Another Monster 5.2 คินเดอร์ไฮม์ 511 2

Now you are reading Another Monster Chapter 5.2 คินเดอร์ไฮม์ 511 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 – แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหลังจากนั้น?

 “ส่วนใหญ่ก็จะเสียชีวิตภายในหนึ่งปี”

 – กลับมาที่เรื่องนี้กันต่อ: คุณคิดว่าใครกันที่สร้างคินเดอร์ไฮม์ 511 ขึ้นมา?

 “ฉันไม่รู้ ใครบางคนที่ถูกครอบงำด้วยเรื่องเพ้อฝันของกระทรวงกิจการภายในล่ะมั้ง  ยังไงก็เถอะ ฉันได้ยินมาว่าหลักสูตรและหลักการโดยภาพรวมของที่นั่นถูกคิดขึ้นโดยหนึ่งในจิตแพทย์ที่ฉลาดที่สุดของเชกโกสโลวาเกีย”

 – เกี่ยวกับพวก “โต้เถียง” ที่คุณพูดถึง คุณช่วยเล่าเรื่องนี้เพิ่มได้ไหม?

 “มันก็ เหมือน การโต้เถียงกันทั่วไป  แต่… ถ้าจะพูดให้ง่ายคือ คุณรู้ใช่ไหมว่าผู้คนได้รับผลกระทบทางจิตใจยังไงเมื่อคุณฉุดพวกเขาขึ้นแล้วปล่อยให้พวกเขาร่วงลงไป หรือว่ากดพวกเขาให้ต่ำลงก่อนจะยกพวกเขาขึ้นมาอีกครั้ง; คุณเริ่มจากพูดว่า “แกมันไม่มีอะไรดี แกมันเป็นคนที่ห่วยแตก” แล้วพวกเขาก็จะเริ่มตื่นตระหนกและสูญเสียตัวตนของตัวเอง, ทำให้ถูกชักจูงได้อย่างง่ายดาย  คนเราแค่ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับตัวเองตรงๆ  และมันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บางคนอาจจะสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปจนหมดและลงเอยที่การฆ่าตัวตาย พวกลัทธิในยุคปัจจุบันก็ใช้วิธีนี้ในการหลอกสมาชิกใหม่” 

 “แต่กิจกรรมนี้ที่ทำในคินเดอร์ไฮม์ 511 มันอันตรายยิ่งกว่านั้น พวกเขาถูกสอนว่าอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดที่สามารถแกว่งใส่คนอื่นไม่ใช่ดาบหรือพละกำลัง แต่คือคำพูด  พวกเขาถูกฝึกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมคนอื่น… ไม่, ฝึกให้เป็นผู้นำ  ฉันคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นคือเกมเอาชีวิตรอด, ที่ๆคำพูดสามารถฆ่าคนได้… และผู้ที่พ่ายแพ้ก็จะจิตใจพังทลาย….”

 – ผมอยากจะพูดถึงเรื่องของโยฮันซักเล็กน้อย ทำไมเขาถึงถูกส่งไปคินเดอร์ไฮม์ 511 แต่ว่าอันนาน้องสาวฝาแฝดของเขากลับถูกส่งมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของคุณ?

 “ฉันไม่รู้, มันคือการตัดสินใจของใครคนอื่นซักคน…  ฉันคิดว่าเหตุผลส่วนมากอาจเป็นเพราะมันไม่ใช่ที่สำหรับเด็กผู้หญิง แล้วก็ ฉันคิดว่าตำรวจลับหรือนายทหารของเยอรมันตะวันออกบางคนก็กำลังจับตาดูคู่แฝดนี้อยู่  ฉันคิดว่าเขาคงเห็นศักยภาพในตัวของโยฮัน เขาแค่ไม่ได้คิดว่าโยฮันจะน่ากลัวขนาดที่เขาจะทำลายล้างที่นี่”

 – ตอนนั้นอันนาเป็นอย่างไรบ้าง?

 “เธอฉลาดมาก, และเธอไม่เคยก่อปัญหาให้เราแม้แต่ครั้งเดียว  แต่เธอค่อนข้างจะเก็บตัวและไม่เคยเปิดใจกับเราจริงๆเลย  ภาษาเยอรมันของเธอนั้นไร้ที่ติแต่บางครั้งเธอจะพูดกับตัวเองเป็นภาษาเช็ก  พวกเขาบอกว่าฝาแฝดถูกพบตอนกำลังร่อนเร่ไปตามชายแดนระหว่างเชกโกสโลวาเกียกับเยอรมนี, ดังนั้นฉันเลยคิดว่าเธอเป็นชาวเชกโกสโลวาเกีย  เธอมักจะกังวลถึงพี่ชายตลอดเวลา… ดูเหมือนเธอจะคิดว่าเขาถูกส่งไปที่แย่ๆแห่งนั้นแทนที่ตัวเธอ”

 – เธอเคยทำอะไรแปลกๆบ้างไหม?

 “ก็, เหมือนที่ฉันพูดแหละ เธอจะพูดกับตัวเอง  มันเหมือนกับเธอเล่าเรื่องราวในแต่ละวันให้กับกำแพง อาจจะให้โยฮัน หรือ…”

 – เมื่อกี้คุณจะพูดอะไรหรือเปล่า?

 “ใช่ แต่ว่า… เอ่อ, มันแค่ดูแปลกประหลาดเกินไปเฉยๆ…  อันนามักจะบอกฉัน ‘วันนี้โยฮันเรียนเรื่องนี้’ หรือ ‘โยฮันเจอคนๆนี้’ แต่ฉันก็คิดว่าเธอคงแค่จินตนาการมันขึ้นมา  แต่มันมีคืนๆหนึ่งที่เธอพูดว่า ‘วันพรุ่งนี้ โยฮันจะออกจากสถานเลี้ยงเด็กของเขา’…  และวันถัดมา คินเดอร์ไฮม์ 511 ก็มอดไหม้ และมีเพียงโยฮันกับเด็กชายอีกคนที่รอดมาได้…  ฉันคิดว่ามันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญแหละ”

 – รัฐบาลบอกคุณว่ายังไงเกี่ยวกับเรื่องที่คินเดอร์ไฮม์ 511 ถูกไฟไหม้?

 “ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ปิดปากเงียบสนิท  ฉันเพิ่งจะรู้เรื่องราวจริงๆเมื่อไม่นานมานี้เอง  มันเริ่มต้นจากการตายของผู้อำนวยการ… หลังจากนั้น ครูหลายๆคนก็เริ่มต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้อำนวยการ การบริหารงานภายในพังทลาย พวกเขาไม่สามารถควบคุมเด็กๆได้  แล้วทั้งครูและเด็กๆก็ฆ่าฟันกันเอง”

 – แล้วโยฮันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไงครับ?

 “อืม, ทั้งหมดนี้มาจากคำให้การของจิตแพทย์เด็กคนหนึ่งที่ทำงานให้กับกระทรวงกิจการภายในที่ชื่อฮาร์ทมันน์ คนที่พึ่งจะถูกจับในข้อหาทารุณกรรมเด็ก…  เขาเกี่ยวข้องกับคินเดอร์ไฮม์ 511  และตามคำบอกเล่าของฮาร์ทมันน์, โยฮันนี่แหละที่เป็นคนวางแผนให้ทุกๆคนฆ่ากันเอง มันคงจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อถ้าคดีโยฮันไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป, จริงไหมล่ะ?”

 – งั้นมันคือที่คินเดอร์ไฮม์ 511 งั้นเหรอที่โยฮันกลายเป็นฆาตกร หรือมันเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น?

 “ฮาร์ทมันน์เล่าว่าในตอนนั้นโยฮันเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของการสอนและหลักสูตรมากยิ่งกว่าพวกครูและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงที่เขียนมันขึ้นมาซะอีก  มันเป็นเรื่องผิดพลาดด้วยซ้ำกับการเพียงแค่พยายามที่จะสอนเขา เขาคือผู้ที่จะปกครองมาตั้งแต่ต้นแล้ว”  (เธอหยิบสมุดจดออกมา, พลิกหน้าไปแล้วเริ่มอ่านเสียงดัง)”

 “คำพูดเป๊ะๆของฮาร์ทมันน์คือ…  ‘ทั้งพวกครูและเด็กๆตายในวันนั้น, ทั้งห้าสิบคนเลย’ และโยฮันก็แค่จ้องมองมัน  ผมถามเขา เธอทำอะไรลงไป?  โยฮันหยิบเศษผ้าชุบน้ำมันมาแล้วโยนเข้าไปในกองไฟ  เขาพูดว่า เมื่อผู้คนมาอยู่รวมกัน ความเกลียดชังก็จะเกิดขึ้น ผมแค่ใส่น้ำมันนิดหน่อยลงไปเท่านั้น, เด็ก-สิบ-ขวบ,  คินเดอร์ไฮม์ 511 เป็นการทดลองที่จะเลี้ยงดูเด็กๆให้เป็นสุดยอดทหาร แต่ดูตอนนี้สิ มันเป็นการทดลองที่ไร้ซึ่งประสิทธิภาพ  โยฮันเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ เขาถูกลิขิตให้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด  เราไม่สามารถสร้างงานศิลป์แบบเขาได้หรอก เขาเป็นยิ่งกว่ามนุษย์ เป็นอสูรกายที่แท้จริงตั้งแต่ต้น  ท้ายสุดแล้ว, มนุษย์ทุกคนต่างก็เกลียดชังและฆ่ากันเอง  สิ่งเดียวที่เขาต้องการจะทำ… คือการเป็นมนุษย์คนสุดท้ายที่เหลือรอดตอนที่โลกถึงจุดจบ…”

 

 

ซากที่เหลืออยู่ของคินเดอร์ไฮม์ 511 เมื่อมองจากทางด้านหลัง

 

เศษซากของคินเดอร์ไฮม์ 511 ณ เบอร์ลินฝั่งตะวันออก ที่ดินแห่งนี้ถูกซื้อเพื่อจะทำเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ก็ถูกยกเลิกไปเนื่องจากบริษัทล้มละลาย

 

 – แสดงว่าโยฮันสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมายังคินเดอร์ไฮม์ 511 แล้ว

 “แต่ฉันคิดว่า ถ้าในตอนนั้นใครบางคนยื่นมือมาช่วยเขาอย่างจริงใจและส่งเขาไปยังที่ๆดูแลใส่ใจเขาจริงๆ, เขาก็คงจะเปลี่ยนไปและคงไม่มาก่อคดีพวกนี้”

 – คุณคิดว่าเขาทำลายสถานที่แห่งนั้นได้ยังไง? เขาใช้วิธีอะไรกันในการโยนเศษผ้านั้นไปในกองไฟ?

 “ฉันไม่แน่ใจว่าฉันควรพูดดีไหม แต่ฉันจะบอกคุณอย่างหนึ่ง  ก่อนที่โยฮันจะทำลายคินเดอร์ไฮม์ 511, เราได้รับเด็กคนหนึ่งจากที่นั่นเข้ามา  ก็เหมือนกับคนอื่นๆจากที่นั่น, เขาไร้อารมณ์ความรู้สึก…  แต่เขาเอาชีวิตรอดมาได้ และหลังจากการพักฟื้นอย่างยาวนาน อารมณ์ของเขาก็กลับมาและเริ่มจะรื้อฟื้นความทรงจำได้บางส่วน”

 – เขาจำได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น?

 “ได้ แต่คลุมเครือ  อย่างแรกสุดเลย ระหว่างคาบเรียนการโต้เถียง เหล่าเด็กชายแอบล้างสมองครูให้เกลียดผู้อำนวยการได้สำเร็จ…”

 – แสดงว่าผู้นำของการโต้เถียงถูกเปลี่ยนไปเป็นเหล่าเด็กๆสินะครับ?

 “ใช่แล้ว โดยที่พวกครูไม่รู้สึกตัวเลย  และมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วก่อนที่ผู้อำนวยการจะเสียชีวิต  เหล่าเด็กชายควบคุมพวกครูให้เกลียดชังกันเอง… โดยใช้วิธีควบคุมจิตใจที่พวกเขาสอนให้นั่นแหละ…”

 – ถ้าพวกเด็กๆรวมกลุ่มกันแบบนี้แล้ว ทำไมพวกเขายังจะฆ่ากันเองอีกล่ะ?

 “พวกเขาไม่ได้รวมกลุ่มกันจริงๆหรอก  พวกเขาแค่อยากจะออกมาจากที่นั่นให้ได้และหนีความหวาดกลัวที่เกินทน…  แม้ว่านั่นหมายถึงต้องทำลายที่แห่งนั้นก็ตาม”

 – ความหวาดกลัวที่เกินทน?

 “คินเดอร์ไฮม์ 511 คือโลกใบหนึ่งที่ถูกตัดขาดจากภายนอก  ดังนั้นเด็กๆที่อยู่ในนั้นจะไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกบ้าง, การเมืองในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง  ใครจะรู้, อาจจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นก็ได้  ถ้าคุณบอกพวกเขาว่าพวกเขาเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่เหลือรอดบนโลก, พวกเขาก็คงจะเชื่อคุณ  และดังนั้นพวกเขาเลยสร้างนิทานแปลกๆเรื่องนี้ขึ้นที่แพร่กระจายไปทั่วกลุ่มเด็กๆ”

 – นิทานงั้นเหรอ?

 “ในคินเดอร์ไฮม์ 511, มีเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกทำให้หลับภายใต้ยานอนหลับตลอดเวลาเพราะเขามีคำพูดที่สามารถทำลายใครก็ได้อยู่,  พวกครูคิดว่าเขาเป็นปีศาจและขังเขาไว้ใต้ดิน  ความน่าสะพรึงกลัวที่พวกเขารู้สึกจากเด็กชายนั้นมากเสียจนพวกเขาสาบานว่ามองเห็นเขาสิบเขาและหัวเจ็ดหัว  แต่วันหนึ่ง, เด็กชายคนนั้นก็เกิดต้านทานยาได้และตื่นขึ้นมา  เขาควบคุมผู้คุมคุกและแอบเข้ามาแฝงตัวในกลุ่มนักเรียน  แต่เหล่าเด็กชายไม่รู้ว่าเขาคือใคร… เพราะไม่มีใครเลยที่รู้ชื่อหรืออดีตของคนอื่นๆ  เด็กชายคนนี้เกลียดทุกอย่างของสถานที่นี้ ดังนั้นเขาเลยเริ่มแอบวางแผนให้ทุกคนฆ่ากันเอง”  

 “อย่างแรก, เขาจะขโมยความทรงจำของทุกคน พวกเขาจะจำอะไรไม่ได้แม้กระทั่งชื่อของตัวเอง และหลังจากนั้นก็จะเสนอหนทางสู่ความตายให้ผ่านทางความทรมานของพวกเขา…  แต่เหล่าเด็กๆไม่เคยนึกมาก่อนว่าพวกเขาถูกควบคุมอยู่หรือมีใครบางคนกำลังพยายามควบคุมเราอยู่?  และความตึงเครียดอย่างมากนี้ก็แผ่ไปทั่วสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”

 – นั่นคือทั้งหมดเหรอที่ใช้ทำลายการทดลองนี้?

 “ฉันไม่รู้ มันต้องมีอะไรบางอย่างที่น่าหวาดกลัวมากเกี่ยวกับนิทานเรื่องนั้นสำหรับพวกเด็กๆในคินเดอร์ไฮม์ 511”

 – ท้ายที่สุดแล้ว, พวกเขาก็ไม่สามารถเชื่อใจกันและกันได้, และทั้งเด็กๆและผู้ใหญ่ต่างก็เผชิญหน้าใส่กันและกัน

 “เด็กชายคนที่จำนิทานเรื่องนี้ได้บอกว่า, ทุกๆคนเริ่มหวาดระแวง, พยายามหาว่าใครคือปีศาจอย่างบ้าคลั่ง แต่เมื่อเขานึกย้อนกลับไป…”

 – อะไรเหรอครับ?

 “ตอนแรกสุด, มันเป็นเพียงเด็กชายคนหนึ่งที่เล่านิทานเรื่องนี้…  เด็กหนุ่มผมบลอนด์ผู้หล่อเหลา เขาคือคนที่เริ่มเรื่องราวทั้งหมดนี้  ทำไมถึงไม่มีใครเอะใจกัน?”

 

  เรายืนขึ้นและจับมือกัน  เธอบอกว่าเธอไม่มั่นใจว่าเธอจะช่วยอะไรได้ไหม แต่เธออยากจะให้ผู้คนในฝั่งตะวันตกรับรู้ความจริงให้ได้มากที่สุด  เธอไม่อยากให้ใครต้องพบเจอแบบเดียวกับที่เด็กๆจากเยอรมันตะวันออกต้องทนทรมาน  ตัวเธอเองก็เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า, เพราะว่าพ่อและแม่ทิ้งเธอไปเมื่อ 45 ปีก่อนเมื่อพวกเขาแอบข้ามพรมแดนไปยังเยอรมันตะวันตก  

  ผมถามเธอว่าเธอได้พบกับพ่อแม่ไหมตั้งแต่หลังการรวมชาติ เธอตอบว่าเธอได้ติดต่อไปแต่ว่าไม่ได้ไปพบหน้าพวกเขา  หลังจากนั้นไม่นาน พ่อของเธอก็ล้มป่วยเสียชีวิตและแม่ของเธอก็ต้องอยู่คนเดียว…  เธอบอกว่าเธอจะไปสำนักทะเบียนเพื่อไปหาบันทึกใดๆที่หาได้เกี่ยวกับการทดลองลับที่ทดลองกับเด็กภายใต้อดีตระบอบคอมมิวนิสต์  เธอสัญญาว่าจะโทรหาผมถ้ามีอะไรเกิดขึ้น

  “สิ่งที่ตำรวจลับทำนั้นก็เหมือนกับที่คินเดอร์ไฮม์ 511 แต่เป็นทั้งประเทศ, พวกเขาชักใยให้ครอบครัว, คู่รัก และเพื่อนเผชิญหน้าเข้าใส่กันและฉุดลากประเทศนี้ไปยังฝันร้ายของการหวาดระแวง” คือคำพูดสุดท้ายของเธอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด