Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 17

Now you are reading Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง Chapter 17 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

R/C – 2-7

‘อิกดราซิล’

 

“เธอรู้จักอิกดราซิลหรือเปล่า?”

“….อิกดราซิลงั้นเหรอ..”

ถ้าจำไม่ผิดเจ้าอิกดราซิลอะไรนี่ไม่ได้มาจากนิทานเรื่องไหนเลย แต่เหมือนเธอจะเคยอ่านเจอในเรื่องเล่าตำนานเทพนิยายอะไรทำนองนั้นอยู่

แต่จำไม่ได้ว่าเป็นยังไง มายังไง.. แต่ที่รู้ๆ มันมีอยู่ในโลกเดิมของเธอแน่ๆ ว่าแล้วเชียวมันต้องเกี่ยวข้องออะไรกับโลกเดิมเธอแน่ๆ

อย่างไรก็ตามเรดก็ไม่เข้าใจเหตุผลที่กระต่ายตัวน้อยตื่นตระหนกขนาดนั้นอยู่ดี อันที่จริงในโลกเดิมของเธอมีกฎหมายอนุรักษ์ป่าอยู่ก็จริง

แต่ก็ไม่ได้มีอยู่ในทุกเขต แต่จากการพูดของกระต่ายแสดงให้เห็นว่าเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการนับถือเชิงศาสนาซะมากกว่า

ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็ยังแปลกอยู่ดี โลกนี้ยังต้องใช้พืช ใช้ไม้ในการก่อไฟ จะมาห้ามตัดไม้นี่มันแปลกๆ นะ

อันที่จริงที่หน้าบ้านของเธอก็ยังผ่าฟืนอยู่เลย มันจะผิดปกติได้ยังไง อีกอย่างเธอไม่มีแรงพอที่จะทุบจนต้นไม้โค่นสักหน่อย

อย่างไรก็ตามกระต่ายตัวน้อยเหมือนจะเดาความคิดของเรดได้เป็นอย่างดี เจ้าตัวเปิดปากอธิบายทันทีว่า

“พ่อแม่เธอไม่เคยสอนอะไรแบบนี้เลยสินะ.. เอาเถอะฉันจะอธิบายให้ฟัง ต้นไม้บนโลกนี้มีสองแบบคือต้นไม้ปลูกเองกับต้นไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ”

“ต้นไม้ที่เกิดขึ้นเองจะไม่ได้มีลักษณะที่เขียวขจี.. แต่มีใบไม้ที่ค่อนข้างเขียวซีดและไร้ชีวิตนั่นเอง”

พอกระต่ายตัวน้อยพูดแบบนั้น เรดก็เงยหน้ามองต้นไม้ต้นนี้โดยไม่รู้ตัวเธอสังเกตเห็นว่าต้นไม้ต้นนี้นั้นมีสีเขียว

ซึ่งแตกต่างจากแปลงผักของแม่เธอ มันเขียวขจียิ่งกว่าผักที่อยู่ในแปลงด้วยซ้ำ.. ไม่สิ ไม่อะ.. ที่เขียวก็แปลงผักที่บ้านเพราะแปลงผักมันค่อนข้างเหี่ยวเฉา

ส่วนเรื่องที่ว่านี้เรดเองก็ไม่มั่นใจว่าแม่สอนเรื่องนี้ไปหรือยัง

แต่เรดมั่นใจว่าน่าจะสอนไปแล้ว แต่เธอเป็นคนมาจากโลกอื่นหรือโลกด้านบนทำให้เธอไม่รู้เรื่องดังกล่าว

แต่ยังไงก็ตามแต่เรดก็ต้องรู้จักเรื่องเล่าของโลกนี้ให้มากสุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเชื่อมโยงโลกนี้กับโลกเดิม

“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นเหรอคะ?”

เรดกล่าวถามด้วยน้ำเสียงบริสุทธิ์

“สาเหตุเป็นเพราะ..ต้นไม้เองก็เป็นสิ่งมีชีวิตยังไงล่ะ”

เรดไม่ได้แสดงท่าทีแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะเรื่องนี้ในโลกเดิมของเธอนับเป็นความรู้พื้นฐาน แต่ที่น่าสงสัยคือทำไมถึงมีต้นไม้สองประเภทมากกว่า

อันที่จริงเรดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นไม้ต้นไหนคือปลูกเองกับเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่มีอะไรมาให้เปรียบเทียบด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ต้นไม้ทุกต้นนั้นมีชีวิตเป็นของตนเอง.. พลังชีวิตพวกเขานั้นเอ่อล้นและสรรค์สร้างขึ้นมาด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘ราก’ มันเปรียบเหมือนต้นตอของแหล่งพลังชีวิตทั้งหมดของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตทั่วไปแบบเราๆ”

“เรานั้นการจะมีชีวิตอยู่ได้ต้องพึ่งพาสิ่งที่เรียกว่าสารอาหารต่างๆ แม้แต่หากปิดจมูกเราก็ยังตายได้เลย”

“ซึ่งต่างจากต้นไม้ที่พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ชีวิตของตัวเองขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยจากปัจจัยภายนอกนั่นเอง”

“และต้นไม้ที่ปลูกเองก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ พวกมันทำได้เพียงเลียนแบบแล้วก็ทำตามต้นไม้ที่เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติเท่านั้น”

เรดที่ฟังทุกอย่างเสร็จ.. เธอก็ถอนหายใจออกมา

เธอรู้ทันทีว่าเรื่องพวกนี้เป็นแค่ความเชื่อ อันที่จริงมันก็แน่ล่ะ เพราะโลกนี้ไม่ได้มีวิทยาการล้ำหน้าแบบโลกเดิมของเธอ หรือเพราะอะไรไม่มีใครทราบได้

แต่จากที่กระต่ายน้อยตัวนี้จะบอกก็คือ แม้ต้นไม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตแต่กลับสามารถผลิตพลังชีวิตตัวเองได้โดยไม่มีจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยภายนอก

เพราะงั้นมันจึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษ เพราะขนาดมนุษย์ยังต้องกิน ยังต้องการอากาศในการหายใจเลย ในขณะที่ต้นไม้ไม่ต้อง

ซึ่งในความจริงแล้วไม่ใช่ สารอาหารสำหรับต้นไม้นั้นนอกจากคาบอนไดออกไซด์ น้ำแล้วก็ออกซิเจน ยังต้องการสารออาหารจากดินอีกหลากหลายชนิด

แค่วิธีการซึมซับมันต่างจากมนุษย์หรือสัตว์ชนิดอื่นแค่นั้นเอง ถึงเรดจะไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างแต่ต้นไม้นั้นต้องการสารอาหารเหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วไปอย่างแน่นอน

ที่เธอแยกต้นไม้ปลูกกับธรรมชาติไม่ออกเพราะมันไม่ต่างกันนั่นแหละ ที่สำคัญเธอสนใจเรื่องอิกดราซิลมากกว่า

ต่อให้ทุกอย่างจะเป็นแค่ความเชื่อ แต่เธอก็อยากรู้ตำนานเล่าขานที่เกี่ยวกับอิกดราซิล ซึ่งเป็นคำที่เธอเคยได้ยินหรือเคยอ่านเจอมาก่อนในโลกเดิมของเธอ

“ช่างเรื่องนั้นไปเถอะค่ะ คุณกระต่าย.. หนูอยากรู้เรื่องอิกดราซิลค่ะ”

“ช่างเหรอ.. นี่มันเรื่องสำคัญนะ….”

กระต่ายตัวน้อยที่เห็นเรดไม่ได้สนใจแล้วเจ้าตัวก็ตกใจทันที อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นสายตาที่มุ่งมั่นอยากรู้ของสาวน้อย

กระต่ายก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ทั้งสองเริ่มคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเล่าของต้นอิกดราซิล แน่นอนว่าในขณะที่เดินไปบ้านคุณยายละนะ

“อย่างที่บอกว่าต้นไม้ธรรมชาตินั้นต่างจากต้นไม้ปลูกเอง.. แล้วทำไมมันถึงต่างล่ะ.. นั่นเพราะการดำรงอยู่ของอิกดราซิลไงล่ะ”

กระต่ายตัวน้อยว่าแล้วก็เงยคอเล็กๆ ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลซึ่งตอนนี้แม้จะถูกบดบังด้วยต้นไม้บางส่วนแต่ก็ไม่อาจบดบังความยิ่งใหญ่ของมันได้

“ท้องฟ้านั้นกว้างใหญ่แต่หาได้ไร้จุดสิ้นสุดไม่.. ว่ากันว่าเบื้องหลังท้องฟ้าที่กว้างขวางนั้นมีโลกอีกใบที่เรียกว่า ‘อิกดราซิล’ ดำรงอยู่”

“อิกดราซิลคือต้นไม้ที่ใหญ่ปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ตัวตนของมันต่างหากที่นับว่าเป็นความไร้สิ้นสุดที่ไม่สามารถค้นพบจุดสิ้นสุด”

“นั่นกล่าวคือ.. กิ่งก้านของอิกดราซิลก็แตกแยกแขนงออกเป็นกิ่งก้านที่มีมากมายนับไม่ถ้วนและสถานที่เหล่านั้นถูกเรียกขานว่า…..”

“สวรรค์”

เรดจดจำทุกคำพูดของกระต่ายตัวน้อย แต่เธอก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่านี่เกี่ยวข้องอะไรกับโลกเดิมของเธอด้วยหรือเปล่า ทั้งสองยังคงเดินไปด้วยกัน กระต่ายยังคงพูดต่อไป

“สวรรค์ คือดินแดนสำหรับทุกผู้ทุกชีวิตบนโลกเมื่อดำเนินไปจนถึงปลายทาง.. นั่นแหละคือกิ่งก้านของอิกดราซิล”

“และสำหรับโลกเหล่านั้น.. คิดว่าโลกของเราคืออะไร ทำไมถึงมีผืนแผ่นดิน ทำไมถึงมีต้นไม้ธรรมชาติและปลูกเอง ทำไมถึงมีท้องฟ้า..?”

“เหตุผลนั้นง่ายมาก.. ในทางตรงกันข้ามกับกิ่งก้านที่แตกออกอย่างไร้จุดสิ้นสุด.. ‘ราก’ ของอิกดราซิลเองก็ยาวเหยียด แทรกซ้อนเข้ากับทุกสรรพสิ่ง”

“นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่งในโลกของเรา ‘ราก’ ได้ให้กำเนิดแผ่นดินและมอบชีวิตให้กับทุกชีวิตบนโลกนี้”

“สาเหตุที่ต้นไม้ธรรมชาติสร้างพลังงานหรือพลังชีวิตขึ้นมาเองได้.. ว่ากันว่าต้นไม้ทุกต้นนั้นคือส่วนหนึ่งของ ‘รากอิกดราซิล’ นั่นเอง”

“ดังนั้นอิกดราซิลจึงเปรียบดั่งบิดามารดาแห่งทุกชีวิตบนโลกใบนี้ เปรียบเหมือนผู้ให้กำเนิดทุกสิ่งทุกอย่างจากความว่างเปล่าอย่างแท้จริง”

เมื่อฟังแบบนั้น เรดก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่าถ้างั้นหากตัดต้นไม้ก็คือการตัดต้นอิกดราซิลงั้นเหรอ.. ถ้ามันสุดยอดขนาดนั้นมนุษย์จะไปตัดได้ไงละนั่น

“เอ่อ..คือ ถ้ามันสุดยอดขนาดนั้นเราจะตัดต้นไม้ได้ไง?”

“เป็นคำถามที่ดี อย่างที่บอกว่าต้นไม้ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของอิกดราซิล แต่ก็อย่างที่บอกแค่ส่วนหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าตอนแรกฉันพูดอะไรไป?”

“….อืม…”

เรดพยายามนึกอยู่สักพักก่อนจะอุทานออกมา

“อ้อ.. รากที่สร้างพลังชีวิตได้ใช่ไหม?”

“ถูกต้อง.. ว่ากันว่ารากของต้นไม้ธรรมชาติทุกต้นนั้นเชื่อมโยงไปยังรากของอิกดราซิล ส่วนลำต้นนั้นเกิดจากผืนแผ่นดิน ท้องฟ้า อากาศบนโลกใบนี้”

“แล้วถ้าเราทำลายรากไม้จะเกิดอะไรขึ้น?”

“อาจจะเกิดภัยพิบัติขึ้นก็ได้ หรืออาจจะไม่เกิดอะไรขึ้นก็ได้เช่นกัน เพราะอย่างที่บอกต้นอิกดราซิลนั้นกว้างขวางไร้จุดสิ้นสุด บางทีอาจจะส่งผลกระทบต่ออิกดราซิล บางทีก็ไม่นั่นเอง.. และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงไม่ควรทำลายต้นไม้นั่นเอง”

เรดฟังถึงจุดนี้ก็พอเข้าใจแนวคิดของต้นอิกดราซิลในโลกนี้ขึ้นมาคร่าวๆ แล้วอย่างไรก็ตามก็ยังมีคำถามอยู่อีก

“ถ้าหากเราขุดดินไปตามรากเรื่อยๆ เราก็จะไปหาต้นอิกดราซิลได้เหรอ”

“หนูน้อย เธออ่านนิยายมากไปแล้ว อย่างที่บอกอิกดราซิลคือต้นไม้เหนือโลกแบ่งโลกและสวรรค์ออกจากกัน ไม่มีทางที่สิ่งมีชีวิตบนโลกเราจะมองเห็นหรอก”

“อ้อ.. หรือก็คือ.. ขุดต้นไม้แบบถอนรากถอนโขนไปก็ไม่เจออะไรสินะ”

“ถูกต้อง”

เรดถอนหายใจยาวเหยียด.. นั่นแหละอย่างที่เธอคิดไว้แต่แรก ไอ้นี่มันก็คือเรื่องหลอกไม่ให้คนตัดไม้ทำลายป่าดีๆ นี่เอง

ก็นะ มันคงคล้ายๆ ศาสนาในโลกเดิมของเรดนั่นแหละ ในอดีตหลายพันปีก่อนที่ไม่มีกฎหมาย ผู้คนที่ไม่อยากให้เกิดการฆ่ากันโดยเปล่าประโยชน์

จึงได้สร้างนิทาน.. ไม่สิ ศาสนาขึ้นมา บอกว่าทำชั่วอาจจะตกนรก ทำดีจะได้ขึ้นสวรรค์น่ะนะ.. เพื่อให้คนไม่ทำชั่วเพราะกลัวตกนรก

ให้ทำดีแทนเพื่อขึ้นสวรรค์

อันนี้ก็มาทางเดียวกัน ผสมผสานกับโลกที่เป็นโลกไม่ได้พัฒนาขนาดนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่จะมีเรื่องเล่าปรัมปราห้ามคนไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่าแบบนี้

แต่ก็อย่างว่า ถึงเรดจะไม่รู้ก็เถอะว่ามันเกี่ยวกับโลกเดิมเธอขนาดไหน แต่น่าจะเกี่ยวเยอะอยู่พอสมควรละมั้งนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 17

Now you are reading Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง Chapter 17 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

R/C – 2-7

‘อิกดราซิล’

 

“เธอรู้จักอิกดราซิลหรือเปล่า?”

“….อิกดราซิลงั้นเหรอ..”

ถ้าจำไม่ผิดเจ้าอิกดราซิลอะไรนี่ไม่ได้มาจากนิทานเรื่องไหนเลย แต่เหมือนเธอจะเคยอ่านเจอในเรื่องเล่าตำนานเทพนิยายอะไรทำนองนั้นอยู่

แต่จำไม่ได้ว่าเป็นยังไง มายังไง.. แต่ที่รู้ๆ มันมีอยู่ในโลกเดิมของเธอแน่ๆ ว่าแล้วเชียวมันต้องเกี่ยวข้องออะไรกับโลกเดิมเธอแน่ๆ

อย่างไรก็ตามเรดก็ไม่เข้าใจเหตุผลที่กระต่ายตัวน้อยตื่นตระหนกขนาดนั้นอยู่ดี อันที่จริงในโลกเดิมของเธอมีกฎหมายอนุรักษ์ป่าอยู่ก็จริง

แต่ก็ไม่ได้มีอยู่ในทุกเขต แต่จากการพูดของกระต่ายแสดงให้เห็นว่าเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการนับถือเชิงศาสนาซะมากกว่า

ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็ยังแปลกอยู่ดี โลกนี้ยังต้องใช้พืช ใช้ไม้ในการก่อไฟ จะมาห้ามตัดไม้นี่มันแปลกๆ นะ

อันที่จริงที่หน้าบ้านของเธอก็ยังผ่าฟืนอยู่เลย มันจะผิดปกติได้ยังไง อีกอย่างเธอไม่มีแรงพอที่จะทุบจนต้นไม้โค่นสักหน่อย

อย่างไรก็ตามกระต่ายตัวน้อยเหมือนจะเดาความคิดของเรดได้เป็นอย่างดี เจ้าตัวเปิดปากอธิบายทันทีว่า

“พ่อแม่เธอไม่เคยสอนอะไรแบบนี้เลยสินะ.. เอาเถอะฉันจะอธิบายให้ฟัง ต้นไม้บนโลกนี้มีสองแบบคือต้นไม้ปลูกเองกับต้นไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ”

“ต้นไม้ที่เกิดขึ้นเองจะไม่ได้มีลักษณะที่เขียวขจี.. แต่มีใบไม้ที่ค่อนข้างเขียวซีดและไร้ชีวิตนั่นเอง”

พอกระต่ายตัวน้อยพูดแบบนั้น เรดก็เงยหน้ามองต้นไม้ต้นนี้โดยไม่รู้ตัวเธอสังเกตเห็นว่าต้นไม้ต้นนี้นั้นมีสีเขียว

ซึ่งแตกต่างจากแปลงผักของแม่เธอ มันเขียวขจียิ่งกว่าผักที่อยู่ในแปลงด้วยซ้ำ.. ไม่สิ ไม่อะ.. ที่เขียวก็แปลงผักที่บ้านเพราะแปลงผักมันค่อนข้างเหี่ยวเฉา

ส่วนเรื่องที่ว่านี้เรดเองก็ไม่มั่นใจว่าแม่สอนเรื่องนี้ไปหรือยัง

แต่เรดมั่นใจว่าน่าจะสอนไปแล้ว แต่เธอเป็นคนมาจากโลกอื่นหรือโลกด้านบนทำให้เธอไม่รู้เรื่องดังกล่าว

แต่ยังไงก็ตามแต่เรดก็ต้องรู้จักเรื่องเล่าของโลกนี้ให้มากสุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเชื่อมโยงโลกนี้กับโลกเดิม

“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นเหรอคะ?”

เรดกล่าวถามด้วยน้ำเสียงบริสุทธิ์

“สาเหตุเป็นเพราะ..ต้นไม้เองก็เป็นสิ่งมีชีวิตยังไงล่ะ”

เรดไม่ได้แสดงท่าทีแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะเรื่องนี้ในโลกเดิมของเธอนับเป็นความรู้พื้นฐาน แต่ที่น่าสงสัยคือทำไมถึงมีต้นไม้สองประเภทมากกว่า

อันที่จริงเรดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นไม้ต้นไหนคือปลูกเองกับเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่มีอะไรมาให้เปรียบเทียบด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ต้นไม้ทุกต้นนั้นมีชีวิตเป็นของตนเอง.. พลังชีวิตพวกเขานั้นเอ่อล้นและสรรค์สร้างขึ้นมาด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘ราก’ มันเปรียบเหมือนต้นตอของแหล่งพลังชีวิตทั้งหมดของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตทั่วไปแบบเราๆ”

“เรานั้นการจะมีชีวิตอยู่ได้ต้องพึ่งพาสิ่งที่เรียกว่าสารอาหารต่างๆ แม้แต่หากปิดจมูกเราก็ยังตายได้เลย”

“ซึ่งต่างจากต้นไม้ที่พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ชีวิตของตัวเองขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยจากปัจจัยภายนอกนั่นเอง”

“และต้นไม้ที่ปลูกเองก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ พวกมันทำได้เพียงเลียนแบบแล้วก็ทำตามต้นไม้ที่เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติเท่านั้น”

เรดที่ฟังทุกอย่างเสร็จ.. เธอก็ถอนหายใจออกมา

เธอรู้ทันทีว่าเรื่องพวกนี้เป็นแค่ความเชื่อ อันที่จริงมันก็แน่ล่ะ เพราะโลกนี้ไม่ได้มีวิทยาการล้ำหน้าแบบโลกเดิมของเธอ หรือเพราะอะไรไม่มีใครทราบได้

แต่จากที่กระต่ายน้อยตัวนี้จะบอกก็คือ แม้ต้นไม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตแต่กลับสามารถผลิตพลังชีวิตตัวเองได้โดยไม่มีจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยภายนอก

เพราะงั้นมันจึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษ เพราะขนาดมนุษย์ยังต้องกิน ยังต้องการอากาศในการหายใจเลย ในขณะที่ต้นไม้ไม่ต้อง

ซึ่งในความจริงแล้วไม่ใช่ สารอาหารสำหรับต้นไม้นั้นนอกจากคาบอนไดออกไซด์ น้ำแล้วก็ออกซิเจน ยังต้องการสารออาหารจากดินอีกหลากหลายชนิด

แค่วิธีการซึมซับมันต่างจากมนุษย์หรือสัตว์ชนิดอื่นแค่นั้นเอง ถึงเรดจะไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างแต่ต้นไม้นั้นต้องการสารอาหารเหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วไปอย่างแน่นอน

ที่เธอแยกต้นไม้ปลูกกับธรรมชาติไม่ออกเพราะมันไม่ต่างกันนั่นแหละ ที่สำคัญเธอสนใจเรื่องอิกดราซิลมากกว่า

ต่อให้ทุกอย่างจะเป็นแค่ความเชื่อ แต่เธอก็อยากรู้ตำนานเล่าขานที่เกี่ยวกับอิกดราซิล ซึ่งเป็นคำที่เธอเคยได้ยินหรือเคยอ่านเจอมาก่อนในโลกเดิมของเธอ

“ช่างเรื่องนั้นไปเถอะค่ะ คุณกระต่าย.. หนูอยากรู้เรื่องอิกดราซิลค่ะ”

“ช่างเหรอ.. นี่มันเรื่องสำคัญนะ….”

กระต่ายตัวน้อยที่เห็นเรดไม่ได้สนใจแล้วเจ้าตัวก็ตกใจทันที อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นสายตาที่มุ่งมั่นอยากรู้ของสาวน้อย

กระต่ายก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ทั้งสองเริ่มคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเล่าของต้นอิกดราซิล แน่นอนว่าในขณะที่เดินไปบ้านคุณยายละนะ

“อย่างที่บอกว่าต้นไม้ธรรมชาตินั้นต่างจากต้นไม้ปลูกเอง.. แล้วทำไมมันถึงต่างล่ะ.. นั่นเพราะการดำรงอยู่ของอิกดราซิลไงล่ะ”

กระต่ายตัวน้อยว่าแล้วก็เงยคอเล็กๆ ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลซึ่งตอนนี้แม้จะถูกบดบังด้วยต้นไม้บางส่วนแต่ก็ไม่อาจบดบังความยิ่งใหญ่ของมันได้

“ท้องฟ้านั้นกว้างใหญ่แต่หาได้ไร้จุดสิ้นสุดไม่.. ว่ากันว่าเบื้องหลังท้องฟ้าที่กว้างขวางนั้นมีโลกอีกใบที่เรียกว่า ‘อิกดราซิล’ ดำรงอยู่”

“อิกดราซิลคือต้นไม้ที่ใหญ่ปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ตัวตนของมันต่างหากที่นับว่าเป็นความไร้สิ้นสุดที่ไม่สามารถค้นพบจุดสิ้นสุด”

“นั่นกล่าวคือ.. กิ่งก้านของอิกดราซิลก็แตกแยกแขนงออกเป็นกิ่งก้านที่มีมากมายนับไม่ถ้วนและสถานที่เหล่านั้นถูกเรียกขานว่า…..”

“สวรรค์”

เรดจดจำทุกคำพูดของกระต่ายตัวน้อย แต่เธอก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่านี่เกี่ยวข้องอะไรกับโลกเดิมของเธอด้วยหรือเปล่า ทั้งสองยังคงเดินไปด้วยกัน กระต่ายยังคงพูดต่อไป

“สวรรค์ คือดินแดนสำหรับทุกผู้ทุกชีวิตบนโลกเมื่อดำเนินไปจนถึงปลายทาง.. นั่นแหละคือกิ่งก้านของอิกดราซิล”

“และสำหรับโลกเหล่านั้น.. คิดว่าโลกของเราคืออะไร ทำไมถึงมีผืนแผ่นดิน ทำไมถึงมีต้นไม้ธรรมชาติและปลูกเอง ทำไมถึงมีท้องฟ้า..?”

“เหตุผลนั้นง่ายมาก.. ในทางตรงกันข้ามกับกิ่งก้านที่แตกออกอย่างไร้จุดสิ้นสุด.. ‘ราก’ ของอิกดราซิลเองก็ยาวเหยียด แทรกซ้อนเข้ากับทุกสรรพสิ่ง”

“นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่งในโลกของเรา ‘ราก’ ได้ให้กำเนิดแผ่นดินและมอบชีวิตให้กับทุกชีวิตบนโลกนี้”

“สาเหตุที่ต้นไม้ธรรมชาติสร้างพลังงานหรือพลังชีวิตขึ้นมาเองได้.. ว่ากันว่าต้นไม้ทุกต้นนั้นคือส่วนหนึ่งของ ‘รากอิกดราซิล’ นั่นเอง”

“ดังนั้นอิกดราซิลจึงเปรียบดั่งบิดามารดาแห่งทุกชีวิตบนโลกใบนี้ เปรียบเหมือนผู้ให้กำเนิดทุกสิ่งทุกอย่างจากความว่างเปล่าอย่างแท้จริง”

เมื่อฟังแบบนั้น เรดก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่าถ้างั้นหากตัดต้นไม้ก็คือการตัดต้นอิกดราซิลงั้นเหรอ.. ถ้ามันสุดยอดขนาดนั้นมนุษย์จะไปตัดได้ไงละนั่น

“เอ่อ..คือ ถ้ามันสุดยอดขนาดนั้นเราจะตัดต้นไม้ได้ไง?”

“เป็นคำถามที่ดี อย่างที่บอกว่าต้นไม้ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของอิกดราซิล แต่ก็อย่างที่บอกแค่ส่วนหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าตอนแรกฉันพูดอะไรไป?”

“….อืม…”

เรดพยายามนึกอยู่สักพักก่อนจะอุทานออกมา

“อ้อ.. รากที่สร้างพลังชีวิตได้ใช่ไหม?”

“ถูกต้อง.. ว่ากันว่ารากของต้นไม้ธรรมชาติทุกต้นนั้นเชื่อมโยงไปยังรากของอิกดราซิล ส่วนลำต้นนั้นเกิดจากผืนแผ่นดิน ท้องฟ้า อากาศบนโลกใบนี้”

“แล้วถ้าเราทำลายรากไม้จะเกิดอะไรขึ้น?”

“อาจจะเกิดภัยพิบัติขึ้นก็ได้ หรืออาจจะไม่เกิดอะไรขึ้นก็ได้เช่นกัน เพราะอย่างที่บอกต้นอิกดราซิลนั้นกว้างขวางไร้จุดสิ้นสุด บางทีอาจจะส่งผลกระทบต่ออิกดราซิล บางทีก็ไม่นั่นเอง.. และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงไม่ควรทำลายต้นไม้นั่นเอง”

เรดฟังถึงจุดนี้ก็พอเข้าใจแนวคิดของต้นอิกดราซิลในโลกนี้ขึ้นมาคร่าวๆ แล้วอย่างไรก็ตามก็ยังมีคำถามอยู่อีก

“ถ้าหากเราขุดดินไปตามรากเรื่อยๆ เราก็จะไปหาต้นอิกดราซิลได้เหรอ”

“หนูน้อย เธออ่านนิยายมากไปแล้ว อย่างที่บอกอิกดราซิลคือต้นไม้เหนือโลกแบ่งโลกและสวรรค์ออกจากกัน ไม่มีทางที่สิ่งมีชีวิตบนโลกเราจะมองเห็นหรอก”

“อ้อ.. หรือก็คือ.. ขุดต้นไม้แบบถอนรากถอนโขนไปก็ไม่เจออะไรสินะ”

“ถูกต้อง”

เรดถอนหายใจยาวเหยียด.. นั่นแหละอย่างที่เธอคิดไว้แต่แรก ไอ้นี่มันก็คือเรื่องหลอกไม่ให้คนตัดไม้ทำลายป่าดีๆ นี่เอง

ก็นะ มันคงคล้ายๆ ศาสนาในโลกเดิมของเรดนั่นแหละ ในอดีตหลายพันปีก่อนที่ไม่มีกฎหมาย ผู้คนที่ไม่อยากให้เกิดการฆ่ากันโดยเปล่าประโยชน์

จึงได้สร้างนิทาน.. ไม่สิ ศาสนาขึ้นมา บอกว่าทำชั่วอาจจะตกนรก ทำดีจะได้ขึ้นสวรรค์น่ะนะ.. เพื่อให้คนไม่ทำชั่วเพราะกลัวตกนรก

ให้ทำดีแทนเพื่อขึ้นสวรรค์

อันนี้ก็มาทางเดียวกัน ผสมผสานกับโลกที่เป็นโลกไม่ได้พัฒนาขนาดนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่จะมีเรื่องเล่าปรัมปราห้ามคนไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่าแบบนี้

แต่ก็อย่างว่า ถึงเรดจะไม่รู้ก็เถอะว่ามันเกี่ยวกับโลกเดิมเธอขนาดไหน แต่น่าจะเกี่ยวเยอะอยู่พอสมควรละมั้งนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 17

Now you are reading Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง Chapter 17 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

R/C – 2-7

‘อิกดราซิล’

 

“เธอรู้จักอิกดราซิลหรือเปล่า?”

“….อิกดราซิลงั้นเหรอ..”

ถ้าจำไม่ผิดเจ้าอิกดราซิลอะไรนี่ไม่ได้มาจากนิทานเรื่องไหนเลย แต่เหมือนเธอจะเคยอ่านเจอในเรื่องเล่าตำนานเทพนิยายอะไรทำนองนั้นอยู่

แต่จำไม่ได้ว่าเป็นยังไง มายังไง.. แต่ที่รู้ๆ มันมีอยู่ในโลกเดิมของเธอแน่ๆ ว่าแล้วเชียวมันต้องเกี่ยวข้องออะไรกับโลกเดิมเธอแน่ๆ

อย่างไรก็ตามเรดก็ไม่เข้าใจเหตุผลที่กระต่ายตัวน้อยตื่นตระหนกขนาดนั้นอยู่ดี อันที่จริงในโลกเดิมของเธอมีกฎหมายอนุรักษ์ป่าอยู่ก็จริง

แต่ก็ไม่ได้มีอยู่ในทุกเขต แต่จากการพูดของกระต่ายแสดงให้เห็นว่าเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการนับถือเชิงศาสนาซะมากกว่า

ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็ยังแปลกอยู่ดี โลกนี้ยังต้องใช้พืช ใช้ไม้ในการก่อไฟ จะมาห้ามตัดไม้นี่มันแปลกๆ นะ

อันที่จริงที่หน้าบ้านของเธอก็ยังผ่าฟืนอยู่เลย มันจะผิดปกติได้ยังไง อีกอย่างเธอไม่มีแรงพอที่จะทุบจนต้นไม้โค่นสักหน่อย

อย่างไรก็ตามกระต่ายตัวน้อยเหมือนจะเดาความคิดของเรดได้เป็นอย่างดี เจ้าตัวเปิดปากอธิบายทันทีว่า

“พ่อแม่เธอไม่เคยสอนอะไรแบบนี้เลยสินะ.. เอาเถอะฉันจะอธิบายให้ฟัง ต้นไม้บนโลกนี้มีสองแบบคือต้นไม้ปลูกเองกับต้นไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ”

“ต้นไม้ที่เกิดขึ้นเองจะไม่ได้มีลักษณะที่เขียวขจี.. แต่มีใบไม้ที่ค่อนข้างเขียวซีดและไร้ชีวิตนั่นเอง”

พอกระต่ายตัวน้อยพูดแบบนั้น เรดก็เงยหน้ามองต้นไม้ต้นนี้โดยไม่รู้ตัวเธอสังเกตเห็นว่าต้นไม้ต้นนี้นั้นมีสีเขียว

ซึ่งแตกต่างจากแปลงผักของแม่เธอ มันเขียวขจียิ่งกว่าผักที่อยู่ในแปลงด้วยซ้ำ.. ไม่สิ ไม่อะ.. ที่เขียวก็แปลงผักที่บ้านเพราะแปลงผักมันค่อนข้างเหี่ยวเฉา

ส่วนเรื่องที่ว่านี้เรดเองก็ไม่มั่นใจว่าแม่สอนเรื่องนี้ไปหรือยัง

แต่เรดมั่นใจว่าน่าจะสอนไปแล้ว แต่เธอเป็นคนมาจากโลกอื่นหรือโลกด้านบนทำให้เธอไม่รู้เรื่องดังกล่าว

แต่ยังไงก็ตามแต่เรดก็ต้องรู้จักเรื่องเล่าของโลกนี้ให้มากสุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเชื่อมโยงโลกนี้กับโลกเดิม

“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นเหรอคะ?”

เรดกล่าวถามด้วยน้ำเสียงบริสุทธิ์

“สาเหตุเป็นเพราะ..ต้นไม้เองก็เป็นสิ่งมีชีวิตยังไงล่ะ”

เรดไม่ได้แสดงท่าทีแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะเรื่องนี้ในโลกเดิมของเธอนับเป็นความรู้พื้นฐาน แต่ที่น่าสงสัยคือทำไมถึงมีต้นไม้สองประเภทมากกว่า

อันที่จริงเรดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นไม้ต้นไหนคือปลูกเองกับเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่มีอะไรมาให้เปรียบเทียบด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ต้นไม้ทุกต้นนั้นมีชีวิตเป็นของตนเอง.. พลังชีวิตพวกเขานั้นเอ่อล้นและสรรค์สร้างขึ้นมาด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘ราก’ มันเปรียบเหมือนต้นตอของแหล่งพลังชีวิตทั้งหมดของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตทั่วไปแบบเราๆ”

“เรานั้นการจะมีชีวิตอยู่ได้ต้องพึ่งพาสิ่งที่เรียกว่าสารอาหารต่างๆ แม้แต่หากปิดจมูกเราก็ยังตายได้เลย”

“ซึ่งต่างจากต้นไม้ที่พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ชีวิตของตัวเองขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยจากปัจจัยภายนอกนั่นเอง”

“และต้นไม้ที่ปลูกเองก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ พวกมันทำได้เพียงเลียนแบบแล้วก็ทำตามต้นไม้ที่เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติเท่านั้น”

เรดที่ฟังทุกอย่างเสร็จ.. เธอก็ถอนหายใจออกมา

เธอรู้ทันทีว่าเรื่องพวกนี้เป็นแค่ความเชื่อ อันที่จริงมันก็แน่ล่ะ เพราะโลกนี้ไม่ได้มีวิทยาการล้ำหน้าแบบโลกเดิมของเธอ หรือเพราะอะไรไม่มีใครทราบได้

แต่จากที่กระต่ายน้อยตัวนี้จะบอกก็คือ แม้ต้นไม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตแต่กลับสามารถผลิตพลังชีวิตตัวเองได้โดยไม่มีจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยภายนอก

เพราะงั้นมันจึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษ เพราะขนาดมนุษย์ยังต้องกิน ยังต้องการอากาศในการหายใจเลย ในขณะที่ต้นไม้ไม่ต้อง

ซึ่งในความจริงแล้วไม่ใช่ สารอาหารสำหรับต้นไม้นั้นนอกจากคาบอนไดออกไซด์ น้ำแล้วก็ออกซิเจน ยังต้องการสารออาหารจากดินอีกหลากหลายชนิด

แค่วิธีการซึมซับมันต่างจากมนุษย์หรือสัตว์ชนิดอื่นแค่นั้นเอง ถึงเรดจะไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างแต่ต้นไม้นั้นต้องการสารอาหารเหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วไปอย่างแน่นอน

ที่เธอแยกต้นไม้ปลูกกับธรรมชาติไม่ออกเพราะมันไม่ต่างกันนั่นแหละ ที่สำคัญเธอสนใจเรื่องอิกดราซิลมากกว่า

ต่อให้ทุกอย่างจะเป็นแค่ความเชื่อ แต่เธอก็อยากรู้ตำนานเล่าขานที่เกี่ยวกับอิกดราซิล ซึ่งเป็นคำที่เธอเคยได้ยินหรือเคยอ่านเจอมาก่อนในโลกเดิมของเธอ

“ช่างเรื่องนั้นไปเถอะค่ะ คุณกระต่าย.. หนูอยากรู้เรื่องอิกดราซิลค่ะ”

“ช่างเหรอ.. นี่มันเรื่องสำคัญนะ….”

กระต่ายตัวน้อยที่เห็นเรดไม่ได้สนใจแล้วเจ้าตัวก็ตกใจทันที อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นสายตาที่มุ่งมั่นอยากรู้ของสาวน้อย

กระต่ายก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ทั้งสองเริ่มคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเล่าของต้นอิกดราซิล แน่นอนว่าในขณะที่เดินไปบ้านคุณยายละนะ

“อย่างที่บอกว่าต้นไม้ธรรมชาตินั้นต่างจากต้นไม้ปลูกเอง.. แล้วทำไมมันถึงต่างล่ะ.. นั่นเพราะการดำรงอยู่ของอิกดราซิลไงล่ะ”

กระต่ายตัวน้อยว่าแล้วก็เงยคอเล็กๆ ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลซึ่งตอนนี้แม้จะถูกบดบังด้วยต้นไม้บางส่วนแต่ก็ไม่อาจบดบังความยิ่งใหญ่ของมันได้

“ท้องฟ้านั้นกว้างใหญ่แต่หาได้ไร้จุดสิ้นสุดไม่.. ว่ากันว่าเบื้องหลังท้องฟ้าที่กว้างขวางนั้นมีโลกอีกใบที่เรียกว่า ‘อิกดราซิล’ ดำรงอยู่”

“อิกดราซิลคือต้นไม้ที่ใหญ่ปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ตัวตนของมันต่างหากที่นับว่าเป็นความไร้สิ้นสุดที่ไม่สามารถค้นพบจุดสิ้นสุด”

“นั่นกล่าวคือ.. กิ่งก้านของอิกดราซิลก็แตกแยกแขนงออกเป็นกิ่งก้านที่มีมากมายนับไม่ถ้วนและสถานที่เหล่านั้นถูกเรียกขานว่า…..”

“สวรรค์”

เรดจดจำทุกคำพูดของกระต่ายตัวน้อย แต่เธอก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่านี่เกี่ยวข้องอะไรกับโลกเดิมของเธอด้วยหรือเปล่า ทั้งสองยังคงเดินไปด้วยกัน กระต่ายยังคงพูดต่อไป

“สวรรค์ คือดินแดนสำหรับทุกผู้ทุกชีวิตบนโลกเมื่อดำเนินไปจนถึงปลายทาง.. นั่นแหละคือกิ่งก้านของอิกดราซิล”

“และสำหรับโลกเหล่านั้น.. คิดว่าโลกของเราคืออะไร ทำไมถึงมีผืนแผ่นดิน ทำไมถึงมีต้นไม้ธรรมชาติและปลูกเอง ทำไมถึงมีท้องฟ้า..?”

“เหตุผลนั้นง่ายมาก.. ในทางตรงกันข้ามกับกิ่งก้านที่แตกออกอย่างไร้จุดสิ้นสุด.. ‘ราก’ ของอิกดราซิลเองก็ยาวเหยียด แทรกซ้อนเข้ากับทุกสรรพสิ่ง”

“นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่งในโลกของเรา ‘ราก’ ได้ให้กำเนิดแผ่นดินและมอบชีวิตให้กับทุกชีวิตบนโลกนี้”

“สาเหตุที่ต้นไม้ธรรมชาติสร้างพลังงานหรือพลังชีวิตขึ้นมาเองได้.. ว่ากันว่าต้นไม้ทุกต้นนั้นคือส่วนหนึ่งของ ‘รากอิกดราซิล’ นั่นเอง”

“ดังนั้นอิกดราซิลจึงเปรียบดั่งบิดามารดาแห่งทุกชีวิตบนโลกใบนี้ เปรียบเหมือนผู้ให้กำเนิดทุกสิ่งทุกอย่างจากความว่างเปล่าอย่างแท้จริง”

เมื่อฟังแบบนั้น เรดก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่าถ้างั้นหากตัดต้นไม้ก็คือการตัดต้นอิกดราซิลงั้นเหรอ.. ถ้ามันสุดยอดขนาดนั้นมนุษย์จะไปตัดได้ไงละนั่น

“เอ่อ..คือ ถ้ามันสุดยอดขนาดนั้นเราจะตัดต้นไม้ได้ไง?”

“เป็นคำถามที่ดี อย่างที่บอกว่าต้นไม้ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของอิกดราซิล แต่ก็อย่างที่บอกแค่ส่วนหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าตอนแรกฉันพูดอะไรไป?”

“….อืม…”

เรดพยายามนึกอยู่สักพักก่อนจะอุทานออกมา

“อ้อ.. รากที่สร้างพลังชีวิตได้ใช่ไหม?”

“ถูกต้อง.. ว่ากันว่ารากของต้นไม้ธรรมชาติทุกต้นนั้นเชื่อมโยงไปยังรากของอิกดราซิล ส่วนลำต้นนั้นเกิดจากผืนแผ่นดิน ท้องฟ้า อากาศบนโลกใบนี้”

“แล้วถ้าเราทำลายรากไม้จะเกิดอะไรขึ้น?”

“อาจจะเกิดภัยพิบัติขึ้นก็ได้ หรืออาจจะไม่เกิดอะไรขึ้นก็ได้เช่นกัน เพราะอย่างที่บอกต้นอิกดราซิลนั้นกว้างขวางไร้จุดสิ้นสุด บางทีอาจจะส่งผลกระทบต่ออิกดราซิล บางทีก็ไม่นั่นเอง.. และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงไม่ควรทำลายต้นไม้นั่นเอง”

เรดฟังถึงจุดนี้ก็พอเข้าใจแนวคิดของต้นอิกดราซิลในโลกนี้ขึ้นมาคร่าวๆ แล้วอย่างไรก็ตามก็ยังมีคำถามอยู่อีก

“ถ้าหากเราขุดดินไปตามรากเรื่อยๆ เราก็จะไปหาต้นอิกดราซิลได้เหรอ”

“หนูน้อย เธออ่านนิยายมากไปแล้ว อย่างที่บอกอิกดราซิลคือต้นไม้เหนือโลกแบ่งโลกและสวรรค์ออกจากกัน ไม่มีทางที่สิ่งมีชีวิตบนโลกเราจะมองเห็นหรอก”

“อ้อ.. หรือก็คือ.. ขุดต้นไม้แบบถอนรากถอนโขนไปก็ไม่เจออะไรสินะ”

“ถูกต้อง”

เรดถอนหายใจยาวเหยียด.. นั่นแหละอย่างที่เธอคิดไว้แต่แรก ไอ้นี่มันก็คือเรื่องหลอกไม่ให้คนตัดไม้ทำลายป่าดีๆ นี่เอง

ก็นะ มันคงคล้ายๆ ศาสนาในโลกเดิมของเรดนั่นแหละ ในอดีตหลายพันปีก่อนที่ไม่มีกฎหมาย ผู้คนที่ไม่อยากให้เกิดการฆ่ากันโดยเปล่าประโยชน์

จึงได้สร้างนิทาน.. ไม่สิ ศาสนาขึ้นมา บอกว่าทำชั่วอาจจะตกนรก ทำดีจะได้ขึ้นสวรรค์น่ะนะ.. เพื่อให้คนไม่ทำชั่วเพราะกลัวตกนรก

ให้ทำดีแทนเพื่อขึ้นสวรรค์

อันนี้ก็มาทางเดียวกัน ผสมผสานกับโลกที่เป็นโลกไม่ได้พัฒนาขนาดนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่จะมีเรื่องเล่าปรัมปราห้ามคนไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่าแบบนี้

แต่ก็อย่างว่า ถึงเรดจะไม่รู้ก็เถอะว่ามันเกี่ยวกับโลกเดิมเธอขนาดไหน แต่น่าจะเกี่ยวเยอะอยู่พอสมควรละมั้งนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+