Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 9
R/C – 1-9
สัตว์แสงจันทร์
ในขณะที่เดินในป่าเพื่อไปบ้านคุณยายนั้น เรดก็ยังคงพูดคุยกับคุณผีเสื้อตัวน้อยที่กำลังถามถึงสารทุกข์สุกดิบของเธอว่าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง มีความสุขกับชีวิตบ้างไหม เหมือนกำลังพยายามจะขายประกันชีวิตยังงั้นแหละ
ซึ่งแน่นอนว่าเรดก็ตอบแบบปัดๆ ไป
“แม่ของเธอทำอาหารไม่อร่อยเหรอ แต่ฉันทำอาหารอร่อยนะจะบอกให้”
“ไม่ๆ เธอเป็นผีเสื้อไม่ใช่เหรอ ผีเสื้อก็ต้องดูดน้ำหวานจากดอกไม้เฉยๆ ไม่ใช่หรือไงล่ะ?”
“การดูดน้ำหวานมันก็วิธีปรุงของมันนะเออ!”
“เอ๊ะ.. งั้นเหรอ”
เรดดูประหลาดใจเล็กน้อย เหมือนว่าคุณผีเสื้อตัวน้อยก็จะมีวิธีปรุงอาหารในแบบของตัวเองเฉยเลย
โลกนี้จะแปลกประหลาดไปถึงไหนกันนะ หรือว่าที่โลกเดิมของเธอคุณผีเสื้อก็มีวิธีปรุงในแบบของตัวเหมือนกันนะ เพราะในโลกเดิมผีเสื้อพูดไม่ได้สักหน่อยเลยไม่มีทางรู้หรอก
พอคิดไปคิดมาอยู่นั้นเรดก็อดที่จะขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อวันก่อนเธอยังคงอยู่ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีทั้งเวทมนตร์ สิ่งเหนือธรรมชาติ เอาเข้าจริงสิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้ล้วนเป็นไปไม่ได้ในแง่มุมของวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ
แต่ทว่าตอนนี้ทั้งผีเสื้อพูดได้ และเวทมนตร์ที่ทำให้คนเหาะเหินเดินอากาศได้มันช่างอยู่เหนือความเข้าใจของเรดเมื่อสองวันก่อนเหลือเกิน.. หากมีคนมาบอกว่าในวันพรุ่งนี้เธอจะไปต่างโลก เธอคงไม่เชื่อหรอก
“จะว่าไป คุณผีเสื้อตัวน้อยทำไมมาอยู่แถวนี้เหรอ ไม่ไปหาน้ำหวานเหรอ?”
“นั่นสินะ.. ตอนนี้ฉันเป็นนักสำรวจน่ะ เลยไม่ต้องหาน้ำหวาน”
“…มีแบบนั้นด้วยเหรอ”
“ใช่สิ เธออาจจะไม่รู้นะ ผีเสื้อแบบเราๆ ก็มีงานการนะจะบอกให้ ยกตัวอย่างแบบฉันคือผีเสื้อนักสำรวจยังไงล่ะ เพื่อที่จะหาสวนน้ำหวานดีๆ ฉันจึงต้องไปสำรวจสถานที่ใหม่ๆ ไงล่ะ”
“… ทำไมผีเสื้อดูฉลาดจัง”
“ชะ.. ช่างเรื่องยิบย่อยไปเถอะน่า ขนาดฉันยังพูดได้เลย!”
“อื้มมม”
เรดแตะคางครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าพร้อมตอบว่า “นั่นสินะ ขนาดคุณผีเสื้อยังพูดได้เลย คงปกติละมั้ง?”
“แต่ว่านะ คุณผีเสื้อเมื่อกี้ยังบอกจะพาฉันไปสวนดอกไม้ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าต้องสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ เหรอ?”
“ก็.. ก็แบบ.. เอ่อ.. จริงสิ ฉันพึ่งเจอสวนใหม่ยังไงล่ะ!”
“หืมม…”
เรดจ้องคุณผีเสื้อเขม็ง ผีเสื้อก็เหมือนจะดูกังวลด้วย.. คำโกหกยิ่งโกหกจะยิ่งจะทำให้คำโกหกชัดเจนขึ้นเพราะถ้าจะโกหกไปเรื่อยยังไงก็ต้องไม่มีความสมเหตุสมผลตามมาด้วยแน่ๆ
แต่ก็นะคุณผีเสื้อคงมีเหตุผลที่ไม่อยากบอกความจริงละมั้ง หรือคุณผีเสื้อก็อาจจะเป็นพรรคพวกกับหมาป่าก็ได้นะ
ถึงนิทานจะไม่ได้บอกไว้แบบนั้นก็ตาม แต่เรดก็ทิ้งความเป็นไปได้นั้นไปไม่ได้เช่นกัน ในขณะที่ตกอยู่ในความคิดนั้นเอง
“อ่าว หนูน้อยหมวกแดงตรงนั้นน่ะ จะไปไหนเหรอจ๊ะ?”
ด้านขวามือก็มีเสียงดังขึ้น ทำให้เรดหันไปทางต้นเสียงและมองต่ำลงไปก็มีสิ่งมีชีวิตหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่มนุษย์หรือผีเสื้อ
แต่เป็นคุณกระต่ายสีขาวตัวหนึ่ง กระต่ายในโลกนี้เหมือนจะพูดได้ด้วยล่ะ ด้วยความที่มีประสบการณ์จากคุณผีเสื้อหลากสีตัวน้อยแล้วเรดจึงไม่ตระหนกอะไร เธอเพียงตอบกลับไปสั้นๆ ว่า
“ฉันจะเอาอาหารไปให้คุณยายที่ป่วยน่ะ!”
“โอ้ งั้นเหรอ.. ฉันก็ป่วยเหมือนกันแบ่งฉันจะได้ไหมนะ?”
“แต่นี่เป็นของคุณยายนะ อีกอย่างในนี้ก็มีแต่อาหารสำหรับคุณยายเท่านั้นเอง… คงจะแบ่งให้ไม่ได้หรอก”
“อ่าว.. ไม่มียาหรอกเหรอ”
“ไม่มีค่ะ”
คุณกระต่ายพูดได้ดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ทว่าคุณกระต่ายก็พูดขึ้นต่อว่า
“ไปหาคนป่วยโดยไม่ใช้ยาเนี่ยนะ.. แม่ของเธอต้องเป็นลูกที่นิสัยไม่ดีๆ แน่ๆ เลย มานี่สิ เดี๋ยวฉันพาไปหายา”
เรดที่ได้ยินแบบนั้นก็คิ้วกระตุก สิ่งนี้ไม่มีในนิทานหนูน้อยหมวกแดงอย่างแน่นอน เรื่องนี้เธอมั่นใจมาก.. กระต่ายที่ชักชวนไปหายาเพื่อเอาไปให้คุณยายเหรอ
แต่เพราะไม่มีในบทของนิทานเรดเองก็ไม่รู้ว่าควรตอบโต้ออกไปยังไงเหมือนกัน ขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในโลกแห่งความคิดคุณผีเสื้อที่เกาะอยู่บนหัวเรดก็พูดขึ้น
“กระต่ายพูดได้อย่างงั้นเหรอ.. เธอเป็นเผ่าอะไรเหรอ?”
“กระต่ายแสงจันทร์ไง.. หือ.. ผีเสื้อเหรอ ผีเสื้อพูดได้ด้วยเหรอ?”
“ฉันก็เป็นผีเสื้อแสงจันทร์เหมือนกัน..”
เรดที่ยืนฟังสัตว์สองชนิดคุยกันก็ได้แต่เกาหัวงงๆ นี่สรุปว่าสัตว์พูดได้พวกนี้เป็นพวกหายากใช่ไหมเนี่ย เพราะเธอเห็นว่าพวกสัตว์สองตัวนี้จะตกใจที่เห็นอีกฝ่ายพูดได้
แต่กระต่ายกับผีเสื้อดูเหมือนจะจ้องตากันไม่วาง เหมือนไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน
“เอาล่ะ ช่างเรื่องผีเสื้อน่าสงสัยตัวนั้น มากับฉันดีกว่าหนูน้อยหมวกแดง ฉันจะพาเธอไปหายานะ?”
“เสียใจด้วยนะคุณกระต่าย หนูน้อยหมวกแดงเธอเป็นเด็กดีมาก เธอเชื่อฟังคำพูดของคุณแม่มาก เธอต้องรีบไปแล้วก็รีบกลับบ้านน่ะ”
เรดดูคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายไม่ยอมแพ้กันเลยแม้แต่น้อย แถมยังชิงดีชิงเด่นกันอีกต่างหาก หรือว่าพวกสัตว์พูดได้มันเป็นแบบนี้กันทุกคนเลยนะ
ก็แหม นิสัยสัตว์สองชนิดนี้เหมือนกันเลย ซึ่งคำเชื่อมที่อธิบายคือทั้งสองเหมือนจะเป็นสัตว์แสงจันทร์อะไรสักอย่าง
แบบประมาณว่าค่อนข้างมีศักดิ์ศรีที่สูงส่งอะไรแบบนั้นน่ะ ก็แบบว่า.. คุณผีเสื้อพอโดนเรดปฏิเสธพอมีคนอื่นมาชวนเธอก็รีบปฏิเสธแทนเรดซะอย่างนั้น
อารมณ์แบบ.. ‘ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน ฉันก็ไม่ให้เธอไปกับแกหรอก’ อะไรแบบนั้น พอเรดเห็นว่าทั้งคู่ต่างไม่ยอมแพ้กันหรือไม่มีท่าทีว่าจะหยุดทะเลาะกัน เธอจึงยกมือขึ้นพร้อมกับถามว่า
“เอ่อ.. กระต่ายแสงจันทร์กับผีเสื้อแสงจันทร์คืออะไรเหรอคะ..?”
“อ้อ เรื่องนั้น..”
หลังจากนั้นคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายก็แย่งกันอธิบายให้เรดฟัง.. แต่เท่าที่เรดสรุปออกมาได้ง่ายๆ คือ สัตว์แสงจันทร์คือสัตว์ที่เกิดมาโดยอาบพรแห่งดวงจันทร์ทำให้พวกเขามีคุณลักษณะพิเศษเหนือกว่าตัวอื่นๆ ในเผ่า
ซึ่งเป็นสัตว์ที่หายากมากๆ พอๆ กับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยก็ว่าได้ โดยสัตว์ที่เกิดใต้แสงจันทร์จะได้รับพรแห่งดวงจันทร์ด้วย และแน่นอนว่าเกิดใต้แสงจันทร์เป็นแค่คำเปรียบเปรย เงื่อนไขการเป็นสัตว์แสงจันทร์นั้นค่อนข้างซับซ้อน
ว่ากันดวงจันทร์ที่เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ เกิดขึ้นมาจากเทพแห่งดวงจันทร์ บุคคลที่เป็นคนสร้างบันทึกนภาหรืออาคาชิคเรคอร์ด
โดยแสงจันทรานั้นจะมอบการเปลี่ยนแปลงให้แก่สัตว์วิเศษตนนั้น เช่นความรู้หรือแม้แต่พลังอันมากมหาศาล
เอาเข้าจริงสัตว์วิเศษในโลกนี้ก็วิวัฒนาการจากรุ่นสู่รุ่นมาจนกลายเป็นสัตว์ที่ประหลาดแปลกตาซึ่งเรดไม่เคยเห็นมาก่อนนั่นแหละ พูดให้เข้าใจง่ายๆ เลยก็คือบรรพบุรุษของสัตว์วิเศษ เป็นสัตว์แสงจันทร์
ส่วนคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายก็เป็นสัตว์ที่ได้รับพรมาโดยตรงจึงทำให้พวกเธอมีสติปัญญาที่สูงล้ำ
นั่นแหละคือสัตว์แสงจันทร์
“แบบนี้นี่เอง… แต่งั้นก็หมายความว่าตอนนี้ฉันเจอคุณสัตว์แสงจันทร์สองตัวพร้อมกันเลยสินะ?”
“นั่นสินะ.. แต่ฉันคิดว่าเจ้ากระต่ายนั่นมันดูโง่กว่าฉันอีกนะ”
“ประหลาดจัง พอดีฉันก็คิดว่าเจ้าผีเสื้อนี่โง่กว่าที่จะเป็นสัตว์แสงจันทร์นะ”
ไม่ทันไรสองคนนี้.. ไม่สิ พวกเธอเป็นสัตว์ก็ต้องเป็นสองตัวนี้จะเริ่มทะเลาะกันอีกแล้ว.. แต่ตอนนี้เรดก็พอเข้าใจแล้วว่าสัตว์แสงจันทร์คืออะไร
เพราะแบบนี้เองสินะพวกเธอเลยทะเลาะกัน เป็นเพราะว่าพวกเธอคือเหมือนเป็นจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์พวกเธอในตอนนี้เลยก็ว่าได้
พอมาเจอคนระดับเดียวกันเลยไม่อยากจะยอมแพ้.. ก็ประมาณเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้นั่นแหละ..
อีกอย่างทั้งสองยังมีส่วนคล้ายกันพอสมควรด้วย
“อ้ะ.. จริงสิ ฉันต้องไปแล้วนี่น่า.. ลืมไปเลย”
ในตอนนั้นผีเสื้อตัวน้อยก็เหมือนรู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไร เธอจึงรีบบินจากไปพร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายว่า
“หนูน้อยหมวกแดง ขอให้เดินทางปลอดภัยนะ”
“อื้ม ไว้เจอกันใหม่นะ คุณผีเสื้อ”
“แน่นอน.. ถ้าได้เจอกันอีกละก็นะ…”
“…?”
คำพูดสุดท้ายก่อนที่คุณผีเสื้อจะจากไปทำให้เรดสงสัยเล็กน้อย แต่ว่าในขณะเดียวกันคุณกระต่ายเองก็พูดขึ้น
“ฉันเองก็ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะ… นี่ก็ค่ำแล้วรีบกลับบ้านด้วยล่ะ ตอนกลางคืนมันอันตรายนะ”
“ค่ะ”
คุณกระต่ายก็พูดแบบนั้นก็กระโดดเข้าป่าและจากไป.. เรดเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงแล้ว..
“คืนนี้นอนบ้านคุณยายคงจะดีกว่าละมั้ง..”
เธอพึมพำแบบนั้นก็เดินหน้าต่อเพราะเดินอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงแล้ว…
Comments
Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 9
R/C – 1-9
สัตว์แสงจันทร์
ในขณะที่เดินในป่าเพื่อไปบ้านคุณยายนั้น เรดก็ยังคงพูดคุยกับคุณผีเสื้อตัวน้อยที่กำลังถามถึงสารทุกข์สุกดิบของเธอว่าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง มีความสุขกับชีวิตบ้างไหม เหมือนกำลังพยายามจะขายประกันชีวิตยังงั้นแหละ
ซึ่งแน่นอนว่าเรดก็ตอบแบบปัดๆ ไป
“แม่ของเธอทำอาหารไม่อร่อยเหรอ แต่ฉันทำอาหารอร่อยนะจะบอกให้”
“ไม่ๆ เธอเป็นผีเสื้อไม่ใช่เหรอ ผีเสื้อก็ต้องดูดน้ำหวานจากดอกไม้เฉยๆ ไม่ใช่หรือไงล่ะ?”
“การดูดน้ำหวานมันก็วิธีปรุงของมันนะเออ!”
“เอ๊ะ.. งั้นเหรอ”
เรดดูประหลาดใจเล็กน้อย เหมือนว่าคุณผีเสื้อตัวน้อยก็จะมีวิธีปรุงอาหารในแบบของตัวเองเฉยเลย
โลกนี้จะแปลกประหลาดไปถึงไหนกันนะ หรือว่าที่โลกเดิมของเธอคุณผีเสื้อก็มีวิธีปรุงในแบบของตัวเหมือนกันนะ เพราะในโลกเดิมผีเสื้อพูดไม่ได้สักหน่อยเลยไม่มีทางรู้หรอก
พอคิดไปคิดมาอยู่นั้นเรดก็อดที่จะขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อวันก่อนเธอยังคงอยู่ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีทั้งเวทมนตร์ สิ่งเหนือธรรมชาติ เอาเข้าจริงสิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้ล้วนเป็นไปไม่ได้ในแง่มุมของวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ
แต่ทว่าตอนนี้ทั้งผีเสื้อพูดได้ และเวทมนตร์ที่ทำให้คนเหาะเหินเดินอากาศได้มันช่างอยู่เหนือความเข้าใจของเรดเมื่อสองวันก่อนเหลือเกิน.. หากมีคนมาบอกว่าในวันพรุ่งนี้เธอจะไปต่างโลก เธอคงไม่เชื่อหรอก
“จะว่าไป คุณผีเสื้อตัวน้อยทำไมมาอยู่แถวนี้เหรอ ไม่ไปหาน้ำหวานเหรอ?”
“นั่นสินะ.. ตอนนี้ฉันเป็นนักสำรวจน่ะ เลยไม่ต้องหาน้ำหวาน”
“…มีแบบนั้นด้วยเหรอ”
“ใช่สิ เธออาจจะไม่รู้นะ ผีเสื้อแบบเราๆ ก็มีงานการนะจะบอกให้ ยกตัวอย่างแบบฉันคือผีเสื้อนักสำรวจยังไงล่ะ เพื่อที่จะหาสวนน้ำหวานดีๆ ฉันจึงต้องไปสำรวจสถานที่ใหม่ๆ ไงล่ะ”
“… ทำไมผีเสื้อดูฉลาดจัง”
“ชะ.. ช่างเรื่องยิบย่อยไปเถอะน่า ขนาดฉันยังพูดได้เลย!”
“อื้มมม”
เรดแตะคางครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าพร้อมตอบว่า “นั่นสินะ ขนาดคุณผีเสื้อยังพูดได้เลย คงปกติละมั้ง?”
“แต่ว่านะ คุณผีเสื้อเมื่อกี้ยังบอกจะพาฉันไปสวนดอกไม้ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าต้องสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ เหรอ?”
“ก็.. ก็แบบ.. เอ่อ.. จริงสิ ฉันพึ่งเจอสวนใหม่ยังไงล่ะ!”
“หืมม…”
เรดจ้องคุณผีเสื้อเขม็ง ผีเสื้อก็เหมือนจะดูกังวลด้วย.. คำโกหกยิ่งโกหกจะยิ่งจะทำให้คำโกหกชัดเจนขึ้นเพราะถ้าจะโกหกไปเรื่อยยังไงก็ต้องไม่มีความสมเหตุสมผลตามมาด้วยแน่ๆ
แต่ก็นะคุณผีเสื้อคงมีเหตุผลที่ไม่อยากบอกความจริงละมั้ง หรือคุณผีเสื้อก็อาจจะเป็นพรรคพวกกับหมาป่าก็ได้นะ
ถึงนิทานจะไม่ได้บอกไว้แบบนั้นก็ตาม แต่เรดก็ทิ้งความเป็นไปได้นั้นไปไม่ได้เช่นกัน ในขณะที่ตกอยู่ในความคิดนั้นเอง
“อ่าว หนูน้อยหมวกแดงตรงนั้นน่ะ จะไปไหนเหรอจ๊ะ?”
ด้านขวามือก็มีเสียงดังขึ้น ทำให้เรดหันไปทางต้นเสียงและมองต่ำลงไปก็มีสิ่งมีชีวิตหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่มนุษย์หรือผีเสื้อ
แต่เป็นคุณกระต่ายสีขาวตัวหนึ่ง กระต่ายในโลกนี้เหมือนจะพูดได้ด้วยล่ะ ด้วยความที่มีประสบการณ์จากคุณผีเสื้อหลากสีตัวน้อยแล้วเรดจึงไม่ตระหนกอะไร เธอเพียงตอบกลับไปสั้นๆ ว่า
“ฉันจะเอาอาหารไปให้คุณยายที่ป่วยน่ะ!”
“โอ้ งั้นเหรอ.. ฉันก็ป่วยเหมือนกันแบ่งฉันจะได้ไหมนะ?”
“แต่นี่เป็นของคุณยายนะ อีกอย่างในนี้ก็มีแต่อาหารสำหรับคุณยายเท่านั้นเอง… คงจะแบ่งให้ไม่ได้หรอก”
“อ่าว.. ไม่มียาหรอกเหรอ”
“ไม่มีค่ะ”
คุณกระต่ายพูดได้ดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ทว่าคุณกระต่ายก็พูดขึ้นต่อว่า
“ไปหาคนป่วยโดยไม่ใช้ยาเนี่ยนะ.. แม่ของเธอต้องเป็นลูกที่นิสัยไม่ดีๆ แน่ๆ เลย มานี่สิ เดี๋ยวฉันพาไปหายา”
เรดที่ได้ยินแบบนั้นก็คิ้วกระตุก สิ่งนี้ไม่มีในนิทานหนูน้อยหมวกแดงอย่างแน่นอน เรื่องนี้เธอมั่นใจมาก.. กระต่ายที่ชักชวนไปหายาเพื่อเอาไปให้คุณยายเหรอ
แต่เพราะไม่มีในบทของนิทานเรดเองก็ไม่รู้ว่าควรตอบโต้ออกไปยังไงเหมือนกัน ขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในโลกแห่งความคิดคุณผีเสื้อที่เกาะอยู่บนหัวเรดก็พูดขึ้น
“กระต่ายพูดได้อย่างงั้นเหรอ.. เธอเป็นเผ่าอะไรเหรอ?”
“กระต่ายแสงจันทร์ไง.. หือ.. ผีเสื้อเหรอ ผีเสื้อพูดได้ด้วยเหรอ?”
“ฉันก็เป็นผีเสื้อแสงจันทร์เหมือนกัน..”
เรดที่ยืนฟังสัตว์สองชนิดคุยกันก็ได้แต่เกาหัวงงๆ นี่สรุปว่าสัตว์พูดได้พวกนี้เป็นพวกหายากใช่ไหมเนี่ย เพราะเธอเห็นว่าพวกสัตว์สองตัวนี้จะตกใจที่เห็นอีกฝ่ายพูดได้
แต่กระต่ายกับผีเสื้อดูเหมือนจะจ้องตากันไม่วาง เหมือนไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน
“เอาล่ะ ช่างเรื่องผีเสื้อน่าสงสัยตัวนั้น มากับฉันดีกว่าหนูน้อยหมวกแดง ฉันจะพาเธอไปหายานะ?”
“เสียใจด้วยนะคุณกระต่าย หนูน้อยหมวกแดงเธอเป็นเด็กดีมาก เธอเชื่อฟังคำพูดของคุณแม่มาก เธอต้องรีบไปแล้วก็รีบกลับบ้านน่ะ”
เรดดูคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายไม่ยอมแพ้กันเลยแม้แต่น้อย แถมยังชิงดีชิงเด่นกันอีกต่างหาก หรือว่าพวกสัตว์พูดได้มันเป็นแบบนี้กันทุกคนเลยนะ
ก็แหม นิสัยสัตว์สองชนิดนี้เหมือนกันเลย ซึ่งคำเชื่อมที่อธิบายคือทั้งสองเหมือนจะเป็นสัตว์แสงจันทร์อะไรสักอย่าง
แบบประมาณว่าค่อนข้างมีศักดิ์ศรีที่สูงส่งอะไรแบบนั้นน่ะ ก็แบบว่า.. คุณผีเสื้อพอโดนเรดปฏิเสธพอมีคนอื่นมาชวนเธอก็รีบปฏิเสธแทนเรดซะอย่างนั้น
อารมณ์แบบ.. ‘ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน ฉันก็ไม่ให้เธอไปกับแกหรอก’ อะไรแบบนั้น พอเรดเห็นว่าทั้งคู่ต่างไม่ยอมแพ้กันหรือไม่มีท่าทีว่าจะหยุดทะเลาะกัน เธอจึงยกมือขึ้นพร้อมกับถามว่า
“เอ่อ.. กระต่ายแสงจันทร์กับผีเสื้อแสงจันทร์คืออะไรเหรอคะ..?”
“อ้อ เรื่องนั้น..”
หลังจากนั้นคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายก็แย่งกันอธิบายให้เรดฟัง.. แต่เท่าที่เรดสรุปออกมาได้ง่ายๆ คือ สัตว์แสงจันทร์คือสัตว์ที่เกิดมาโดยอาบพรแห่งดวงจันทร์ทำให้พวกเขามีคุณลักษณะพิเศษเหนือกว่าตัวอื่นๆ ในเผ่า
ซึ่งเป็นสัตว์ที่หายากมากๆ พอๆ กับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยก็ว่าได้ โดยสัตว์ที่เกิดใต้แสงจันทร์จะได้รับพรแห่งดวงจันทร์ด้วย และแน่นอนว่าเกิดใต้แสงจันทร์เป็นแค่คำเปรียบเปรย เงื่อนไขการเป็นสัตว์แสงจันทร์นั้นค่อนข้างซับซ้อน
ว่ากันดวงจันทร์ที่เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ เกิดขึ้นมาจากเทพแห่งดวงจันทร์ บุคคลที่เป็นคนสร้างบันทึกนภาหรืออาคาชิคเรคอร์ด
โดยแสงจันทรานั้นจะมอบการเปลี่ยนแปลงให้แก่สัตว์วิเศษตนนั้น เช่นความรู้หรือแม้แต่พลังอันมากมหาศาล
เอาเข้าจริงสัตว์วิเศษในโลกนี้ก็วิวัฒนาการจากรุ่นสู่รุ่นมาจนกลายเป็นสัตว์ที่ประหลาดแปลกตาซึ่งเรดไม่เคยเห็นมาก่อนนั่นแหละ พูดให้เข้าใจง่ายๆ เลยก็คือบรรพบุรุษของสัตว์วิเศษ เป็นสัตว์แสงจันทร์
ส่วนคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายก็เป็นสัตว์ที่ได้รับพรมาโดยตรงจึงทำให้พวกเธอมีสติปัญญาที่สูงล้ำ
นั่นแหละคือสัตว์แสงจันทร์
“แบบนี้นี่เอง… แต่งั้นก็หมายความว่าตอนนี้ฉันเจอคุณสัตว์แสงจันทร์สองตัวพร้อมกันเลยสินะ?”
“นั่นสินะ.. แต่ฉันคิดว่าเจ้ากระต่ายนั่นมันดูโง่กว่าฉันอีกนะ”
“ประหลาดจัง พอดีฉันก็คิดว่าเจ้าผีเสื้อนี่โง่กว่าที่จะเป็นสัตว์แสงจันทร์นะ”
ไม่ทันไรสองคนนี้.. ไม่สิ พวกเธอเป็นสัตว์ก็ต้องเป็นสองตัวนี้จะเริ่มทะเลาะกันอีกแล้ว.. แต่ตอนนี้เรดก็พอเข้าใจแล้วว่าสัตว์แสงจันทร์คืออะไร
เพราะแบบนี้เองสินะพวกเธอเลยทะเลาะกัน เป็นเพราะว่าพวกเธอคือเหมือนเป็นจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์พวกเธอในตอนนี้เลยก็ว่าได้
พอมาเจอคนระดับเดียวกันเลยไม่อยากจะยอมแพ้.. ก็ประมาณเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้นั่นแหละ..
อีกอย่างทั้งสองยังมีส่วนคล้ายกันพอสมควรด้วย
“อ้ะ.. จริงสิ ฉันต้องไปแล้วนี่น่า.. ลืมไปเลย”
ในตอนนั้นผีเสื้อตัวน้อยก็เหมือนรู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไร เธอจึงรีบบินจากไปพร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายว่า
“หนูน้อยหมวกแดง ขอให้เดินทางปลอดภัยนะ”
“อื้ม ไว้เจอกันใหม่นะ คุณผีเสื้อ”
“แน่นอน.. ถ้าได้เจอกันอีกละก็นะ…”
“…?”
คำพูดสุดท้ายก่อนที่คุณผีเสื้อจะจากไปทำให้เรดสงสัยเล็กน้อย แต่ว่าในขณะเดียวกันคุณกระต่ายเองก็พูดขึ้น
“ฉันเองก็ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะ… นี่ก็ค่ำแล้วรีบกลับบ้านด้วยล่ะ ตอนกลางคืนมันอันตรายนะ”
“ค่ะ”
คุณกระต่ายก็พูดแบบนั้นก็กระโดดเข้าป่าและจากไป.. เรดเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงแล้ว..
“คืนนี้นอนบ้านคุณยายคงจะดีกว่าละมั้ง..”
เธอพึมพำแบบนั้นก็เดินหน้าต่อเพราะเดินอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงแล้ว…
Comments
Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 9
R/C – 1-9
สัตว์แสงจันทร์
ในขณะที่เดินในป่าเพื่อไปบ้านคุณยายนั้น เรดก็ยังคงพูดคุยกับคุณผีเสื้อตัวน้อยที่กำลังถามถึงสารทุกข์สุกดิบของเธอว่าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง มีความสุขกับชีวิตบ้างไหม เหมือนกำลังพยายามจะขายประกันชีวิตยังงั้นแหละ
ซึ่งแน่นอนว่าเรดก็ตอบแบบปัดๆ ไป
“แม่ของเธอทำอาหารไม่อร่อยเหรอ แต่ฉันทำอาหารอร่อยนะจะบอกให้”
“ไม่ๆ เธอเป็นผีเสื้อไม่ใช่เหรอ ผีเสื้อก็ต้องดูดน้ำหวานจากดอกไม้เฉยๆ ไม่ใช่หรือไงล่ะ?”
“การดูดน้ำหวานมันก็วิธีปรุงของมันนะเออ!”
“เอ๊ะ.. งั้นเหรอ”
เรดดูประหลาดใจเล็กน้อย เหมือนว่าคุณผีเสื้อตัวน้อยก็จะมีวิธีปรุงอาหารในแบบของตัวเองเฉยเลย
โลกนี้จะแปลกประหลาดไปถึงไหนกันนะ หรือว่าที่โลกเดิมของเธอคุณผีเสื้อก็มีวิธีปรุงในแบบของตัวเหมือนกันนะ เพราะในโลกเดิมผีเสื้อพูดไม่ได้สักหน่อยเลยไม่มีทางรู้หรอก
พอคิดไปคิดมาอยู่นั้นเรดก็อดที่จะขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อวันก่อนเธอยังคงอยู่ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีทั้งเวทมนตร์ สิ่งเหนือธรรมชาติ เอาเข้าจริงสิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้ล้วนเป็นไปไม่ได้ในแง่มุมของวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ
แต่ทว่าตอนนี้ทั้งผีเสื้อพูดได้ และเวทมนตร์ที่ทำให้คนเหาะเหินเดินอากาศได้มันช่างอยู่เหนือความเข้าใจของเรดเมื่อสองวันก่อนเหลือเกิน.. หากมีคนมาบอกว่าในวันพรุ่งนี้เธอจะไปต่างโลก เธอคงไม่เชื่อหรอก
“จะว่าไป คุณผีเสื้อตัวน้อยทำไมมาอยู่แถวนี้เหรอ ไม่ไปหาน้ำหวานเหรอ?”
“นั่นสินะ.. ตอนนี้ฉันเป็นนักสำรวจน่ะ เลยไม่ต้องหาน้ำหวาน”
“…มีแบบนั้นด้วยเหรอ”
“ใช่สิ เธออาจจะไม่รู้นะ ผีเสื้อแบบเราๆ ก็มีงานการนะจะบอกให้ ยกตัวอย่างแบบฉันคือผีเสื้อนักสำรวจยังไงล่ะ เพื่อที่จะหาสวนน้ำหวานดีๆ ฉันจึงต้องไปสำรวจสถานที่ใหม่ๆ ไงล่ะ”
“… ทำไมผีเสื้อดูฉลาดจัง”
“ชะ.. ช่างเรื่องยิบย่อยไปเถอะน่า ขนาดฉันยังพูดได้เลย!”
“อื้มมม”
เรดแตะคางครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าพร้อมตอบว่า “นั่นสินะ ขนาดคุณผีเสื้อยังพูดได้เลย คงปกติละมั้ง?”
“แต่ว่านะ คุณผีเสื้อเมื่อกี้ยังบอกจะพาฉันไปสวนดอกไม้ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าต้องสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ เหรอ?”
“ก็.. ก็แบบ.. เอ่อ.. จริงสิ ฉันพึ่งเจอสวนใหม่ยังไงล่ะ!”
“หืมม…”
เรดจ้องคุณผีเสื้อเขม็ง ผีเสื้อก็เหมือนจะดูกังวลด้วย.. คำโกหกยิ่งโกหกจะยิ่งจะทำให้คำโกหกชัดเจนขึ้นเพราะถ้าจะโกหกไปเรื่อยยังไงก็ต้องไม่มีความสมเหตุสมผลตามมาด้วยแน่ๆ
แต่ก็นะคุณผีเสื้อคงมีเหตุผลที่ไม่อยากบอกความจริงละมั้ง หรือคุณผีเสื้อก็อาจจะเป็นพรรคพวกกับหมาป่าก็ได้นะ
ถึงนิทานจะไม่ได้บอกไว้แบบนั้นก็ตาม แต่เรดก็ทิ้งความเป็นไปได้นั้นไปไม่ได้เช่นกัน ในขณะที่ตกอยู่ในความคิดนั้นเอง
“อ่าว หนูน้อยหมวกแดงตรงนั้นน่ะ จะไปไหนเหรอจ๊ะ?”
ด้านขวามือก็มีเสียงดังขึ้น ทำให้เรดหันไปทางต้นเสียงและมองต่ำลงไปก็มีสิ่งมีชีวิตหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่มนุษย์หรือผีเสื้อ
แต่เป็นคุณกระต่ายสีขาวตัวหนึ่ง กระต่ายในโลกนี้เหมือนจะพูดได้ด้วยล่ะ ด้วยความที่มีประสบการณ์จากคุณผีเสื้อหลากสีตัวน้อยแล้วเรดจึงไม่ตระหนกอะไร เธอเพียงตอบกลับไปสั้นๆ ว่า
“ฉันจะเอาอาหารไปให้คุณยายที่ป่วยน่ะ!”
“โอ้ งั้นเหรอ.. ฉันก็ป่วยเหมือนกันแบ่งฉันจะได้ไหมนะ?”
“แต่นี่เป็นของคุณยายนะ อีกอย่างในนี้ก็มีแต่อาหารสำหรับคุณยายเท่านั้นเอง… คงจะแบ่งให้ไม่ได้หรอก”
“อ่าว.. ไม่มียาหรอกเหรอ”
“ไม่มีค่ะ”
คุณกระต่ายพูดได้ดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ทว่าคุณกระต่ายก็พูดขึ้นต่อว่า
“ไปหาคนป่วยโดยไม่ใช้ยาเนี่ยนะ.. แม่ของเธอต้องเป็นลูกที่นิสัยไม่ดีๆ แน่ๆ เลย มานี่สิ เดี๋ยวฉันพาไปหายา”
เรดที่ได้ยินแบบนั้นก็คิ้วกระตุก สิ่งนี้ไม่มีในนิทานหนูน้อยหมวกแดงอย่างแน่นอน เรื่องนี้เธอมั่นใจมาก.. กระต่ายที่ชักชวนไปหายาเพื่อเอาไปให้คุณยายเหรอ
แต่เพราะไม่มีในบทของนิทานเรดเองก็ไม่รู้ว่าควรตอบโต้ออกไปยังไงเหมือนกัน ขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในโลกแห่งความคิดคุณผีเสื้อที่เกาะอยู่บนหัวเรดก็พูดขึ้น
“กระต่ายพูดได้อย่างงั้นเหรอ.. เธอเป็นเผ่าอะไรเหรอ?”
“กระต่ายแสงจันทร์ไง.. หือ.. ผีเสื้อเหรอ ผีเสื้อพูดได้ด้วยเหรอ?”
“ฉันก็เป็นผีเสื้อแสงจันทร์เหมือนกัน..”
เรดที่ยืนฟังสัตว์สองชนิดคุยกันก็ได้แต่เกาหัวงงๆ นี่สรุปว่าสัตว์พูดได้พวกนี้เป็นพวกหายากใช่ไหมเนี่ย เพราะเธอเห็นว่าพวกสัตว์สองตัวนี้จะตกใจที่เห็นอีกฝ่ายพูดได้
แต่กระต่ายกับผีเสื้อดูเหมือนจะจ้องตากันไม่วาง เหมือนไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน
“เอาล่ะ ช่างเรื่องผีเสื้อน่าสงสัยตัวนั้น มากับฉันดีกว่าหนูน้อยหมวกแดง ฉันจะพาเธอไปหายานะ?”
“เสียใจด้วยนะคุณกระต่าย หนูน้อยหมวกแดงเธอเป็นเด็กดีมาก เธอเชื่อฟังคำพูดของคุณแม่มาก เธอต้องรีบไปแล้วก็รีบกลับบ้านน่ะ”
เรดดูคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายไม่ยอมแพ้กันเลยแม้แต่น้อย แถมยังชิงดีชิงเด่นกันอีกต่างหาก หรือว่าพวกสัตว์พูดได้มันเป็นแบบนี้กันทุกคนเลยนะ
ก็แหม นิสัยสัตว์สองชนิดนี้เหมือนกันเลย ซึ่งคำเชื่อมที่อธิบายคือทั้งสองเหมือนจะเป็นสัตว์แสงจันทร์อะไรสักอย่าง
แบบประมาณว่าค่อนข้างมีศักดิ์ศรีที่สูงส่งอะไรแบบนั้นน่ะ ก็แบบว่า.. คุณผีเสื้อพอโดนเรดปฏิเสธพอมีคนอื่นมาชวนเธอก็รีบปฏิเสธแทนเรดซะอย่างนั้น
อารมณ์แบบ.. ‘ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน ฉันก็ไม่ให้เธอไปกับแกหรอก’ อะไรแบบนั้น พอเรดเห็นว่าทั้งคู่ต่างไม่ยอมแพ้กันหรือไม่มีท่าทีว่าจะหยุดทะเลาะกัน เธอจึงยกมือขึ้นพร้อมกับถามว่า
“เอ่อ.. กระต่ายแสงจันทร์กับผีเสื้อแสงจันทร์คืออะไรเหรอคะ..?”
“อ้อ เรื่องนั้น..”
หลังจากนั้นคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายก็แย่งกันอธิบายให้เรดฟัง.. แต่เท่าที่เรดสรุปออกมาได้ง่ายๆ คือ สัตว์แสงจันทร์คือสัตว์ที่เกิดมาโดยอาบพรแห่งดวงจันทร์ทำให้พวกเขามีคุณลักษณะพิเศษเหนือกว่าตัวอื่นๆ ในเผ่า
ซึ่งเป็นสัตว์ที่หายากมากๆ พอๆ กับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยก็ว่าได้ โดยสัตว์ที่เกิดใต้แสงจันทร์จะได้รับพรแห่งดวงจันทร์ด้วย และแน่นอนว่าเกิดใต้แสงจันทร์เป็นแค่คำเปรียบเปรย เงื่อนไขการเป็นสัตว์แสงจันทร์นั้นค่อนข้างซับซ้อน
ว่ากันดวงจันทร์ที่เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ เกิดขึ้นมาจากเทพแห่งดวงจันทร์ บุคคลที่เป็นคนสร้างบันทึกนภาหรืออาคาชิคเรคอร์ด
โดยแสงจันทรานั้นจะมอบการเปลี่ยนแปลงให้แก่สัตว์วิเศษตนนั้น เช่นความรู้หรือแม้แต่พลังอันมากมหาศาล
เอาเข้าจริงสัตว์วิเศษในโลกนี้ก็วิวัฒนาการจากรุ่นสู่รุ่นมาจนกลายเป็นสัตว์ที่ประหลาดแปลกตาซึ่งเรดไม่เคยเห็นมาก่อนนั่นแหละ พูดให้เข้าใจง่ายๆ เลยก็คือบรรพบุรุษของสัตว์วิเศษ เป็นสัตว์แสงจันทร์
ส่วนคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายก็เป็นสัตว์ที่ได้รับพรมาโดยตรงจึงทำให้พวกเธอมีสติปัญญาที่สูงล้ำ
นั่นแหละคือสัตว์แสงจันทร์
“แบบนี้นี่เอง… แต่งั้นก็หมายความว่าตอนนี้ฉันเจอคุณสัตว์แสงจันทร์สองตัวพร้อมกันเลยสินะ?”
“นั่นสินะ.. แต่ฉันคิดว่าเจ้ากระต่ายนั่นมันดูโง่กว่าฉันอีกนะ”
“ประหลาดจัง พอดีฉันก็คิดว่าเจ้าผีเสื้อนี่โง่กว่าที่จะเป็นสัตว์แสงจันทร์นะ”
ไม่ทันไรสองคนนี้.. ไม่สิ พวกเธอเป็นสัตว์ก็ต้องเป็นสองตัวนี้จะเริ่มทะเลาะกันอีกแล้ว.. แต่ตอนนี้เรดก็พอเข้าใจแล้วว่าสัตว์แสงจันทร์คืออะไร
เพราะแบบนี้เองสินะพวกเธอเลยทะเลาะกัน เป็นเพราะว่าพวกเธอคือเหมือนเป็นจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์พวกเธอในตอนนี้เลยก็ว่าได้
พอมาเจอคนระดับเดียวกันเลยไม่อยากจะยอมแพ้.. ก็ประมาณเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้นั่นแหละ..
อีกอย่างทั้งสองยังมีส่วนคล้ายกันพอสมควรด้วย
“อ้ะ.. จริงสิ ฉันต้องไปแล้วนี่น่า.. ลืมไปเลย”
ในตอนนั้นผีเสื้อตัวน้อยก็เหมือนรู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไร เธอจึงรีบบินจากไปพร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายว่า
“หนูน้อยหมวกแดง ขอให้เดินทางปลอดภัยนะ”
“อื้ม ไว้เจอกันใหม่นะ คุณผีเสื้อ”
“แน่นอน.. ถ้าได้เจอกันอีกละก็นะ…”
“…?”
คำพูดสุดท้ายก่อนที่คุณผีเสื้อจะจากไปทำให้เรดสงสัยเล็กน้อย แต่ว่าในขณะเดียวกันคุณกระต่ายเองก็พูดขึ้น
“ฉันเองก็ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะ… นี่ก็ค่ำแล้วรีบกลับบ้านด้วยล่ะ ตอนกลางคืนมันอันตรายนะ”
“ค่ะ”
คุณกระต่ายก็พูดแบบนั้นก็กระโดดเข้าป่าและจากไป.. เรดเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงแล้ว..
“คืนนี้นอนบ้านคุณยายคงจะดีกว่าละมั้ง..”
เธอพึมพำแบบนั้นก็เดินหน้าต่อเพราะเดินอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงแล้ว…
Comments
Akashic Record – บันทึกอาคาชิคของหนูน้อยหมวกแดง 9
R/C – 1-9
สัตว์แสงจันทร์
ในขณะที่เดินในป่าเพื่อไปบ้านคุณยายนั้น เรดก็ยังคงพูดคุยกับคุณผีเสื้อตัวน้อยที่กำลังถามถึงสารทุกข์สุกดิบของเธอว่าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง มีความสุขกับชีวิตบ้างไหม เหมือนกำลังพยายามจะขายประกันชีวิตยังงั้นแหละ
ซึ่งแน่นอนว่าเรดก็ตอบแบบปัดๆ ไป
“แม่ของเธอทำอาหารไม่อร่อยเหรอ แต่ฉันทำอาหารอร่อยนะจะบอกให้”
“ไม่ๆ เธอเป็นผีเสื้อไม่ใช่เหรอ ผีเสื้อก็ต้องดูดน้ำหวานจากดอกไม้เฉยๆ ไม่ใช่หรือไงล่ะ?”
“การดูดน้ำหวานมันก็วิธีปรุงของมันนะเออ!”
“เอ๊ะ.. งั้นเหรอ”
เรดดูประหลาดใจเล็กน้อย เหมือนว่าคุณผีเสื้อตัวน้อยก็จะมีวิธีปรุงอาหารในแบบของตัวเองเฉยเลย
โลกนี้จะแปลกประหลาดไปถึงไหนกันนะ หรือว่าที่โลกเดิมของเธอคุณผีเสื้อก็มีวิธีปรุงในแบบของตัวเหมือนกันนะ เพราะในโลกเดิมผีเสื้อพูดไม่ได้สักหน่อยเลยไม่มีทางรู้หรอก
พอคิดไปคิดมาอยู่นั้นเรดก็อดที่จะขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อวันก่อนเธอยังคงอยู่ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีทั้งเวทมนตร์ สิ่งเหนือธรรมชาติ เอาเข้าจริงสิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้ล้วนเป็นไปไม่ได้ในแง่มุมของวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ
แต่ทว่าตอนนี้ทั้งผีเสื้อพูดได้ และเวทมนตร์ที่ทำให้คนเหาะเหินเดินอากาศได้มันช่างอยู่เหนือความเข้าใจของเรดเมื่อสองวันก่อนเหลือเกิน.. หากมีคนมาบอกว่าในวันพรุ่งนี้เธอจะไปต่างโลก เธอคงไม่เชื่อหรอก
“จะว่าไป คุณผีเสื้อตัวน้อยทำไมมาอยู่แถวนี้เหรอ ไม่ไปหาน้ำหวานเหรอ?”
“นั่นสินะ.. ตอนนี้ฉันเป็นนักสำรวจน่ะ เลยไม่ต้องหาน้ำหวาน”
“…มีแบบนั้นด้วยเหรอ”
“ใช่สิ เธออาจจะไม่รู้นะ ผีเสื้อแบบเราๆ ก็มีงานการนะจะบอกให้ ยกตัวอย่างแบบฉันคือผีเสื้อนักสำรวจยังไงล่ะ เพื่อที่จะหาสวนน้ำหวานดีๆ ฉันจึงต้องไปสำรวจสถานที่ใหม่ๆ ไงล่ะ”
“… ทำไมผีเสื้อดูฉลาดจัง”
“ชะ.. ช่างเรื่องยิบย่อยไปเถอะน่า ขนาดฉันยังพูดได้เลย!”
“อื้มมม”
เรดแตะคางครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าพร้อมตอบว่า “นั่นสินะ ขนาดคุณผีเสื้อยังพูดได้เลย คงปกติละมั้ง?”
“แต่ว่านะ คุณผีเสื้อเมื่อกี้ยังบอกจะพาฉันไปสวนดอกไม้ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าต้องสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ เหรอ?”
“ก็.. ก็แบบ.. เอ่อ.. จริงสิ ฉันพึ่งเจอสวนใหม่ยังไงล่ะ!”
“หืมม…”
เรดจ้องคุณผีเสื้อเขม็ง ผีเสื้อก็เหมือนจะดูกังวลด้วย.. คำโกหกยิ่งโกหกจะยิ่งจะทำให้คำโกหกชัดเจนขึ้นเพราะถ้าจะโกหกไปเรื่อยยังไงก็ต้องไม่มีความสมเหตุสมผลตามมาด้วยแน่ๆ
แต่ก็นะคุณผีเสื้อคงมีเหตุผลที่ไม่อยากบอกความจริงละมั้ง หรือคุณผีเสื้อก็อาจจะเป็นพรรคพวกกับหมาป่าก็ได้นะ
ถึงนิทานจะไม่ได้บอกไว้แบบนั้นก็ตาม แต่เรดก็ทิ้งความเป็นไปได้นั้นไปไม่ได้เช่นกัน ในขณะที่ตกอยู่ในความคิดนั้นเอง
“อ่าว หนูน้อยหมวกแดงตรงนั้นน่ะ จะไปไหนเหรอจ๊ะ?”
ด้านขวามือก็มีเสียงดังขึ้น ทำให้เรดหันไปทางต้นเสียงและมองต่ำลงไปก็มีสิ่งมีชีวิตหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่มนุษย์หรือผีเสื้อ
แต่เป็นคุณกระต่ายสีขาวตัวหนึ่ง กระต่ายในโลกนี้เหมือนจะพูดได้ด้วยล่ะ ด้วยความที่มีประสบการณ์จากคุณผีเสื้อหลากสีตัวน้อยแล้วเรดจึงไม่ตระหนกอะไร เธอเพียงตอบกลับไปสั้นๆ ว่า
“ฉันจะเอาอาหารไปให้คุณยายที่ป่วยน่ะ!”
“โอ้ งั้นเหรอ.. ฉันก็ป่วยเหมือนกันแบ่งฉันจะได้ไหมนะ?”
“แต่นี่เป็นของคุณยายนะ อีกอย่างในนี้ก็มีแต่อาหารสำหรับคุณยายเท่านั้นเอง… คงจะแบ่งให้ไม่ได้หรอก”
“อ่าว.. ไม่มียาหรอกเหรอ”
“ไม่มีค่ะ”
คุณกระต่ายพูดได้ดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ทว่าคุณกระต่ายก็พูดขึ้นต่อว่า
“ไปหาคนป่วยโดยไม่ใช้ยาเนี่ยนะ.. แม่ของเธอต้องเป็นลูกที่นิสัยไม่ดีๆ แน่ๆ เลย มานี่สิ เดี๋ยวฉันพาไปหายา”
เรดที่ได้ยินแบบนั้นก็คิ้วกระตุก สิ่งนี้ไม่มีในนิทานหนูน้อยหมวกแดงอย่างแน่นอน เรื่องนี้เธอมั่นใจมาก.. กระต่ายที่ชักชวนไปหายาเพื่อเอาไปให้คุณยายเหรอ
แต่เพราะไม่มีในบทของนิทานเรดเองก็ไม่รู้ว่าควรตอบโต้ออกไปยังไงเหมือนกัน ขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในโลกแห่งความคิดคุณผีเสื้อที่เกาะอยู่บนหัวเรดก็พูดขึ้น
“กระต่ายพูดได้อย่างงั้นเหรอ.. เธอเป็นเผ่าอะไรเหรอ?”
“กระต่ายแสงจันทร์ไง.. หือ.. ผีเสื้อเหรอ ผีเสื้อพูดได้ด้วยเหรอ?”
“ฉันก็เป็นผีเสื้อแสงจันทร์เหมือนกัน..”
เรดที่ยืนฟังสัตว์สองชนิดคุยกันก็ได้แต่เกาหัวงงๆ นี่สรุปว่าสัตว์พูดได้พวกนี้เป็นพวกหายากใช่ไหมเนี่ย เพราะเธอเห็นว่าพวกสัตว์สองตัวนี้จะตกใจที่เห็นอีกฝ่ายพูดได้
แต่กระต่ายกับผีเสื้อดูเหมือนจะจ้องตากันไม่วาง เหมือนไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน
“เอาล่ะ ช่างเรื่องผีเสื้อน่าสงสัยตัวนั้น มากับฉันดีกว่าหนูน้อยหมวกแดง ฉันจะพาเธอไปหายานะ?”
“เสียใจด้วยนะคุณกระต่าย หนูน้อยหมวกแดงเธอเป็นเด็กดีมาก เธอเชื่อฟังคำพูดของคุณแม่มาก เธอต้องรีบไปแล้วก็รีบกลับบ้านน่ะ”
เรดดูคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายไม่ยอมแพ้กันเลยแม้แต่น้อย แถมยังชิงดีชิงเด่นกันอีกต่างหาก หรือว่าพวกสัตว์พูดได้มันเป็นแบบนี้กันทุกคนเลยนะ
ก็แหม นิสัยสัตว์สองชนิดนี้เหมือนกันเลย ซึ่งคำเชื่อมที่อธิบายคือทั้งสองเหมือนจะเป็นสัตว์แสงจันทร์อะไรสักอย่าง
แบบประมาณว่าค่อนข้างมีศักดิ์ศรีที่สูงส่งอะไรแบบนั้นน่ะ ก็แบบว่า.. คุณผีเสื้อพอโดนเรดปฏิเสธพอมีคนอื่นมาชวนเธอก็รีบปฏิเสธแทนเรดซะอย่างนั้น
อารมณ์แบบ.. ‘ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน ฉันก็ไม่ให้เธอไปกับแกหรอก’ อะไรแบบนั้น พอเรดเห็นว่าทั้งคู่ต่างไม่ยอมแพ้กันหรือไม่มีท่าทีว่าจะหยุดทะเลาะกัน เธอจึงยกมือขึ้นพร้อมกับถามว่า
“เอ่อ.. กระต่ายแสงจันทร์กับผีเสื้อแสงจันทร์คืออะไรเหรอคะ..?”
“อ้อ เรื่องนั้น..”
หลังจากนั้นคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายก็แย่งกันอธิบายให้เรดฟัง.. แต่เท่าที่เรดสรุปออกมาได้ง่ายๆ คือ สัตว์แสงจันทร์คือสัตว์ที่เกิดมาโดยอาบพรแห่งดวงจันทร์ทำให้พวกเขามีคุณลักษณะพิเศษเหนือกว่าตัวอื่นๆ ในเผ่า
ซึ่งเป็นสัตว์ที่หายากมากๆ พอๆ กับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยก็ว่าได้ โดยสัตว์ที่เกิดใต้แสงจันทร์จะได้รับพรแห่งดวงจันทร์ด้วย และแน่นอนว่าเกิดใต้แสงจันทร์เป็นแค่คำเปรียบเปรย เงื่อนไขการเป็นสัตว์แสงจันทร์นั้นค่อนข้างซับซ้อน
ว่ากันดวงจันทร์ที่เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ เกิดขึ้นมาจากเทพแห่งดวงจันทร์ บุคคลที่เป็นคนสร้างบันทึกนภาหรืออาคาชิคเรคอร์ด
โดยแสงจันทรานั้นจะมอบการเปลี่ยนแปลงให้แก่สัตว์วิเศษตนนั้น เช่นความรู้หรือแม้แต่พลังอันมากมหาศาล
เอาเข้าจริงสัตว์วิเศษในโลกนี้ก็วิวัฒนาการจากรุ่นสู่รุ่นมาจนกลายเป็นสัตว์ที่ประหลาดแปลกตาซึ่งเรดไม่เคยเห็นมาก่อนนั่นแหละ พูดให้เข้าใจง่ายๆ เลยก็คือบรรพบุรุษของสัตว์วิเศษ เป็นสัตว์แสงจันทร์
ส่วนคุณผีเสื้อกับคุณกระต่ายก็เป็นสัตว์ที่ได้รับพรมาโดยตรงจึงทำให้พวกเธอมีสติปัญญาที่สูงล้ำ
นั่นแหละคือสัตว์แสงจันทร์
“แบบนี้นี่เอง… แต่งั้นก็หมายความว่าตอนนี้ฉันเจอคุณสัตว์แสงจันทร์สองตัวพร้อมกันเลยสินะ?”
“นั่นสินะ.. แต่ฉันคิดว่าเจ้ากระต่ายนั่นมันดูโง่กว่าฉันอีกนะ”
“ประหลาดจัง พอดีฉันก็คิดว่าเจ้าผีเสื้อนี่โง่กว่าที่จะเป็นสัตว์แสงจันทร์นะ”
ไม่ทันไรสองคนนี้.. ไม่สิ พวกเธอเป็นสัตว์ก็ต้องเป็นสองตัวนี้จะเริ่มทะเลาะกันอีกแล้ว.. แต่ตอนนี้เรดก็พอเข้าใจแล้วว่าสัตว์แสงจันทร์คืออะไร
เพราะแบบนี้เองสินะพวกเธอเลยทะเลาะกัน เป็นเพราะว่าพวกเธอคือเหมือนเป็นจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์พวกเธอในตอนนี้เลยก็ว่าได้
พอมาเจอคนระดับเดียวกันเลยไม่อยากจะยอมแพ้.. ก็ประมาณเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้นั่นแหละ..
อีกอย่างทั้งสองยังมีส่วนคล้ายกันพอสมควรด้วย
“อ้ะ.. จริงสิ ฉันต้องไปแล้วนี่น่า.. ลืมไปเลย”
ในตอนนั้นผีเสื้อตัวน้อยก็เหมือนรู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไร เธอจึงรีบบินจากไปพร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายว่า
“หนูน้อยหมวกแดง ขอให้เดินทางปลอดภัยนะ”
“อื้ม ไว้เจอกันใหม่นะ คุณผีเสื้อ”
“แน่นอน.. ถ้าได้เจอกันอีกละก็นะ…”
“…?”
คำพูดสุดท้ายก่อนที่คุณผีเสื้อจะจากไปทำให้เรดสงสัยเล็กน้อย แต่ว่าในขณะเดียวกันคุณกระต่ายเองก็พูดขึ้น
“ฉันเองก็ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะ… นี่ก็ค่ำแล้วรีบกลับบ้านด้วยล่ะ ตอนกลางคืนมันอันตรายนะ”
“ค่ะ”
คุณกระต่ายก็พูดแบบนั้นก็กระโดดเข้าป่าและจากไป.. เรดเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงแล้ว..
“คืนนี้นอนบ้านคุณยายคงจะดีกว่าละมั้ง..”
เธอพึมพำแบบนั้นก็เดินหน้าต่อเพราะเดินอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงแล้ว…
Comments
Pengaturan Membaca
The quick brown fox jumps over the lazy dog
Background :
Font :
Size :