Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1616 – การประลองระหว่างเด็กรุ่นเยาว์ของตระกูลชิงและตระกูลน่าหลาน(3)
บทที่ 1616 – การประลองระหว่างเด็กรุ่นเยาว์ของตระกูลชิงและตระกูลน่าหลาน(3)
ชิงหมิงยังคงโจมตีคู่ต่อสู้ของเขาด้วยมือเปล่าแต่ทุกครั้งเขาจะเป็นเสียงพร้อมกับหยิบอาวุธเร้นลับประจําตัวของเขาออกมาเช่นกันเพื่อทําให้คู่ต่อสู้ตกใจ น่าหลานเจี้ยนหวาดระแวงอย่างมากและพยายามหลีกเลี่ยงทุกครั้ง ซึ่งในทางตรงกันข้าม ชิงหมิงยิ่งเล่นสนุกและพยายามทําให้คู่ต่อสู้ประหม่าด้วยเรื่องเล็กน้อยอย่างต่อเนื่อง
“อาวุธเล้นลับ”
ชิงหมิงพยายามก่อกวน และดูเหมือนคราวนี้จะไม่ได้ผลกับน่าหลานเจี้ยน ชิงหมิงจึง ถอยหลังกลับและคว้าอาวุธขึ้นมาอีกครั้ง “อาวุธเล้นลับ”
คราวนี้น่าหลานเจี้ยนกระโดดลงอย่างรวดเร็ว แต่มันก็เหมือนเดิมคือไม่มีอะไรเกิดขึ้น น่าเหลียนเจี้ยนโมโหอย่างมากเพราะมันทําให้เขารู้สึกว่าเขาเปรียบเสมือนลิงในคณะละครสัตว์ ทุกครั้งที่คู่ต่อสู้ยกแขนเขาจะต้องหลบมันทุกที่ ราวกับว่าเขาเอาแต่วิ่งหนีอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย
รอยยิ้มของชิงหมิงเต็มไปด้วยความเย็นชา สายตาของเขาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามน่าเหลียนเจี้ยน
ชิงหมิงยังคงยิ้มและก้าวถอยหลังพร้อมกับ ยกแขนขึ้น “อาวุธเล้นลับ”
“อาวุธเล้นลับ”
“อาวุธเล้นลับ” “อาวุธเล้นลับ” “อาวุธเล้นลับ”
อาวุธเล้นลับ”
น่าหลานเจี้ยนหมดความอดทนจนครั้งนี้เขาเลือกที่จะไม่หลบ ก่อนจะพุ่งเข้าหาชิงหมิงในระยะใกล้เพียงแค่ 1 เมตร แต่แล้วเขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกคล้ายกับยุงกัด ก่อนเขาจะมองเห็นเข็มเล่มบางเฉือนผ่านคอเข้าไป จากนั้นชิงหมิงก็สะบัดฝ่ามือฟันด้วยกรัชก่อนจะส่งให้น่าหลานเจี้ยนปลิวลอยออกจากลานประลอง
ช่วงเสี้ยววินาที่ร่างกายของน่าหลานเจี้ยนมึนงงโดยไม่รู้ตัว เขากําลังเปิดใช้ทักษะกระบี่แสงแต่ความเร็วที่ว่องไวกว่าของชิงหมิง ทําให้ชิงหมิงอัดกระแทกเข้าที่หน้าอย่างจังจนฟันในปากหลุดกระเด็นกระดอนพร้อมกับเลือดคําตอบ
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างมีความสุข ลักษณะนิสัยของชิงหมิงค่อนข้างคล้ายคลึงกับชิงสุ่ย ชิงหมิงโกรธแค้นตั้งแต่เห็นชิงซุนบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะพิษของยาชาเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสกปรกรวมทั้งอาวุธเร้นลับของเขาด้วย
“ยอดเยี่ยมไปเลย ข้ารู้ว่าเจ้าเด็กเหลือขอจากตระกูลน่าหลานไม่มีอะไรดีเลย เขาเอาแต่ทําให้คู่ต่อสู้แสบตาด้วยทักษะกระบี่แสงอันแสนน่าจะเยอะเพราะแม้แต่ข้าเองก็แสบตาไปด้วย”
“เด็กเหลือขอจากตระกูลชิงก็ชั่วร้ายไม่แพ้กันเลย เดี๋ยวก็ปล่อยหมัดเดี๋ยวก็หลอกด้วยกรีซเจ้าเล่ห์ที่สุด”
“จริงอย่างที่เจ้าว่า แต่ยังไงซะการต่อสู้ของทั้งสองตระกูลก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”
“แต่ถ้าเทียบกันแล้ว พวกเจ้าเคยเห็นตระกูลชิงกดขี่ข่มเหงแย่งชิงผลประโยชน์จากผู้อื่นที่อ่อนแอกว่าหรือไม่? นอกจากนี้ ถ้าหากพวกเจ้ารู้จักหอคอยจักรพรรดิ พวกเจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าใครอยู่เบื้องหลังหอคอยจักรพรรดิแห่งนี้”
” พวกเจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว โดยส่วนตัวข้าเองก็รู้จักกับผู้อาวุโสตระกูลชิง เขามักจะใช้เวลาว่างดื่มชากับปูของข้า ผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ผู้คนมากมายต่างก็ได้รับพรจากตระกูลชิง ดูอย่างยายข้างบ้านข้าสิ แต่ก่อนนางปวยเป็นโรคที่ไม่มีใครรักษาได้และยังไร้ซึ่งเงินตราอยู่อย่างอดอยากยากลําบาก และเมื่อกลุ่มของหอคอยจักรพรรดิตระหนักถึงเรื่องนี้ พวกเขารักษานางโดยไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งพวกเขายังช่วยให้บรรดาลูกหลานของนางมีงานทําซึ่งตอนนี้ครอบครัวของนางก็กําลังมีชีวิตที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเครื่องใช้อีกต่อไปแล้ว”
นี่คือเรื่องจริงแม้ว่าการกระทําของชิงหมิงจะดูชั่วร้าย แต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นเขา ออกไปรังแกผู้อื่นถึงแม้เขาจะทําลงไปบ้างแต่ก็ทํากับเฉพาะคนชนชั้นขุนนางเท่านั้น โดย ยึดมั่นเป้าหมายเฉพาะผู้นําหรือเจ้าชายที่เอาแต่รังแกผู้อื่นโดยใช้ตระกูลของตัวเองมาข่มขู่ และ จากการกระทําเหล่านั้นทําให้คนนอกรู้สึกเชิดชูในตัวของชิงหมิงโดยที่แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่ทันสังเกต
ผู้คนมากมายรอบลานประลองพูดคุยกันอย่างเสียงดัง แน่นอนว่าตระกูลน่าหลานจะต้องได้ยินซึ่งมาทําให้พวกเขารู้สึกเสียใจ พวกเขาทราบดีว่าตระกูลชิงเพิ่งจะมาอยู่ในที่แห่งนี้เป็นเวลาสั้นๆเท่านั้น แต่กลับสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อผู้คนและกลุ่มขุนนางบางกลุ่ม ถ้าหากตระกูลชิงอยู่ที่นี่นานขึ้น พวกเขาจะต้องยิ่งใหญ่กว่านี้แน่
ชิงหมิงยืนอยู่บนเวทีประลองอย่างสงบนิ่ง ตัวเขาไม่ได้ใช้ทักษะใดๆเลย และสิ่งที่เขาจัดการกับศัตรู เขาใช้เพียงแค่ความหวาดกลัวเท่านั้น นี่จะทําให้ตระกูลน่าหลานกลายเป็นตัวตลกโง่งมที่ต้องพ่ายแพ้ก็เรื่องโง่ๆ
แต่แล้วก็มีชายหนุ่มอีกคนนึงจากตระกูลน่าหลานขึ้นมาบนลานประลอง ตอนแรกทุกคนคิดว่านี่คงเป็นจุดสิ้นสุดของตระกูลน่าหลาน เพราะในระยะเวลาสั้นตะกูลน่าหลานได้สับเปลี่ยนจํานวนรุ่นเยาว์ที่สําคัญไปมาก
ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาเรียบง่ายแต่ไร้อารมณ์ ขณะที่ร่างกายของเขาสวมแต่งกายชุดคลุมธรรมดาเท่านั้นในมือของเขาถือกระบี่ไม่ไผ่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นคนที่น่าประทับใจเป็นพิเศษเลยทีเดีย
ชิงสุ่ยค่อนข้างประหลาดใจเมื่อมองดูชายหนุ่มคนนั้น เขาคือผู้ฝึกตนที่มีพรสวรรค์ แต่โชคร้ายที่ไม่ได้เรียนรู้ทักษะที่สมควร เขาเปรียบเสมือนอัญมณีที่ไม่ได้ขัดเงา และสิ่งที่โชคร้ายที่สุดคือไม่มีใครจะตระกูลน่าหลานแกะสลักเขาออกมาให้เป็นหยกที่เงางามได้
ชื่อของเขาคือ น่าหลานผิง เขาคือลูกนอกสมรสของน่าหลานเฉินฮง 1 ใน 3 พี่น้องของผู้นําตระกูลน่าหลาน แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีสถานะโดดเด่นในตระกูลน่าหลาน และเอาแต่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยคิดแข่งขันกับผู้ใด แล้วยังคงสวมชุดเสื้อผ้าธรรมดา แต่เพราะความแข็งแกร่งที่เขามี เขาจึงยังสามารถจัดยืนอยู่ในตระกูลน่าหลานได้
น่าหลานผิง เป็นชื่อที่บ่งบอกถึงความเรียบง่าย แต่เขากลับมีแม่ที่ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานและถูกกดดันโดยภรรยาหลวง สุดท้ายนางก็ถูกขับออกจากตระกูลน่าหลานไป แต่โชคดีที่น่า หลานผิงไม่ได้ถูกกดดันตามไปด้วย จึงทําให้เขาสามารถอาศัยอยู่ในตระกูลน่าหลานได้และเพื่อที่ จะให้แม่ของเขามีชีวิตรอดจากปลอดภัย เขาจึงต้องยอมทําตามคําสั่งของตระกูลน่าหลานอยู่ตลอด
เขากลายเป็นคนเก็บกดไร้อารมณ์ ไม่แม้แต่จะพูดจาใดๆทั้งสิ้นจนคนในตระกูลน่าหลานเองยังมองว่าเป็นคนแปลกหน้า
ชิงสุ่ยไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากที่กล่าวถามผู้คนเรื่องน่าหลานผิง ข้อมูลที่ได้รับจะดูโหดร้ายเช่
ชิงหมิงพุ่งทะยานเข้าหาน่าหลานผิงทันทีโดยไม่พูดจาใดๆทั้งสิ้น เพราะเขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่เริ่มก่อน น่าหลานผิงก็คงไม่ทําอะไรเลย
ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายเข้าน้ํานั่นกัน ชิงสุ่ยก็เพราะว่าเจ้าเด็กน้อยจากตระกูลน่าหลาน มีพรสวรรค์และสามารถเรียนรู้กลยุทธ์ได้โดยไม่ต้องมีคําแนะนําจากอาจารย์
ทักษะที่ต้องสอบเข้าทําหันกันเป็นทักษะที่ง่ายที่สุดแต่กลับให้ความรู้สึกลึกซึ้งยากที่ จะลอกเลียนทุกกระบวนท่าต้องผ่านการกลั่นกรองจากความคิดในระดับสูง และต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายในการฝึกฝนจนเข้าใจมัน
น่าหลานผิงโจมตีและถอยกลับซ้ําไปซ้ํามาเพื่อเข้าใกล้ศัตรูของเขา และเขาจะถอยห่างทุกครั้งที่ชิงหมิงโจมตี แต่เขาเองก็ไม่อาจฟันชิงหมิงโดน
การโจมตีของชิงหมิงเฉียบคมเรียบง่ายราวกับงูพิษ ในขณะที่น่าหลานปิงไม่อาจโต้ตอบอะไรได้เลย นอกจากป้องกันอย่างเดียว ทั้งสองแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ชิงสุ่ยแทบไม่ต้องกังวลขณะเฝ้ามองดูการต่อสู้ และการต่อสู้แบบนี้ค่อนข้างดีเพราะมันจะทําให้ชิงหมิงได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ทันใดนั้น เข็มขนาดเท่าเส้นผมก็ถูกยิงออกมาจากมือของชิงหมิง และพุ่งหายวับก่อนจะปรากฏที่ด้านหลังของน่าหลานปิง ทั้งด้านของน่าหลานปิง เขาใช้กระบี่ไม้ป้องกันกริชที่พุ่งเข้ามาและเบี่ยงศีรษะเพื่อหลบเข็มทิศ
แต่แล้ว กริชในมือของชิงหมิงก็เริ่มพุ่งท่านก่อนจะระเบิดพลังแห่งความมืดออกมา
ภาพน่าตกใจปรากฏขึ้น กระบี่ไม้ของน่าหลานปิงกําลังถูกกัดกร่อนและละลายหายไป น่าหลานปิงเองก็แสดงสีหน้าตกใจ แม้ว่ากระบี่ไม้ไผ่ของเขาจะไม่ใช่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็ทํามาจากไม้ไผ่เขียวที่มีอายุ 5000 ปี และมันยังผสานเข้ากับพลังปราณของเขาจนแข็งแกร่งอย่างมาก
ชิงหมิงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ เขาปล่อยหมัดอสูรสันโดษเข้าใส่น่าหลานผิงจากนั้นก็ใช้ย่างก้าว 9 เทวาไปอีกที่และจู่โจมด้วยหมัดอสูรสันโดษซ้ําแล้วซ้ําเล่า ก่อนจะปิดฉากด้วยหมัดอสูรสันโดษครั้งสุดท้ายที่อัดพลังในครั้งเดียว 30 เท่า ชัดน่าหลานผิงปลิวลอยออกจากสนามประลองทันที
น่าหลานบิงโศกเศร้าอย่างมากขณะที่เขาเดินกลับไปยังที่นั่งของตระกูลน่าหลาน ทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็กล่าวว่า “เจ้าพูดเองนะว่าถ้าหากเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าจะออกจากตระกูลน่าหลาน”
“ข้ารู้ข้ายอมรับและในวันนี้ข้าจะจากไป” น่าหลานปิงกล่าวอย่างใจเย็น
“ไปที่คลังและรับเงิน 400 เหรียญของเจ้าซะ” ชายคนนั้นถอนหายใจ
“มันไม่จําเป็นสําหรับข้า แต่ข้าก็ขอบคุณท่านมาก”น่าหลานบึงหันหลังแล้วจากไป ชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือน่าหลานเฉินฮง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอ้างว้างและอารมณ์ที่ซับซ้อน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจอีกครั้ง
“ น้องสาม สิ่งที่เจ้ากําลังทํามันจะเป็นผลดีกับเขา ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้หรอก ตอนนี้เขาเองก็กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่จากไป แต่ในอนาคตเขาก็ต้องจากไปอยู่ดี และยิ่งเขาอยู่ที่นี่ สิ่งต่างๆจะยิ่งทําให้เขาอึดอัดใจ ฉะนั้นจากไปตอนนี้นี่แหละดีแล้ว” ชายคนที่กล่าวมีลักษณะคล้ายกับน่าหลานเฉินฮงอย่ามาก
“ข้ารู้ แต่ข้าเองก็รู้สึกผิดต่อเขาและแม่ของเขา เขาแทบไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยตลอดเวลาที่อยู่ในตระกูลน่าหลาน มันคงจะดีกว่าถ้าหากเขาจากที่นี่ไปตั้งแต่แรก”
ทั้งด้านของชิงสุ่ย เขามีความสุขอย่างมากที่เห็นชิงหมิงเอาชนะศัตรูได้โดยไม่มีความลังเลเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ชิงสุ่ยก็ต้องจับตาดูเด็กคนนี้ให้ดี มิฉะนั้นความผิดพลาดอาจจะทําให้เขากลายเป็นปีศาจอันชั่วร้ายแทน
การต่อสู้ยังคงดําเนินต่อไปจนกระทั่งรอบที่ 3 แม้ว่าชิงหมิงจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แต่ มันก็ต้องแลกมากับอาการบาดเจ็บที่เขาต้องทุกข์ทรมาน เขาจึงเปลี่ยนตัวและให้ชิงหยินขึ้นมารับหน้าที่ต่อ
ชิงหยินเดินไปในเส้นทางที่แตกต่างจากคนทั่วไป เธอเชี่ยวชาญในทักษะย่างก้าว 9 เทวาและยังฝึกฝนเพลงหมัดไทเก๊กมาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีทักษะเกี่ยวกับเสียงบรรเลงที่เธอชอบและแปลกจากคนทั่วไป
ตัวแทนจากตระกูลน่าหลาน แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง ครั้งนี้เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าคล้ายกับเด็กอายุ 13 ปี แต่อายุที่แท้จริงของเขาคนแก่กว่านี้มาก
เด็กน้อยสวมเสื้อผ้าสีดํา ดูเคร่งขรึมขณะที่เขาต้องมองซึ่งหยินก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย ชิงหยินเป็นเด็กสาวที่งดงามมากเรื่องดูอ่อนหวานเป็นที่หมายตาของเหล่าคุณนาง
ชิงหยินไม่พูดพร่ําทําเพลง เธอหยิบพิณสวรรค์ห้าสายที่ชิงสุ่ยมอบให้เธอเป็นของขวัญออกมา
แขนของเธอเริ่มสะบัดไปมาเหมือนกับนางฟ้าที่กําลังกวาดคลื่นก้อนเมฆ จากนั้นเธอก็ลอยขึ้นและพลังวิญญาณของเธอก็แผ่กระจายออกไปครอบคลุมสนามประลอง คลื่นพลังเหล่านั้นเปรียบเสมือนระลอกน้ําที่พัดพาออกมาโดยมีชิงหยินเป็นจุดศูนย์กลาง
Comments
Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1616 – การประลองระหว่างเด็กรุ่นเยาว์ของตระกูลชิงและตระกูลน่าหลาน(3)
บทที่ 1616 – การประลองระหว่างเด็กรุ่นเยาว์ของตระกูลชิงและตระกูลน่าหลาน(3)
ชิงหมิงยังคงโจมตีคู่ต่อสู้ของเขาด้วยมือเปล่าแต่ทุกครั้งเขาจะเป็นเสียงพร้อมกับหยิบอาวุธเร้นลับประจําตัวของเขาออกมาเช่นกันเพื่อทําให้คู่ต่อสู้ตกใจ น่าหลานเจี้ยนหวาดระแวงอย่างมากและพยายามหลีกเลี่ยงทุกครั้ง ซึ่งในทางตรงกันข้าม ชิงหมิงยิ่งเล่นสนุกและพยายามทําให้คู่ต่อสู้ประหม่าด้วยเรื่องเล็กน้อยอย่างต่อเนื่อง
“อาวุธเล้นลับ”
ชิงหมิงพยายามก่อกวน และดูเหมือนคราวนี้จะไม่ได้ผลกับน่าหลานเจี้ยน ชิงหมิงจึง ถอยหลังกลับและคว้าอาวุธขึ้นมาอีกครั้ง “อาวุธเล้นลับ”
คราวนี้น่าหลานเจี้ยนกระโดดลงอย่างรวดเร็ว แต่มันก็เหมือนเดิมคือไม่มีอะไรเกิดขึ้น น่าเหลียนเจี้ยนโมโหอย่างมากเพราะมันทําให้เขารู้สึกว่าเขาเปรียบเสมือนลิงในคณะละครสัตว์ ทุกครั้งที่คู่ต่อสู้ยกแขนเขาจะต้องหลบมันทุกที่ ราวกับว่าเขาเอาแต่วิ่งหนีอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย
รอยยิ้มของชิงหมิงเต็มไปด้วยความเย็นชา สายตาของเขาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามน่าเหลียนเจี้ยน
ชิงหมิงยังคงยิ้มและก้าวถอยหลังพร้อมกับ ยกแขนขึ้น “อาวุธเล้นลับ”
“อาวุธเล้นลับ”
“อาวุธเล้นลับ” “อาวุธเล้นลับ” “อาวุธเล้นลับ”
อาวุธเล้นลับ”
น่าหลานเจี้ยนหมดความอดทนจนครั้งนี้เขาเลือกที่จะไม่หลบ ก่อนจะพุ่งเข้าหาชิงหมิงในระยะใกล้เพียงแค่ 1 เมตร แต่แล้วเขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกคล้ายกับยุงกัด ก่อนเขาจะมองเห็นเข็มเล่มบางเฉือนผ่านคอเข้าไป จากนั้นชิงหมิงก็สะบัดฝ่ามือฟันด้วยกรัชก่อนจะส่งให้น่าหลานเจี้ยนปลิวลอยออกจากลานประลอง
ช่วงเสี้ยววินาที่ร่างกายของน่าหลานเจี้ยนมึนงงโดยไม่รู้ตัว เขากําลังเปิดใช้ทักษะกระบี่แสงแต่ความเร็วที่ว่องไวกว่าของชิงหมิง ทําให้ชิงหมิงอัดกระแทกเข้าที่หน้าอย่างจังจนฟันในปากหลุดกระเด็นกระดอนพร้อมกับเลือดคําตอบ
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างมีความสุข ลักษณะนิสัยของชิงหมิงค่อนข้างคล้ายคลึงกับชิงสุ่ย ชิงหมิงโกรธแค้นตั้งแต่เห็นชิงซุนบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะพิษของยาชาเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสกปรกรวมทั้งอาวุธเร้นลับของเขาด้วย
“ยอดเยี่ยมไปเลย ข้ารู้ว่าเจ้าเด็กเหลือขอจากตระกูลน่าหลานไม่มีอะไรดีเลย เขาเอาแต่ทําให้คู่ต่อสู้แสบตาด้วยทักษะกระบี่แสงอันแสนน่าจะเยอะเพราะแม้แต่ข้าเองก็แสบตาไปด้วย”
“เด็กเหลือขอจากตระกูลชิงก็ชั่วร้ายไม่แพ้กันเลย เดี๋ยวก็ปล่อยหมัดเดี๋ยวก็หลอกด้วยกรีซเจ้าเล่ห์ที่สุด”
“จริงอย่างที่เจ้าว่า แต่ยังไงซะการต่อสู้ของทั้งสองตระกูลก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”
“แต่ถ้าเทียบกันแล้ว พวกเจ้าเคยเห็นตระกูลชิงกดขี่ข่มเหงแย่งชิงผลประโยชน์จากผู้อื่นที่อ่อนแอกว่าหรือไม่? นอกจากนี้ ถ้าหากพวกเจ้ารู้จักหอคอยจักรพรรดิ พวกเจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าใครอยู่เบื้องหลังหอคอยจักรพรรดิแห่งนี้”
” พวกเจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว โดยส่วนตัวข้าเองก็รู้จักกับผู้อาวุโสตระกูลชิง เขามักจะใช้เวลาว่างดื่มชากับปูของข้า ผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ผู้คนมากมายต่างก็ได้รับพรจากตระกูลชิง ดูอย่างยายข้างบ้านข้าสิ แต่ก่อนนางปวยเป็นโรคที่ไม่มีใครรักษาได้และยังไร้ซึ่งเงินตราอยู่อย่างอดอยากยากลําบาก และเมื่อกลุ่มของหอคอยจักรพรรดิตระหนักถึงเรื่องนี้ พวกเขารักษานางโดยไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งพวกเขายังช่วยให้บรรดาลูกหลานของนางมีงานทําซึ่งตอนนี้ครอบครัวของนางก็กําลังมีชีวิตที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเครื่องใช้อีกต่อไปแล้ว”
นี่คือเรื่องจริงแม้ว่าการกระทําของชิงหมิงจะดูชั่วร้าย แต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นเขา ออกไปรังแกผู้อื่นถึงแม้เขาจะทําลงไปบ้างแต่ก็ทํากับเฉพาะคนชนชั้นขุนนางเท่านั้น โดย ยึดมั่นเป้าหมายเฉพาะผู้นําหรือเจ้าชายที่เอาแต่รังแกผู้อื่นโดยใช้ตระกูลของตัวเองมาข่มขู่ และ จากการกระทําเหล่านั้นทําให้คนนอกรู้สึกเชิดชูในตัวของชิงหมิงโดยที่แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่ทันสังเกต
ผู้คนมากมายรอบลานประลองพูดคุยกันอย่างเสียงดัง แน่นอนว่าตระกูลน่าหลานจะต้องได้ยินซึ่งมาทําให้พวกเขารู้สึกเสียใจ พวกเขาทราบดีว่าตระกูลชิงเพิ่งจะมาอยู่ในที่แห่งนี้เป็นเวลาสั้นๆเท่านั้น แต่กลับสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อผู้คนและกลุ่มขุนนางบางกลุ่ม ถ้าหากตระกูลชิงอยู่ที่นี่นานขึ้น พวกเขาจะต้องยิ่งใหญ่กว่านี้แน่
ชิงหมิงยืนอยู่บนเวทีประลองอย่างสงบนิ่ง ตัวเขาไม่ได้ใช้ทักษะใดๆเลย และสิ่งที่เขาจัดการกับศัตรู เขาใช้เพียงแค่ความหวาดกลัวเท่านั้น นี่จะทําให้ตระกูลน่าหลานกลายเป็นตัวตลกโง่งมที่ต้องพ่ายแพ้ก็เรื่องโง่ๆ
แต่แล้วก็มีชายหนุ่มอีกคนนึงจากตระกูลน่าหลานขึ้นมาบนลานประลอง ตอนแรกทุกคนคิดว่านี่คงเป็นจุดสิ้นสุดของตระกูลน่าหลาน เพราะในระยะเวลาสั้นตะกูลน่าหลานได้สับเปลี่ยนจํานวนรุ่นเยาว์ที่สําคัญไปมาก
ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาเรียบง่ายแต่ไร้อารมณ์ ขณะที่ร่างกายของเขาสวมแต่งกายชุดคลุมธรรมดาเท่านั้นในมือของเขาถือกระบี่ไม่ไผ่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นคนที่น่าประทับใจเป็นพิเศษเลยทีเดีย
ชิงสุ่ยค่อนข้างประหลาดใจเมื่อมองดูชายหนุ่มคนนั้น เขาคือผู้ฝึกตนที่มีพรสวรรค์ แต่โชคร้ายที่ไม่ได้เรียนรู้ทักษะที่สมควร เขาเปรียบเสมือนอัญมณีที่ไม่ได้ขัดเงา และสิ่งที่โชคร้ายที่สุดคือไม่มีใครจะตระกูลน่าหลานแกะสลักเขาออกมาให้เป็นหยกที่เงางามได้
ชื่อของเขาคือ น่าหลานผิง เขาคือลูกนอกสมรสของน่าหลานเฉินฮง 1 ใน 3 พี่น้องของผู้นําตระกูลน่าหลาน แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีสถานะโดดเด่นในตระกูลน่าหลาน และเอาแต่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยคิดแข่งขันกับผู้ใด แล้วยังคงสวมชุดเสื้อผ้าธรรมดา แต่เพราะความแข็งแกร่งที่เขามี เขาจึงยังสามารถจัดยืนอยู่ในตระกูลน่าหลานได้
น่าหลานผิง เป็นชื่อที่บ่งบอกถึงความเรียบง่าย แต่เขากลับมีแม่ที่ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานและถูกกดดันโดยภรรยาหลวง สุดท้ายนางก็ถูกขับออกจากตระกูลน่าหลานไป แต่โชคดีที่น่า หลานผิงไม่ได้ถูกกดดันตามไปด้วย จึงทําให้เขาสามารถอาศัยอยู่ในตระกูลน่าหลานได้และเพื่อที่ จะให้แม่ของเขามีชีวิตรอดจากปลอดภัย เขาจึงต้องยอมทําตามคําสั่งของตระกูลน่าหลานอยู่ตลอด
เขากลายเป็นคนเก็บกดไร้อารมณ์ ไม่แม้แต่จะพูดจาใดๆทั้งสิ้นจนคนในตระกูลน่าหลานเองยังมองว่าเป็นคนแปลกหน้า
ชิงสุ่ยไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากที่กล่าวถามผู้คนเรื่องน่าหลานผิง ข้อมูลที่ได้รับจะดูโหดร้ายเช่
ชิงหมิงพุ่งทะยานเข้าหาน่าหลานผิงทันทีโดยไม่พูดจาใดๆทั้งสิ้น เพราะเขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่เริ่มก่อน น่าหลานผิงก็คงไม่ทําอะไรเลย
ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายเข้าน้ํานั่นกัน ชิงสุ่ยก็เพราะว่าเจ้าเด็กน้อยจากตระกูลน่าหลาน มีพรสวรรค์และสามารถเรียนรู้กลยุทธ์ได้โดยไม่ต้องมีคําแนะนําจากอาจารย์
ทักษะที่ต้องสอบเข้าทําหันกันเป็นทักษะที่ง่ายที่สุดแต่กลับให้ความรู้สึกลึกซึ้งยากที่ จะลอกเลียนทุกกระบวนท่าต้องผ่านการกลั่นกรองจากความคิดในระดับสูง และต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายในการฝึกฝนจนเข้าใจมัน
น่าหลานผิงโจมตีและถอยกลับซ้ําไปซ้ํามาเพื่อเข้าใกล้ศัตรูของเขา และเขาจะถอยห่างทุกครั้งที่ชิงหมิงโจมตี แต่เขาเองก็ไม่อาจฟันชิงหมิงโดน
การโจมตีของชิงหมิงเฉียบคมเรียบง่ายราวกับงูพิษ ในขณะที่น่าหลานปิงไม่อาจโต้ตอบอะไรได้เลย นอกจากป้องกันอย่างเดียว ทั้งสองแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ชิงสุ่ยแทบไม่ต้องกังวลขณะเฝ้ามองดูการต่อสู้ และการต่อสู้แบบนี้ค่อนข้างดีเพราะมันจะทําให้ชิงหมิงได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ทันใดนั้น เข็มขนาดเท่าเส้นผมก็ถูกยิงออกมาจากมือของชิงหมิง และพุ่งหายวับก่อนจะปรากฏที่ด้านหลังของน่าหลานปิง ทั้งด้านของน่าหลานปิง เขาใช้กระบี่ไม้ป้องกันกริชที่พุ่งเข้ามาและเบี่ยงศีรษะเพื่อหลบเข็มทิศ
แต่แล้ว กริชในมือของชิงหมิงก็เริ่มพุ่งท่านก่อนจะระเบิดพลังแห่งความมืดออกมา
ภาพน่าตกใจปรากฏขึ้น กระบี่ไม้ของน่าหลานปิงกําลังถูกกัดกร่อนและละลายหายไป น่าหลานปิงเองก็แสดงสีหน้าตกใจ แม้ว่ากระบี่ไม้ไผ่ของเขาจะไม่ใช่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็ทํามาจากไม้ไผ่เขียวที่มีอายุ 5000 ปี และมันยังผสานเข้ากับพลังปราณของเขาจนแข็งแกร่งอย่างมาก
ชิงหมิงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ เขาปล่อยหมัดอสูรสันโดษเข้าใส่น่าหลานผิงจากนั้นก็ใช้ย่างก้าว 9 เทวาไปอีกที่และจู่โจมด้วยหมัดอสูรสันโดษซ้ําแล้วซ้ําเล่า ก่อนจะปิดฉากด้วยหมัดอสูรสันโดษครั้งสุดท้ายที่อัดพลังในครั้งเดียว 30 เท่า ชัดน่าหลานผิงปลิวลอยออกจากสนามประลองทันที
น่าหลานบิงโศกเศร้าอย่างมากขณะที่เขาเดินกลับไปยังที่นั่งของตระกูลน่าหลาน ทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็กล่าวว่า “เจ้าพูดเองนะว่าถ้าหากเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าจะออกจากตระกูลน่าหลาน”
“ข้ารู้ข้ายอมรับและในวันนี้ข้าจะจากไป” น่าหลานปิงกล่าวอย่างใจเย็น
“ไปที่คลังและรับเงิน 400 เหรียญของเจ้าซะ” ชายคนนั้นถอนหายใจ
“มันไม่จําเป็นสําหรับข้า แต่ข้าก็ขอบคุณท่านมาก”น่าหลานบึงหันหลังแล้วจากไป ชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือน่าหลานเฉินฮง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอ้างว้างและอารมณ์ที่ซับซ้อน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจอีกครั้ง
“ น้องสาม สิ่งที่เจ้ากําลังทํามันจะเป็นผลดีกับเขา ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้หรอก ตอนนี้เขาเองก็กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่จากไป แต่ในอนาคตเขาก็ต้องจากไปอยู่ดี และยิ่งเขาอยู่ที่นี่ สิ่งต่างๆจะยิ่งทําให้เขาอึดอัดใจ ฉะนั้นจากไปตอนนี้นี่แหละดีแล้ว” ชายคนที่กล่าวมีลักษณะคล้ายกับน่าหลานเฉินฮงอย่ามาก
“ข้ารู้ แต่ข้าเองก็รู้สึกผิดต่อเขาและแม่ของเขา เขาแทบไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยตลอดเวลาที่อยู่ในตระกูลน่าหลาน มันคงจะดีกว่าถ้าหากเขาจากที่นี่ไปตั้งแต่แรก”
ทั้งด้านของชิงสุ่ย เขามีความสุขอย่างมากที่เห็นชิงหมิงเอาชนะศัตรูได้โดยไม่มีความลังเลเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ชิงสุ่ยก็ต้องจับตาดูเด็กคนนี้ให้ดี มิฉะนั้นความผิดพลาดอาจจะทําให้เขากลายเป็นปีศาจอันชั่วร้ายแทน
การต่อสู้ยังคงดําเนินต่อไปจนกระทั่งรอบที่ 3 แม้ว่าชิงหมิงจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แต่ มันก็ต้องแลกมากับอาการบาดเจ็บที่เขาต้องทุกข์ทรมาน เขาจึงเปลี่ยนตัวและให้ชิงหยินขึ้นมารับหน้าที่ต่อ
ชิงหยินเดินไปในเส้นทางที่แตกต่างจากคนทั่วไป เธอเชี่ยวชาญในทักษะย่างก้าว 9 เทวาและยังฝึกฝนเพลงหมัดไทเก๊กมาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีทักษะเกี่ยวกับเสียงบรรเลงที่เธอชอบและแปลกจากคนทั่วไป
ตัวแทนจากตระกูลน่าหลาน แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง ครั้งนี้เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าคล้ายกับเด็กอายุ 13 ปี แต่อายุที่แท้จริงของเขาคนแก่กว่านี้มาก
เด็กน้อยสวมเสื้อผ้าสีดํา ดูเคร่งขรึมขณะที่เขาต้องมองซึ่งหยินก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย ชิงหยินเป็นเด็กสาวที่งดงามมากเรื่องดูอ่อนหวานเป็นที่หมายตาของเหล่าคุณนาง
ชิงหยินไม่พูดพร่ําทําเพลง เธอหยิบพิณสวรรค์ห้าสายที่ชิงสุ่ยมอบให้เธอเป็นของขวัญออกมา
แขนของเธอเริ่มสะบัดไปมาเหมือนกับนางฟ้าที่กําลังกวาดคลื่นก้อนเมฆ จากนั้นเธอก็ลอยขึ้นและพลังวิญญาณของเธอก็แผ่กระจายออกไปครอบคลุมสนามประลอง คลื่นพลังเหล่านั้นเปรียบเสมือนระลอกน้ําที่พัดพาออกมาโดยมีชิงหยินเป็นจุดศูนย์กลาง
Comments