Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 15

Now you are reading Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง Chapter 15 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

R/C – 2-5

สโนว์ไวท์กับหนูน้อยหมวกแดง

 

หลังจากเว้นระยะการพูดมาครู่หนึ่ง สโนว์ไวท์ก็กล่าวถามขึ้น

“ทำไมเหรอคะพี่สาว?”

“เปล่าหรอก ชื่อนั่นเหมือนมาจากนิทานที่ฉันเคยอ่านนิดหน่อยน่ะ”

เรดพูดออกไปแบบนั้นเมื่อสโนว์ไวท์เห็นท่าทางแปลกๆ ของเธอเองแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย แน่นอนสโนว์ไวท์เป็นเด็กสาวผู้ใสซื่อ

เธอเด็กกว่าเรดในตอนนี้เสียอีก แน่นอนว่าสำหรับเด็กน้อยแล้วนิทานนั้นนับเป็นเรื่องราวที่แสนสนุกและน่าติดตาม

เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอจึงรีบพูดด้วยความสนใจว่า

“นิทานอะไรเหรอคะ?”

“นิทานเรื่องสโนว์ไวท์หรือเจ้าหญิงหิมะขาวน่ะ”

เมื่อได้ยินชื่อของนิทานดวงตาของเธอก็มีแสงวาววับราวกับอยากจะฟังยังไงยังงั้นเลย ซึ่งการแสดงออกแบบนี้ทำให้เรดรู้ว่าเธอไม่รู้จักนิทานเรื่องนี้มาก่อน

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าที่เธอใช้ชื่อสโนว์ไวท์นั่นคือเรื่องบังเอิญนั่นเอง อย่างไรก็ตามก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าสาวน้อยคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนิทาน

เพราะขนาดตัวของเรดเองยังเป็นส่วนหนึ่งของนิทานหนูน้อยหมวกแดงไปแล้วตอนนี้ เป็นไปได้ว่าเธอเองก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของนิทานสโนว์ไวท์ก็ได้

และแน่นอนว่าต่อให้ถามไปตรงๆ ก็ไร้ประโยชน์เพราะเธอยังเด็ก อีกอย่างเด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่มาจากอีกโลกหนึ่งเหมือนเธอ

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูสนใจของเด็กน้อยเรดก็ถามด้วยความสงสัยว่า

“ไม่เคยฟังมาก่อนเหรอ?”

แต่สโนว์ไวท์ไม่ได้ตอบทันที เธอเว้นระยะไปอีกพักหนึ่งก่อนจะตอบเรดกลับมาด้วยความสนุกสนาน

“ใช่ค่ะ.. ถ้าพี่สาวไม่เล่าให้ฟังหนูก็ไม่รู้จักหรอก”

ถ้าฉันไม่เล่าให้ฟังก็ไม่รู้จักงั้นเหรอ.. เธอพูดเหมือนเรดเล่าให้ฟังไปแล้วเลย ก็นะเด็กน้อยคนนี้คงจะคิดว่าเรดจะเล่าให้ฟังแล้วล่ะ

ซึ่งเรดก็ไม่มีปัญหาอะไร นิทานสโนว์ไวท์ไม่ได้ยาวขนาดนั้น เธอจึงค่อยๆ เล่าให้กับสาวน้อยฟังถึงราชินีผู้มีกระจกวิเศษ

ที่จะคอยถามไถ่กับกระจกวิเศษอยู่เสมอว่าใครงามเลิศที่สุดในปฐพี.. แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ก็ปรากฏตัวขึ้น

ราชินีผู้ชั่วร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาจึงบอกคนไปฆ่านาง

“นี่ๆ.. ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะคะ?”

“เป็นเพราะว่าราชินีเป็นคนไม่ดียังไงล่ะ”

“งั้นเหรอคะ?”

เด็กสาวดูครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะตั้งใจฟังอีกรอบหนึ่ง เรดก็เล่าต่อไป ทว่าด้วยความที่สาวน้อยคนนี้ดูเป็นคนที่ขี้สงสัยพอสมควร

เธอถามซ้ายที ขวาที ทำให้เรื่องราวของนิทานเจ้าหญิงหิมะขาวถูกยืดยาวออกจนกลายเป็นว่าใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเล่าจนหมด

เมื่อเธอเล่าจนหมดเด็กน้อยก็ดูชอบมาก ดวงตาของเธอลุกวาวด้วยความสนุกสนานมันทำให้เรดมองเหมือนเห็นตัวเองในตอนเด็ก

ถึงในตอนนี้เธอก็จะยังเป็นเด็กเพราะมาต่างโลกก็เถอะนะ แต่เพราะความคิดโตแล้ว โตจนไม่สามารถรู้สึกสนุกสนานไปกับเรื่องราวของเด็กแบบนี้ได้

แต่ทว่าภาพวันวานที่ยังสดใส เรดกับพี่สาวที่เคยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พี่สาวของเธอเล่านิทานต่างๆ ให้เธอฟัง

ไม่ว่าจะเป็นหนูน้อยหมวกแดง สโนว์ไวท์ อลิซในแดนมหัศจรรย์ เธอยังจำวันเหล่านั้นได้ วันที่เธอดวงตาลุกวาวด้วยความสนุกสนาน

“พี่สาว… พี่สาว?”

“อ่ะ.. อ่า ขอโทษทีพอดีฉันเหม่อไปหน่อยนะ”

“อืมๆ… แต่ว่านะ แต่ว่านะ พี่สาวมีนิทานแบบนี้อีกไหม..?”

“เอ่อ.. มีมันก็มีแหละนะ แต่ว่า….”

แต่ว่าเธอต้องรีบเอาอาหารไปให้คุณยายแล้วก็รีบกลับนี่สิ.. แต่เมื่อเห็นดวงตาขอร้องอ้อนวอนของเด็กสาวเรดก็รู้สึกเหมือนปฏิเสธยากขึ้นเป็นเท่าตัว

ยังไงซะก่อนที่จะมาโลกนี้ เรดก็เป็นอาจารย์สอนเด็กอนุบาล ถึงจะไม่ใช่อาจารย์ที่ทางการอะไรขนาดนั้น แต่เธอก็มักจะเล่านิทานให้เด็กฟังตลอด

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงเล่านิทานได้สนุกและการเล่าของเธอก็ทำให้เด็กน้อยสนุกสนานเป็นอย่างมาก

ดวงตาของสโนว์ไวท์เหมือนกำลังจะเต็มไปด้วยน้ำตา ซึ่งเกิดจากความผิดหวังที่ไม่สามารถฟังเรื่องราวสนุกๆ ได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตามอย่างที่บอกว่ายังไงซะเรดก็เป็นอาจารย์มาก่อน บางครั้งก็ต้องใช้ความเด็ดขาดสอนให้เด็กๆ

แถมตอนนี้ก็เป็นเวลาจะค่ำแล้วด้วย เพราะงั้นแหละจึงต้องงงปฏิเสธไปแบบเด็ดขาดให้เป็นในบางครั้ง

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ เธอเองก็รีบกลับบ้านนะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วง”

“ก…ก็ได้ค่ะ”

สโนว์ไวท์โดนเรดพูดแบบนั้นใส่เธอไม่ได้ตอบกลับทันทีแต่เธอนิ่งเงียบไปพักหนึ่งอีกครั้งก่อนจะตอบกลับมาด้วยความว่าง่าย

ถึงเธอจะแสดงสีหน้างงๆ ก็เถอะ

“จริงสิ แล้วเธอเคยฟังมาก่อนหรือเปล่า.. นิทานเมื่อสักครู่นี้น่ะ?”

“นิทานอะไรเหรอคะ ?”

สโนว์ไวท์ดูเหมือนจะลืมสิ่งที่พึ่งพูดกับเรดไป เธอกำลังจะถามแบบนั้นนั่นเองทุกอย่างรอบตัวเรดก็เหมือนสั่นสะเทือนเล็กน้อย..

ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนแล้วก็มัวหมองอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดูเหมือนจะมีแค่เรดเท่านั้นที่สังเกตเห็นความประหลาดนี้

เพราะสาวน้อยก็ยังแสดงสีหน้าแบบเดิม อันที่จริงเธอเหมือนกำลังจะพูดอะไรอยู่ แต่เรดไม่สามารถได้ยินเสียงได้

และร่างกายของเด็กสาวนามสโนว์ไวท์ก็เริ่มพร่าเลือนเหมือนกัน..

“นี่มันอะไรละเนี่ย?”

เธออุทานด้วยความสับสน.. ก่อนจะขยี้ตาเพื่อยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือเธอตาลายเอง

แต่พอขยี้ตาเสร็จ เมื่อลืมตาขึ้นเธอก็ต้องประหลาดใจที่เธอในตอนนี้กำลังมองท้องฟ้าซึ่งแม้จะมีต้นไม้บดบังแต่ก็ยังพอเห็นท้องฟ้าและก้อนเมฆได้

และเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนทางเดินเท้าเมื่อสักครู่นี้ก่อนที่จะเดินเข้าป่ามาเจอเด็กน้อยที่ชื่อสโนว์ไวท์

เรดค่อยๆ พยุงร่างกายตัวเองขึ้นด้วยความประหลาดใจ ต้องบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเรื่องแปลกประหลาดแบบนี้เกิดขึ้น

แม้โลกนี้อาจจะมีสัตว์ประหลาด มีสิ่งที่แปลกตามากมาย แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่เหมือนเธอเห็นโลกทั้งใบกำลังบิดเบี้ยว

“มันเกิดอะไรขึ้น..?”

เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครตอบคำถามเธอได้ เธอลุกกลับขึ้นมายืนและมองไปทางที่ตัวเองเดินเข้าไปเจอสโนว์ไวท์

ซึ่งเคยมีทุ่งดอกไม้อยู่เต็มไปหมดเกิด แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่ผืนป่าที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดก็เท่านั้น

“หรือว่านั่นคนคือสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์อะไรสักอย่างในโลกนี้งั้นเหรอ?”

เรดพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน.. อย่างไรก็ตามพุ่มไม้ข้างๆ เธอก็สั่นไหวเบาๆ และในตอนนั้นเองกระต่ายสีขาวตัวน้อยก็ปรากฏตัวขึ้น

“อ้ะ คุณกระต่าย..?”

“อ่า.. หนูน้อยหมวกแดงตรงนั้นน่ะ จะไปไหนเหรอจ๊ะ”

“……….”

เรดเผลอพูดกับคุณกระต่ายไปโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เธอต้องทำคือไม่คุยกับคนแปลกหน้า เพราะงั้นเราต้องไม่คุยกับคุณกระต่าย

เรดคิดได้แบบนั้นก็ปิดปากตัวเองไว้โดยไม่รู้ตัว เรดหันไปก้มหัวให้กระต่ายสีขาวเล็กน้อยแสดงถึงการทักทายก่อนจะเดินจากไปแทบจะทันที

อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นอาจารย์มาก่อน และการตอบคำถามคนอื่นเป็นเรื่องที่เธอทำเสมอ และทำประจำจนอาจจะติดเป็นนิสัยชอบตอบคำถามทันทีที่มีคนถาม

แน่นอนว่าไม่ใช่เธอจะคุยกับคนอื่นไปทั่วหรอก เพราะคงไม่มีใครเดินมั่วๆ มาถามคนแปลกหน้าหรอก นอกซะจากคนจะมาถามทาง

และถ้าคนมาถามทางไม่มีทางที่เรดจะเงียบแล้วเดินจากไปหรอก

เพราะงั้นนั่นเองหากกระต่ายสีขาวตัวนี้ชวนคุยเรื่อยๆ ละก็เรดอาจจะเผลอพลั้งตอบไปโดยไม่รู้ตัวอีกรอบเธอจึงรีบจากไป

“อ่าว ไปซะแล้วเหรอ จะรีบไปไหนเหรอจ๊ะ?”

คุณกระต่ายก็ทำเหมือนกับตัวตามติดอะไรสักอย่าง เห็นเรดเมินเธอไม่ได้ท้อใจแต่อย่างใด เธอเดินขนานข้างเรดที่มีรูปลักษณ์เป็นหนูน้อยหมวกแดง

“….”

เรดไม่ได้ตอบกลับเธอแต่อย่างใด.. ทว่าคุณกระต่ายก็ไม่คิดยอมแพ้ยังคงเดินตามหนูน้อยหมวกแดงแล้วก็พูดไปเรื่อย

“ทางนี้มันทางไปบ้านหลังหนึ่งนี่น่า.. ฉันจำได้ว่าที่นั่นมีคุณยายคนหนึ่งอาศัยอยู่นะ หรือว่าหนูจะไปเยี่ยมคุณยายเหรอจ๊ะ?”

“……”

“อืม.. จะว่าไปแล้วฉันเองก็ไม่สบายเหมือนคุณยายของเธอเลยนะช่วงนี้ หนูมียาให้ฉันไหมจ๊ะ?”

“……”

“อ่า จริงสิ เธอมียาให้คุณยายหรือเปล่า ฉันว่าเธอต้องไม่มีแน่ๆ ฉันพาไปหายาหน่อยไหมจ๊ะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 15

Now you are reading Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง Chapter 15 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

R/C – 2-5

สโนว์ไวท์กับหนูน้อยหมวกแดง

 

หลังจากเว้นระยะการพูดมาครู่หนึ่ง สโนว์ไวท์ก็กล่าวถามขึ้น

“ทำไมเหรอคะพี่สาว?”

“เปล่าหรอก ชื่อนั่นเหมือนมาจากนิทานที่ฉันเคยอ่านนิดหน่อยน่ะ”

เรดพูดออกไปแบบนั้นเมื่อสโนว์ไวท์เห็นท่าทางแปลกๆ ของเธอเองแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย แน่นอนสโนว์ไวท์เป็นเด็กสาวผู้ใสซื่อ

เธอเด็กกว่าเรดในตอนนี้เสียอีก แน่นอนว่าสำหรับเด็กน้อยแล้วนิทานนั้นนับเป็นเรื่องราวที่แสนสนุกและน่าติดตาม

เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอจึงรีบพูดด้วยความสนใจว่า

“นิทานอะไรเหรอคะ?”

“นิทานเรื่องสโนว์ไวท์หรือเจ้าหญิงหิมะขาวน่ะ”

เมื่อได้ยินชื่อของนิทานดวงตาของเธอก็มีแสงวาววับราวกับอยากจะฟังยังไงยังงั้นเลย ซึ่งการแสดงออกแบบนี้ทำให้เรดรู้ว่าเธอไม่รู้จักนิทานเรื่องนี้มาก่อน

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าที่เธอใช้ชื่อสโนว์ไวท์นั่นคือเรื่องบังเอิญนั่นเอง อย่างไรก็ตามก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าสาวน้อยคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนิทาน

เพราะขนาดตัวของเรดเองยังเป็นส่วนหนึ่งของนิทานหนูน้อยหมวกแดงไปแล้วตอนนี้ เป็นไปได้ว่าเธอเองก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของนิทานสโนว์ไวท์ก็ได้

และแน่นอนว่าต่อให้ถามไปตรงๆ ก็ไร้ประโยชน์เพราะเธอยังเด็ก อีกอย่างเด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่มาจากอีกโลกหนึ่งเหมือนเธอ

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูสนใจของเด็กน้อยเรดก็ถามด้วยความสงสัยว่า

“ไม่เคยฟังมาก่อนเหรอ?”

แต่สโนว์ไวท์ไม่ได้ตอบทันที เธอเว้นระยะไปอีกพักหนึ่งก่อนจะตอบเรดกลับมาด้วยความสนุกสนาน

“ใช่ค่ะ.. ถ้าพี่สาวไม่เล่าให้ฟังหนูก็ไม่รู้จักหรอก”

ถ้าฉันไม่เล่าให้ฟังก็ไม่รู้จักงั้นเหรอ.. เธอพูดเหมือนเรดเล่าให้ฟังไปแล้วเลย ก็นะเด็กน้อยคนนี้คงจะคิดว่าเรดจะเล่าให้ฟังแล้วล่ะ

ซึ่งเรดก็ไม่มีปัญหาอะไร นิทานสโนว์ไวท์ไม่ได้ยาวขนาดนั้น เธอจึงค่อยๆ เล่าให้กับสาวน้อยฟังถึงราชินีผู้มีกระจกวิเศษ

ที่จะคอยถามไถ่กับกระจกวิเศษอยู่เสมอว่าใครงามเลิศที่สุดในปฐพี.. แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ก็ปรากฏตัวขึ้น

ราชินีผู้ชั่วร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาจึงบอกคนไปฆ่านาง

“นี่ๆ.. ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะคะ?”

“เป็นเพราะว่าราชินีเป็นคนไม่ดียังไงล่ะ”

“งั้นเหรอคะ?”

เด็กสาวดูครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะตั้งใจฟังอีกรอบหนึ่ง เรดก็เล่าต่อไป ทว่าด้วยความที่สาวน้อยคนนี้ดูเป็นคนที่ขี้สงสัยพอสมควร

เธอถามซ้ายที ขวาที ทำให้เรื่องราวของนิทานเจ้าหญิงหิมะขาวถูกยืดยาวออกจนกลายเป็นว่าใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเล่าจนหมด

เมื่อเธอเล่าจนหมดเด็กน้อยก็ดูชอบมาก ดวงตาของเธอลุกวาวด้วยความสนุกสนานมันทำให้เรดมองเหมือนเห็นตัวเองในตอนเด็ก

ถึงในตอนนี้เธอก็จะยังเป็นเด็กเพราะมาต่างโลกก็เถอะนะ แต่เพราะความคิดโตแล้ว โตจนไม่สามารถรู้สึกสนุกสนานไปกับเรื่องราวของเด็กแบบนี้ได้

แต่ทว่าภาพวันวานที่ยังสดใส เรดกับพี่สาวที่เคยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พี่สาวของเธอเล่านิทานต่างๆ ให้เธอฟัง

ไม่ว่าจะเป็นหนูน้อยหมวกแดง สโนว์ไวท์ อลิซในแดนมหัศจรรย์ เธอยังจำวันเหล่านั้นได้ วันที่เธอดวงตาลุกวาวด้วยความสนุกสนาน

“พี่สาว… พี่สาว?”

“อ่ะ.. อ่า ขอโทษทีพอดีฉันเหม่อไปหน่อยนะ”

“อืมๆ… แต่ว่านะ แต่ว่านะ พี่สาวมีนิทานแบบนี้อีกไหม..?”

“เอ่อ.. มีมันก็มีแหละนะ แต่ว่า….”

แต่ว่าเธอต้องรีบเอาอาหารไปให้คุณยายแล้วก็รีบกลับนี่สิ.. แต่เมื่อเห็นดวงตาขอร้องอ้อนวอนของเด็กสาวเรดก็รู้สึกเหมือนปฏิเสธยากขึ้นเป็นเท่าตัว

ยังไงซะก่อนที่จะมาโลกนี้ เรดก็เป็นอาจารย์สอนเด็กอนุบาล ถึงจะไม่ใช่อาจารย์ที่ทางการอะไรขนาดนั้น แต่เธอก็มักจะเล่านิทานให้เด็กฟังตลอด

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงเล่านิทานได้สนุกและการเล่าของเธอก็ทำให้เด็กน้อยสนุกสนานเป็นอย่างมาก

ดวงตาของสโนว์ไวท์เหมือนกำลังจะเต็มไปด้วยน้ำตา ซึ่งเกิดจากความผิดหวังที่ไม่สามารถฟังเรื่องราวสนุกๆ ได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตามอย่างที่บอกว่ายังไงซะเรดก็เป็นอาจารย์มาก่อน บางครั้งก็ต้องใช้ความเด็ดขาดสอนให้เด็กๆ

แถมตอนนี้ก็เป็นเวลาจะค่ำแล้วด้วย เพราะงั้นแหละจึงต้องงงปฏิเสธไปแบบเด็ดขาดให้เป็นในบางครั้ง

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ เธอเองก็รีบกลับบ้านนะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วง”

“ก…ก็ได้ค่ะ”

สโนว์ไวท์โดนเรดพูดแบบนั้นใส่เธอไม่ได้ตอบกลับทันทีแต่เธอนิ่งเงียบไปพักหนึ่งอีกครั้งก่อนจะตอบกลับมาด้วยความว่าง่าย

ถึงเธอจะแสดงสีหน้างงๆ ก็เถอะ

“จริงสิ แล้วเธอเคยฟังมาก่อนหรือเปล่า.. นิทานเมื่อสักครู่นี้น่ะ?”

“นิทานอะไรเหรอคะ ?”

สโนว์ไวท์ดูเหมือนจะลืมสิ่งที่พึ่งพูดกับเรดไป เธอกำลังจะถามแบบนั้นนั่นเองทุกอย่างรอบตัวเรดก็เหมือนสั่นสะเทือนเล็กน้อย..

ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนแล้วก็มัวหมองอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดูเหมือนจะมีแค่เรดเท่านั้นที่สังเกตเห็นความประหลาดนี้

เพราะสาวน้อยก็ยังแสดงสีหน้าแบบเดิม อันที่จริงเธอเหมือนกำลังจะพูดอะไรอยู่ แต่เรดไม่สามารถได้ยินเสียงได้

และร่างกายของเด็กสาวนามสโนว์ไวท์ก็เริ่มพร่าเลือนเหมือนกัน..

“นี่มันอะไรละเนี่ย?”

เธออุทานด้วยความสับสน.. ก่อนจะขยี้ตาเพื่อยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือเธอตาลายเอง

แต่พอขยี้ตาเสร็จ เมื่อลืมตาขึ้นเธอก็ต้องประหลาดใจที่เธอในตอนนี้กำลังมองท้องฟ้าซึ่งแม้จะมีต้นไม้บดบังแต่ก็ยังพอเห็นท้องฟ้าและก้อนเมฆได้

และเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนทางเดินเท้าเมื่อสักครู่นี้ก่อนที่จะเดินเข้าป่ามาเจอเด็กน้อยที่ชื่อสโนว์ไวท์

เรดค่อยๆ พยุงร่างกายตัวเองขึ้นด้วยความประหลาดใจ ต้องบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเรื่องแปลกประหลาดแบบนี้เกิดขึ้น

แม้โลกนี้อาจจะมีสัตว์ประหลาด มีสิ่งที่แปลกตามากมาย แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่เหมือนเธอเห็นโลกทั้งใบกำลังบิดเบี้ยว

“มันเกิดอะไรขึ้น..?”

เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครตอบคำถามเธอได้ เธอลุกกลับขึ้นมายืนและมองไปทางที่ตัวเองเดินเข้าไปเจอสโนว์ไวท์

ซึ่งเคยมีทุ่งดอกไม้อยู่เต็มไปหมดเกิด แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่ผืนป่าที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดก็เท่านั้น

“หรือว่านั่นคนคือสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์อะไรสักอย่างในโลกนี้งั้นเหรอ?”

เรดพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน.. อย่างไรก็ตามพุ่มไม้ข้างๆ เธอก็สั่นไหวเบาๆ และในตอนนั้นเองกระต่ายสีขาวตัวน้อยก็ปรากฏตัวขึ้น

“อ้ะ คุณกระต่าย..?”

“อ่า.. หนูน้อยหมวกแดงตรงนั้นน่ะ จะไปไหนเหรอจ๊ะ”

“……….”

เรดเผลอพูดกับคุณกระต่ายไปโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เธอต้องทำคือไม่คุยกับคนแปลกหน้า เพราะงั้นเราต้องไม่คุยกับคุณกระต่าย

เรดคิดได้แบบนั้นก็ปิดปากตัวเองไว้โดยไม่รู้ตัว เรดหันไปก้มหัวให้กระต่ายสีขาวเล็กน้อยแสดงถึงการทักทายก่อนจะเดินจากไปแทบจะทันที

อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นอาจารย์มาก่อน และการตอบคำถามคนอื่นเป็นเรื่องที่เธอทำเสมอ และทำประจำจนอาจจะติดเป็นนิสัยชอบตอบคำถามทันทีที่มีคนถาม

แน่นอนว่าไม่ใช่เธอจะคุยกับคนอื่นไปทั่วหรอก เพราะคงไม่มีใครเดินมั่วๆ มาถามคนแปลกหน้าหรอก นอกซะจากคนจะมาถามทาง

และถ้าคนมาถามทางไม่มีทางที่เรดจะเงียบแล้วเดินจากไปหรอก

เพราะงั้นนั่นเองหากกระต่ายสีขาวตัวนี้ชวนคุยเรื่อยๆ ละก็เรดอาจจะเผลอพลั้งตอบไปโดยไม่รู้ตัวอีกรอบเธอจึงรีบจากไป

“อ่าว ไปซะแล้วเหรอ จะรีบไปไหนเหรอจ๊ะ?”

คุณกระต่ายก็ทำเหมือนกับตัวตามติดอะไรสักอย่าง เห็นเรดเมินเธอไม่ได้ท้อใจแต่อย่างใด เธอเดินขนานข้างเรดที่มีรูปลักษณ์เป็นหนูน้อยหมวกแดง

“….”

เรดไม่ได้ตอบกลับเธอแต่อย่างใด.. ทว่าคุณกระต่ายก็ไม่คิดยอมแพ้ยังคงเดินตามหนูน้อยหมวกแดงแล้วก็พูดไปเรื่อย

“ทางนี้มันทางไปบ้านหลังหนึ่งนี่น่า.. ฉันจำได้ว่าที่นั่นมีคุณยายคนหนึ่งอาศัยอยู่นะ หรือว่าหนูจะไปเยี่ยมคุณยายเหรอจ๊ะ?”

“……”

“อืม.. จะว่าไปแล้วฉันเองก็ไม่สบายเหมือนคุณยายของเธอเลยนะช่วงนี้ หนูมียาให้ฉันไหมจ๊ะ?”

“……”

“อ่า จริงสิ เธอมียาให้คุณยายหรือเปล่า ฉันว่าเธอต้องไม่มีแน่ๆ ฉันพาไปหายาหน่อยไหมจ๊ะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 15

Now you are reading Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง Chapter 15 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

R/C – 2-5

สโนว์ไวท์กับหนูน้อยหมวกแดง

 

หลังจากเว้นระยะการพูดมาครู่หนึ่ง สโนว์ไวท์ก็กล่าวถามขึ้น

“ทำไมเหรอคะพี่สาว?”

“เปล่าหรอก ชื่อนั่นเหมือนมาจากนิทานที่ฉันเคยอ่านนิดหน่อยน่ะ”

เรดพูดออกไปแบบนั้นเมื่อสโนว์ไวท์เห็นท่าทางแปลกๆ ของเธอเองแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย แน่นอนสโนว์ไวท์เป็นเด็กสาวผู้ใสซื่อ

เธอเด็กกว่าเรดในตอนนี้เสียอีก แน่นอนว่าสำหรับเด็กน้อยแล้วนิทานนั้นนับเป็นเรื่องราวที่แสนสนุกและน่าติดตาม

เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอจึงรีบพูดด้วยความสนใจว่า

“นิทานอะไรเหรอคะ?”

“นิทานเรื่องสโนว์ไวท์หรือเจ้าหญิงหิมะขาวน่ะ”

เมื่อได้ยินชื่อของนิทานดวงตาของเธอก็มีแสงวาววับราวกับอยากจะฟังยังไงยังงั้นเลย ซึ่งการแสดงออกแบบนี้ทำให้เรดรู้ว่าเธอไม่รู้จักนิทานเรื่องนี้มาก่อน

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าที่เธอใช้ชื่อสโนว์ไวท์นั่นคือเรื่องบังเอิญนั่นเอง อย่างไรก็ตามก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าสาวน้อยคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนิทาน

เพราะขนาดตัวของเรดเองยังเป็นส่วนหนึ่งของนิทานหนูน้อยหมวกแดงไปแล้วตอนนี้ เป็นไปได้ว่าเธอเองก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของนิทานสโนว์ไวท์ก็ได้

และแน่นอนว่าต่อให้ถามไปตรงๆ ก็ไร้ประโยชน์เพราะเธอยังเด็ก อีกอย่างเด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่มาจากอีกโลกหนึ่งเหมือนเธอ

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูสนใจของเด็กน้อยเรดก็ถามด้วยความสงสัยว่า

“ไม่เคยฟังมาก่อนเหรอ?”

แต่สโนว์ไวท์ไม่ได้ตอบทันที เธอเว้นระยะไปอีกพักหนึ่งก่อนจะตอบเรดกลับมาด้วยความสนุกสนาน

“ใช่ค่ะ.. ถ้าพี่สาวไม่เล่าให้ฟังหนูก็ไม่รู้จักหรอก”

ถ้าฉันไม่เล่าให้ฟังก็ไม่รู้จักงั้นเหรอ.. เธอพูดเหมือนเรดเล่าให้ฟังไปแล้วเลย ก็นะเด็กน้อยคนนี้คงจะคิดว่าเรดจะเล่าให้ฟังแล้วล่ะ

ซึ่งเรดก็ไม่มีปัญหาอะไร นิทานสโนว์ไวท์ไม่ได้ยาวขนาดนั้น เธอจึงค่อยๆ เล่าให้กับสาวน้อยฟังถึงราชินีผู้มีกระจกวิเศษ

ที่จะคอยถามไถ่กับกระจกวิเศษอยู่เสมอว่าใครงามเลิศที่สุดในปฐพี.. แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ก็ปรากฏตัวขึ้น

ราชินีผู้ชั่วร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาจึงบอกคนไปฆ่านาง

“นี่ๆ.. ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะคะ?”

“เป็นเพราะว่าราชินีเป็นคนไม่ดียังไงล่ะ”

“งั้นเหรอคะ?”

เด็กสาวดูครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะตั้งใจฟังอีกรอบหนึ่ง เรดก็เล่าต่อไป ทว่าด้วยความที่สาวน้อยคนนี้ดูเป็นคนที่ขี้สงสัยพอสมควร

เธอถามซ้ายที ขวาที ทำให้เรื่องราวของนิทานเจ้าหญิงหิมะขาวถูกยืดยาวออกจนกลายเป็นว่าใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเล่าจนหมด

เมื่อเธอเล่าจนหมดเด็กน้อยก็ดูชอบมาก ดวงตาของเธอลุกวาวด้วยความสนุกสนานมันทำให้เรดมองเหมือนเห็นตัวเองในตอนเด็ก

ถึงในตอนนี้เธอก็จะยังเป็นเด็กเพราะมาต่างโลกก็เถอะนะ แต่เพราะความคิดโตแล้ว โตจนไม่สามารถรู้สึกสนุกสนานไปกับเรื่องราวของเด็กแบบนี้ได้

แต่ทว่าภาพวันวานที่ยังสดใส เรดกับพี่สาวที่เคยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พี่สาวของเธอเล่านิทานต่างๆ ให้เธอฟัง

ไม่ว่าจะเป็นหนูน้อยหมวกแดง สโนว์ไวท์ อลิซในแดนมหัศจรรย์ เธอยังจำวันเหล่านั้นได้ วันที่เธอดวงตาลุกวาวด้วยความสนุกสนาน

“พี่สาว… พี่สาว?”

“อ่ะ.. อ่า ขอโทษทีพอดีฉันเหม่อไปหน่อยนะ”

“อืมๆ… แต่ว่านะ แต่ว่านะ พี่สาวมีนิทานแบบนี้อีกไหม..?”

“เอ่อ.. มีมันก็มีแหละนะ แต่ว่า….”

แต่ว่าเธอต้องรีบเอาอาหารไปให้คุณยายแล้วก็รีบกลับนี่สิ.. แต่เมื่อเห็นดวงตาขอร้องอ้อนวอนของเด็กสาวเรดก็รู้สึกเหมือนปฏิเสธยากขึ้นเป็นเท่าตัว

ยังไงซะก่อนที่จะมาโลกนี้ เรดก็เป็นอาจารย์สอนเด็กอนุบาล ถึงจะไม่ใช่อาจารย์ที่ทางการอะไรขนาดนั้น แต่เธอก็มักจะเล่านิทานให้เด็กฟังตลอด

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงเล่านิทานได้สนุกและการเล่าของเธอก็ทำให้เด็กน้อยสนุกสนานเป็นอย่างมาก

ดวงตาของสโนว์ไวท์เหมือนกำลังจะเต็มไปด้วยน้ำตา ซึ่งเกิดจากความผิดหวังที่ไม่สามารถฟังเรื่องราวสนุกๆ ได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตามอย่างที่บอกว่ายังไงซะเรดก็เป็นอาจารย์มาก่อน บางครั้งก็ต้องใช้ความเด็ดขาดสอนให้เด็กๆ

แถมตอนนี้ก็เป็นเวลาจะค่ำแล้วด้วย เพราะงั้นแหละจึงต้องงงปฏิเสธไปแบบเด็ดขาดให้เป็นในบางครั้ง

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ เธอเองก็รีบกลับบ้านนะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วง”

“ก…ก็ได้ค่ะ”

สโนว์ไวท์โดนเรดพูดแบบนั้นใส่เธอไม่ได้ตอบกลับทันทีแต่เธอนิ่งเงียบไปพักหนึ่งอีกครั้งก่อนจะตอบกลับมาด้วยความว่าง่าย

ถึงเธอจะแสดงสีหน้างงๆ ก็เถอะ

“จริงสิ แล้วเธอเคยฟังมาก่อนหรือเปล่า.. นิทานเมื่อสักครู่นี้น่ะ?”

“นิทานอะไรเหรอคะ ?”

สโนว์ไวท์ดูเหมือนจะลืมสิ่งที่พึ่งพูดกับเรดไป เธอกำลังจะถามแบบนั้นนั่นเองทุกอย่างรอบตัวเรดก็เหมือนสั่นสะเทือนเล็กน้อย..

ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนแล้วก็มัวหมองอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดูเหมือนจะมีแค่เรดเท่านั้นที่สังเกตเห็นความประหลาดนี้

เพราะสาวน้อยก็ยังแสดงสีหน้าแบบเดิม อันที่จริงเธอเหมือนกำลังจะพูดอะไรอยู่ แต่เรดไม่สามารถได้ยินเสียงได้

และร่างกายของเด็กสาวนามสโนว์ไวท์ก็เริ่มพร่าเลือนเหมือนกัน..

“นี่มันอะไรละเนี่ย?”

เธออุทานด้วยความสับสน.. ก่อนจะขยี้ตาเพื่อยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือเธอตาลายเอง

แต่พอขยี้ตาเสร็จ เมื่อลืมตาขึ้นเธอก็ต้องประหลาดใจที่เธอในตอนนี้กำลังมองท้องฟ้าซึ่งแม้จะมีต้นไม้บดบังแต่ก็ยังพอเห็นท้องฟ้าและก้อนเมฆได้

และเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนทางเดินเท้าเมื่อสักครู่นี้ก่อนที่จะเดินเข้าป่ามาเจอเด็กน้อยที่ชื่อสโนว์ไวท์

เรดค่อยๆ พยุงร่างกายตัวเองขึ้นด้วยความประหลาดใจ ต้องบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเรื่องแปลกประหลาดแบบนี้เกิดขึ้น

แม้โลกนี้อาจจะมีสัตว์ประหลาด มีสิ่งที่แปลกตามากมาย แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่เหมือนเธอเห็นโลกทั้งใบกำลังบิดเบี้ยว

“มันเกิดอะไรขึ้น..?”

เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครตอบคำถามเธอได้ เธอลุกกลับขึ้นมายืนและมองไปทางที่ตัวเองเดินเข้าไปเจอสโนว์ไวท์

ซึ่งเคยมีทุ่งดอกไม้อยู่เต็มไปหมดเกิด แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่ผืนป่าที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดก็เท่านั้น

“หรือว่านั่นคนคือสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์อะไรสักอย่างในโลกนี้งั้นเหรอ?”

เรดพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน.. อย่างไรก็ตามพุ่มไม้ข้างๆ เธอก็สั่นไหวเบาๆ และในตอนนั้นเองกระต่ายสีขาวตัวน้อยก็ปรากฏตัวขึ้น

“อ้ะ คุณกระต่าย..?”

“อ่า.. หนูน้อยหมวกแดงตรงนั้นน่ะ จะไปไหนเหรอจ๊ะ”

“……….”

เรดเผลอพูดกับคุณกระต่ายไปโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เธอต้องทำคือไม่คุยกับคนแปลกหน้า เพราะงั้นเราต้องไม่คุยกับคุณกระต่าย

เรดคิดได้แบบนั้นก็ปิดปากตัวเองไว้โดยไม่รู้ตัว เรดหันไปก้มหัวให้กระต่ายสีขาวเล็กน้อยแสดงถึงการทักทายก่อนจะเดินจากไปแทบจะทันที

อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นอาจารย์มาก่อน และการตอบคำถามคนอื่นเป็นเรื่องที่เธอทำเสมอ และทำประจำจนอาจจะติดเป็นนิสัยชอบตอบคำถามทันทีที่มีคนถาม

แน่นอนว่าไม่ใช่เธอจะคุยกับคนอื่นไปทั่วหรอก เพราะคงไม่มีใครเดินมั่วๆ มาถามคนแปลกหน้าหรอก นอกซะจากคนจะมาถามทาง

และถ้าคนมาถามทางไม่มีทางที่เรดจะเงียบแล้วเดินจากไปหรอก

เพราะงั้นนั่นเองหากกระต่ายสีขาวตัวนี้ชวนคุยเรื่อยๆ ละก็เรดอาจจะเผลอพลั้งตอบไปโดยไม่รู้ตัวอีกรอบเธอจึงรีบจากไป

“อ่าว ไปซะแล้วเหรอ จะรีบไปไหนเหรอจ๊ะ?”

คุณกระต่ายก็ทำเหมือนกับตัวตามติดอะไรสักอย่าง เห็นเรดเมินเธอไม่ได้ท้อใจแต่อย่างใด เธอเดินขนานข้างเรดที่มีรูปลักษณ์เป็นหนูน้อยหมวกแดง

“….”

เรดไม่ได้ตอบกลับเธอแต่อย่างใด.. ทว่าคุณกระต่ายก็ไม่คิดยอมแพ้ยังคงเดินตามหนูน้อยหมวกแดงแล้วก็พูดไปเรื่อย

“ทางนี้มันทางไปบ้านหลังหนึ่งนี่น่า.. ฉันจำได้ว่าที่นั่นมีคุณยายคนหนึ่งอาศัยอยู่นะ หรือว่าหนูจะไปเยี่ยมคุณยายเหรอจ๊ะ?”

“……”

“อืม.. จะว่าไปแล้วฉันเองก็ไม่สบายเหมือนคุณยายของเธอเลยนะช่วงนี้ หนูมียาให้ฉันไหมจ๊ะ?”

“……”

“อ่า จริงสิ เธอมียาให้คุณยายหรือเปล่า ฉันว่าเธอต้องไม่มีแน่ๆ ฉันพาไปหายาหน่อยไหมจ๊ะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 15

Now you are reading Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง Chapter 15 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

R/C – 2-5

สโนว์ไวท์กับหนูน้อยหมวกแดง

 

หลังจากเว้นระยะการพูดมาครู่หนึ่ง สโนว์ไวท์ก็กล่าวถามขึ้น

“ทำไมเหรอคะพี่สาว?”

“เปล่าหรอก ชื่อนั่นเหมือนมาจากนิทานที่ฉันเคยอ่านนิดหน่อยน่ะ”

เรดพูดออกไปแบบนั้นเมื่อสโนว์ไวท์เห็นท่าทางแปลกๆ ของเธอเองแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย แน่นอนสโนว์ไวท์เป็นเด็กสาวผู้ใสซื่อ

เธอเด็กกว่าเรดในตอนนี้เสียอีก แน่นอนว่าสำหรับเด็กน้อยแล้วนิทานนั้นนับเป็นเรื่องราวที่แสนสนุกและน่าติดตาม

เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอจึงรีบพูดด้วยความสนใจว่า

“นิทานอะไรเหรอคะ?”

“นิทานเรื่องสโนว์ไวท์หรือเจ้าหญิงหิมะขาวน่ะ”

เมื่อได้ยินชื่อของนิทานดวงตาของเธอก็มีแสงวาววับราวกับอยากจะฟังยังไงยังงั้นเลย ซึ่งการแสดงออกแบบนี้ทำให้เรดรู้ว่าเธอไม่รู้จักนิทานเรื่องนี้มาก่อน

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าที่เธอใช้ชื่อสโนว์ไวท์นั่นคือเรื่องบังเอิญนั่นเอง อย่างไรก็ตามก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าสาวน้อยคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนิทาน

เพราะขนาดตัวของเรดเองยังเป็นส่วนหนึ่งของนิทานหนูน้อยหมวกแดงไปแล้วตอนนี้ เป็นไปได้ว่าเธอเองก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของนิทานสโนว์ไวท์ก็ได้

และแน่นอนว่าต่อให้ถามไปตรงๆ ก็ไร้ประโยชน์เพราะเธอยังเด็ก อีกอย่างเด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่มาจากอีกโลกหนึ่งเหมือนเธอ

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูสนใจของเด็กน้อยเรดก็ถามด้วยความสงสัยว่า

“ไม่เคยฟังมาก่อนเหรอ?”

แต่สโนว์ไวท์ไม่ได้ตอบทันที เธอเว้นระยะไปอีกพักหนึ่งก่อนจะตอบเรดกลับมาด้วยความสนุกสนาน

“ใช่ค่ะ.. ถ้าพี่สาวไม่เล่าให้ฟังหนูก็ไม่รู้จักหรอก”

ถ้าฉันไม่เล่าให้ฟังก็ไม่รู้จักงั้นเหรอ.. เธอพูดเหมือนเรดเล่าให้ฟังไปแล้วเลย ก็นะเด็กน้อยคนนี้คงจะคิดว่าเรดจะเล่าให้ฟังแล้วล่ะ

ซึ่งเรดก็ไม่มีปัญหาอะไร นิทานสโนว์ไวท์ไม่ได้ยาวขนาดนั้น เธอจึงค่อยๆ เล่าให้กับสาวน้อยฟังถึงราชินีผู้มีกระจกวิเศษ

ที่จะคอยถามไถ่กับกระจกวิเศษอยู่เสมอว่าใครงามเลิศที่สุดในปฐพี.. แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ก็ปรากฏตัวขึ้น

ราชินีผู้ชั่วร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาจึงบอกคนไปฆ่านาง

“นี่ๆ.. ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะคะ?”

“เป็นเพราะว่าราชินีเป็นคนไม่ดียังไงล่ะ”

“งั้นเหรอคะ?”

เด็กสาวดูครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะตั้งใจฟังอีกรอบหนึ่ง เรดก็เล่าต่อไป ทว่าด้วยความที่สาวน้อยคนนี้ดูเป็นคนที่ขี้สงสัยพอสมควร

เธอถามซ้ายที ขวาที ทำให้เรื่องราวของนิทานเจ้าหญิงหิมะขาวถูกยืดยาวออกจนกลายเป็นว่าใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเล่าจนหมด

เมื่อเธอเล่าจนหมดเด็กน้อยก็ดูชอบมาก ดวงตาของเธอลุกวาวด้วยความสนุกสนานมันทำให้เรดมองเหมือนเห็นตัวเองในตอนเด็ก

ถึงในตอนนี้เธอก็จะยังเป็นเด็กเพราะมาต่างโลกก็เถอะนะ แต่เพราะความคิดโตแล้ว โตจนไม่สามารถรู้สึกสนุกสนานไปกับเรื่องราวของเด็กแบบนี้ได้

แต่ทว่าภาพวันวานที่ยังสดใส เรดกับพี่สาวที่เคยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พี่สาวของเธอเล่านิทานต่างๆ ให้เธอฟัง

ไม่ว่าจะเป็นหนูน้อยหมวกแดง สโนว์ไวท์ อลิซในแดนมหัศจรรย์ เธอยังจำวันเหล่านั้นได้ วันที่เธอดวงตาลุกวาวด้วยความสนุกสนาน

“พี่สาว… พี่สาว?”

“อ่ะ.. อ่า ขอโทษทีพอดีฉันเหม่อไปหน่อยนะ”

“อืมๆ… แต่ว่านะ แต่ว่านะ พี่สาวมีนิทานแบบนี้อีกไหม..?”

“เอ่อ.. มีมันก็มีแหละนะ แต่ว่า….”

แต่ว่าเธอต้องรีบเอาอาหารไปให้คุณยายแล้วก็รีบกลับนี่สิ.. แต่เมื่อเห็นดวงตาขอร้องอ้อนวอนของเด็กสาวเรดก็รู้สึกเหมือนปฏิเสธยากขึ้นเป็นเท่าตัว

ยังไงซะก่อนที่จะมาโลกนี้ เรดก็เป็นอาจารย์สอนเด็กอนุบาล ถึงจะไม่ใช่อาจารย์ที่ทางการอะไรขนาดนั้น แต่เธอก็มักจะเล่านิทานให้เด็กฟังตลอด

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงเล่านิทานได้สนุกและการเล่าของเธอก็ทำให้เด็กน้อยสนุกสนานเป็นอย่างมาก

ดวงตาของสโนว์ไวท์เหมือนกำลังจะเต็มไปด้วยน้ำตา ซึ่งเกิดจากความผิดหวังที่ไม่สามารถฟังเรื่องราวสนุกๆ ได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตามอย่างที่บอกว่ายังไงซะเรดก็เป็นอาจารย์มาก่อน บางครั้งก็ต้องใช้ความเด็ดขาดสอนให้เด็กๆ

แถมตอนนี้ก็เป็นเวลาจะค่ำแล้วด้วย เพราะงั้นแหละจึงต้องงงปฏิเสธไปแบบเด็ดขาดให้เป็นในบางครั้ง

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ เธอเองก็รีบกลับบ้านนะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วง”

“ก…ก็ได้ค่ะ”

สโนว์ไวท์โดนเรดพูดแบบนั้นใส่เธอไม่ได้ตอบกลับทันทีแต่เธอนิ่งเงียบไปพักหนึ่งอีกครั้งก่อนจะตอบกลับมาด้วยความว่าง่าย

ถึงเธอจะแสดงสีหน้างงๆ ก็เถอะ

“จริงสิ แล้วเธอเคยฟังมาก่อนหรือเปล่า.. นิทานเมื่อสักครู่นี้น่ะ?”

“นิทานอะไรเหรอคะ ?”

สโนว์ไวท์ดูเหมือนจะลืมสิ่งที่พึ่งพูดกับเรดไป เธอกำลังจะถามแบบนั้นนั่นเองทุกอย่างรอบตัวเรดก็เหมือนสั่นสะเทือนเล็กน้อย..

ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนแล้วก็มัวหมองอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดูเหมือนจะมีแค่เรดเท่านั้นที่สังเกตเห็นความประหลาดนี้

เพราะสาวน้อยก็ยังแสดงสีหน้าแบบเดิม อันที่จริงเธอเหมือนกำลังจะพูดอะไรอยู่ แต่เรดไม่สามารถได้ยินเสียงได้

และร่างกายของเด็กสาวนามสโนว์ไวท์ก็เริ่มพร่าเลือนเหมือนกัน..

“นี่มันอะไรละเนี่ย?”

เธออุทานด้วยความสับสน.. ก่อนจะขยี้ตาเพื่อยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือเธอตาลายเอง

แต่พอขยี้ตาเสร็จ เมื่อลืมตาขึ้นเธอก็ต้องประหลาดใจที่เธอในตอนนี้กำลังมองท้องฟ้าซึ่งแม้จะมีต้นไม้บดบังแต่ก็ยังพอเห็นท้องฟ้าและก้อนเมฆได้

และเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนทางเดินเท้าเมื่อสักครู่นี้ก่อนที่จะเดินเข้าป่ามาเจอเด็กน้อยที่ชื่อสโนว์ไวท์

เรดค่อยๆ พยุงร่างกายตัวเองขึ้นด้วยความประหลาดใจ ต้องบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเรื่องแปลกประหลาดแบบนี้เกิดขึ้น

แม้โลกนี้อาจจะมีสัตว์ประหลาด มีสิ่งที่แปลกตามากมาย แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่เหมือนเธอเห็นโลกทั้งใบกำลังบิดเบี้ยว

“มันเกิดอะไรขึ้น..?”

เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครตอบคำถามเธอได้ เธอลุกกลับขึ้นมายืนและมองไปทางที่ตัวเองเดินเข้าไปเจอสโนว์ไวท์

ซึ่งเคยมีทุ่งดอกไม้อยู่เต็มไปหมดเกิด แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่ผืนป่าที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดก็เท่านั้น

“หรือว่านั่นคนคือสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์อะไรสักอย่างในโลกนี้งั้นเหรอ?”

เรดพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน.. อย่างไรก็ตามพุ่มไม้ข้างๆ เธอก็สั่นไหวเบาๆ และในตอนนั้นเองกระต่ายสีขาวตัวน้อยก็ปรากฏตัวขึ้น

“อ้ะ คุณกระต่าย..?”

“อ่า.. หนูน้อยหมวกแดงตรงนั้นน่ะ จะไปไหนเหรอจ๊ะ”

“……….”

เรดเผลอพูดกับคุณกระต่ายไปโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เธอต้องทำคือไม่คุยกับคนแปลกหน้า เพราะงั้นเราต้องไม่คุยกับคุณกระต่าย

เรดคิดได้แบบนั้นก็ปิดปากตัวเองไว้โดยไม่รู้ตัว เรดหันไปก้มหัวให้กระต่ายสีขาวเล็กน้อยแสดงถึงการทักทายก่อนจะเดินจากไปแทบจะทันที

อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นอาจารย์มาก่อน และการตอบคำถามคนอื่นเป็นเรื่องที่เธอทำเสมอ และทำประจำจนอาจจะติดเป็นนิสัยชอบตอบคำถามทันทีที่มีคนถาม

แน่นอนว่าไม่ใช่เธอจะคุยกับคนอื่นไปทั่วหรอก เพราะคงไม่มีใครเดินมั่วๆ มาถามคนแปลกหน้าหรอก นอกซะจากคนจะมาถามทาง

และถ้าคนมาถามทางไม่มีทางที่เรดจะเงียบแล้วเดินจากไปหรอก

เพราะงั้นนั่นเองหากกระต่ายสีขาวตัวนี้ชวนคุยเรื่อยๆ ละก็เรดอาจจะเผลอพลั้งตอบไปโดยไม่รู้ตัวอีกรอบเธอจึงรีบจากไป

“อ่าว ไปซะแล้วเหรอ จะรีบไปไหนเหรอจ๊ะ?”

คุณกระต่ายก็ทำเหมือนกับตัวตามติดอะไรสักอย่าง เห็นเรดเมินเธอไม่ได้ท้อใจแต่อย่างใด เธอเดินขนานข้างเรดที่มีรูปลักษณ์เป็นหนูน้อยหมวกแดง

“….”

เรดไม่ได้ตอบกลับเธอแต่อย่างใด.. ทว่าคุณกระต่ายก็ไม่คิดยอมแพ้ยังคงเดินตามหนูน้อยหมวกแดงแล้วก็พูดไปเรื่อย

“ทางนี้มันทางไปบ้านหลังหนึ่งนี่น่า.. ฉันจำได้ว่าที่นั่นมีคุณยายคนหนึ่งอาศัยอยู่นะ หรือว่าหนูจะไปเยี่ยมคุณยายเหรอจ๊ะ?”

“……”

“อืม.. จะว่าไปแล้วฉันเองก็ไม่สบายเหมือนคุณยายของเธอเลยนะช่วงนี้ หนูมียาให้ฉันไหมจ๊ะ?”

“……”

“อ่า จริงสิ เธอมียาให้คุณยายหรือเปล่า ฉันว่าเธอต้องไม่มีแน่ๆ ฉันพาไปหายาหน่อยไหมจ๊ะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+