Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 5

Now you are reading Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง Chapter 5 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

R/C – 1-5

บันทึกนภากับสาวน้อยปริศนา

 

เมื่อถึงจังหวะที่ต้องเอ่ยชื่อ เธอก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าครามที่โปร่งใสไม่มีแม้กระทั่งก้อนเมฆ แล้วเธอก็ชี้นิ้วไปทางท้องฟ้าที่กว้างใหญ่นั้น

เมื่อเธอทำแบบนั้นก็ทำให้เรดมึนงงอยู่พักใหญ่ เพราะทิศทางที่แม่ของเรดชี้นิ้วไป มันไม่มีอะไรนอกจากท้องฟ้า..

ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เรดได้แต่เกาหัวด้วยความงุนงงและในตอนนั้นเองแม่ของเรดเธอก็พูดชื่อนั้นขึ้นมาเบาๆ

“บันทึกนภา”

เมื่อได้ยินคำนั้นเรดก็ประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เธอรู้จักสิ่งนั้นอยู่ ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ‘บันทึกนภา’ หรือ ‘Akashic Record’ นั่นน่ะ..

แม้เรดจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้ แต่เธอก็ยังเคยเห็นผ่านตามาก่อนบ้างว่ามันเป็นหนึ่งในหัวข้อการศึกษาในวิชาเทววิทยานั่นเอง

เป็นเหมือนปรัชญาอะไรสักอย่างนั่นแหละมั้ง ตัวเรดเองก็ไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไหร่เพราะเธอไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้.. แต่ที่เธอสงสัยทำไมในโลกนี้ถึงมีบันทึกนภาอย่างอาคาชิคเรคอร์ดได้

ไม่ว่าจะเป็นความแฟนตาซีสุดแสนจะเหนือธรรมชาติ เรื่องราวที่เหมือนหลุดออกมาจากนิทานหนูน้อยหมวกแดง

หรือแม้แต่บันทึกนภาที่เป็นหนึ่งในหัวข้อศึกษาของวิชาเทววิทยายังถูกกล่าวถึง แต่ก็นะ.. ถึงจะบอกว่าเป็นหัวข้อแต่ว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่า ‘บันทึกนภา’ ในโลกเดิมของเรดนั้นก็มีสถานะเหมือนหนูน้อยหมวกแดงนั่นแหละ

แม้เธอจะไม่รู้ละเอียดว่ามันคืออะไร แต่เธอก็พอจำได้ว่าบันทึกนภาคือเป็นของวิเศษเหนือธรรมชาติที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ว่ามีอยู่จริงแต่อย่างใด

มันมีแค่การปรากฏขึ้นมาในเรื่องเล่านิทานปรัมปราเท่านั้น ดังนั้นสิ่งนั้นก็คงไม่มีอยู่จริงนั่นแหละ

แต่โลกนี้มีสิ่งเหนือธรรมชาติ มีเวทมนตร์ มีเรื่องราวที่เหมือนกับถอดแบบมาจากนิทานในโลกเดิมของเรด

ถ้าเรดไม่คิดให้นอกกรอบเข้าไว้ เกรงว่าเธออาจจะพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้

“ก็ไม่อยากจะคิดหรอกนะ.. แต่ดูเหมือนว่าโลกนี้จะมีบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับโลกเดิมฉันด้วยอย่างงั้นสินะ ?”

เรดตั้งข้อสงสัยแบบนั้นอยู่ในใจ เพราะการที่มีเรื่องราวต่างๆ ที่เหมือนอิงแบบมาจากโลกเดิมมันต้องมีทางเกี่ยวกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ซึ่งหากเรื่องนี้เป็นความจริงแล้วละก็ … สำหรับเรดนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่แย่ แต่เป็นเรื่องที่ดีกับเธอมากต่างหาก

เพราะถ้าเกี่ยวข้องกัน ก็หมายความว่าโอกาสที่จะกลับโลกเดิมได้ก็ยิ่งมากขึ้นด้วยเช่นกันนั่นเอง

“บันทึกนภา.. คืออะไรเหรอคะ?คือหนังสือที่อยู่บนท้องฟ้างั้นเหรอ?”

เพื่อที่จะมีข้อมูลเกี่ยวกับโลกแห่งนี้มากกว่าที่เป็นอยู่ เรดจึงจำเป็นต้องรู้จักไอ้เจ้าบันทึกนภามากกว่านี้ เพราะมันอาจจะเกี่ยวข้องกับการกลับคืนสู่โลกเดิมของเธอ และเพื่อที่จะหาทางกลับโลกเดิมเรดได้ตัดสินใจแล้วว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งจำเป็น

คุณแม่ของเรดดูแปลกใจกับท่าทางที่มากด้วยปัญญาของลูกสาวเล็กน้อย แม้เรดเดิมทีจะเป็นคนขี้สงสัยแบบนี้เหมือนกัน

แต่ไอ้ท่าทางครุ่นคิดแบบนั้นมันค่อนข้างที่จะแตกต่างจากเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ อย่างไรก็ตามแม่ของเรดก็ยังตอบคำถามลูกเหมือนกับอาจารย์ เพราะในโลกที่ไม่มีโรงเรียนแห่งนี้อาจารย์ที่ดีที่สุดสำหรับเด็กก็คือพ่อกับแม่

“อันที่จริง ‘บันทึกนภา’ เป็นแค่ชื่อเรียกให้คนธรรมดาอย่างเราๆ เห็นภาพขึ้นมาเฉยๆ ละนะ ส่วนเรื่องรายละเอียดของมันทุกคนล้วนไม่รู้จักแน่ชัด ไม่ว่าจะหน้าตาหรือคุณสมบัติ”

“แต่ว่ากันว่า ‘บันทึกนภา’ นั้นมีรูปร่างที่ไม่แน่นอน บางครั้งก็เป็นดิน บางครั้งก็เป็นหินหรือเป็นทราย และใครก็ตามที่สามารถเข้าถึงบันทึกนภาได้”

“พวกเขาจะสามารถรับความปรารถนาหนึ่งอย่างได้จากบันทึกนภา โดยบันทึกนภาเท่าที่แม่รู้จักเหมือนจะเป็นสิ่งที่บันทึกทุกๆ อย่างของโลกเอาไว้”

“อดีต ปัจจุบันและอนาคต หรือแม้แต่โครงสร้างของความเป็นจริง ทุกสิ่งที่ลูกเห็น ทุกสิ่งที่ลูกรู้ เพราะงั้นบันทึกนภาจึงสามารถที่จะบิดเบือนความเป็นจริงเปลี่ยนโลกได้ตามใจนั่นเอง”

“แต่ก็นะ.. ในโลกนี้ไม่มีใครเคยพบบันทึกนภามาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ จึงไม่มีใครทราบว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง แล้วหากเป็นเรื่องจริงก็ไม่มีใครทราบอีกนั่นแหละว่าจะหามันได้ยังไง”

“และแน่นอนว่าเหล่าแม่มดผู้ชั่วร้ายนั้นต่างพากันแสวงหาบันทึกนภาและเชื่อว่ามันมีอยู่จริง”

แม่ของเรดกล่าวคำอธิบายอย่างละเอียด ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เรดแปลกใจเล็กน้อยเพราะสิ่งที่เธอรู้นี่ก็ค่อนข้างละเอียดเลย

เอ๊ะ หรือว่าเป็นข้อมูลที่ทุกควรรู้งั้นเหรอ ถ้าเรดถามออกไปแบบนี้จะแปลกไหมเนี่ย ?เธอเหงื่อตกเล็กน้อยพลางหันขึ้นไปมองผู้เป็นแม่ แต่คนเป็นแม่ก็ไม่ได้แสดงความผิดปกติหรือสงสัยต่อคำถามเรดเลย ทำให้เรดถอนหายใจอย่างโล่งอก

ในขณะที่คุยเรื่อยเปื่อยกับแม่อยู่ ก็เดินทางเข้ามาถึงเมืองแล้ว.. เมืองค่อนข้างเล็กหากจะเรียกมันว่าเป็นเมืองละก็นะ แต่หากจะเรียกว่าเป็นหมู่บ้านก็คงใหญ่เกินไปอีกเช่นกัน

ที่นี่พึ่งจะได้รับอิทธิพลมาจากทางประเทศทำให้หมู่บ้านที่เคยเล็กๆ ถูกต่อเติมขยายกว้างออกไปกว่าเดิมจึงเริ่มกลายเป็นเมืองใหญ่ไปอย่างช้าๆ

แม่ของเรดก็จับมือเรดเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อของ และการเดินตลาดครั้งแรกในต่างโลกของเรดก็เริ่มขึ้น สำหรับเธอนี่ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิตก่อนของเธอเลย

จริงอยู่ที่โลกเดิมเธอจะมีตลาดหรืออะไรแบบนั้น แต่ก็ยากจะเห็นบรรยากาศแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแผงลอย หรือผู้คนที่เดินกันเต็มไปหมดเหมือนกับที่นี่มีตลาดอยู่ตลอดทั้งตอนเช้า กลางวันและเย็น

และเมื่อพวกเธอสองแม่ลูกปรากฏตัวขึ้นทุกคนที่หันมาเห็นทั้งคู่ พวกเขาพากันทักทายอย่างเป็นมิตร

“ว่าไง มาซื้อของงั้นเหรอ?”

“ไม่เห็นหน้าเห็นตามาเป็นเดือนแล้วใช่ไหมเนี่ย อาหารที่บ้านเหลือกินเหรอ?”

“ขนมปังที่หนูน้อยหมวกแดงลูกเธอชอบยังเหลือเยอะอยู่นะ สนใจไหม?”

ทุกคนทักทายแม่ของเรดอย่างเป็นมิตร ราวกับรู้จักกันมานานและมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีมากในระดับหนึ่ง

แต่ในทางตรงกันข้ามแม่ของเรดกลับดูไม่คุ้นชินกับคนอื่นสักเท่าไหร่เธอได้เพียงแค่พยักหน้าตอบด้วยคำว่า ‘ค่ะ’ เพียงเท่านั้นแถมยังทำตัวไม่ค่อยถูกกับการถูกทักทายอย่างสนิทสนมแบบนั้นอีกด้วย

เรดพอจะเข้าใจคนเป็นแม่ตรงหน้านี้ขึ้นมาอีกนิดแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนที่มีนิสัยเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยเก่ง

แต่ในทางตรงกันข้ามคนอื่นกลับรู้สึกถูกคอกับเธอมากสินะ ภาพตอนนี้มันก็เหมือนตอนที่เดินผ่านทุ่งนาข้าวมาเลยไม่มีผิด ในขณะที่คุณแม่ของเรดกำลังพูดคุยกับเหล่าเพื่อนที่อยู่ในเมืองเรดก็หันซ้ายหันขวาดูไปเรื่อย

แถวนี้มีทั้งร้านอาหารปิ้งย่างที่ส่งกลิ่นหอม รวมถึงคนที่นั่งปู่ผ้าบนพื้นแล้วก็วางของเก่าขายอยู่บนผ้า

แต่ในตอนนั้นเองขณะที่เรดกวาดสายตาผ่านคนที่นั่งปูเสื่อขายตามพื้น สายตาเรดก็ไปหยุดอยู่ที่หนึ่งคือตรงนั้นไม่ได้มีอะไรวางอยู่บนผ้าปูเลย

นอกจากคนที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านซึ่งนั่งอยู่บนผ้า และไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญแบบไหนสายตาของเจ้าของร้านนั้นก็จ้องมาที่เรดเช่นเดียวกัน

เจ้าของร้านสวมผ้าคลุมปิดหน้าปิดตา แต่เห็นชัดเจนว่ามีขนาดร่างกายที่ค่อนข้างเล็กเหมือนเด็กอายุไม่ต่างจากเธอ

แต่เมื่อสายตาของเรดกับคนนั้นผสานกันเรดก็รู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก จู่ๆ เสียงของเด็กผู้หญิงก็ลอยเข้าหูของเธอ

ซึ่งเป็นเสียงที่แปลกประหลาดและน่าฉงนอย่างถึงที่สุด เรดเดาว่าน่าจะเป็นเสียงของคนที่เธอสบตา แต่เสียงนั้นแปลกประหลาดมากมันดังขึ้นข้างหูราวกับถูกกระซิบอยู่ใกล้ๆ หูเลยล่ะ ทั้งที่ห่างออกไปพอสมควรแท้ๆ?

“เธอตรงนั้นน่ะ สนใจจะดูดวงกับฉันไหม?”

เรดไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องดวงชะตา.. แต่เอาเข้าจริงถ้ามีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติแบบนี้เกิดขึ้นเธอก็คงอยากจะเชื่อขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ

แต่แน่นอนว่าถึงจะเป็นแบบนั้นก็ตามแต่ สำหรับเรด ทัศนคติที่มีต่อการดูดวงก็ยังเป็นการเดานั่นแหละ เธอจึงไม่ได้สนใจแต่ทว่ามือของเธอดันปล่อยกับมือคนเป็นแม่ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

และเมื่อรู้ตัวอีกทีเธอก็นั่งอยู่ต่อหน้าหญิงสาวลึกลับที่เป็นนักดูดวงคนนั้นแล้ว.. แถมภายใต้ผ้าคลุมเหมือนเรดสัมผัสได้ว่าเธอกำลังยิ้มอยู่

“ยกมือขึ้นมาสิ..”

อย่างที่เรดคิดจริงๆ ภายใต้ผ้าคลุมหัวนั้นเป็นเสียงของเด็กผู้หญิงที่กระซิบหูเธอเมื่อครู่จริงๆ เรดพูดตอบและถอยออกจากผ้าปู

“ฉันไม่มีตังให้เธอต้มตุ๋นหรอกนะ”

เธอไม่คล้อยตามอีกฝ่ายและถอยออกมา แต่อีกฝ่ายกลับยกมือขึ้นมาคว้าแขนของเรดเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับกล่าวขึ้น

“ฉันดูให้ฟรี”

“ฟรี..?”

เรดหันมองไปรอบด้านแต่ไม่มีคนสนใจสิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนี้ทำเลย.. เรดรู้ทันทีว่าผู้หญิงนิรนามคนนี้จะใช้เธอเพื่อดึงดูดลูกค้า

เพราะงั้นถึงจะดูดวงให้ฟรี.. แรกเริ่มเดิมทีเรดก็ไม่สนใจอยู่แล้วแต่เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธในเมื่ออีกฝ่ายพูดเองว่าฟรี เมื่อคิดสิ่งต่างๆ แล้วเธอจึงนั่งลงเหมือนเดิมและยกมือขึ้น

ใต้ผ้าคลุมเรดสัมผัสได้ว่าที่ริมฝีปากอีกฝ่ายยังคงมีรอยยิ้มบางๆ อยู่เธอจับมือของเรดและวางมือตัวเองลงบนมือของเรด

หลังมือของผู้หญิงคนนี้ไม่ถูกผ้าปิดไว้ก็ทำให้เรดประหลาดใจเล็กน้อย ผิวของเธอคนนี้นั้นดูนุ่มลื่นมีเสน่ห์ มันขาวผุดผ่องสะอาดสะอ้านน่าจะปกป้อง ดูราวกับเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงเป็นไข่ในหินเสียยิ่งกว่าเธอในร่างนี้ซะอีก

ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่พวกคนที่อยู่ในเมืองเล็กๆ แบบนี้ น่าจะเป็นพวกลูกคุณหนูด้วยซ้ำ แต่คำถามคือทำไมคุณหนูถึงมาเป็นนักดูดวงล่ะ ?เรดไม่สามารถหาคำตอบเหล่านี้ได้

ผ่านไปไม่นานหญิงสาวคนนั้นก็ยกมือออกจากมือของเรดก่อนที่เธอจะพึมพำออกมาจากปากเบาๆ

“เธอเชื่อเรื่องโชคชะตาพระเจ้ากำหนดไหม ?”

“…..”

“เธอคิดว่า อดีต ปัจจุบันและอนาคต อะไรคือความจริง อะไรคือของปลอม อะไรเกิดขึ้นก่อนหรือเกิดขึ้นหลัง ?”

“จะดูดวงให้ฉันไม่ใช่หรือไง ? คำถามพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกัน ?”

“….”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องมาทางตัวเองโดยไม่ละสายตา เรดก็สูดลมหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น

“ฉันไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า.. และถ้าถามว่าอดีต ปัจจุบันและอนาคตอะไรเกิดก่อน.. อดีตก็ต้องมาก่อน ปัจจุบันคือสิ่งที่เป็นอยู่ อนาคตไม่สามารถคาดเดาได้”

“แล้วถ้าฉันบอกว่าพระเจ้ามีอยู่จริง และทุกอย่างไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันหรืออนาคตล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน มันเกิดขึ้นพร้อมกัน อนาคตนั้นกำหนดอดีต และอดีตก็กำหนดอนาคต ปัจจุบันเป็นตัวบ่งชี้ว่าอดีตควรจะเป็นแบบไหน อนาคตควรจะเป็นอย่างไร เธอจะเชื่อฉันไหม ?”

“หมายความว่าไง..?”

เธอไม่ได้ฉลาดพอที่จะคุยปรัชญากาลเวลากับคนตรงหน้าได้ เธอมีเพียงแต่ความงุนงง

“สักวันเธอจะเข้าใจสิ่งที่ฉันพูด.. ปัจจุบันคือตัวกำหนดอดีต.. และอนาคตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกัน”

“คำทำนายของเธอออกมาแล้ว.. ก่อนจะเข้าใจโลก ลองเข้าใจตัวเองดูก่อน.. ทุกอย่างล้วนเต็มไปด้วยคำหลอกลวง.. สักวันเธอจะตื่นจากคำหลอกลวงสู่ความจริงแท้”

เธอคนนั้นค่อยๆ พูดอธิบาย ก่อนที่จะยกมือขึ้นเปิดผ้าที่คลุมอยู่ออกจากหัว ใบหน้าที่เยาว์วัยปรากฏขึ้นและเธอผมสีดำยาวเงางาม ดวงตาสีดำสนิทแต่กลับบริสุทธิ์ไร้ความชั่วร้ายเจือปน ทว่ารอยยิ้มที่ริมฝีปากนั้นดูเหมือนกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่มิอาจอ่านออกโผล่ขึ้น

“ละครบทแรกได้เริ่มต้นแล้วนะ”

เสียงอ่อนหวานของเธอดังขึ้นพร้อมทั้งความงดงามของผู้หญิงตรงหน้าทำให้เรดงุนงงไปพักหนึ่ง แต่ในขณะที่เรดกำลังสับสนด้านหลังก็มีเสียงของแม่เธอดังขึ้น

“เรด ลูกมาทำอะไรอยู่ตรงนี้!”

เธอรีบเดินมาคว้ามือเรดเอาไว้ทันที เพราะกลัวลูกสาวจะถูกลักพาตัวไปที่ไหนก็ไม่รู้ได้.. เรดเองก็หันไปหาแม่พร้อมเสียงเรียกเธอก็ยกนิ้วชี้

“เอ่อ.. พอดีหนูมาดูดวงกับคนนี้ เขาบอกว่าดูฟรีน่ะ.. หนูก็เลย..”

“พูดอะไรน่ะ..”

แม่เธองุนงงเล็กน้อยจากคำพูดของลูกสาว ทำให้เรดหันกลับไปหาผู้หญิงผมสีดำพร้อมกับกำลังจะยกมือขึ้นไปบอกว่าอยู่ตรงนี้… แต่ตรงหน้าเธอกลับไม่พบใครเลยอีกทั้งที่ที่เรดเคยนั่งก็ไม่มีผ้าปูมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ราวกับทุกอย่างเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา

มีเพียงพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น.. ก่อนที่แม่ของเธอจึงดึงเธอจากไปพร้อมกับความสับสนที่เกิดขึ้นอยู่ในใจของเธอ และเมื่อดูที่กระโปรงของเธอแล้ว..

จะไม่พบฝุ่นใดๆ ที่ติดอยู่บนกระโปรงของเธอเลย

เหมือนกับว่าเธอไม่ได้นั่งลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นเลย..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 5

Now you are reading Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง Chapter 5 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

R/C – 1-5

บันทึกนภากับสาวน้อยปริศนา

 

เมื่อถึงจังหวะที่ต้องเอ่ยชื่อ เธอก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าครามที่โปร่งใสไม่มีแม้กระทั่งก้อนเมฆ แล้วเธอก็ชี้นิ้วไปทางท้องฟ้าที่กว้างใหญ่นั้น

เมื่อเธอทำแบบนั้นก็ทำให้เรดมึนงงอยู่พักใหญ่ เพราะทิศทางที่แม่ของเรดชี้นิ้วไป มันไม่มีอะไรนอกจากท้องฟ้า..

ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เรดได้แต่เกาหัวด้วยความงุนงงและในตอนนั้นเองแม่ของเรดเธอก็พูดชื่อนั้นขึ้นมาเบาๆ

“บันทึกนภา”

เมื่อได้ยินคำนั้นเรดก็ประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เธอรู้จักสิ่งนั้นอยู่ ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ‘บันทึกนภา’ หรือ ‘Akashic Record’ นั่นน่ะ..

แม้เรดจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้ แต่เธอก็ยังเคยเห็นผ่านตามาก่อนบ้างว่ามันเป็นหนึ่งในหัวข้อการศึกษาในวิชาเทววิทยานั่นเอง

เป็นเหมือนปรัชญาอะไรสักอย่างนั่นแหละมั้ง ตัวเรดเองก็ไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไหร่เพราะเธอไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้.. แต่ที่เธอสงสัยทำไมในโลกนี้ถึงมีบันทึกนภาอย่างอาคาชิคเรคอร์ดได้

ไม่ว่าจะเป็นความแฟนตาซีสุดแสนจะเหนือธรรมชาติ เรื่องราวที่เหมือนหลุดออกมาจากนิทานหนูน้อยหมวกแดง

หรือแม้แต่บันทึกนภาที่เป็นหนึ่งในหัวข้อศึกษาของวิชาเทววิทยายังถูกกล่าวถึง แต่ก็นะ.. ถึงจะบอกว่าเป็นหัวข้อแต่ว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่า ‘บันทึกนภา’ ในโลกเดิมของเรดนั้นก็มีสถานะเหมือนหนูน้อยหมวกแดงนั่นแหละ

แม้เธอจะไม่รู้ละเอียดว่ามันคืออะไร แต่เธอก็พอจำได้ว่าบันทึกนภาคือเป็นของวิเศษเหนือธรรมชาติที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ว่ามีอยู่จริงแต่อย่างใด

มันมีแค่การปรากฏขึ้นมาในเรื่องเล่านิทานปรัมปราเท่านั้น ดังนั้นสิ่งนั้นก็คงไม่มีอยู่จริงนั่นแหละ

แต่โลกนี้มีสิ่งเหนือธรรมชาติ มีเวทมนตร์ มีเรื่องราวที่เหมือนกับถอดแบบมาจากนิทานในโลกเดิมของเรด

ถ้าเรดไม่คิดให้นอกกรอบเข้าไว้ เกรงว่าเธออาจจะพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้

“ก็ไม่อยากจะคิดหรอกนะ.. แต่ดูเหมือนว่าโลกนี้จะมีบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับโลกเดิมฉันด้วยอย่างงั้นสินะ ?”

เรดตั้งข้อสงสัยแบบนั้นอยู่ในใจ เพราะการที่มีเรื่องราวต่างๆ ที่เหมือนอิงแบบมาจากโลกเดิมมันต้องมีทางเกี่ยวกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ซึ่งหากเรื่องนี้เป็นความจริงแล้วละก็ … สำหรับเรดนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่แย่ แต่เป็นเรื่องที่ดีกับเธอมากต่างหาก

เพราะถ้าเกี่ยวข้องกัน ก็หมายความว่าโอกาสที่จะกลับโลกเดิมได้ก็ยิ่งมากขึ้นด้วยเช่นกันนั่นเอง

“บันทึกนภา.. คืออะไรเหรอคะ?คือหนังสือที่อยู่บนท้องฟ้างั้นเหรอ?”

เพื่อที่จะมีข้อมูลเกี่ยวกับโลกแห่งนี้มากกว่าที่เป็นอยู่ เรดจึงจำเป็นต้องรู้จักไอ้เจ้าบันทึกนภามากกว่านี้ เพราะมันอาจจะเกี่ยวข้องกับการกลับคืนสู่โลกเดิมของเธอ และเพื่อที่จะหาทางกลับโลกเดิมเรดได้ตัดสินใจแล้วว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งจำเป็น

คุณแม่ของเรดดูแปลกใจกับท่าทางที่มากด้วยปัญญาของลูกสาวเล็กน้อย แม้เรดเดิมทีจะเป็นคนขี้สงสัยแบบนี้เหมือนกัน

แต่ไอ้ท่าทางครุ่นคิดแบบนั้นมันค่อนข้างที่จะแตกต่างจากเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ อย่างไรก็ตามแม่ของเรดก็ยังตอบคำถามลูกเหมือนกับอาจารย์ เพราะในโลกที่ไม่มีโรงเรียนแห่งนี้อาจารย์ที่ดีที่สุดสำหรับเด็กก็คือพ่อกับแม่

“อันที่จริง ‘บันทึกนภา’ เป็นแค่ชื่อเรียกให้คนธรรมดาอย่างเราๆ เห็นภาพขึ้นมาเฉยๆ ละนะ ส่วนเรื่องรายละเอียดของมันทุกคนล้วนไม่รู้จักแน่ชัด ไม่ว่าจะหน้าตาหรือคุณสมบัติ”

“แต่ว่ากันว่า ‘บันทึกนภา’ นั้นมีรูปร่างที่ไม่แน่นอน บางครั้งก็เป็นดิน บางครั้งก็เป็นหินหรือเป็นทราย และใครก็ตามที่สามารถเข้าถึงบันทึกนภาได้”

“พวกเขาจะสามารถรับความปรารถนาหนึ่งอย่างได้จากบันทึกนภา โดยบันทึกนภาเท่าที่แม่รู้จักเหมือนจะเป็นสิ่งที่บันทึกทุกๆ อย่างของโลกเอาไว้”

“อดีต ปัจจุบันและอนาคต หรือแม้แต่โครงสร้างของความเป็นจริง ทุกสิ่งที่ลูกเห็น ทุกสิ่งที่ลูกรู้ เพราะงั้นบันทึกนภาจึงสามารถที่จะบิดเบือนความเป็นจริงเปลี่ยนโลกได้ตามใจนั่นเอง”

“แต่ก็นะ.. ในโลกนี้ไม่มีใครเคยพบบันทึกนภามาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ จึงไม่มีใครทราบว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง แล้วหากเป็นเรื่องจริงก็ไม่มีใครทราบอีกนั่นแหละว่าจะหามันได้ยังไง”

“และแน่นอนว่าเหล่าแม่มดผู้ชั่วร้ายนั้นต่างพากันแสวงหาบันทึกนภาและเชื่อว่ามันมีอยู่จริง”

แม่ของเรดกล่าวคำอธิบายอย่างละเอียด ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เรดแปลกใจเล็กน้อยเพราะสิ่งที่เธอรู้นี่ก็ค่อนข้างละเอียดเลย

เอ๊ะ หรือว่าเป็นข้อมูลที่ทุกควรรู้งั้นเหรอ ถ้าเรดถามออกไปแบบนี้จะแปลกไหมเนี่ย ?เธอเหงื่อตกเล็กน้อยพลางหันขึ้นไปมองผู้เป็นแม่ แต่คนเป็นแม่ก็ไม่ได้แสดงความผิดปกติหรือสงสัยต่อคำถามเรดเลย ทำให้เรดถอนหายใจอย่างโล่งอก

ในขณะที่คุยเรื่อยเปื่อยกับแม่อยู่ ก็เดินทางเข้ามาถึงเมืองแล้ว.. เมืองค่อนข้างเล็กหากจะเรียกมันว่าเป็นเมืองละก็นะ แต่หากจะเรียกว่าเป็นหมู่บ้านก็คงใหญ่เกินไปอีกเช่นกัน

ที่นี่พึ่งจะได้รับอิทธิพลมาจากทางประเทศทำให้หมู่บ้านที่เคยเล็กๆ ถูกต่อเติมขยายกว้างออกไปกว่าเดิมจึงเริ่มกลายเป็นเมืองใหญ่ไปอย่างช้าๆ

แม่ของเรดก็จับมือเรดเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อของ และการเดินตลาดครั้งแรกในต่างโลกของเรดก็เริ่มขึ้น สำหรับเธอนี่ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิตก่อนของเธอเลย

จริงอยู่ที่โลกเดิมเธอจะมีตลาดหรืออะไรแบบนั้น แต่ก็ยากจะเห็นบรรยากาศแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแผงลอย หรือผู้คนที่เดินกันเต็มไปหมดเหมือนกับที่นี่มีตลาดอยู่ตลอดทั้งตอนเช้า กลางวันและเย็น

และเมื่อพวกเธอสองแม่ลูกปรากฏตัวขึ้นทุกคนที่หันมาเห็นทั้งคู่ พวกเขาพากันทักทายอย่างเป็นมิตร

“ว่าไง มาซื้อของงั้นเหรอ?”

“ไม่เห็นหน้าเห็นตามาเป็นเดือนแล้วใช่ไหมเนี่ย อาหารที่บ้านเหลือกินเหรอ?”

“ขนมปังที่หนูน้อยหมวกแดงลูกเธอชอบยังเหลือเยอะอยู่นะ สนใจไหม?”

ทุกคนทักทายแม่ของเรดอย่างเป็นมิตร ราวกับรู้จักกันมานานและมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีมากในระดับหนึ่ง

แต่ในทางตรงกันข้ามแม่ของเรดกลับดูไม่คุ้นชินกับคนอื่นสักเท่าไหร่เธอได้เพียงแค่พยักหน้าตอบด้วยคำว่า ‘ค่ะ’ เพียงเท่านั้นแถมยังทำตัวไม่ค่อยถูกกับการถูกทักทายอย่างสนิทสนมแบบนั้นอีกด้วย

เรดพอจะเข้าใจคนเป็นแม่ตรงหน้านี้ขึ้นมาอีกนิดแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนที่มีนิสัยเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยเก่ง

แต่ในทางตรงกันข้ามคนอื่นกลับรู้สึกถูกคอกับเธอมากสินะ ภาพตอนนี้มันก็เหมือนตอนที่เดินผ่านทุ่งนาข้าวมาเลยไม่มีผิด ในขณะที่คุณแม่ของเรดกำลังพูดคุยกับเหล่าเพื่อนที่อยู่ในเมืองเรดก็หันซ้ายหันขวาดูไปเรื่อย

แถวนี้มีทั้งร้านอาหารปิ้งย่างที่ส่งกลิ่นหอม รวมถึงคนที่นั่งปู่ผ้าบนพื้นแล้วก็วางของเก่าขายอยู่บนผ้า

แต่ในตอนนั้นเองขณะที่เรดกวาดสายตาผ่านคนที่นั่งปูเสื่อขายตามพื้น สายตาเรดก็ไปหยุดอยู่ที่หนึ่งคือตรงนั้นไม่ได้มีอะไรวางอยู่บนผ้าปูเลย

นอกจากคนที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านซึ่งนั่งอยู่บนผ้า และไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญแบบไหนสายตาของเจ้าของร้านนั้นก็จ้องมาที่เรดเช่นเดียวกัน

เจ้าของร้านสวมผ้าคลุมปิดหน้าปิดตา แต่เห็นชัดเจนว่ามีขนาดร่างกายที่ค่อนข้างเล็กเหมือนเด็กอายุไม่ต่างจากเธอ

แต่เมื่อสายตาของเรดกับคนนั้นผสานกันเรดก็รู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก จู่ๆ เสียงของเด็กผู้หญิงก็ลอยเข้าหูของเธอ

ซึ่งเป็นเสียงที่แปลกประหลาดและน่าฉงนอย่างถึงที่สุด เรดเดาว่าน่าจะเป็นเสียงของคนที่เธอสบตา แต่เสียงนั้นแปลกประหลาดมากมันดังขึ้นข้างหูราวกับถูกกระซิบอยู่ใกล้ๆ หูเลยล่ะ ทั้งที่ห่างออกไปพอสมควรแท้ๆ?

“เธอตรงนั้นน่ะ สนใจจะดูดวงกับฉันไหม?”

เรดไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องดวงชะตา.. แต่เอาเข้าจริงถ้ามีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติแบบนี้เกิดขึ้นเธอก็คงอยากจะเชื่อขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ

แต่แน่นอนว่าถึงจะเป็นแบบนั้นก็ตามแต่ สำหรับเรด ทัศนคติที่มีต่อการดูดวงก็ยังเป็นการเดานั่นแหละ เธอจึงไม่ได้สนใจแต่ทว่ามือของเธอดันปล่อยกับมือคนเป็นแม่ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

และเมื่อรู้ตัวอีกทีเธอก็นั่งอยู่ต่อหน้าหญิงสาวลึกลับที่เป็นนักดูดวงคนนั้นแล้ว.. แถมภายใต้ผ้าคลุมเหมือนเรดสัมผัสได้ว่าเธอกำลังยิ้มอยู่

“ยกมือขึ้นมาสิ..”

อย่างที่เรดคิดจริงๆ ภายใต้ผ้าคลุมหัวนั้นเป็นเสียงของเด็กผู้หญิงที่กระซิบหูเธอเมื่อครู่จริงๆ เรดพูดตอบและถอยออกจากผ้าปู

“ฉันไม่มีตังให้เธอต้มตุ๋นหรอกนะ”

เธอไม่คล้อยตามอีกฝ่ายและถอยออกมา แต่อีกฝ่ายกลับยกมือขึ้นมาคว้าแขนของเรดเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับกล่าวขึ้น

“ฉันดูให้ฟรี”

“ฟรี..?”

เรดหันมองไปรอบด้านแต่ไม่มีคนสนใจสิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนี้ทำเลย.. เรดรู้ทันทีว่าผู้หญิงนิรนามคนนี้จะใช้เธอเพื่อดึงดูดลูกค้า

เพราะงั้นถึงจะดูดวงให้ฟรี.. แรกเริ่มเดิมทีเรดก็ไม่สนใจอยู่แล้วแต่เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธในเมื่ออีกฝ่ายพูดเองว่าฟรี เมื่อคิดสิ่งต่างๆ แล้วเธอจึงนั่งลงเหมือนเดิมและยกมือขึ้น

ใต้ผ้าคลุมเรดสัมผัสได้ว่าที่ริมฝีปากอีกฝ่ายยังคงมีรอยยิ้มบางๆ อยู่เธอจับมือของเรดและวางมือตัวเองลงบนมือของเรด

หลังมือของผู้หญิงคนนี้ไม่ถูกผ้าปิดไว้ก็ทำให้เรดประหลาดใจเล็กน้อย ผิวของเธอคนนี้นั้นดูนุ่มลื่นมีเสน่ห์ มันขาวผุดผ่องสะอาดสะอ้านน่าจะปกป้อง ดูราวกับเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงเป็นไข่ในหินเสียยิ่งกว่าเธอในร่างนี้ซะอีก

ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่พวกคนที่อยู่ในเมืองเล็กๆ แบบนี้ น่าจะเป็นพวกลูกคุณหนูด้วยซ้ำ แต่คำถามคือทำไมคุณหนูถึงมาเป็นนักดูดวงล่ะ ?เรดไม่สามารถหาคำตอบเหล่านี้ได้

ผ่านไปไม่นานหญิงสาวคนนั้นก็ยกมือออกจากมือของเรดก่อนที่เธอจะพึมพำออกมาจากปากเบาๆ

“เธอเชื่อเรื่องโชคชะตาพระเจ้ากำหนดไหม ?”

“…..”

“เธอคิดว่า อดีต ปัจจุบันและอนาคต อะไรคือความจริง อะไรคือของปลอม อะไรเกิดขึ้นก่อนหรือเกิดขึ้นหลัง ?”

“จะดูดวงให้ฉันไม่ใช่หรือไง ? คำถามพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกัน ?”

“….”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องมาทางตัวเองโดยไม่ละสายตา เรดก็สูดลมหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น

“ฉันไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า.. และถ้าถามว่าอดีต ปัจจุบันและอนาคตอะไรเกิดก่อน.. อดีตก็ต้องมาก่อน ปัจจุบันคือสิ่งที่เป็นอยู่ อนาคตไม่สามารถคาดเดาได้”

“แล้วถ้าฉันบอกว่าพระเจ้ามีอยู่จริง และทุกอย่างไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันหรืออนาคตล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน มันเกิดขึ้นพร้อมกัน อนาคตนั้นกำหนดอดีต และอดีตก็กำหนดอนาคต ปัจจุบันเป็นตัวบ่งชี้ว่าอดีตควรจะเป็นแบบไหน อนาคตควรจะเป็นอย่างไร เธอจะเชื่อฉันไหม ?”

“หมายความว่าไง..?”

เธอไม่ได้ฉลาดพอที่จะคุยปรัชญากาลเวลากับคนตรงหน้าได้ เธอมีเพียงแต่ความงุนงง

“สักวันเธอจะเข้าใจสิ่งที่ฉันพูด.. ปัจจุบันคือตัวกำหนดอดีต.. และอนาคตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกัน”

“คำทำนายของเธอออกมาแล้ว.. ก่อนจะเข้าใจโลก ลองเข้าใจตัวเองดูก่อน.. ทุกอย่างล้วนเต็มไปด้วยคำหลอกลวง.. สักวันเธอจะตื่นจากคำหลอกลวงสู่ความจริงแท้”

เธอคนนั้นค่อยๆ พูดอธิบาย ก่อนที่จะยกมือขึ้นเปิดผ้าที่คลุมอยู่ออกจากหัว ใบหน้าที่เยาว์วัยปรากฏขึ้นและเธอผมสีดำยาวเงางาม ดวงตาสีดำสนิทแต่กลับบริสุทธิ์ไร้ความชั่วร้ายเจือปน ทว่ารอยยิ้มที่ริมฝีปากนั้นดูเหมือนกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่มิอาจอ่านออกโผล่ขึ้น

“ละครบทแรกได้เริ่มต้นแล้วนะ”

เสียงอ่อนหวานของเธอดังขึ้นพร้อมทั้งความงดงามของผู้หญิงตรงหน้าทำให้เรดงุนงงไปพักหนึ่ง แต่ในขณะที่เรดกำลังสับสนด้านหลังก็มีเสียงของแม่เธอดังขึ้น

“เรด ลูกมาทำอะไรอยู่ตรงนี้!”

เธอรีบเดินมาคว้ามือเรดเอาไว้ทันที เพราะกลัวลูกสาวจะถูกลักพาตัวไปที่ไหนก็ไม่รู้ได้.. เรดเองก็หันไปหาแม่พร้อมเสียงเรียกเธอก็ยกนิ้วชี้

“เอ่อ.. พอดีหนูมาดูดวงกับคนนี้ เขาบอกว่าดูฟรีน่ะ.. หนูก็เลย..”

“พูดอะไรน่ะ..”

แม่เธองุนงงเล็กน้อยจากคำพูดของลูกสาว ทำให้เรดหันกลับไปหาผู้หญิงผมสีดำพร้อมกับกำลังจะยกมือขึ้นไปบอกว่าอยู่ตรงนี้… แต่ตรงหน้าเธอกลับไม่พบใครเลยอีกทั้งที่ที่เรดเคยนั่งก็ไม่มีผ้าปูมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ราวกับทุกอย่างเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา

มีเพียงพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น.. ก่อนที่แม่ของเธอจึงดึงเธอจากไปพร้อมกับความสับสนที่เกิดขึ้นอยู่ในใจของเธอ และเมื่อดูที่กระโปรงของเธอแล้ว..

จะไม่พบฝุ่นใดๆ ที่ติดอยู่บนกระโปรงของเธอเลย

เหมือนกับว่าเธอไม่ได้นั่งลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นเลย..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+