําร้ายนายเลย”

หัวหน้าผู้บัญชาการได้กล่าวขอโทษอาเบลออกมาตอนนี้เขานั้นไม่อาจที่จะปฏิเสธคําขอโทษอันนี้ได้เลยอาเบลจึงระงับความโกรธของตัวเองลงก่อนที่จะพูดออกไป “ท่านหัวหน้าผู้บัญชาการครับผมไม่เป็นไรและตอนนี้คุณเองก็ยังไม่ได้ทําร้ายใครด้วย”

“อย่าเก็บเรื่องเล็กๆน้อยๆมาใส่ใจเลยหน่าฮอปกินก็เป็นคนแบบนี้แหละเขาแค่หุนหันพลันแล่นเกินไปหน่อยก็เท่านั้นเองฮาฮ่า” หัวหน้าผู้บัญชาการโลเวลล์พูดออกมาในขณะเดียวกันตัวเขานั้นก็ได้หัวเราะไปด้วย

ตอนนี้ลอร์ดมาแชลได้แต่มองตรงไปที่อาเบลเท่านั้นหัวใจของเขานั้นกําลังตกอยู่ในความหวาดกลัวนี่มันกี่วันมาแล้วที่เด็กคนนี้ได้กลายเป็นอัศวินระดับกลางไป? อาเบลไม่ได้บอกอะไรกับเขาเลย เขาน่าจะเขินอายเกินไปก็เป็นได้

“ช่างเป็นหมาป่าอะไรที่ดีแบบนี้หมาป่าที่เป็นสัตว์ขี่นั้นถือเป็นสัตว์ขี่ที่ดีที่สุดในทวีปศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้วท่านปรมาจารย์อาเบลช่างโชคดีจริงๆ !”

โลเวลล์ได้แต่มองไปที่ลมทมิฬก่อนที่ตัวมันเองจะเริ่มสงบลงไป

“ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะมีราคาดูเหมือนว่านายจะได้รับรางวัลตอบแทนเป็นลมทมิฬแล้วสินะฉันต่อสู้กับพวกวูฟไรเดอร์มาอย่างโชกโชน”

อาเบลจําได้ดีถึงการต่อสู้ในวันนั้น มันเป็นการต่อสู้ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายสําหรับตัวเขามากที่สุดแล้วตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่โลกใบนี้
บรรยากาศภายในห้องรับแขกนั้นดูเหมือนจะเป็นบรรยากาศที่สงบเข้าขึ้นทุกทีเมื่อมีอาชีพอะไรก็แล้วแต่ได้กลายเป็นมีออาชีพขั้นปรมาจารย์แล้วผู้คนเหล่านั้นจะได้รับความเคารพกันเป็นอย่างมากนั่น เอง และถ้าหากใครก็แล้วแต่ต้องการความช่วยเหลือจากปรมาจารย์ช่างตีเหล็กด้วยแล้วเมื่อถึงวันนั้นผู้บัญชาการทั้งสองคนอาจจะมาเยี่ยมเยียนอาเบลเหมือนกับในวันนี้ก็เป็นได้นี่อาจจะเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขา

“ความจริงแล้วที่พวกฉันมาที่นี่ก็เพราะมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในใจ” ผู้บัญชากา รโลเวลล์พูดอย่างตรงไปตรงมาต่อไป”ฮอปกินกับฉันได้ถูกส่งมาที่นี้ตามคําขอของท่านดยุคเพื่อช่วยดึกเคนในการ ป้องกันเมืองฮาเวสและหาตัววูฟไรเดอร์ที่ทําร้ายเจ้าชายน่ะในตอนที่พวกเราได้ยินว่าปราสาทแฮรี่นั้นสามารถป้องกันการโจมตีได้พวกเราจึงตัดสินใจที่จะมาดูที่นี่น่ะ”

“ถ้าหากวพกคุณต้องการพวกเราก็ยินดีที่จะมอบศพของพวกวูฟไรเดอร์ให้!”อาเบลพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา เช่นกันตอนแรกเขาต้องการที่จะเก็บซ่อนพลังความแข็งแกร่งของปราสาทแฮรี่เอาไว้แต่ตอนนี้ผู้บัญชาการทั้ง3 คนสามารถตรวจจับพลังได้ทุกอย่างแล้วดังนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะต้องเก็บซ่อนอะไรอีกต่อไป

“การหาเบาะแสเรื่องเจ้าชายยังคงเป็นเรื่องเล็กน้อยอยู่จริงๆ แล้วฮอปกนกับฉันต้องการที่จะซื้อดาบเวทย์จากนายมากกว่าน่ะ”ผู้บัญชาการโลเวลล์ลดเสียงของเขาลงเพราะความอับอายที่จะต้องพูดความจริงนั่นเอง

“ไม่มีปัญหาหรอก แต่การจะสร้างดาบเวทย์เล่มหนึ่งได้นั้นเป็นอะไรที่ยุ่งยาก นอย่างมาก แต่ถ้าหากหัวหน้าผู้บัญชาการทั้งสองคนจะต้องการความช่วยเหลือแล้วผมจะทําให้พวกคุณเอง!”อา เบลตั้งใจที่จะเปิดคลังอาวุธเพื่อที่จะขายอาวุธเวทย์ให้กับผู้บัญชาการทั้ง 2 แต่เขาตั้งใจที่จะขายอาวุธเวทย์ระดับสองเท่านั้น อาวุธเวทย์ที่ดีที่สุดอาเบลตั้งใจ

ที่จะเก็บเอาไว้ให้กับคนในตระกูลของเขาใช้เพียงเท่านั้น

“ขอบคุณมาก!” หัวหน้าผู้บัญชาการพูดขอบคุณก่อนที่จะหยิบการ์ดเวทย์มนตร์ทองคําออกมาจากกระเป๋าของตัวเองก่อนที่จะโอนเงินกว่า 50,000 เหรียญทองให้กับอาเบลไปอย่างเรียบง่าย ในขณะนั้นเองฮอปกินเองก็รู้สึกตื่นเต้นมากตัวเขานั้นก็ได้ใช้การ์ดเวทย์มนตร์ทองคําของตัวเองโอนเงินไปให้กับอาเบล 50,000 เหรียญทองเช่นกัน

ตอนนี้อาเบลมีเงินทั้งหมดกว่า 111,250เหรียญทองในการ์ดเวทย์ มนตร์ทองคําของตัวเขาเองนี่เป็นครั้งแรกที่อาเบลได้มีเงินถึง 6 หลักในการ์ดเวทย์มนตร์ของเขาตัวอาเบลได้แต่มองการ์ดเวทย์มนตร์อย่างพึงพอใจ จากนั้นอาเบลก็เปิดห้องทํางานส่วนตัวของเขาก่อนที่จะหยิบดาบเวทย์แห่ง 120 ทักษะ 2 เล่มออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว

ตาของผู้บัญชาการโลเวลล์และผู้บัญชาการฮอปกินนั้นเต็มไปด้วยประกาย ดาบเวทย์ทั้งสองเล่มที่อยู่ในมือของอาเบลนั้นก็หายไปจากมืออย่างรวดเร็วอาเบลที่มองดูทีท่าของอัศวินทั้ง 2 คน ได้แต่คิดกับตัวเองว่า “พวกเขาคงไม่ได้รีบร้อนอะไรกันหรอกใช่ไหม?”
ในฐานะที่ตัวเขานั้นเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กอาเบลไม่เคยเป็นกังวลเรื่องเกี่ยวกับอาวุธที่ตัวเขาได้สร้างขึ้นเลยอาเบลได้สร้างอาวุธขึ้นมามากมายหลายชิ้นบางครั้งตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ําว่า ควรจะเลือดอาวุธแบบไหนกันแน่ดังนั้นแล้วอาเบลจึงพอจะเข้าใจความรู้สึกของอัศวินที่เฝ้ารอคอยอาวุธเวทย์ชั้นดีอยู่ในโลกมนุษย์แล้วคงจะมีเพียงอาเบลเท่านั้นที่จะสามารถสร้างอาวุธเวทย์แบบนี้ได้แม้ว่าผู้บัญชาการทั้งสองนั้นจะมีตําแหน่งที่สูงส่งก็ตามทีแต่การที่พวกเขา จะหาอาวุธเวทย์จากปรมาจารย์ช่างตีเหล็กจากเผ่าคนแคระได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดีดังนั้นแล้วตั้งแต่ที่พวกเขามาที่เมือง ฮาเวสพวกเขาจึงตั้งใจที่จะซื้ออาวุธเวทย์จากอาเบลให้ได้นั่นเอง นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว

“ถ้าหากนายมาที่เมืองไซเดอร์แล้วละก็มาหาฉันได้ตลอดเวลาเลยนะฉันจะต้อนรับนายด้วยไวน์อย่างดีเองถ้าหากนายต้องการให้ฉันช่วยแล้วละก็ยินดีช่วยเสมอนะ!” ผู้บัญชาการโลเวลล์ได้พูดกับอาเบลในตอนที่เขากําลังลูบดาบเวทย์ของตัวเองอยู่

“ท่านปรมาจารย์อาเบลถ้าหากนายมีปัญหาเมื่อไหร่มาที่เมืองมาร์วาได้ตลอดเลยนะเพียงแค่เอยชื่อของฉันเท่านั้นนายจะได้รับความช่วยเหลืออย่างแน่นอนละถ้าหากนายอยากให้ฉันช่วยแล้วละก็มาหาฉันที่ปราสาทมาร์วาได้ตลอดเวลาเลยนะ!”ผู้บัญชาการฮอปกินพูดกับอาเบลเช่นเดียวกันตอนนี้เขาอยากที่จะสร้างสัมพันธ์อันดีกับอาเบลให้ได้มากที่สุดเหมือนกับโลเวลล์นั่นเอง

“ผู้บัญชาการทั้งสองใจดีกับผมเกินไปแล้ว” อาเบลมีความสุขหลังจากที่เขาได้ยินคําพูดของผู้บัญชาการอัศวินทั้ง 2 คนเมืองไซเดอร์กับเมืองมาร์วานั้นอยู่ใกล้กับเมืองฮาเวสเป็นอย่างมากด้วยการสนับสนุนของพวกเขาทั้ง 2 คนแล้วถ้าหากในอนาคตอาเบลจะต้องเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากขนาดไหนเขาจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขาอย่างแน่นอน

“หากมีอะไรเกิดขึ้นจริงพวกนายไม่ต้องมาช่วยหรอกฉันเองจะเป็นคนช่วยปรมาจารย์อาเบลเองเมืองของฉันอยู่ใกล้กับปราสาทแฮรี่มากที่สุดแล้ว”ดึกเคนได้พูดเพื่อพยายามแก้ไขความผิดที่ก่อน หน้านี้เขาไม่ได้ช่วยอะไรเลยนั่นเอง

หลังจากที่ส่งผู้บัญชาการทั้ง 3 ออกไปจากปราสาททั้งอาเบลและลอร์ดมาแชลก็หายใจออกมาด้วยความโล่งใจในทันทีแม้ว่าอาเบลนั้นจะกลายเป็นอัศวินระดับกลางที่มีพลังลมปราณสีทองก็ตาม แต่การเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการถึง 3 คนนั้นก็สร้างความกดดันอันแรงกล้าให้กับตัวเขารวมถึงลอร์ดมาแชลด้วยอยู่ดี
การค้าขายแลกเปลี่ยนนี้ทําให้เกิดความสัมพันธ์อันดีกับผู้บัญชาการทั้ง 2 คนและความสัมพันธ์ระหว่างปราสาทแฮรี่กับกเคนเองก็คงจะดีตามด้วยเช่นเดียวกันนี่อาจจะเป็นเพราะตัวเขานั้นได้เลื่อนระดับการเป็นอัศวินอย่างรวดเร็วเดิมที่แล้วการที่จะฝึกฝนจากอัศวิน ฝึกหัดจนกลายเป็นอัศวินระดับกลางได้นั้นจะต้องใช้เวลานานเป็นอย่างมากการที่จะสร้างพลังลมปราณในตัวขึ้นมาได้เหล่าอัศวินทั้งหลายจะต้องใช้ความพยายามอย่างหนักไปกับการฝึกฝน ถึงแม้ว่าพลังลมปราณจะสามารถเพิ่มขึ้นได้จากการกินยาเสริมพลังก็ตามที่แต่พวกยาเสริมพลังนี้เองก็จะส่งผลให้ในอนาคตนั้นการจะเลื่อนระดับจะเป็นไปได้ยากกว่าเดิมนั่นเอง
ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่าการต่อสู้โดยใช้พลังลมปราณสีทองของอาเบลนั้นจะสามารถดูดซับพลังลมปราณของอัศวินคนอื่นๆได้ อาเบลคิดไม่ออกเลยว่าถ้าหากเขาใช้น้ํายาเสริมพลังระดับสุดยอด เพื่อเลื่อนระดับอีกครั้งครั้งนี้พลังของเขาอาจจะเพิ่มสูงขึ้นในแบบที่คาดไม่ถึงเลยก็ว่าได้

อาเบลมียาเสริมพลังมากพอแล้วสําหรับตัวเองในตอนนี้ แต่เหมือนฮอร์ราดริกคิวบ์ของเขาจะเก็บดาบระเบิดทั้ง 3 เล่ม กับดาบระเบิดขั้นสุดยอดอีก 1 เล่มเอาไว้แล้วการที่จะสร้างน้ํายาเสริม พลังระดับสุดยอดได้อาเบลจะต้องใช้ช่องว่างในคิวบ์นั่นเอง
ในช่วงบ่ายของวันนั้นเองอาเบลก็ได้เข้าไปที่ห้องตีเหล็กของเขาเพื่อที่จะส ร้างอาวุธต่อไปหลังจากนั้นตัวเขาก็ได้นั่งเมฆาสีขาวก่อนที่จะบินไปที่หุบเขาแอนซะอีกครั้งเพื่อที่จะทําลายดาบระเบิดูทั้งหมด่อไปเหตุผลที่ตัวเขานั้นเลือกหุบเขาหุบเขานี้เป็นเพราะว่าหุบเขานี้มีหลุมที่มีความลึกกว่า 10 เมตรด้วยกันด้วยความลึกนี้อาเบลคิดไว้ว่าจะสามารถจัดการกับแรงระเบิดได้อย่างแน่นอน
อาเบลได้หยิบชุดเกราะทั้งหมดมาจากถุงพิเศษของเขาออกมาที่ละชุดหลังจากนั้นไม่นานตัวเขาก็เต็มไปด้วยชุดเกราะพร้อมกับโล่ห์ที่อยู่ในมือตอนนี้มือขวาของอาเบลได้ถือฮอร์ราดริกคิวบ์อยู่เพียงเท่านั้น

อาเบลได้อนุญาตให้เมฆาสีขาวบินอยู่เหนือหัวของตัวเขาเองใกล้ๆ กับขอบเหวของหุบเขาในท้ายที่สุดแล้วอาเบลก็ได้ขว้างดาบระเบิดทั้ง 3 เล่มลงไปในขอบเหวไปตามที่อาเบลได้คาดการณ์ เอาไว้ดาบระเบิดทั้งหมดนั้นระเบิดออกมารุนแรงมากเมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วหลังจากที่โยนดาบทั้งหมดลงไปก็ได้มาเศษหินหลายก้อนกระเด็นลอยมาบนหุบเขานี้อีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด