Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 10
คุณผีเสื้อตัวน้อยบินเข้าไปในป่ามืดทึบ บินอยู่สักพักหนึ่งเธอก็หยุดลงพร้อมกับด้านหน้ามีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่
“เธอไปแล้ว.. ที่บ้านคุณยายของเธอ”
เงาร่างนั้นตอบรับก่อนที่มือของเงานั้นจะคว้าไปในอากาศจับเอาคุณผีเสื้อตัวน้อยมาแล้วก็โยนเข้าปากฟันที่แหลมคมนั้นกัดคุณผีเสื้อตัวน้อยทีเดียวก็ตายทันที
เธอตายโดยที่เธอยังไม่ได้มีโอกาสได้กรีดร้องเลยด้วยซ้ำ มันทั้งรวดเร็วและว่องไวอย่างมาก ซึ่งต่อให้ต้องการคุณผีเสื้อก็คงหลบไม่พ้นอย่างแน่นอน
เงาสีดำตนนั้นเลียริมฝีปากเบาๆ ปากที่ยาวออกมาด้านหน้าเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มนุษย์ มันดูเหมือนกับใบหน้าของหมาป่า
แต่ทว่าหมาป่าตนนี้กลับยืนสองขาเสียอย่างนั้น.. จู่ๆ มันก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งหากมีคนมาเห็นมันในยามนี้คงจะรู้สึกผวาเป็นอย่างมาก
เพราะเสียงหัวเราะของมันในยามนี้ราวกับเป็นหมาป่าที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและอยากจะกินพวกเขา!
“ฮ่าๆ…”
………
เรดใช้เวลาเดินอยู่ครู่ใหญ่ ตะวันเองก็เริ่มลาขอบฟ้าแล้ว ที่เธอมาช้าส่วนหนึ่งเป็นเพราะพูดคุยกับคุณกระต่ายและคุณผีเสื้อด้วยแหละ
แต่จะว่าไปแม่ของเธอก็บอกว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้านี่น่า.. แต่ก็นะ ถึงจะคุยด้วยเรดก็ไม่ได้คล้อยตามพวกสัตว์ประหลาดนั่นแต่อย่างใด
และในที่สุดเรดก็เดินมาถึงบ้านคุณยาย โดยบ้านคุณยายเป็นหลังที่ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ แต่ก็ใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของบ้านเธอได้
เพราะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ตัวเองละนะ เรดเดินไปหน้าประตูก่อนจะเคาะประตูอยู่สองสามครั้ง
“คุณยายคะ หนูมาเยี่ยมคุณยายแล้วค่ะ คุณยายช่วยเปิดประตูให้หนูหน่อยได้ไหมคะ?”
เสียงคุณยายที่อยู่ภายในบ้านซึ่งแหบมาก สาเหตุคงมาจากเพราะเธอไม่สบายจึงมีเสียงค่อนข้างแปลกจากปกติพอสมควร
“เปิดประตูเข้ามาเลยจ้ะ ยายไม่ได้ล็อกประตูไว้นะ”
“ค่ะ..”
เรดทำให้ตัวเองเดินเนื้อเรื่องตามบทของนิทานหนูน้อยหมวกแดงทุกอย่าง.. อาจจะเพื่อการสวมบทบาทเป็นหนูน้อยหมวกแดงในฉบับของเธอเองก็ได้.. พอเธอเปิดประตูมาในบ้านคุณยายก็นอนคลุมโปงอยู่
เมื่อเห็นแบบนั้นเรดตกใจเล็กน้อย หรือว่าเจ้าหมาป่าจะมา.. ไม่สิ เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะถ้าเป็นหมาป่าตอนนี้ผ้าห่มต้องไม่เรียบแบบนี้ปากหมาป่ามันยาวจะตาย
“มีอะไรมาให้ยายเหรอจ๊ะ แค่กๆ..”
คุณยายไอออกมาเพราะเจ็บคอ พอเรดเห็นคุณยายไม่สบายขนาดนั้นเรดก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าเพราะคุณยายอาจจะเจ็บคออยู่จริงๆ เอาไวน์ให้ทานตอนนี้คงจะไม่ดีเท่าไหร่
เรดจึงหยิบเอาไวน์ไปเก็บไว้ในตู้ พร้อมยกตะกร้าไปวางไว้บนโต๊ะ หลังจากเงียบไปพักใหญ่ไม่เห็นคุณยายคิดจะเปิดผ้าขึ้นมาดูหลานตัวเองเลย
โดยปกติแล้วหากลูกหลานมาหาคนเฒ่าคนแก่จะต้องคิดถึงลูกหลานมากแน่ๆ สิ่งแรกๆ ที่พวกเขาจะทำคืออยากจะเห็นหน้าลูกหลานตัวเอง
แน่นอนว่าคุณยายหนูน้อยหมวกแดงที่ไม่ได้อยู่กับลูกกับหลาน แต่อยู่ในป่าที่ห่างออกมาแบบนี้
เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น ต้องคิดถึงลูกหลานบ้างเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
สาเหตุที่เรดระบุเรื่องพวกนี้ได้ชัดเจน.. นั่นเป็นเพราะเธอเป็นครูสอนเด็กอนุบาลมาก่อน และคุณตาหรือคุณยายก็มีบ่อนครั้งที่โผล่มาพบลูกหลานตัวเองด้วยความคิดถึงและห่วงใย
หรือแม้แต่ไปรับไปส่งหลานๆ ตัวเองแทนพ่อแม่ที่ไม่ว่าง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เรดจะพอเข้าใจความรู้สึกของคนแก่อายุเยอะที่มีต่อบุตรหลาน.. แต่คุณยายคนนี้ไม่สนในที่จะหันมองหน้าหลานตัวเองด้วยซ้ำ
ต่อให้เป็นเรดที่คิดว่าตัวเองไม่เจอกับหมาป่าแน่ๆ แล้วก็ยังเริ่มสงสัยขึ้นมากับเหตุการณ์แบบนี้นี่..
เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอก็ยื่นมือเข้าไปจับขวานในตะกร้าช้าๆ ถึงเธอจะไม่อยากเชื่อว่าหมาป่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ แต่เพื่อยืนยันสิ่งนั้นเธอต้องลองพูดตามบทของหนูน้อยหมวกแดงดู
“ว่าแต่ทำไมคุณยายต้องนอนคลุมโปงด้วยล่ะคะ?”
“ยายไม่ค่อยสบายน่ะ แค่กๆ!”
เรดที่ฟังแบบนั้นก็ถือตะกร้าและเดินเข้าไปใกล้คุณยาย พร้อมกับพูดต่อตามบทเดิม
“ทำไมเสียงคุณยายถึงแหบขนาดนี้ล่ะ?”
“ยายเจ็บคอ เสียงมันก็เลยแหบแบบนี้แหละจ๊ะ”
เรดเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงข้างเตียงพร้อมกับยกขวานขึ้นเหนือหัวตัวเองแล้วก็พูดคำสุดท้ายออกมาซึ่งถือเป็นคำพูดที่เห็นบ่อยในนิทานหนูน้อยหมวกแดง
“แล้วทำไมปากคุณยายถึงได้ยาวและมีฟันที่แหลมคมขนาดนี้ล่ะคะ?”
ถึงแม้ปากจะไม่ได้ยาวออกมา แต่ทว่ามันอาจจะซ่อนไว้ก็ได้ แน่นอนว่ารวมถึงฟันอันแหลมคมของมันด้วย ดังนั้นเรดจึงถามตามสูตรของนิทานเวอร์ชันเด็กเป๊ะๆ เลย ถึงแม้เธอจะไม่ได้เห็นมันก็ตาม
และถ้าหากคำตอบที่ดังออกจากปากมันเป็นคำที่เธอเคยได้ยินในนิทานมาละก็.. ขวานนี้จะสับลงใส่คอมันอย่างรุนแรงโดยไม่ลังเลทันที
คุณยายหนูน้อยหมวกแดงไม่ได้ตอบคำถามโดยทันทีแต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดปากขึ้นว่า
“เพื่อที่จะได้…..”
เรดกำขวานแน่นพร้อมกับกำลังจะฟันลงนั้นเอง..
“หลานพูดอะไรเนี่ย ฟันยายจะไปแหลม ปากยายจะไปยาวได้ยังไง ยายไม่ใช่หมาป่าสักหน่อยนะ?”
“….?”
เรดที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเล็กน้อย
“ว่าแต่เรดอย่าเข้ามาใกล้ยายขนาดนั้นสิจ๊ะ เดี๋ยวก็ติดไข้หรอก ที่ยายคลุมโปงก็กลัวมันจะไปติดหลานนะเนี่ย ถอยออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
คุณยายพูดแบบนั้นพร้อมกับดึงผ้าห่มสูงขึ้นอีก จนทำให้เท้าของเธอโผล่ออกมาจากปลายเตียง
ซึ่งพอเรดหันไปมองมันก็เป็นเท้าของมนุษย์.. ทำให้เรดถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่คลุมโปงก็เพราะกลัวเรดจะติดไข้ด้วยเฉยๆ อย่างงั้นสินะ
“คุณยายทำให้หนูตกใจแทบแย่แน่ะ..”
“ตกใจอะไรเหรอจ๊ะ?”
‘ก็นึกว่าเจ้าหมาป่ามันเข้ามาเพื่อที่จะกินหนูไงล่ะ’ เรดอยากจะตอบออกไปแบบนี้แต่เธอคงพูดไม่ได้หรอก
“เปล่าหรอกค่ะ.. เดี๋ยวหนูจะปลอกแอปเปิลให้นะคะ นี่ก็ค่ำแล้วหนูขอพักที่นี่กับคุณยายได้ไหมคะ?”
เพราะตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดค่ำแล้ว แม้จะยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นตอนกลางคืน แต่กว่าจะเดินกลับถึงบ้านก็คงถึงตอนกลางคืนจริงๆ เนื่องจากอีกไม่นานท้องฟ้าแถบนี้คงถูกปกคลุมด้วยพระอาทิตย์ยามอัสดงแล้ว
คุณยายที่ได้ยินแบบนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อเธอครุ่นคิดว่านี่ก็มืดค่ำแล้วจะให้เด็กน้อยเดินผ่านป่าก็ไม่ได้
แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ดันกลัวว่าหลานจะติดไข้จากตัวเองเหมือนกัน จึงทำให้เธอค่อนข้างลังเลอยู่พอสมควร แต่จะยังไงซะความปลอดภัยของหลานสาวต้องมาก่อน เธอจึงตอบตกลงโดยใช้เวลาคิดไม่นาน
“เข้าใจแล้วล่ะจ๊ะ นอนที่นี่กับยายก็ได้จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวหนูอบขนมปังให้รอเดี๋ยวหนึ่งนะคะ”
“อบขนมปัง?”
“ใช่ค่ะ คือการทำให้ขนมปังนุ่มขึ้นน่ะ”
ว่าแล้วเรดก็เดินเข้าครัว เพราะเคยทำมาแล้วรอบนี้ทำครั้งเดียวเลยได้เลยพร้อมกับยกขนมปังมาไว้ข้างโต๊ะแล้วเธอก็หยิบมีดขึ้นมาปอกเปลือกแอปเปิล
“จะว่าไปแล้ว มีอะไรสนุกๆ มาเล่าให้ยายฟังหรือเปล่า เมื่อวานทำอะไรเหรอ ได้เรียนอะไรกับคุณแม่เหรอ?”
“พอดีเมื่อวานหนูเข้าเมืองไปซื้ออาหารน่ะ”
“งั้นเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ สนุกหรือเปล่า”
“ก็สนุกมากค่ะ”
ถึงเรดจะไม่เข้าใจว่าการเดินซื้อของนอกจากความน่าเบื่อมันจะไปมีความสนุกยังไงก็ตาม แต่ถ้าเป็นเด็กอายุเท่าหนูน้อยหมวกแดงอาจจะสนุกที่ได้เปิดโลกหรือเห็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยคนพลุกพล่านละมั้งนะ
ดังนั้นเธอจึงตอบออกไปแบบนั้น ในขณะที่คุยกับคุณยายนั้นเองเรดก็หยุดมือที่ปอกเปลือกแอปเปิลกะทันหัน
เพราะตอนนี้เธอหันหลังให้คุณยายอยู่เลยไม่รู้ว่าตอนนี้คุณยายได้เปิดผ้าห่มออกมาแล้ว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงอาทิตย์อัสดงสาดแสงสีส้มแดงออกมา มันลอดผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่สาดไปทั่วทั้งบ้านของคุณยายเสมือนกับบ้านคุณยายทำจากไม้สีแดงส้ม
ใบหน้าของคุณยายโผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม.. แต่ทว่าตรงแก้มลากยาวไปจนถึงหนังศีรษะนั้น มีเลือดสีแดงไหลออกมาจากใต้ใบหน้าของเธอ เหมือนกับว่าชั้นผิวหนังส่วนใบหน้าถูกถลกออกแล้วเอาติดใหม่ซ้ำอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งในตอนที่มือของเรดหยุดปอกเปลือกก็เกิดคำถามใหม่ขึ้นมา..
“คุณยาย.. เจ็บคอไม่ใช่เหรอ.. ทำไมคุณยายถึงเสียงปกติแถมไม่ไอแล้วล่ะคะ..?”
“อ้อ.. นั่นเป็นเพราะ… ยายได้กลิ่นอาหารชั้นยอดอยู่ตรงหน้าน่ะ”
“ขนมปังธรรมดาเนี่ยนะ..?”
“เปล่าหรอก.. เธอต่างหาก!”
วินาทีเดียวกันเรดหันหน้ามา ทว่าไม้ท่อนเท่าแขนก็ทุบใส่หลังศรีษะเธออย่างรุนแรงจนหน้ามืดลงในทันที ทำให้ร่างของเธอล้มลงไปกองกับพื้น
และก่อนที่ทุกอย่างในระยะสายตาของเรดจะมืดดับลง.. ของบางอย่างก็ร่วงลงมาอยู่ต่อหน้าของหนูน้อยหมวกแดง
ซึ่งสิ่งที่อยู่ตรงนั้นคือ.. ใบหน้าของคุณยายเธอที่ถูกถลกออกมา..สติของเรดก็มืดดับลงไปทันควัน
………….
ความเจ็บแสบบางอย่างบนร่างกายของเรด ดึงเอาเรดฟื้นกลับมาจากความมืดมิด ดวงตาเธอเปิดกว้างขึ้น แสงอาทิตย์อัสดงยามนี้ได้อาบห้องแห่งนี้ให้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
อันที่จริงแยกไม่ออกว่าไอ้สีแดงที่อยู่ในห้องมันเป็นแสงตะวันหรือเลือดสดๆ ของเด็กวัยเยาว์
ร่างของเรดถูกมัดติดกับเตียงจนดิ้นไปไหนมาไหนไม่ได้ดั่งใจ เงาสีดำไม่เห็นใบหน้ายืนอยู่ด้านข้างแต่เรดรู้ดีว่ามันคือหมาป่าที่ชั่วร้ายที่ถลกเอาใบหน้าของคุณยายมาติดใส่หน้าของตัวเอง
หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นด้วยความสับสน ความวิตกกังวล ทำไม.. ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเธอถึงไม่รู้ให้เร็วกว่านี้
กระต่ายแสงจันทร์ ผีเสื้อแสงจันทร์ ทั้งสองตัวนั้นพวกมันฉลาดมาก.. ใช่ เจ้าหมาป่านี่เองก็ต้องอาจจะมีความเป็นไปได้ว่ามันจะเป็นหมาป่าแสงจันทร์ เพราะงั้นมันต้องฉลาดมากแน่ๆ
มันต้องมีแผน.. ทำไมเธอไม่คิดให้มากกว่านี้ เป็นเพราะเธอคิดว่านี่เป็นนิทาน.. นี่เป็นนิทานทั้งที่ในความจริงแล้วนี่คือโลกใบใหม่ของเธอโลกที่มีความสมเหตุสมผล
มีทั้งตรรกะและคำอธิบาย!
“บัดซบ บัดซบ บัดซบ!”
เธอกัดริมฝีปากด้วยความสับสนพร้อมทั้งความรู้สึกบางอย่างที่อยู่บนไหล่ขวาของเธอ มันคือความรู้สึกเจ็บแสบไปทั่วทั้งหัวไหล่ ขณะเดียวกันเจ้าตัวในเงามืด.. มันก็แทะของบางอย่างอยู่
มันไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น.. เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาแทะต่อไป หากมองดีๆ แล้ว.. มันคือแขนเล็กๆ ข้างหนึ่งที่เคยขาวสะอาดแต่ตอนนี้เหลือเพียงเนื้อสีแดงบางส่วนและกระดูกสีขาว
หัวใจของเรดเต้นระรัวขึ้น… เธอหันไปที่ไหล่ขวาของตัวเองก็พบว่า.. แขนขวาของเธอก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว…
“ไม่.. ไม่.. ไม่.. อ้ากกกกกกกกกกกก!”
วินาทีนั้นเสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังออกมาจากปากของเธอ ตามมาด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เจ้าคนที่เรดคิดว่าเป็นหมาป่าก็โยนแขนขวาของเธอที่มันตัดลงกับพื้นเพราะได้ยินเสียงน่ารำคาญของเรด
มันยกขวานที่เรดเป็นคนถือมาตัดลงไปที่แขนอีกข้างของเธอ แต่ทว่าเพราะขวานไม่ได้คมพอที่จะผ่ากระดูกในครั้งเดียวได้ง่ายขนาดนั้นมันจึงยกขวานขึ้นและก็สับลงอีกรอบ
เลือดสีแดงฉานสาดกระจายไปทั่วพื้นที่..
ความเจ็บปวดที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตนี้ของเธอ ทำให้เธอกรีดร้องโหยหวนอย่างทรมานน้ำหู น้ำตา น้ำลายไหลออกมาจนหน้าตาดูไม่ได้
ภาพทุกอย่างในอดีตหวนคืนกลับมาทั้งหมด
ทำไม.. ทำไมเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้.. ทำไม..
เจ็บ.. เจ็บ เจ็บ เจ็บ…
เสียงกรีดร้องอันแสนทรมานของเธอไม่มีใครตอบรับและช่วยเหลือนอกจากเสียงของขวานที่สับใส่กระดูกของเธอ
“เจ็บ เจ็บ.. เจ็บ หนูผิดอะไร อย่า… หยุดเถอะ หยุดเถอะ”
เสียงอ้อนวอนโดยสัญชาตญาณดังขึ้น แต่ไม่เพียงไม่หยุดเจ้าหมาป่ามันเริ่มรำคาญหนูน้อยหมวกแดงมันหยิบขวานขึ้นมาพร้อมกับสับลงใส่ท้องของเธออย่างรุนแรง..
ส่งผลให้เสียงกรีดร้องของเรดดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว มันไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด มันดึงขวานออกมาจากท้องของเธอซึ่งส่งผลให้ลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่ติดเป็นกับขวานออกมาจากท้องของเธอเป็นเส้น
ความเจ็บปวดที่ควรจะทำให้เธอตายในทันที แต่เรดกลับไม่ส่งผลให้เธอตายทันที มันทำให้เธอติดแหง็กอยู่กับความเจ็บปวด ความทรมานที่ไม่อาจจะสามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้
เจ้าหมาป่ามันจับลำไส้ของเธอดึงออกมาแล้วยัดใส่ปากเธอเอาไว้เพื่อให้เธอไม่กรีดร้องออกมาอีก
กลิ่นเลือด กลิ่นคาวเหม็น หยดลงไปในปากของเธอ.. ส่งผลให้เธออ้วกออกมาแต่มันก็ไหลกับทางเดิม.. ทั้งเลือด ทั้งอ้วก ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้เรดแทบจะเป็นบ้า
ความทรมานเหล่านี้มันทำให้ดวงตาเธอแดงก่ำต่างจากปกติ เธอดิ้นรนรุนแรงขึ้นยิ่งกว่าเดิม.. ความบ้าคลั่ง ความเจ็บปวด
ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปจนหมด
ความสิ้นหวัง
ความทรมาน
ทุกสิ่งอย่าง
“ฉัน… ฉัน… ฉันจะฆ่าแก!!!!”
ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความเกลียดชังและบ้าคลั่งพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่นไปทั่วพื้นที่
“….”
แต่ในวินาทีต่อมาดวงตาของเรดก็เหลือกขึ้น..และสิ้นลมหายใจไปทั้งอย่างนั้น………
R/C – 1-10
Ending
Comments
Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 10
คุณผีเสื้อตัวน้อยบินเข้าไปในป่ามืดทึบ บินอยู่สักพักหนึ่งเธอก็หยุดลงพร้อมกับด้านหน้ามีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่
“เธอไปแล้ว.. ที่บ้านคุณยายของเธอ”
เงาร่างนั้นตอบรับก่อนที่มือของเงานั้นจะคว้าไปในอากาศจับเอาคุณผีเสื้อตัวน้อยมาแล้วก็โยนเข้าปากฟันที่แหลมคมนั้นกัดคุณผีเสื้อตัวน้อยทีเดียวก็ตายทันที
เธอตายโดยที่เธอยังไม่ได้มีโอกาสได้กรีดร้องเลยด้วยซ้ำ มันทั้งรวดเร็วและว่องไวอย่างมาก ซึ่งต่อให้ต้องการคุณผีเสื้อก็คงหลบไม่พ้นอย่างแน่นอน
เงาสีดำตนนั้นเลียริมฝีปากเบาๆ ปากที่ยาวออกมาด้านหน้าเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มนุษย์ มันดูเหมือนกับใบหน้าของหมาป่า
แต่ทว่าหมาป่าตนนี้กลับยืนสองขาเสียอย่างนั้น.. จู่ๆ มันก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งหากมีคนมาเห็นมันในยามนี้คงจะรู้สึกผวาเป็นอย่างมาก
เพราะเสียงหัวเราะของมันในยามนี้ราวกับเป็นหมาป่าที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและอยากจะกินพวกเขา!
“ฮ่าๆ…”
………
เรดใช้เวลาเดินอยู่ครู่ใหญ่ ตะวันเองก็เริ่มลาขอบฟ้าแล้ว ที่เธอมาช้าส่วนหนึ่งเป็นเพราะพูดคุยกับคุณกระต่ายและคุณผีเสื้อด้วยแหละ
แต่จะว่าไปแม่ของเธอก็บอกว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้านี่น่า.. แต่ก็นะ ถึงจะคุยด้วยเรดก็ไม่ได้คล้อยตามพวกสัตว์ประหลาดนั่นแต่อย่างใด
และในที่สุดเรดก็เดินมาถึงบ้านคุณยาย โดยบ้านคุณยายเป็นหลังที่ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ แต่ก็ใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของบ้านเธอได้
เพราะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ตัวเองละนะ เรดเดินไปหน้าประตูก่อนจะเคาะประตูอยู่สองสามครั้ง
“คุณยายคะ หนูมาเยี่ยมคุณยายแล้วค่ะ คุณยายช่วยเปิดประตูให้หนูหน่อยได้ไหมคะ?”
เสียงคุณยายที่อยู่ภายในบ้านซึ่งแหบมาก สาเหตุคงมาจากเพราะเธอไม่สบายจึงมีเสียงค่อนข้างแปลกจากปกติพอสมควร
“เปิดประตูเข้ามาเลยจ้ะ ยายไม่ได้ล็อกประตูไว้นะ”
“ค่ะ..”
เรดทำให้ตัวเองเดินเนื้อเรื่องตามบทของนิทานหนูน้อยหมวกแดงทุกอย่าง.. อาจจะเพื่อการสวมบทบาทเป็นหนูน้อยหมวกแดงในฉบับของเธอเองก็ได้.. พอเธอเปิดประตูมาในบ้านคุณยายก็นอนคลุมโปงอยู่
เมื่อเห็นแบบนั้นเรดตกใจเล็กน้อย หรือว่าเจ้าหมาป่าจะมา.. ไม่สิ เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะถ้าเป็นหมาป่าตอนนี้ผ้าห่มต้องไม่เรียบแบบนี้ปากหมาป่ามันยาวจะตาย
“มีอะไรมาให้ยายเหรอจ๊ะ แค่กๆ..”
คุณยายไอออกมาเพราะเจ็บคอ พอเรดเห็นคุณยายไม่สบายขนาดนั้นเรดก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าเพราะคุณยายอาจจะเจ็บคออยู่จริงๆ เอาไวน์ให้ทานตอนนี้คงจะไม่ดีเท่าไหร่
เรดจึงหยิบเอาไวน์ไปเก็บไว้ในตู้ พร้อมยกตะกร้าไปวางไว้บนโต๊ะ หลังจากเงียบไปพักใหญ่ไม่เห็นคุณยายคิดจะเปิดผ้าขึ้นมาดูหลานตัวเองเลย
โดยปกติแล้วหากลูกหลานมาหาคนเฒ่าคนแก่จะต้องคิดถึงลูกหลานมากแน่ๆ สิ่งแรกๆ ที่พวกเขาจะทำคืออยากจะเห็นหน้าลูกหลานตัวเอง
แน่นอนว่าคุณยายหนูน้อยหมวกแดงที่ไม่ได้อยู่กับลูกกับหลาน แต่อยู่ในป่าที่ห่างออกมาแบบนี้
เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น ต้องคิดถึงลูกหลานบ้างเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
สาเหตุที่เรดระบุเรื่องพวกนี้ได้ชัดเจน.. นั่นเป็นเพราะเธอเป็นครูสอนเด็กอนุบาลมาก่อน และคุณตาหรือคุณยายก็มีบ่อนครั้งที่โผล่มาพบลูกหลานตัวเองด้วยความคิดถึงและห่วงใย
หรือแม้แต่ไปรับไปส่งหลานๆ ตัวเองแทนพ่อแม่ที่ไม่ว่าง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เรดจะพอเข้าใจความรู้สึกของคนแก่อายุเยอะที่มีต่อบุตรหลาน.. แต่คุณยายคนนี้ไม่สนในที่จะหันมองหน้าหลานตัวเองด้วยซ้ำ
ต่อให้เป็นเรดที่คิดว่าตัวเองไม่เจอกับหมาป่าแน่ๆ แล้วก็ยังเริ่มสงสัยขึ้นมากับเหตุการณ์แบบนี้นี่..
เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอก็ยื่นมือเข้าไปจับขวานในตะกร้าช้าๆ ถึงเธอจะไม่อยากเชื่อว่าหมาป่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ แต่เพื่อยืนยันสิ่งนั้นเธอต้องลองพูดตามบทของหนูน้อยหมวกแดงดู
“ว่าแต่ทำไมคุณยายต้องนอนคลุมโปงด้วยล่ะคะ?”
“ยายไม่ค่อยสบายน่ะ แค่กๆ!”
เรดที่ฟังแบบนั้นก็ถือตะกร้าและเดินเข้าไปใกล้คุณยาย พร้อมกับพูดต่อตามบทเดิม
“ทำไมเสียงคุณยายถึงแหบขนาดนี้ล่ะ?”
“ยายเจ็บคอ เสียงมันก็เลยแหบแบบนี้แหละจ๊ะ”
เรดเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงข้างเตียงพร้อมกับยกขวานขึ้นเหนือหัวตัวเองแล้วก็พูดคำสุดท้ายออกมาซึ่งถือเป็นคำพูดที่เห็นบ่อยในนิทานหนูน้อยหมวกแดง
“แล้วทำไมปากคุณยายถึงได้ยาวและมีฟันที่แหลมคมขนาดนี้ล่ะคะ?”
ถึงแม้ปากจะไม่ได้ยาวออกมา แต่ทว่ามันอาจจะซ่อนไว้ก็ได้ แน่นอนว่ารวมถึงฟันอันแหลมคมของมันด้วย ดังนั้นเรดจึงถามตามสูตรของนิทานเวอร์ชันเด็กเป๊ะๆ เลย ถึงแม้เธอจะไม่ได้เห็นมันก็ตาม
และถ้าหากคำตอบที่ดังออกจากปากมันเป็นคำที่เธอเคยได้ยินในนิทานมาละก็.. ขวานนี้จะสับลงใส่คอมันอย่างรุนแรงโดยไม่ลังเลทันที
คุณยายหนูน้อยหมวกแดงไม่ได้ตอบคำถามโดยทันทีแต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดปากขึ้นว่า
“เพื่อที่จะได้…..”
เรดกำขวานแน่นพร้อมกับกำลังจะฟันลงนั้นเอง..
“หลานพูดอะไรเนี่ย ฟันยายจะไปแหลม ปากยายจะไปยาวได้ยังไง ยายไม่ใช่หมาป่าสักหน่อยนะ?”
“….?”
เรดที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเล็กน้อย
“ว่าแต่เรดอย่าเข้ามาใกล้ยายขนาดนั้นสิจ๊ะ เดี๋ยวก็ติดไข้หรอก ที่ยายคลุมโปงก็กลัวมันจะไปติดหลานนะเนี่ย ถอยออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
คุณยายพูดแบบนั้นพร้อมกับดึงผ้าห่มสูงขึ้นอีก จนทำให้เท้าของเธอโผล่ออกมาจากปลายเตียง
ซึ่งพอเรดหันไปมองมันก็เป็นเท้าของมนุษย์.. ทำให้เรดถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่คลุมโปงก็เพราะกลัวเรดจะติดไข้ด้วยเฉยๆ อย่างงั้นสินะ
“คุณยายทำให้หนูตกใจแทบแย่แน่ะ..”
“ตกใจอะไรเหรอจ๊ะ?”
‘ก็นึกว่าเจ้าหมาป่ามันเข้ามาเพื่อที่จะกินหนูไงล่ะ’ เรดอยากจะตอบออกไปแบบนี้แต่เธอคงพูดไม่ได้หรอก
“เปล่าหรอกค่ะ.. เดี๋ยวหนูจะปลอกแอปเปิลให้นะคะ นี่ก็ค่ำแล้วหนูขอพักที่นี่กับคุณยายได้ไหมคะ?”
เพราะตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดค่ำแล้ว แม้จะยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นตอนกลางคืน แต่กว่าจะเดินกลับถึงบ้านก็คงถึงตอนกลางคืนจริงๆ เนื่องจากอีกไม่นานท้องฟ้าแถบนี้คงถูกปกคลุมด้วยพระอาทิตย์ยามอัสดงแล้ว
คุณยายที่ได้ยินแบบนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อเธอครุ่นคิดว่านี่ก็มืดค่ำแล้วจะให้เด็กน้อยเดินผ่านป่าก็ไม่ได้
แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ดันกลัวว่าหลานจะติดไข้จากตัวเองเหมือนกัน จึงทำให้เธอค่อนข้างลังเลอยู่พอสมควร แต่จะยังไงซะความปลอดภัยของหลานสาวต้องมาก่อน เธอจึงตอบตกลงโดยใช้เวลาคิดไม่นาน
“เข้าใจแล้วล่ะจ๊ะ นอนที่นี่กับยายก็ได้จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวหนูอบขนมปังให้รอเดี๋ยวหนึ่งนะคะ”
“อบขนมปัง?”
“ใช่ค่ะ คือการทำให้ขนมปังนุ่มขึ้นน่ะ”
ว่าแล้วเรดก็เดินเข้าครัว เพราะเคยทำมาแล้วรอบนี้ทำครั้งเดียวเลยได้เลยพร้อมกับยกขนมปังมาไว้ข้างโต๊ะแล้วเธอก็หยิบมีดขึ้นมาปอกเปลือกแอปเปิล
“จะว่าไปแล้ว มีอะไรสนุกๆ มาเล่าให้ยายฟังหรือเปล่า เมื่อวานทำอะไรเหรอ ได้เรียนอะไรกับคุณแม่เหรอ?”
“พอดีเมื่อวานหนูเข้าเมืองไปซื้ออาหารน่ะ”
“งั้นเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ สนุกหรือเปล่า”
“ก็สนุกมากค่ะ”
ถึงเรดจะไม่เข้าใจว่าการเดินซื้อของนอกจากความน่าเบื่อมันจะไปมีความสนุกยังไงก็ตาม แต่ถ้าเป็นเด็กอายุเท่าหนูน้อยหมวกแดงอาจจะสนุกที่ได้เปิดโลกหรือเห็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยคนพลุกพล่านละมั้งนะ
ดังนั้นเธอจึงตอบออกไปแบบนั้น ในขณะที่คุยกับคุณยายนั้นเองเรดก็หยุดมือที่ปอกเปลือกแอปเปิลกะทันหัน
เพราะตอนนี้เธอหันหลังให้คุณยายอยู่เลยไม่รู้ว่าตอนนี้คุณยายได้เปิดผ้าห่มออกมาแล้ว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงอาทิตย์อัสดงสาดแสงสีส้มแดงออกมา มันลอดผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่สาดไปทั่วทั้งบ้านของคุณยายเสมือนกับบ้านคุณยายทำจากไม้สีแดงส้ม
ใบหน้าของคุณยายโผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม.. แต่ทว่าตรงแก้มลากยาวไปจนถึงหนังศีรษะนั้น มีเลือดสีแดงไหลออกมาจากใต้ใบหน้าของเธอ เหมือนกับว่าชั้นผิวหนังส่วนใบหน้าถูกถลกออกแล้วเอาติดใหม่ซ้ำอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งในตอนที่มือของเรดหยุดปอกเปลือกก็เกิดคำถามใหม่ขึ้นมา..
“คุณยาย.. เจ็บคอไม่ใช่เหรอ.. ทำไมคุณยายถึงเสียงปกติแถมไม่ไอแล้วล่ะคะ..?”
“อ้อ.. นั่นเป็นเพราะ… ยายได้กลิ่นอาหารชั้นยอดอยู่ตรงหน้าน่ะ”
“ขนมปังธรรมดาเนี่ยนะ..?”
“เปล่าหรอก.. เธอต่างหาก!”
วินาทีเดียวกันเรดหันหน้ามา ทว่าไม้ท่อนเท่าแขนก็ทุบใส่หลังศรีษะเธออย่างรุนแรงจนหน้ามืดลงในทันที ทำให้ร่างของเธอล้มลงไปกองกับพื้น
และก่อนที่ทุกอย่างในระยะสายตาของเรดจะมืดดับลง.. ของบางอย่างก็ร่วงลงมาอยู่ต่อหน้าของหนูน้อยหมวกแดง
ซึ่งสิ่งที่อยู่ตรงนั้นคือ.. ใบหน้าของคุณยายเธอที่ถูกถลกออกมา..สติของเรดก็มืดดับลงไปทันควัน
………….
ความเจ็บแสบบางอย่างบนร่างกายของเรด ดึงเอาเรดฟื้นกลับมาจากความมืดมิด ดวงตาเธอเปิดกว้างขึ้น แสงอาทิตย์อัสดงยามนี้ได้อาบห้องแห่งนี้ให้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
อันที่จริงแยกไม่ออกว่าไอ้สีแดงที่อยู่ในห้องมันเป็นแสงตะวันหรือเลือดสดๆ ของเด็กวัยเยาว์
ร่างของเรดถูกมัดติดกับเตียงจนดิ้นไปไหนมาไหนไม่ได้ดั่งใจ เงาสีดำไม่เห็นใบหน้ายืนอยู่ด้านข้างแต่เรดรู้ดีว่ามันคือหมาป่าที่ชั่วร้ายที่ถลกเอาใบหน้าของคุณยายมาติดใส่หน้าของตัวเอง
หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นด้วยความสับสน ความวิตกกังวล ทำไม.. ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเธอถึงไม่รู้ให้เร็วกว่านี้
กระต่ายแสงจันทร์ ผีเสื้อแสงจันทร์ ทั้งสองตัวนั้นพวกมันฉลาดมาก.. ใช่ เจ้าหมาป่านี่เองก็ต้องอาจจะมีความเป็นไปได้ว่ามันจะเป็นหมาป่าแสงจันทร์ เพราะงั้นมันต้องฉลาดมากแน่ๆ
มันต้องมีแผน.. ทำไมเธอไม่คิดให้มากกว่านี้ เป็นเพราะเธอคิดว่านี่เป็นนิทาน.. นี่เป็นนิทานทั้งที่ในความจริงแล้วนี่คือโลกใบใหม่ของเธอโลกที่มีความสมเหตุสมผล
มีทั้งตรรกะและคำอธิบาย!
“บัดซบ บัดซบ บัดซบ!”
เธอกัดริมฝีปากด้วยความสับสนพร้อมทั้งความรู้สึกบางอย่างที่อยู่บนไหล่ขวาของเธอ มันคือความรู้สึกเจ็บแสบไปทั่วทั้งหัวไหล่ ขณะเดียวกันเจ้าตัวในเงามืด.. มันก็แทะของบางอย่างอยู่
มันไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น.. เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาแทะต่อไป หากมองดีๆ แล้ว.. มันคือแขนเล็กๆ ข้างหนึ่งที่เคยขาวสะอาดแต่ตอนนี้เหลือเพียงเนื้อสีแดงบางส่วนและกระดูกสีขาว
หัวใจของเรดเต้นระรัวขึ้น… เธอหันไปที่ไหล่ขวาของตัวเองก็พบว่า.. แขนขวาของเธอก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว…
“ไม่.. ไม่.. ไม่.. อ้ากกกกกกกกกกกก!”
วินาทีนั้นเสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังออกมาจากปากของเธอ ตามมาด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เจ้าคนที่เรดคิดว่าเป็นหมาป่าก็โยนแขนขวาของเธอที่มันตัดลงกับพื้นเพราะได้ยินเสียงน่ารำคาญของเรด
มันยกขวานที่เรดเป็นคนถือมาตัดลงไปที่แขนอีกข้างของเธอ แต่ทว่าเพราะขวานไม่ได้คมพอที่จะผ่ากระดูกในครั้งเดียวได้ง่ายขนาดนั้นมันจึงยกขวานขึ้นและก็สับลงอีกรอบ
เลือดสีแดงฉานสาดกระจายไปทั่วพื้นที่..
ความเจ็บปวดที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตนี้ของเธอ ทำให้เธอกรีดร้องโหยหวนอย่างทรมานน้ำหู น้ำตา น้ำลายไหลออกมาจนหน้าตาดูไม่ได้
ภาพทุกอย่างในอดีตหวนคืนกลับมาทั้งหมด
ทำไม.. ทำไมเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้.. ทำไม..
เจ็บ.. เจ็บ เจ็บ เจ็บ…
เสียงกรีดร้องอันแสนทรมานของเธอไม่มีใครตอบรับและช่วยเหลือนอกจากเสียงของขวานที่สับใส่กระดูกของเธอ
“เจ็บ เจ็บ.. เจ็บ หนูผิดอะไร อย่า… หยุดเถอะ หยุดเถอะ”
เสียงอ้อนวอนโดยสัญชาตญาณดังขึ้น แต่ไม่เพียงไม่หยุดเจ้าหมาป่ามันเริ่มรำคาญหนูน้อยหมวกแดงมันหยิบขวานขึ้นมาพร้อมกับสับลงใส่ท้องของเธออย่างรุนแรง..
ส่งผลให้เสียงกรีดร้องของเรดดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว มันไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด มันดึงขวานออกมาจากท้องของเธอซึ่งส่งผลให้ลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่ติดเป็นกับขวานออกมาจากท้องของเธอเป็นเส้น
ความเจ็บปวดที่ควรจะทำให้เธอตายในทันที แต่เรดกลับไม่ส่งผลให้เธอตายทันที มันทำให้เธอติดแหง็กอยู่กับความเจ็บปวด ความทรมานที่ไม่อาจจะสามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้
เจ้าหมาป่ามันจับลำไส้ของเธอดึงออกมาแล้วยัดใส่ปากเธอเอาไว้เพื่อให้เธอไม่กรีดร้องออกมาอีก
กลิ่นเลือด กลิ่นคาวเหม็น หยดลงไปในปากของเธอ.. ส่งผลให้เธออ้วกออกมาแต่มันก็ไหลกับทางเดิม.. ทั้งเลือด ทั้งอ้วก ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้เรดแทบจะเป็นบ้า
ความทรมานเหล่านี้มันทำให้ดวงตาเธอแดงก่ำต่างจากปกติ เธอดิ้นรนรุนแรงขึ้นยิ่งกว่าเดิม.. ความบ้าคลั่ง ความเจ็บปวด
ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปจนหมด
ความสิ้นหวัง
ความทรมาน
ทุกสิ่งอย่าง
“ฉัน… ฉัน… ฉันจะฆ่าแก!!!!”
ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความเกลียดชังและบ้าคลั่งพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่นไปทั่วพื้นที่
“….”
แต่ในวินาทีต่อมาดวงตาของเรดก็เหลือกขึ้น..และสิ้นลมหายใจไปทั้งอย่างนั้น………
R/C – 1-10
Ending
Comments
Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 10
คุณผีเสื้อตัวน้อยบินเข้าไปในป่ามืดทึบ บินอยู่สักพักหนึ่งเธอก็หยุดลงพร้อมกับด้านหน้ามีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่
“เธอไปแล้ว.. ที่บ้านคุณยายของเธอ”
เงาร่างนั้นตอบรับก่อนที่มือของเงานั้นจะคว้าไปในอากาศจับเอาคุณผีเสื้อตัวน้อยมาแล้วก็โยนเข้าปากฟันที่แหลมคมนั้นกัดคุณผีเสื้อตัวน้อยทีเดียวก็ตายทันที
เธอตายโดยที่เธอยังไม่ได้มีโอกาสได้กรีดร้องเลยด้วยซ้ำ มันทั้งรวดเร็วและว่องไวอย่างมาก ซึ่งต่อให้ต้องการคุณผีเสื้อก็คงหลบไม่พ้นอย่างแน่นอน
เงาสีดำตนนั้นเลียริมฝีปากเบาๆ ปากที่ยาวออกมาด้านหน้าเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มนุษย์ มันดูเหมือนกับใบหน้าของหมาป่า
แต่ทว่าหมาป่าตนนี้กลับยืนสองขาเสียอย่างนั้น.. จู่ๆ มันก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งหากมีคนมาเห็นมันในยามนี้คงจะรู้สึกผวาเป็นอย่างมาก
เพราะเสียงหัวเราะของมันในยามนี้ราวกับเป็นหมาป่าที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและอยากจะกินพวกเขา!
“ฮ่าๆ…”
………
เรดใช้เวลาเดินอยู่ครู่ใหญ่ ตะวันเองก็เริ่มลาขอบฟ้าแล้ว ที่เธอมาช้าส่วนหนึ่งเป็นเพราะพูดคุยกับคุณกระต่ายและคุณผีเสื้อด้วยแหละ
แต่จะว่าไปแม่ของเธอก็บอกว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้านี่น่า.. แต่ก็นะ ถึงจะคุยด้วยเรดก็ไม่ได้คล้อยตามพวกสัตว์ประหลาดนั่นแต่อย่างใด
และในที่สุดเรดก็เดินมาถึงบ้านคุณยาย โดยบ้านคุณยายเป็นหลังที่ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ แต่ก็ใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของบ้านเธอได้
เพราะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ตัวเองละนะ เรดเดินไปหน้าประตูก่อนจะเคาะประตูอยู่สองสามครั้ง
“คุณยายคะ หนูมาเยี่ยมคุณยายแล้วค่ะ คุณยายช่วยเปิดประตูให้หนูหน่อยได้ไหมคะ?”
เสียงคุณยายที่อยู่ภายในบ้านซึ่งแหบมาก สาเหตุคงมาจากเพราะเธอไม่สบายจึงมีเสียงค่อนข้างแปลกจากปกติพอสมควร
“เปิดประตูเข้ามาเลยจ้ะ ยายไม่ได้ล็อกประตูไว้นะ”
“ค่ะ..”
เรดทำให้ตัวเองเดินเนื้อเรื่องตามบทของนิทานหนูน้อยหมวกแดงทุกอย่าง.. อาจจะเพื่อการสวมบทบาทเป็นหนูน้อยหมวกแดงในฉบับของเธอเองก็ได้.. พอเธอเปิดประตูมาในบ้านคุณยายก็นอนคลุมโปงอยู่
เมื่อเห็นแบบนั้นเรดตกใจเล็กน้อย หรือว่าเจ้าหมาป่าจะมา.. ไม่สิ เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะถ้าเป็นหมาป่าตอนนี้ผ้าห่มต้องไม่เรียบแบบนี้ปากหมาป่ามันยาวจะตาย
“มีอะไรมาให้ยายเหรอจ๊ะ แค่กๆ..”
คุณยายไอออกมาเพราะเจ็บคอ พอเรดเห็นคุณยายไม่สบายขนาดนั้นเรดก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าเพราะคุณยายอาจจะเจ็บคออยู่จริงๆ เอาไวน์ให้ทานตอนนี้คงจะไม่ดีเท่าไหร่
เรดจึงหยิบเอาไวน์ไปเก็บไว้ในตู้ พร้อมยกตะกร้าไปวางไว้บนโต๊ะ หลังจากเงียบไปพักใหญ่ไม่เห็นคุณยายคิดจะเปิดผ้าขึ้นมาดูหลานตัวเองเลย
โดยปกติแล้วหากลูกหลานมาหาคนเฒ่าคนแก่จะต้องคิดถึงลูกหลานมากแน่ๆ สิ่งแรกๆ ที่พวกเขาจะทำคืออยากจะเห็นหน้าลูกหลานตัวเอง
แน่นอนว่าคุณยายหนูน้อยหมวกแดงที่ไม่ได้อยู่กับลูกกับหลาน แต่อยู่ในป่าที่ห่างออกมาแบบนี้
เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น ต้องคิดถึงลูกหลานบ้างเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
สาเหตุที่เรดระบุเรื่องพวกนี้ได้ชัดเจน.. นั่นเป็นเพราะเธอเป็นครูสอนเด็กอนุบาลมาก่อน และคุณตาหรือคุณยายก็มีบ่อนครั้งที่โผล่มาพบลูกหลานตัวเองด้วยความคิดถึงและห่วงใย
หรือแม้แต่ไปรับไปส่งหลานๆ ตัวเองแทนพ่อแม่ที่ไม่ว่าง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เรดจะพอเข้าใจความรู้สึกของคนแก่อายุเยอะที่มีต่อบุตรหลาน.. แต่คุณยายคนนี้ไม่สนในที่จะหันมองหน้าหลานตัวเองด้วยซ้ำ
ต่อให้เป็นเรดที่คิดว่าตัวเองไม่เจอกับหมาป่าแน่ๆ แล้วก็ยังเริ่มสงสัยขึ้นมากับเหตุการณ์แบบนี้นี่..
เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอก็ยื่นมือเข้าไปจับขวานในตะกร้าช้าๆ ถึงเธอจะไม่อยากเชื่อว่าหมาป่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ แต่เพื่อยืนยันสิ่งนั้นเธอต้องลองพูดตามบทของหนูน้อยหมวกแดงดู
“ว่าแต่ทำไมคุณยายต้องนอนคลุมโปงด้วยล่ะคะ?”
“ยายไม่ค่อยสบายน่ะ แค่กๆ!”
เรดที่ฟังแบบนั้นก็ถือตะกร้าและเดินเข้าไปใกล้คุณยาย พร้อมกับพูดต่อตามบทเดิม
“ทำไมเสียงคุณยายถึงแหบขนาดนี้ล่ะ?”
“ยายเจ็บคอ เสียงมันก็เลยแหบแบบนี้แหละจ๊ะ”
เรดเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงข้างเตียงพร้อมกับยกขวานขึ้นเหนือหัวตัวเองแล้วก็พูดคำสุดท้ายออกมาซึ่งถือเป็นคำพูดที่เห็นบ่อยในนิทานหนูน้อยหมวกแดง
“แล้วทำไมปากคุณยายถึงได้ยาวและมีฟันที่แหลมคมขนาดนี้ล่ะคะ?”
ถึงแม้ปากจะไม่ได้ยาวออกมา แต่ทว่ามันอาจจะซ่อนไว้ก็ได้ แน่นอนว่ารวมถึงฟันอันแหลมคมของมันด้วย ดังนั้นเรดจึงถามตามสูตรของนิทานเวอร์ชันเด็กเป๊ะๆ เลย ถึงแม้เธอจะไม่ได้เห็นมันก็ตาม
และถ้าหากคำตอบที่ดังออกจากปากมันเป็นคำที่เธอเคยได้ยินในนิทานมาละก็.. ขวานนี้จะสับลงใส่คอมันอย่างรุนแรงโดยไม่ลังเลทันที
คุณยายหนูน้อยหมวกแดงไม่ได้ตอบคำถามโดยทันทีแต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดปากขึ้นว่า
“เพื่อที่จะได้…..”
เรดกำขวานแน่นพร้อมกับกำลังจะฟันลงนั้นเอง..
“หลานพูดอะไรเนี่ย ฟันยายจะไปแหลม ปากยายจะไปยาวได้ยังไง ยายไม่ใช่หมาป่าสักหน่อยนะ?”
“….?”
เรดที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเล็กน้อย
“ว่าแต่เรดอย่าเข้ามาใกล้ยายขนาดนั้นสิจ๊ะ เดี๋ยวก็ติดไข้หรอก ที่ยายคลุมโปงก็กลัวมันจะไปติดหลานนะเนี่ย ถอยออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
คุณยายพูดแบบนั้นพร้อมกับดึงผ้าห่มสูงขึ้นอีก จนทำให้เท้าของเธอโผล่ออกมาจากปลายเตียง
ซึ่งพอเรดหันไปมองมันก็เป็นเท้าของมนุษย์.. ทำให้เรดถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่คลุมโปงก็เพราะกลัวเรดจะติดไข้ด้วยเฉยๆ อย่างงั้นสินะ
“คุณยายทำให้หนูตกใจแทบแย่แน่ะ..”
“ตกใจอะไรเหรอจ๊ะ?”
‘ก็นึกว่าเจ้าหมาป่ามันเข้ามาเพื่อที่จะกินหนูไงล่ะ’ เรดอยากจะตอบออกไปแบบนี้แต่เธอคงพูดไม่ได้หรอก
“เปล่าหรอกค่ะ.. เดี๋ยวหนูจะปลอกแอปเปิลให้นะคะ นี่ก็ค่ำแล้วหนูขอพักที่นี่กับคุณยายได้ไหมคะ?”
เพราะตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดค่ำแล้ว แม้จะยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นตอนกลางคืน แต่กว่าจะเดินกลับถึงบ้านก็คงถึงตอนกลางคืนจริงๆ เนื่องจากอีกไม่นานท้องฟ้าแถบนี้คงถูกปกคลุมด้วยพระอาทิตย์ยามอัสดงแล้ว
คุณยายที่ได้ยินแบบนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อเธอครุ่นคิดว่านี่ก็มืดค่ำแล้วจะให้เด็กน้อยเดินผ่านป่าก็ไม่ได้
แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ดันกลัวว่าหลานจะติดไข้จากตัวเองเหมือนกัน จึงทำให้เธอค่อนข้างลังเลอยู่พอสมควร แต่จะยังไงซะความปลอดภัยของหลานสาวต้องมาก่อน เธอจึงตอบตกลงโดยใช้เวลาคิดไม่นาน
“เข้าใจแล้วล่ะจ๊ะ นอนที่นี่กับยายก็ได้จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวหนูอบขนมปังให้รอเดี๋ยวหนึ่งนะคะ”
“อบขนมปัง?”
“ใช่ค่ะ คือการทำให้ขนมปังนุ่มขึ้นน่ะ”
ว่าแล้วเรดก็เดินเข้าครัว เพราะเคยทำมาแล้วรอบนี้ทำครั้งเดียวเลยได้เลยพร้อมกับยกขนมปังมาไว้ข้างโต๊ะแล้วเธอก็หยิบมีดขึ้นมาปอกเปลือกแอปเปิล
“จะว่าไปแล้ว มีอะไรสนุกๆ มาเล่าให้ยายฟังหรือเปล่า เมื่อวานทำอะไรเหรอ ได้เรียนอะไรกับคุณแม่เหรอ?”
“พอดีเมื่อวานหนูเข้าเมืองไปซื้ออาหารน่ะ”
“งั้นเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ สนุกหรือเปล่า”
“ก็สนุกมากค่ะ”
ถึงเรดจะไม่เข้าใจว่าการเดินซื้อของนอกจากความน่าเบื่อมันจะไปมีความสนุกยังไงก็ตาม แต่ถ้าเป็นเด็กอายุเท่าหนูน้อยหมวกแดงอาจจะสนุกที่ได้เปิดโลกหรือเห็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยคนพลุกพล่านละมั้งนะ
ดังนั้นเธอจึงตอบออกไปแบบนั้น ในขณะที่คุยกับคุณยายนั้นเองเรดก็หยุดมือที่ปอกเปลือกแอปเปิลกะทันหัน
เพราะตอนนี้เธอหันหลังให้คุณยายอยู่เลยไม่รู้ว่าตอนนี้คุณยายได้เปิดผ้าห่มออกมาแล้ว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงอาทิตย์อัสดงสาดแสงสีส้มแดงออกมา มันลอดผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่สาดไปทั่วทั้งบ้านของคุณยายเสมือนกับบ้านคุณยายทำจากไม้สีแดงส้ม
ใบหน้าของคุณยายโผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม.. แต่ทว่าตรงแก้มลากยาวไปจนถึงหนังศีรษะนั้น มีเลือดสีแดงไหลออกมาจากใต้ใบหน้าของเธอ เหมือนกับว่าชั้นผิวหนังส่วนใบหน้าถูกถลกออกแล้วเอาติดใหม่ซ้ำอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งในตอนที่มือของเรดหยุดปอกเปลือกก็เกิดคำถามใหม่ขึ้นมา..
“คุณยาย.. เจ็บคอไม่ใช่เหรอ.. ทำไมคุณยายถึงเสียงปกติแถมไม่ไอแล้วล่ะคะ..?”
“อ้อ.. นั่นเป็นเพราะ… ยายได้กลิ่นอาหารชั้นยอดอยู่ตรงหน้าน่ะ”
“ขนมปังธรรมดาเนี่ยนะ..?”
“เปล่าหรอก.. เธอต่างหาก!”
วินาทีเดียวกันเรดหันหน้ามา ทว่าไม้ท่อนเท่าแขนก็ทุบใส่หลังศรีษะเธออย่างรุนแรงจนหน้ามืดลงในทันที ทำให้ร่างของเธอล้มลงไปกองกับพื้น
และก่อนที่ทุกอย่างในระยะสายตาของเรดจะมืดดับลง.. ของบางอย่างก็ร่วงลงมาอยู่ต่อหน้าของหนูน้อยหมวกแดง
ซึ่งสิ่งที่อยู่ตรงนั้นคือ.. ใบหน้าของคุณยายเธอที่ถูกถลกออกมา..สติของเรดก็มืดดับลงไปทันควัน
………….
ความเจ็บแสบบางอย่างบนร่างกายของเรด ดึงเอาเรดฟื้นกลับมาจากความมืดมิด ดวงตาเธอเปิดกว้างขึ้น แสงอาทิตย์อัสดงยามนี้ได้อาบห้องแห่งนี้ให้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
อันที่จริงแยกไม่ออกว่าไอ้สีแดงที่อยู่ในห้องมันเป็นแสงตะวันหรือเลือดสดๆ ของเด็กวัยเยาว์
ร่างของเรดถูกมัดติดกับเตียงจนดิ้นไปไหนมาไหนไม่ได้ดั่งใจ เงาสีดำไม่เห็นใบหน้ายืนอยู่ด้านข้างแต่เรดรู้ดีว่ามันคือหมาป่าที่ชั่วร้ายที่ถลกเอาใบหน้าของคุณยายมาติดใส่หน้าของตัวเอง
หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นด้วยความสับสน ความวิตกกังวล ทำไม.. ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเธอถึงไม่รู้ให้เร็วกว่านี้
กระต่ายแสงจันทร์ ผีเสื้อแสงจันทร์ ทั้งสองตัวนั้นพวกมันฉลาดมาก.. ใช่ เจ้าหมาป่านี่เองก็ต้องอาจจะมีความเป็นไปได้ว่ามันจะเป็นหมาป่าแสงจันทร์ เพราะงั้นมันต้องฉลาดมากแน่ๆ
มันต้องมีแผน.. ทำไมเธอไม่คิดให้มากกว่านี้ เป็นเพราะเธอคิดว่านี่เป็นนิทาน.. นี่เป็นนิทานทั้งที่ในความจริงแล้วนี่คือโลกใบใหม่ของเธอโลกที่มีความสมเหตุสมผล
มีทั้งตรรกะและคำอธิบาย!
“บัดซบ บัดซบ บัดซบ!”
เธอกัดริมฝีปากด้วยความสับสนพร้อมทั้งความรู้สึกบางอย่างที่อยู่บนไหล่ขวาของเธอ มันคือความรู้สึกเจ็บแสบไปทั่วทั้งหัวไหล่ ขณะเดียวกันเจ้าตัวในเงามืด.. มันก็แทะของบางอย่างอยู่
มันไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น.. เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาแทะต่อไป หากมองดีๆ แล้ว.. มันคือแขนเล็กๆ ข้างหนึ่งที่เคยขาวสะอาดแต่ตอนนี้เหลือเพียงเนื้อสีแดงบางส่วนและกระดูกสีขาว
หัวใจของเรดเต้นระรัวขึ้น… เธอหันไปที่ไหล่ขวาของตัวเองก็พบว่า.. แขนขวาของเธอก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว…
“ไม่.. ไม่.. ไม่.. อ้ากกกกกกกกกกกก!”
วินาทีนั้นเสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังออกมาจากปากของเธอ ตามมาด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เจ้าคนที่เรดคิดว่าเป็นหมาป่าก็โยนแขนขวาของเธอที่มันตัดลงกับพื้นเพราะได้ยินเสียงน่ารำคาญของเรด
มันยกขวานที่เรดเป็นคนถือมาตัดลงไปที่แขนอีกข้างของเธอ แต่ทว่าเพราะขวานไม่ได้คมพอที่จะผ่ากระดูกในครั้งเดียวได้ง่ายขนาดนั้นมันจึงยกขวานขึ้นและก็สับลงอีกรอบ
เลือดสีแดงฉานสาดกระจายไปทั่วพื้นที่..
ความเจ็บปวดที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตนี้ของเธอ ทำให้เธอกรีดร้องโหยหวนอย่างทรมานน้ำหู น้ำตา น้ำลายไหลออกมาจนหน้าตาดูไม่ได้
ภาพทุกอย่างในอดีตหวนคืนกลับมาทั้งหมด
ทำไม.. ทำไมเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้.. ทำไม..
เจ็บ.. เจ็บ เจ็บ เจ็บ…
เสียงกรีดร้องอันแสนทรมานของเธอไม่มีใครตอบรับและช่วยเหลือนอกจากเสียงของขวานที่สับใส่กระดูกของเธอ
“เจ็บ เจ็บ.. เจ็บ หนูผิดอะไร อย่า… หยุดเถอะ หยุดเถอะ”
เสียงอ้อนวอนโดยสัญชาตญาณดังขึ้น แต่ไม่เพียงไม่หยุดเจ้าหมาป่ามันเริ่มรำคาญหนูน้อยหมวกแดงมันหยิบขวานขึ้นมาพร้อมกับสับลงใส่ท้องของเธออย่างรุนแรง..
ส่งผลให้เสียงกรีดร้องของเรดดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว มันไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด มันดึงขวานออกมาจากท้องของเธอซึ่งส่งผลให้ลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่ติดเป็นกับขวานออกมาจากท้องของเธอเป็นเส้น
ความเจ็บปวดที่ควรจะทำให้เธอตายในทันที แต่เรดกลับไม่ส่งผลให้เธอตายทันที มันทำให้เธอติดแหง็กอยู่กับความเจ็บปวด ความทรมานที่ไม่อาจจะสามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้
เจ้าหมาป่ามันจับลำไส้ของเธอดึงออกมาแล้วยัดใส่ปากเธอเอาไว้เพื่อให้เธอไม่กรีดร้องออกมาอีก
กลิ่นเลือด กลิ่นคาวเหม็น หยดลงไปในปากของเธอ.. ส่งผลให้เธออ้วกออกมาแต่มันก็ไหลกับทางเดิม.. ทั้งเลือด ทั้งอ้วก ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้เรดแทบจะเป็นบ้า
ความทรมานเหล่านี้มันทำให้ดวงตาเธอแดงก่ำต่างจากปกติ เธอดิ้นรนรุนแรงขึ้นยิ่งกว่าเดิม.. ความบ้าคลั่ง ความเจ็บปวด
ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปจนหมด
ความสิ้นหวัง
ความทรมาน
ทุกสิ่งอย่าง
“ฉัน… ฉัน… ฉันจะฆ่าแก!!!!”
ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความเกลียดชังและบ้าคลั่งพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่นไปทั่วพื้นที่
“….”
แต่ในวินาทีต่อมาดวงตาของเรดก็เหลือกขึ้น..และสิ้นลมหายใจไปทั้งอย่างนั้น………
R/C – 1-10
Ending
Comments
Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 10
คุณผีเสื้อตัวน้อยบินเข้าไปในป่ามืดทึบ บินอยู่สักพักหนึ่งเธอก็หยุดลงพร้อมกับด้านหน้ามีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่
“เธอไปแล้ว.. ที่บ้านคุณยายของเธอ”
เงาร่างนั้นตอบรับก่อนที่มือของเงานั้นจะคว้าไปในอากาศจับเอาคุณผีเสื้อตัวน้อยมาแล้วก็โยนเข้าปากฟันที่แหลมคมนั้นกัดคุณผีเสื้อตัวน้อยทีเดียวก็ตายทันที
เธอตายโดยที่เธอยังไม่ได้มีโอกาสได้กรีดร้องเลยด้วยซ้ำ มันทั้งรวดเร็วและว่องไวอย่างมาก ซึ่งต่อให้ต้องการคุณผีเสื้อก็คงหลบไม่พ้นอย่างแน่นอน
เงาสีดำตนนั้นเลียริมฝีปากเบาๆ ปากที่ยาวออกมาด้านหน้าเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มนุษย์ มันดูเหมือนกับใบหน้าของหมาป่า
แต่ทว่าหมาป่าตนนี้กลับยืนสองขาเสียอย่างนั้น.. จู่ๆ มันก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งหากมีคนมาเห็นมันในยามนี้คงจะรู้สึกผวาเป็นอย่างมาก
เพราะเสียงหัวเราะของมันในยามนี้ราวกับเป็นหมาป่าที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและอยากจะกินพวกเขา!
“ฮ่าๆ…”
………
เรดใช้เวลาเดินอยู่ครู่ใหญ่ ตะวันเองก็เริ่มลาขอบฟ้าแล้ว ที่เธอมาช้าส่วนหนึ่งเป็นเพราะพูดคุยกับคุณกระต่ายและคุณผีเสื้อด้วยแหละ
แต่จะว่าไปแม่ของเธอก็บอกว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้านี่น่า.. แต่ก็นะ ถึงจะคุยด้วยเรดก็ไม่ได้คล้อยตามพวกสัตว์ประหลาดนั่นแต่อย่างใด
และในที่สุดเรดก็เดินมาถึงบ้านคุณยาย โดยบ้านคุณยายเป็นหลังที่ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ แต่ก็ใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของบ้านเธอได้
เพราะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ตัวเองละนะ เรดเดินไปหน้าประตูก่อนจะเคาะประตูอยู่สองสามครั้ง
“คุณยายคะ หนูมาเยี่ยมคุณยายแล้วค่ะ คุณยายช่วยเปิดประตูให้หนูหน่อยได้ไหมคะ?”
เสียงคุณยายที่อยู่ภายในบ้านซึ่งแหบมาก สาเหตุคงมาจากเพราะเธอไม่สบายจึงมีเสียงค่อนข้างแปลกจากปกติพอสมควร
“เปิดประตูเข้ามาเลยจ้ะ ยายไม่ได้ล็อกประตูไว้นะ”
“ค่ะ..”
เรดทำให้ตัวเองเดินเนื้อเรื่องตามบทของนิทานหนูน้อยหมวกแดงทุกอย่าง.. อาจจะเพื่อการสวมบทบาทเป็นหนูน้อยหมวกแดงในฉบับของเธอเองก็ได้.. พอเธอเปิดประตูมาในบ้านคุณยายก็นอนคลุมโปงอยู่
เมื่อเห็นแบบนั้นเรดตกใจเล็กน้อย หรือว่าเจ้าหมาป่าจะมา.. ไม่สิ เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะถ้าเป็นหมาป่าตอนนี้ผ้าห่มต้องไม่เรียบแบบนี้ปากหมาป่ามันยาวจะตาย
“มีอะไรมาให้ยายเหรอจ๊ะ แค่กๆ..”
คุณยายไอออกมาเพราะเจ็บคอ พอเรดเห็นคุณยายไม่สบายขนาดนั้นเรดก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าเพราะคุณยายอาจจะเจ็บคออยู่จริงๆ เอาไวน์ให้ทานตอนนี้คงจะไม่ดีเท่าไหร่
เรดจึงหยิบเอาไวน์ไปเก็บไว้ในตู้ พร้อมยกตะกร้าไปวางไว้บนโต๊ะ หลังจากเงียบไปพักใหญ่ไม่เห็นคุณยายคิดจะเปิดผ้าขึ้นมาดูหลานตัวเองเลย
โดยปกติแล้วหากลูกหลานมาหาคนเฒ่าคนแก่จะต้องคิดถึงลูกหลานมากแน่ๆ สิ่งแรกๆ ที่พวกเขาจะทำคืออยากจะเห็นหน้าลูกหลานตัวเอง
แน่นอนว่าคุณยายหนูน้อยหมวกแดงที่ไม่ได้อยู่กับลูกกับหลาน แต่อยู่ในป่าที่ห่างออกมาแบบนี้
เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น ต้องคิดถึงลูกหลานบ้างเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
สาเหตุที่เรดระบุเรื่องพวกนี้ได้ชัดเจน.. นั่นเป็นเพราะเธอเป็นครูสอนเด็กอนุบาลมาก่อน และคุณตาหรือคุณยายก็มีบ่อนครั้งที่โผล่มาพบลูกหลานตัวเองด้วยความคิดถึงและห่วงใย
หรือแม้แต่ไปรับไปส่งหลานๆ ตัวเองแทนพ่อแม่ที่ไม่ว่าง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เรดจะพอเข้าใจความรู้สึกของคนแก่อายุเยอะที่มีต่อบุตรหลาน.. แต่คุณยายคนนี้ไม่สนในที่จะหันมองหน้าหลานตัวเองด้วยซ้ำ
ต่อให้เป็นเรดที่คิดว่าตัวเองไม่เจอกับหมาป่าแน่ๆ แล้วก็ยังเริ่มสงสัยขึ้นมากับเหตุการณ์แบบนี้นี่..
เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอก็ยื่นมือเข้าไปจับขวานในตะกร้าช้าๆ ถึงเธอจะไม่อยากเชื่อว่าหมาป่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ แต่เพื่อยืนยันสิ่งนั้นเธอต้องลองพูดตามบทของหนูน้อยหมวกแดงดู
“ว่าแต่ทำไมคุณยายต้องนอนคลุมโปงด้วยล่ะคะ?”
“ยายไม่ค่อยสบายน่ะ แค่กๆ!”
เรดที่ฟังแบบนั้นก็ถือตะกร้าและเดินเข้าไปใกล้คุณยาย พร้อมกับพูดต่อตามบทเดิม
“ทำไมเสียงคุณยายถึงแหบขนาดนี้ล่ะ?”
“ยายเจ็บคอ เสียงมันก็เลยแหบแบบนี้แหละจ๊ะ”
เรดเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงข้างเตียงพร้อมกับยกขวานขึ้นเหนือหัวตัวเองแล้วก็พูดคำสุดท้ายออกมาซึ่งถือเป็นคำพูดที่เห็นบ่อยในนิทานหนูน้อยหมวกแดง
“แล้วทำไมปากคุณยายถึงได้ยาวและมีฟันที่แหลมคมขนาดนี้ล่ะคะ?”
ถึงแม้ปากจะไม่ได้ยาวออกมา แต่ทว่ามันอาจจะซ่อนไว้ก็ได้ แน่นอนว่ารวมถึงฟันอันแหลมคมของมันด้วย ดังนั้นเรดจึงถามตามสูตรของนิทานเวอร์ชันเด็กเป๊ะๆ เลย ถึงแม้เธอจะไม่ได้เห็นมันก็ตาม
และถ้าหากคำตอบที่ดังออกจากปากมันเป็นคำที่เธอเคยได้ยินในนิทานมาละก็.. ขวานนี้จะสับลงใส่คอมันอย่างรุนแรงโดยไม่ลังเลทันที
คุณยายหนูน้อยหมวกแดงไม่ได้ตอบคำถามโดยทันทีแต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดปากขึ้นว่า
“เพื่อที่จะได้…..”
เรดกำขวานแน่นพร้อมกับกำลังจะฟันลงนั้นเอง..
“หลานพูดอะไรเนี่ย ฟันยายจะไปแหลม ปากยายจะไปยาวได้ยังไง ยายไม่ใช่หมาป่าสักหน่อยนะ?”
“….?”
เรดที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเล็กน้อย
“ว่าแต่เรดอย่าเข้ามาใกล้ยายขนาดนั้นสิจ๊ะ เดี๋ยวก็ติดไข้หรอก ที่ยายคลุมโปงก็กลัวมันจะไปติดหลานนะเนี่ย ถอยออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
คุณยายพูดแบบนั้นพร้อมกับดึงผ้าห่มสูงขึ้นอีก จนทำให้เท้าของเธอโผล่ออกมาจากปลายเตียง
ซึ่งพอเรดหันไปมองมันก็เป็นเท้าของมนุษย์.. ทำให้เรดถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่คลุมโปงก็เพราะกลัวเรดจะติดไข้ด้วยเฉยๆ อย่างงั้นสินะ
“คุณยายทำให้หนูตกใจแทบแย่แน่ะ..”
“ตกใจอะไรเหรอจ๊ะ?”
‘ก็นึกว่าเจ้าหมาป่ามันเข้ามาเพื่อที่จะกินหนูไงล่ะ’ เรดอยากจะตอบออกไปแบบนี้แต่เธอคงพูดไม่ได้หรอก
“เปล่าหรอกค่ะ.. เดี๋ยวหนูจะปลอกแอปเปิลให้นะคะ นี่ก็ค่ำแล้วหนูขอพักที่นี่กับคุณยายได้ไหมคะ?”
เพราะตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดค่ำแล้ว แม้จะยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นตอนกลางคืน แต่กว่าจะเดินกลับถึงบ้านก็คงถึงตอนกลางคืนจริงๆ เนื่องจากอีกไม่นานท้องฟ้าแถบนี้คงถูกปกคลุมด้วยพระอาทิตย์ยามอัสดงแล้ว
คุณยายที่ได้ยินแบบนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อเธอครุ่นคิดว่านี่ก็มืดค่ำแล้วจะให้เด็กน้อยเดินผ่านป่าก็ไม่ได้
แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ดันกลัวว่าหลานจะติดไข้จากตัวเองเหมือนกัน จึงทำให้เธอค่อนข้างลังเลอยู่พอสมควร แต่จะยังไงซะความปลอดภัยของหลานสาวต้องมาก่อน เธอจึงตอบตกลงโดยใช้เวลาคิดไม่นาน
“เข้าใจแล้วล่ะจ๊ะ นอนที่นี่กับยายก็ได้จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวหนูอบขนมปังให้รอเดี๋ยวหนึ่งนะคะ”
“อบขนมปัง?”
“ใช่ค่ะ คือการทำให้ขนมปังนุ่มขึ้นน่ะ”
ว่าแล้วเรดก็เดินเข้าครัว เพราะเคยทำมาแล้วรอบนี้ทำครั้งเดียวเลยได้เลยพร้อมกับยกขนมปังมาไว้ข้างโต๊ะแล้วเธอก็หยิบมีดขึ้นมาปอกเปลือกแอปเปิล
“จะว่าไปแล้ว มีอะไรสนุกๆ มาเล่าให้ยายฟังหรือเปล่า เมื่อวานทำอะไรเหรอ ได้เรียนอะไรกับคุณแม่เหรอ?”
“พอดีเมื่อวานหนูเข้าเมืองไปซื้ออาหารน่ะ”
“งั้นเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ สนุกหรือเปล่า”
“ก็สนุกมากค่ะ”
ถึงเรดจะไม่เข้าใจว่าการเดินซื้อของนอกจากความน่าเบื่อมันจะไปมีความสนุกยังไงก็ตาม แต่ถ้าเป็นเด็กอายุเท่าหนูน้อยหมวกแดงอาจจะสนุกที่ได้เปิดโลกหรือเห็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยคนพลุกพล่านละมั้งนะ
ดังนั้นเธอจึงตอบออกไปแบบนั้น ในขณะที่คุยกับคุณยายนั้นเองเรดก็หยุดมือที่ปอกเปลือกแอปเปิลกะทันหัน
เพราะตอนนี้เธอหันหลังให้คุณยายอยู่เลยไม่รู้ว่าตอนนี้คุณยายได้เปิดผ้าห่มออกมาแล้ว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงอาทิตย์อัสดงสาดแสงสีส้มแดงออกมา มันลอดผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่สาดไปทั่วทั้งบ้านของคุณยายเสมือนกับบ้านคุณยายทำจากไม้สีแดงส้ม
ใบหน้าของคุณยายโผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม.. แต่ทว่าตรงแก้มลากยาวไปจนถึงหนังศีรษะนั้น มีเลือดสีแดงไหลออกมาจากใต้ใบหน้าของเธอ เหมือนกับว่าชั้นผิวหนังส่วนใบหน้าถูกถลกออกแล้วเอาติดใหม่ซ้ำอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งในตอนที่มือของเรดหยุดปอกเปลือกก็เกิดคำถามใหม่ขึ้นมา..
“คุณยาย.. เจ็บคอไม่ใช่เหรอ.. ทำไมคุณยายถึงเสียงปกติแถมไม่ไอแล้วล่ะคะ..?”
“อ้อ.. นั่นเป็นเพราะ… ยายได้กลิ่นอาหารชั้นยอดอยู่ตรงหน้าน่ะ”
“ขนมปังธรรมดาเนี่ยนะ..?”
“เปล่าหรอก.. เธอต่างหาก!”
วินาทีเดียวกันเรดหันหน้ามา ทว่าไม้ท่อนเท่าแขนก็ทุบใส่หลังศรีษะเธออย่างรุนแรงจนหน้ามืดลงในทันที ทำให้ร่างของเธอล้มลงไปกองกับพื้น
และก่อนที่ทุกอย่างในระยะสายตาของเรดจะมืดดับลง.. ของบางอย่างก็ร่วงลงมาอยู่ต่อหน้าของหนูน้อยหมวกแดง
ซึ่งสิ่งที่อยู่ตรงนั้นคือ.. ใบหน้าของคุณยายเธอที่ถูกถลกออกมา..สติของเรดก็มืดดับลงไปทันควัน
………….
ความเจ็บแสบบางอย่างบนร่างกายของเรด ดึงเอาเรดฟื้นกลับมาจากความมืดมิด ดวงตาเธอเปิดกว้างขึ้น แสงอาทิตย์อัสดงยามนี้ได้อาบห้องแห่งนี้ให้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
อันที่จริงแยกไม่ออกว่าไอ้สีแดงที่อยู่ในห้องมันเป็นแสงตะวันหรือเลือดสดๆ ของเด็กวัยเยาว์
ร่างของเรดถูกมัดติดกับเตียงจนดิ้นไปไหนมาไหนไม่ได้ดั่งใจ เงาสีดำไม่เห็นใบหน้ายืนอยู่ด้านข้างแต่เรดรู้ดีว่ามันคือหมาป่าที่ชั่วร้ายที่ถลกเอาใบหน้าของคุณยายมาติดใส่หน้าของตัวเอง
หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นด้วยความสับสน ความวิตกกังวล ทำไม.. ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเธอถึงไม่รู้ให้เร็วกว่านี้
กระต่ายแสงจันทร์ ผีเสื้อแสงจันทร์ ทั้งสองตัวนั้นพวกมันฉลาดมาก.. ใช่ เจ้าหมาป่านี่เองก็ต้องอาจจะมีความเป็นไปได้ว่ามันจะเป็นหมาป่าแสงจันทร์ เพราะงั้นมันต้องฉลาดมากแน่ๆ
มันต้องมีแผน.. ทำไมเธอไม่คิดให้มากกว่านี้ เป็นเพราะเธอคิดว่านี่เป็นนิทาน.. นี่เป็นนิทานทั้งที่ในความจริงแล้วนี่คือโลกใบใหม่ของเธอโลกที่มีความสมเหตุสมผล
มีทั้งตรรกะและคำอธิบาย!
“บัดซบ บัดซบ บัดซบ!”
เธอกัดริมฝีปากด้วยความสับสนพร้อมทั้งความรู้สึกบางอย่างที่อยู่บนไหล่ขวาของเธอ มันคือความรู้สึกเจ็บแสบไปทั่วทั้งหัวไหล่ ขณะเดียวกันเจ้าตัวในเงามืด.. มันก็แทะของบางอย่างอยู่
มันไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น.. เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาแทะต่อไป หากมองดีๆ แล้ว.. มันคือแขนเล็กๆ ข้างหนึ่งที่เคยขาวสะอาดแต่ตอนนี้เหลือเพียงเนื้อสีแดงบางส่วนและกระดูกสีขาว
หัวใจของเรดเต้นระรัวขึ้น… เธอหันไปที่ไหล่ขวาของตัวเองก็พบว่า.. แขนขวาของเธอก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว…
“ไม่.. ไม่.. ไม่.. อ้ากกกกกกกกกกกก!”
วินาทีนั้นเสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังออกมาจากปากของเธอ ตามมาด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เจ้าคนที่เรดคิดว่าเป็นหมาป่าก็โยนแขนขวาของเธอที่มันตัดลงกับพื้นเพราะได้ยินเสียงน่ารำคาญของเรด
มันยกขวานที่เรดเป็นคนถือมาตัดลงไปที่แขนอีกข้างของเธอ แต่ทว่าเพราะขวานไม่ได้คมพอที่จะผ่ากระดูกในครั้งเดียวได้ง่ายขนาดนั้นมันจึงยกขวานขึ้นและก็สับลงอีกรอบ
เลือดสีแดงฉานสาดกระจายไปทั่วพื้นที่..
ความเจ็บปวดที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตนี้ของเธอ ทำให้เธอกรีดร้องโหยหวนอย่างทรมานน้ำหู น้ำตา น้ำลายไหลออกมาจนหน้าตาดูไม่ได้
ภาพทุกอย่างในอดีตหวนคืนกลับมาทั้งหมด
ทำไม.. ทำไมเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้.. ทำไม..
เจ็บ.. เจ็บ เจ็บ เจ็บ…
เสียงกรีดร้องอันแสนทรมานของเธอไม่มีใครตอบรับและช่วยเหลือนอกจากเสียงของขวานที่สับใส่กระดูกของเธอ
“เจ็บ เจ็บ.. เจ็บ หนูผิดอะไร อย่า… หยุดเถอะ หยุดเถอะ”
เสียงอ้อนวอนโดยสัญชาตญาณดังขึ้น แต่ไม่เพียงไม่หยุดเจ้าหมาป่ามันเริ่มรำคาญหนูน้อยหมวกแดงมันหยิบขวานขึ้นมาพร้อมกับสับลงใส่ท้องของเธออย่างรุนแรง..
ส่งผลให้เสียงกรีดร้องของเรดดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว มันไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด มันดึงขวานออกมาจากท้องของเธอซึ่งส่งผลให้ลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่ติดเป็นกับขวานออกมาจากท้องของเธอเป็นเส้น
ความเจ็บปวดที่ควรจะทำให้เธอตายในทันที แต่เรดกลับไม่ส่งผลให้เธอตายทันที มันทำให้เธอติดแหง็กอยู่กับความเจ็บปวด ความทรมานที่ไม่อาจจะสามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้
เจ้าหมาป่ามันจับลำไส้ของเธอดึงออกมาแล้วยัดใส่ปากเธอเอาไว้เพื่อให้เธอไม่กรีดร้องออกมาอีก
กลิ่นเลือด กลิ่นคาวเหม็น หยดลงไปในปากของเธอ.. ส่งผลให้เธออ้วกออกมาแต่มันก็ไหลกับทางเดิม.. ทั้งเลือด ทั้งอ้วก ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้เรดแทบจะเป็นบ้า
ความทรมานเหล่านี้มันทำให้ดวงตาเธอแดงก่ำต่างจากปกติ เธอดิ้นรนรุนแรงขึ้นยิ่งกว่าเดิม.. ความบ้าคลั่ง ความเจ็บปวด
ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปจนหมด
ความสิ้นหวัง
ความทรมาน
ทุกสิ่งอย่าง
“ฉัน… ฉัน… ฉันจะฆ่าแก!!!!”
ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความเกลียดชังและบ้าคลั่งพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่นไปทั่วพื้นที่
“….”
แต่ในวินาทีต่อมาดวงตาของเรดก็เหลือกขึ้น..และสิ้นลมหายใจไปทั้งอย่างนั้น………
R/C – 1-10
Ending
Comments
Pengaturan Membaca
The quick brown fox jumps over the lazy dog
Background :
Font :
Size :