Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1037 ทุ่งน้ำค้างแข็งผลึกเร้น

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1037 ทุ่งน้ำค้างแข็งผลึกเร้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลายปีก่อน ยามที่อยู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในแดนลับอสูรมารอริยะ เพราะเรื่องที่พ่ายแพ้ในเงื้อมือของหลินสวินพาให้ซูซิงเฟิงคับแค้นฝังใจมาจนบัดนี้

หลายปีต่อมา ซูซิงเฟิงไต่เต้าขึ้นสู่รายชื่อศิษย์แกนหลักแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอย่างราบรื่น เดิมทีคิดว่าเพียงพอจะล้างความอัปยศก่อนหน้านี้ได้แล้ว

แต่ที่ทำให้เขาไม่อาจยอมรับคือ หลินสวินในตอนนี้คือเทพมารหลินที่มีชื่อเสียงเกรียงไกร!

เขาไม่ยอม ไม่เต็มใจ ไม่ยินดีจะถูกหลินสวินบดบังรัศมีอีกครั้ง

ดังนั้นครั้งนี้เมื่อรู้ข่าวว่าหลินสวินปรากฏตัวที่แคว้นหมึกขาว ก็ตั้งใจไปดูศัตรูคู่แค้นที่ทำให้เขาแค้นฝังใจ ให้เห็นกับตาตัวเองว่าจะแข็งแกร่งขึ้นถึงขั้นไหนกันแน่

แต่ยามนี้ในที่สุดซูซิงเฟิงก็เห็นความน่ากลัวของหลินสวินเองกับตัว!

การโจมตีเพียงสามครั้ง เขาก็ถูกสยบโดยตรง ไร้ซึ่งความอนาทร ยิ่งไม่มีพลังขัดขืน ถูกบดขยี้อย่างสิ้นเชิง!

เมื่อเทียบกับหลายปีก่อน หลินสวินในตอนนี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนชัดๆ ฝีมือต่อสู้กร้าวแกร่ง อานุภาพอหังการ พาให้ซูซิงเฟิงยังรู้สึกหมดหวัง

ควรรู้ว่าเขาก็เองก็เหยียบย่างบนมกุฎมรรคาแล้วเหมือนกัน แต่ยามที่เผชิญหน้ากับหลินสวิน สิ่งที่แลกมาก็ยังเป็นจุดจบที่ถูกกำราบตามเคย!

และเวลานี้ ในที่สุดซูซิงเฟิงก็เพิ่งประจักษ์แจ้งว่าในช่วงหลายปีมานี้ที่ตนแข็งแกร่งขึ้น หลินสวินเองก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน แถมยังแกร่งจนห่างชั้นกันลิบลับ!

เขายังสงสัยว่าทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ เกรงว่าคงมีแต่เยี่ยนจั่นชิวลงมือด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะมีโอกาสกำราบหลินสวิน

เพียงแต่ไม่รอให้ซูซิงเฟิงคิดมากก็ถูกหลินสวินซัดสลบเหมือด

และจากนั้นครู่หนึ่ง ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอีกสิบหกคนที่เหลือต่างก็ถูกกำราบ ไม่มีใครรอด และไม่มีใครหลบหนีได้สักคน

……

เมืองเนินยุทธ์

สียามค่ำคืนเหมือนสายน้ำ แต่ในเมืองกลับสว่างไสว

ผู้ฝึกปราณตัวเปื้อนฝุ่นธุลีคนหนึ่งเพิ่งมาถึงนอกเมือง เตรียมจะเข้าไปในเมือง แต่พอช้อนสายตาขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจก็ปากอ้าตาค้างทันที

บนผนังกำแพงสูงตระหง่าน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่มีเงาร่างคนแล้วคนเล่าแขวนห้อยอยู่ ล้วนถูกมัดตัวแน่นหนา ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เรียงแถวหน้ากระดาน

และบนนั้นก็เขียนอักษรเลือดตัวใหญ่ที่แสนอุกอาจสะดุดตาแถวหนึ่ง

‘ผู้สืบทอดสำนักใหญ่อันทรงเกียรติส่วนหนึ่ง กลับไม่สนศักดิ์ศรี สมคบคิดกับพวกสวะหมาทมิฬ พฤติกรรมต่ำช้า พาให้ผู้คนเคืองขุ่น ธรรมชาติเกินรับไหว!’

เมื่อเห็นฉากนี้ผู้ฝึกปราณก็สูดหายใจเฮือก ในใจสั่นสะท้าน

ไม่นานนักผู้ฝึกปราณที่รวมตัวกันนอกประตูเมืองก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมองเห็นภาพฉากนี้ต่างพากันหน้าเปลี่ยนสี ตื่นตระหนกไม่สิ้น

“เป็นใครกันถึงกับกล้าแขวนผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณไว้ตรงนี้ ประกาศศักดาต่อธารกำนัล”

ผู้คนมากมายต่างใจสะท้านสะเทือน

เมืองเนินยุทธ์นี้เป็นเมืองที่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณมากที่สุด แต่ยามนี้ ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณกลับถูกมัดตัวแน่นหนา แขวนประจานอยู่บนกำแพงเมือง นี่ก็เห็นได้ชัดว่ากำลังตอกหน้าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอยู่!

“สมคบคิดกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬหรือ หากเป็นเช่นนี้จริงๆ เจ้าพวกนี้ก็ไร้ยางอายยิ่งแล้ว ใครไม่รู้บ้างว่าพวกหมาทมิฬเหล่านี้เป็นเผ่าหนึ่งที่ผู้ฝึกปราณในใต้หล้าชิงชังมากที่สุด”

และมีคนร้องอุทาน ข่าวที่ตัวอักษรเลือดแถวนั้นเปิดโปงช่างพาให้ผู้คนตกใจเสียจริง หากพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ชื่อเสียงของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณจะต้องแปดเปื้อนอย่างแน่นอน

“ต้องเป็นฝีมือเทพมารหลินแน่นอน! ก็มีแต่เจ้าหมอนี่ที่ใจกล้าทำเรื่องผิดมนุษย์มนาขนาดนี้!”

“ถูกต้อง หลายวันมานี้แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณไม่ได้ล่าตัวเจ้านั่นตลอดเลยหรือ เห็นชัดๆ ว่าทุกอย่างตรงหน้าก็คือการแก้แค้นจากเจ้านั่น”

ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ต่างเดาถึงชื่อนี้ออกมาได้โดยไม่ได้นัดหมายตั้งแต่จังหวะแรก ในใจก็ว้าวุ่นไม่หยุด ไม่อาจสงบสติอารมณ์

ก่อนหน้านี้ยามที่ได้ยินข่าวว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณล่าตัวหลินสวิน ยังมีผู้ฝึกปราณไม่น้อยตั้งใจจะชมเรื่องสนุก คิดว่าครั้งนี้เกรงว่าเทพมารหลินคงต้องตกที่นั่งลำบากเท่านั้นแล้ว

แต่ใครเลยจะคิดว่าคืนนี้เอง เทพมารหลินสวินก็สำแดงการตอบโต้!

หนำซ้ำการตอบโต้เช่นนี้ยังไม่ได้ปกปิดใดๆ เผด็จการเป็นที่สุด!

“พอเรื่องนี้แพร่ออกไป แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณคงไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ แน่ หากไม่เหนือคาด ทั่วทั้งแคว้นหมึกขาวจะเริ่มเปิดฉากมรสุมลูกใหญ่ในคืนนี้…”

มีคนทอดถอนใจ สังหรณ์ใจว่าเรื่องในคืนนี้จะต้องสร้างคลื่นลมที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างแน่นอน

ไกลออกไปหลินสวินและเซียวชิงเหอเก็บสายตากลับมา ต่างฝ่ายต่างสบตากันปราดหนึ่ง พากันหัวเราะอย่างเงียบๆ

“เมื่อของขวัญชิ้นโตนี้ส่งออกไป ทั้งบนล่างแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณต้องเดือดดาลด้วยเหตุนี้เป็นแน่ และเจ้าเดรัจฉานเฒ่าซูคงที่สมคบคิดกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ไม่เพียงต้องแบกรับคำครหา แถมต้องให้คำอธิบายที่น่าพอใจแก่แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอีกด้วย หาไม่ ผลกระทบนี้ก็จะเลวร้ายเกินไป”

เซียวชิงเหอหัวเราะร่วนเอ่ยคำ

เขามาจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา เข้าใจพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของสำนักโบราณเหล่านี้เป็นที่สุด เพื่อศักดิ์ศรีและกิตติศัพท์ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลือกร่วมมือกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างโจ่งแจ้ง หาไม่คงถูกคนทั่วหล้าปรามาสแน่นอน

“แต่น่าเสียดาย ครั้งนี้ไม่ได้พบแม่นางจ้าวจิ่งเซวียนเลย”

เซียวชิงเหอชำเลืองมองหลินสวินปราดหนึ่ง

“ไม่ได้บอกว่านางมุ่งหน้าไปภูเขาเทพไร้มรณะแล้วหรือ พอดีเลย พวกเราก็ต้องไปร่วมศึกประลอง ‘กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์’ ด้วยเหมือนกัน ถึงตอนนั้นค่อยเจอกันก็ไม่เป็นไร”

สีหน้าหลินสวินราบเรียบ ความจริงแล้วในใจก็รู้สึกเสียดายน้อยๆ เช่นกัน

ครั้งนี้มุ่งหน้ามาแคว้นหมึกขาว เป้าหมายแรกเริ่มของเขาก็แค่อยากพบหน้าค่าตาจ้าวจิ่งเซวียน แต่คิดไม่ถึงเลยว่ายังจะดึงดูดระลอกคลื่นเช่นนี้ขึ้นมาได้

แต่ว่าหลินสวินไม่นึกเสียใจด้วยซ้ำ

ความแค้นระหว่างเขากับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณผูกพยาบาทกันตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว ต่อให้วันนี้ไม่ปะทุขึ้นมา วันหน้าก็ต้องระเบิดออกมาอยู่ดี

“แต่ข้าขอเตือนเจ้า ครั้งนี้คนที่เดินทางมุ่งสู่ภูเขาเทพไร้มรณะร่วมกับแม่นางจ้าวจิ่งเซวียน ยังมีเยี่ยนจั่นชิวเจ้าหมอนี่ด้วย”

เซียวชิงเหอเอ่ยเตือน “และเรื่องที่เจ้าทำลงไปในวันนี้ จะต้องเข้าหูเยี่ยนจั่นชิวตั้งแต่แรก ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่อจ้าวจิ่งเซวียน แต่ลำพังเพื่อรักษาชื่อเสียงสำนักเอาไว้ เกรงว่าเยี่ยนจั่นชิวคงเห็นเจ้าเป็นหนามยอกอกอย่างแน่นอน”

หลินสวินพยักหน้า เขาย่อมรู้ดีว่าเรื่องราวที่ทำลงไปในคืนนี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์แบบใด

……

ผ่านไปหลายวัน แดนชัยบูรพาสั่นสะเทือน

หลินสวินซึ่งได้รับความสนใจเต็มเปี่ยมเพราะอยู่ในอันดับแรกของกระดานเกียรติภูมิผู้กล้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนร้องอุทานอีกครั้ง

มีคนคำนวณเวลา นับแต่เทพมารหลินเข้าสู่แดนชัยบูรพาจวบจนบัดนี้ยังไม่ครบสามเดือนดีด้วยซ้ำ ก็สร้างความปั่นป่วนให้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์แห่งแคว้นกู่ชาง สำนักกระบี่เทียมฟ้าแห่งนครหยกขาว แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณแห่งแคว้นหมึกขาวอย่างต่อเนื่อง!

สามขุมอำนาจใหญ่นี้ แต่ละที่ล้วนเป็นถึงสำนักโบราณชื่อเสียงเกรียงไกร รากฐานแน่นหนาไร้ใดเปรียบ!

แต่เด็กหนุ่มไร้สำนักปราศจากสังกัดอย่างเทพมารหลินกลับกล้าท้าทายสำนักโบราณ แต่ละครั้งล้วนสร้างคลื่นลมมหึมา จากนั้นก็จากไปอย่างผ่าเผย สิ่งนี้พาให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนรู้สึกสะท้านสะเทือนยิ่ง น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

สำนักโบราณที่กระจายตัวอยู่ในแดนชัยบูรพาใช่ว่ามีน้อย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึง ‘แหล่งกำเนิดแห่งเหล่าอริยะ’ ‘แดนอริยมรรคนิรันดร์’ อันเป็นที่ยอมรับในดินแดนรกร้างโบราณ

เดิมทีสำนักโบราณส่วนหนึ่งไม่ได้ใส่ใจต่อการปรากฏตัวอุกอาจของเทพมารหลิน คิดว่าเป็นเพียงเรื่องทะเลาะเล็กน้อยของเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง

แต่ยามนี้สำนักโบราณเหล่านี้ต่างถูกทำให้ตกใจ เริ่มเพ่งความสนใจไปที่ตัวเจ้าหนุ่มที่กร้าวแกร่งผงาดง้ำปานดาวหางคนนี้

มาจากโลกชั้นล่าง ไร้สำนักไร้พรรค ไม่มีรากเหง้า แค่ตัวคนเดียวลำพัง แต่กลับสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือสามสุดยอดสำนักโบราณโดยสวัสดิภาพอยู่บ่อยครั้ง นี่เห็นได้ชัดว่าผิดธรรมดายิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!

“เจ้านั่นเหมือนปีศาจ พฤติกรรมอุกอาจกำแหง ไร้ขื่อไร้แป เมื่อผงาดขึ้นมาจะต้องเป็นเภทภัยต่อใต้หล้า” สำนักไม่น้อยต่างออกความเห็นวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้

หลินสวิน คนหนุ่มไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง กลับกล้าท้าทายสำนักโบราณบ่อยครั้ง สิ่งนี้พาให้สำนักอื่นๆ ตื่นตัว ได้กลิ่นภัยคุกคามน้อยๆ แล้วเช่นกัน

“มหายุคใกล้มาเยือน การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อนกำลังสำแดงอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ ระหว่างการเชื่อมต่อเก่าและใหม่นี้ สามารถให้กำเนิดผู้กล้ารุ่นเยาว์อย่างเทพมารหลินขึ้นมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

สำนักโบราณส่วนใหญ่ต่างรักษาจุดยืนของการเป็นผู้ชมอยู่ด้านข้างไปพลางๆ บนโลกใบนี้ไม่มีวันขาดแคลนผู้กล้าและวีรชน ถึงแม้หลินสวินจะแกล้วกล้าน่าจับตามองในช่วงที่ผ่านมา แต่ว่ากันถึงที่สุดแล้ว สุดท้ายก็เป็นเพียงคนหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น

คนรุ่นเดียวกันที่โดดเด่นยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับเขาก็มีไม่น้อย กระทั่งคนที่โดดเด่นเป็นสง่ามากกว่าเขาก็ใช่ว่าไม่มีเลย

จะสามารถเหยียบย่างบนขอบเขตมกุฎระดับราชันในมหายุคได้หรือไม่ บางทีต้องรอถึงตอนนั้นจึงจะสามารถประเมินความตื้นลึกของรากฐานพลังและความสั้นยาวในมรรคาของเขาได้อย่างแท้จริง!

ขณะที่โลกภายนอกต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ หลินสวินและเซียวชิงเหอก็ได้ปรากฏตัวบนทุ่งน้ำค้างแข็งผลึกเร้นที่เวิ้งว้างร้างผู้คนแห่งหนึ่งตั้งนานแล้ว

ทอดสายตาไกลออกไป รอบด้านล้วนเป็นน้ำค้างเย็นน้ำแข็งหิมะ ฟ้าดินไพศาล สีขาวเงินทั้งแถบ

“ภูเขาเทพไร้มรณะตั้งอยู่ภายในแดนลี้ลับ หากคิดเข้าไปในนั้นจะต้องข้ามผ่านทุ่งน้ำค้างแข็งผลึกเร้นแถบนี้ให้ได้ก่อน”

เซียวชิงเหอพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งเฮือก ไอร้อนเพิ่งจะแผ่กระจายก็ถูกควบแข็งกลายเป็นแท่งน้ำแข็ง ร่วงตุบลงกับพื้น

“ที่แห่งนี้ลือกันว่าเป็นรังเก่าของเผ่าจู๋หลงบรรพกาล หนาวเย็นกรีดกระดูก สัตว์ปีศาจที่จำศีลอยู่ในนั้นมีเป็นฝูง อยากข้ามผ่านอย่างปลอดภัยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

เซียวชิงเหอแนะนำไปพลาง เหาะเหินมุ่งหน้าพร้อมกับหลินสวินไปพลาง

ยานขนส่งอวกาศถึงจะรวดเร็วถึงขีดสุด แต่ก็เปลืองแรงมหาศาลเช่นเดียวกัน หากไม่จำเป็นหลินสวินก็ไม่อยากขับสมบัติอริยะลำนี้โคลงเคลงข้ามเมืองไป

ยามนี้เหลือเวลาห่างจากการประชันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ราวๆ เจ็ดวัน จากการสันนิษฐานของเซียวชิงเหอ หากไม่เหนือความคาดหมายก็น่าจะเข้าสู่ภูเขาเทพไร้มรณะแห่งนั้นได้ก่อนเวลา

ท่ามกลางลมหิมะเวิ้งว้าง เงาร่างของทั้งคู่ถูกท่วมจมอย่างรวดเร็ว หายลับไปในที่ไกลๆ

ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงเข่นฆ่าอันดุเดือดก็ลอยมาจากระยะไกล หลินสวินและเซียวชิงเหอหยุดฝีเท้าทันควัน แผ่จิตรับรู้กระจายออกไป

บริเวณไกลๆ งูเหลือมยักษ์น้ำแข็งลำตัวยาวเต็มพันจั้ง ร่างหนาเท่าบ้านตัวหนึ่งห้อทะยานกลางอากาศ กำลังโรมรันดุเดือดกับชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่ง

งูเหลือมยักษ์น้ำแข็งทรงพลังไร้เทียมทาน ส่วนหัวมีเขาประหลาดคู่หนึ่งงอกออกมารำไร ถึงกับมีลักษณะจะกลายเป็นมังกร มันห้อทะยานกลางห้วงอากาศ ปลดปล่อยพลังน้ำค้างแข็งและประจุอสนี พาให้ฟ้าดินแถบนี้จมสู่ความสั่นสะเทือน อานุภาพดุร้ายท่วมฟ้า

สามารถกล่าวได้อย่างไม่เกินจริงแม้แต่น้อย ต่อให้ระดับกึ่งราชันมาเอง ก็ต้องฝังร่างอยู่กลางปากสัตว์ตัวนี้แน่นอน!

เพียงแต่เหนือความคาดหมายของหลินสวินและเซียวชิงเหอ ยามนี้งูเหลือมยักษ์น้ำแข็งกลับตกสู่สถานการณ์ถูกควบคุมโดยสิ้นเชิง!

ชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนนั้นมีผมยาวดั่งเพลิง มือกำดาบศึกสีเลือดยาวสี่ฉื่อ ตัวดาบคละคลุ้งด้วยแสงสายฟ้า ท่วงท่าอาจอง หยิ่งผยองกำแหง

รูปแบบการต่อสู้ของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวถึงที่สุด ดาบพุ่งดั่งฟ้าคำราม ว่องไวเต็มพิกัดทั้งยังเผด็จการ ไอดาบเจิดจ้าสายแล้วสายเล่านั้นประหนึ่งควบรวมมาจากสายฟ้าแห่งเก้าสวรรค์ พาดขวางกลางฟ้าดิน เปี่ยมด้วยกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึง พาให้ห้วงอากาศแตกกระจุยกลายเป็นเกลียวคลื่นแผ่กว้างไม่ขาดสาย

เพียงแค่ทอดมองจากไกลๆ ก็ให้บรรยากาศดุกร้าวเผด็จการบีบคั้นแก่ผู้คนได้แล้ว

ปึง!

ขณะที่หลินสวินและเซียวชิงเหอมองไป การต่อสู้ก็จวนจะยุติแล้ว ก็เห็นเงาร่างกำยำดั่งเพลิงสายนั้นห้อทะยานฟ้า ฟันดาบเดียวลงไป ราวกับสายฟ้าสีเลือดร่วงหล่นจากเวิ้งนภา

หัวของงูเหลือมยักษ์น้ำแข็งระเบิดกระจุยดังสนั่น!

แสงอสนีเจิดจรัสส่องสะท้อนบนเงาร่างกำยำที่ยืนถือดาบอยู่ตรงนั้น ทำให้เขาโดดเด่นสง่าสะท้านโลก ราวกับเทพไท้กลางดงดาบ

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด