Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1198 บ่อโลหิตนรกเทพ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1198 บ่อโลหิตนรกเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้รู้สึกว่าท่าทางตอนโกรธของจี้ซิงเหยาจะมีเสน่ห์ดึงดูดอยู่บ้าง แต่หลินสวินกลับไม่สนใจจะชื่นชม

ในสัมผัสรับรู้ของเขา มีไอสังหารล้นฟ้ากำลังเร่งตามมาจากที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว!

อานุภาพแห่งไอสังหารนั้นทำเอาหลินสวินตะลึง รับรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ที่มาคราวนี้ต้องมีจำนวนไม่น้อยแน่

อีกทั้งไม่ขาดแคลนยอดฝีมือ!

“เอาเถอะ ครั้งหน้าค่อยสนทนากับเจ้า”

หลินสวินตัดสินใจหันหลังจากไป

“เจ้า…”

จี้ซิงเหยาร้องทัก

หลินสวินหันกลับไปมอง

จี้ซิงเหยาชะงัก จากนั้นก็แค่นเสียงกล่าว “เจ้าไม่ต้องการค่าชดเชยแล้วรึ”

หลินสวินยิ้ม “ช่างเถอะ ขอแค่เจ้าไม่โกรธข้าอีกก็พอ”

ขณะกล่าวเงาร่างเขาก็หายไปในห้วงอากาศที่อยู่ห่างออกไปแล้ว

“เหอะ! ใครจะโกรธอันธพาลหน้าเหม็นอย่างเจ้า!” จี้ซิงเหยาสบถ ใบหน้างามรู้สึกร้อนระอุและเดือดดาลอย่างยากอธิบายอยู่บ้าง

เจ้าหมอนี่ช่างปากสุนัขซะจริง!

“ศิษย์พี่จี้ ท่านกับเทพมารหลินนั่น…” มีคนอดกล่าวถามไม่ได้

แต่ไม่รอให้พูดจบก็ถูกจี้ซิงเหยาตัดบทอย่างเย็นชา “ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น หากพวกเจ้ากล้าพูดพล่อยๆ อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่มิตรภาพร่วมสำนัก!”

ในน้ำเสียงเจือความโกรธอย่างเห็นได้ชัด

แต่เมื่อเข้าหูคนอื่นกลับเหมือนยิ่งปิดยิ่งเด่นชัด…

จี้ซิงเหยาก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าทุกคนที่มองนางผิดแปลกอยู่บ้าง ในใจรู้สึกคับข้องขึ้นมาอีกระลอกอย่างห้ามไม่อยู่

นางสูดหายใจลึก สีหน้าฟื้นคืนความสงบ กล่าวว่า “พวกเราก็ควรไปได้แล้ว”

ในจุดที่ห่างออกไป ไอสังหารน่าตะลึงแผ่กระจายราวเมฆทมิฬมุ่งปกคลุมมาทางนี้ ไม่จากไปตอนนี้ ภายภาคหน้าต้องนำเภทภัยใหญ่หลวงมาให้แน่

“เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับเขาหมอกทองคำนี่ดี” มีคนถาม

“ใครอยากได้ก็เอาไป!” จี้ซิงเหยากล่าวชัดเจน

ดังนั้นพวกเขาทั้งคณะจึงเลือกจากไปทันที

เพียงแต่ระหว่างทางจี้ซิงเหยากลับเลือกแยกตัวไปคนเดียว

“ศิษย์น้องจี้ เจ้าจะไปไหน” โม่เทียนเหอถาม

“ไปทำธุระเรื่องหนึ่ง”

จี้ซิงเหยาตอบโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ขณะกล่าวชายเสื้อนางพลิ้วไหว หายลับจากไปดั่งรุ้งอัศจรรย์

“ศิษย์พี่จี้จะไปทำธุระอะไร”

คนมากมายอึ้งงันไม่เข้าใจ

‘ต้องเกี่ยวกับเทพมารหลินนั่นแน่!’

โม่เทียนเหอสีหน้าอึมครึม

ครืน!

ขณะที่พวกเขาเพิ่งจากไปไม่นาน ใกล้เขาหมอกทองคำเงาร่างระดับราชันมากมายก็มาถึง

อานุภาพน่าตกตะลึงราวเมฆดำปกคลุม

“ถูกมันชิงหนีไปก่อนอีกแล้ว!”

“น่าชังนัก!”

“ตามต่อ!”

เสียงคำรามปั่นป่วนไปทั่วทิศทำให้ห้วงอากาศโดยรอบสั่นสะเทือน เต็มไปด้วยความโกรธและเคียดแค้นไร้สิ้นสุด

ทว่าหลินสวินได้หยุดภารกิจล้างบางเขาวิญญาณแดนมงคลลงแล้ว การไล่ล่าต่อจากนั้นพวกเขาจึงสูญเสียร่องรอยของหลินสวินไปอย่างสมบูรณ์

ที่ทำให้พวกอูหลิงเฟิงเดือดจัดที่สุดคือ เวลานี้ขุมอำนาจอื่นที่ตั้งถิ่นฐานในแดนอัคคีทักษิณกลับบุกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ ฉวยโอกาสตีชิงตามไฟ แย่งแดนมงคลที่ถูกกวาดล้างไปแล้วเหล่านั้น

ด้วยประการฉะนี้จึงทำให้สถานการณ์ของพวกอูหลิงเฟิงเปลี่ยนเป็นยากแค้นทันที

ต่อให้ใจเคียดแค้นแค่ไหน พวกเขาก็รู้ดีว่าเสียโอกาสสังหารหลินสวินไปแล้ว ดังนั้นจึงเปลี่ยนแผนไปยึดแดนมงคลที่เดิมเป็นของพวกเขาทันที

วันนี้แดนอัคคีทักษิณปั่นป่วน สั่นสะเทือนทุกหย่อมหญ้า

มีคนทำบันทึกว่าเพียงไม่ถึงสองชั่วยาม หลินสวินคนเดียวก็ยึดแดนมงคลสี่แห่งอย่างเขาฝนดาวตก เขาช้างป่า เขาเพรียกมรกต เขาหมอกทองคำได้แล้ว

แต่ละแห่งล้วนเลือดหลั่งรินเป็นกระแสน้ำ เขม่าควันตลบอบอวล!

และในเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎราชันที่ตายในมือหลินสวินก็ไม่ต่ำกว่าสิบห้าคน

น่าตกตะลึงยิ่งนัก!

ต้องรู้ว่าในแดนเก้าบนมกุฎราชันก็เหมือนตัวตนที่ยืนบนยอดเขา สามารถคำรามก้องทั่วทิศ ควบทะยานทั่วหล้า

ในสายตาพวกเขาราชันทั่วไปก็ไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกที่ยังไม่เลื่อนระดับกลายเป็นราชัน แน่นอนว่าไม่มีภัยคุกคามใดๆ

แต่หลินสวินกลับฆ่าระดับมกุฎราชันราวฉีกภาพวาด!

นี่ก่อให้เกิดแรงสะเทือนครั้งใหญ่ต่อมกุฎราชันคนอื่น ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นพรั่นพรึง

เช่นเดียวกัน ด้วยปฏิบัติการล้างแค้นของหลินสวิน ในแดนอัคคีทักษิณจึงเปิดฉากฝนโลหิตคาววายุขนาดใหญ่ยิ่งกว่าเดิม

แต่ละขุมอำนาจฉวยโอกาสแย่งชิงแดนมงคลที่ถูกล้างบางพวกนั้น แน่นอนว่าขุมอำนาจอย่างพวกอูหลิงเฟิงย่อมไม่พอใจ ดังนั้นจึงก่อให้เกิดการปะทะระหว่างขุมอำนาจขึ้น!

ทว่าคลื่นลมทั้งหมดนี้ล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับหลินสวิน

หลังจากไปเขาก็มุ่งตรงกลับเขาดาราราย เพียงแต่เขาดารารายได้กลายเป็นซากปรักหักพังแถบหนึ่งไปนานแล้ว แม้แต่ชีพจรปราณวิญญาณดั้งเดิมที่อยู่ภายในก็ถูกทำลายอย่างหนักจนไม่อาจฟื้นฟูได้

หลินสวินเห็นดังนี้ก็ได้แต่ส่ายหัว ไม่ถึงขั้นทอดถอนใจแต่ก็เสียดายอยู่บ้าง เขาวิญญาณแดนมงคลเช่นนี้กลับถูกทำลาย เป็นความผิดใครกัน?

‘ก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่ว่าอาหลู่หรือเจ้าคางคก ขอแค่มาแดนอัคคีทักษิณก็คงพอรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่แล้วกระมัง…’

หลินสวินจมสู่ห้วงความคิด

การแก้แค้นเหล่าขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทองครานี้ยังไม่ถึงที่สุด แต่ก็บรรลุผลแล้ว หากสู้ต่อไปอีกกลับจะทำให้ตนตกอยู่ในอันตรายแทน

ศัตรูไม่ใช่พวกหน้าโง่ จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อโต้กลับแน่

แต่หลินสวินก็ไม่คิดวางมือยุติเรื่องราวแค่นี้เช่นกัน

ตีงูไม่ตายกลับจะถูกมันทำร้ายแทน

ประสบการณ์และบทเรียนที่ต่อสู้มาหลายปีทำให้หลินสวินเข้าใจอย่างสุดซึ้ง ว่ากับศัตรูห้ามออมมือเป็นอันขาด

ตอนนี้เป็นปีที่สองของการเข้าสู่แดนมกุฎ ยังมีเวลาอีกแปดปีสำหรับสั่งสมประสบการณ์และเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่ง

ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสสะสางบัญชีกับศัตรูพวกนั้นเช่นกัน

‘ตอนนี้อวิ๋นชิ่งไป๋คงก้าวสู่ระดับมกุฎราชันแล้วกระมัง หากเขารู้ข่าวว่าข้าอยู่แดนอัคคีทักษิณจะกล้ามาหรือไม่’

หลินสวินนึกถึงอวิ๋นชิ่งไป๋ขึ้นมา

เขาตัดสินใจรอให้พลังมหามรรคทั้งสองอย่างเจินหลงและดับดารากลืนกินบรรลุถึงระดับแก่นมรรคก่อน ก็จะไปหาอวิ๋นชิ่งไป๋ สะสางบัญชีเลือดที่ลากยาวมาหลายปีนี้ซะ!

ทันใดนั้นหลินสวินก็รู้สึกตัวตื่นจากห้วงคิด สายตาเจือแววประหลาดวูบหนึ่งมองไปยังจุดที่ห่างออกไป

ที่นั่นจี้ซิงเหยาในชุดขาว ผมดำราวน้ำตก งามพิสุทธิ์ดั่งเทพธิดาในภาพวาดก้าวเข้ามาจากห้วงอากาศ

“แม่นางจี้? นี่เจ้ามาหาข้าเพื่อพูดคุยกันต่อรึ”

หลินสวินยิ้มถาม

จี้ซิงเหยาสีหน้ายียบเย็น นัยน์ตาดาราดุจอสนี ถลึงมองหลินสวินแล้วกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าเหมือนมาคุยเล่นกับเจ้ารึ”

เจ้าหมอนี่น่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว เป็นถึงเทพมารหลินที่น่าเกรงขาม แต่กลับไม่เป็นการเป็นงานเช่นนี้!

ไม่รอหลินสวินเปิดปาก นางก็เผยจุดประสงค์การมาตรงๆ “ไม่กี่วันก่อนข้าเข้าไปในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก แล้วบังเอิญเจอคนผู้หนึ่งเข้า”

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่งเผยความสนใจ

เขตต้องห้ามแม่น้ำนรก เขารู้ดีว่านี่คือแดนผีสิงที่น่าหวาดกลัวระดับใด!

แต่ทำไมจี้ซิงเหยาต้องเอ่ยเรื่องนี้กับตน

“คนผู้นั้นเป็นเด็กหนุ่มชุดเขียวคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาถือว่าค่อนข้างหล่อเหลา เพียงแต่เย่อหยิ่งและอวดดีเหลือเกิน” จี้ซิงเหยากล่าวหวนความหลัง

เป็นเจ้าคางคก!

หลินสวินใจกระตุกวูบ เขานึกสงสัยอยู่ก่อนแล้วว่ายามจากแดนเผาเซียนมายังแดนอัคคีทักษิณ เจ้าคางคกจะถูกส่งไปยังเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกนั่นเหมือนกับตนหรือไม่

เวลานี้คำพูดของจี้ซิงเหยาได้พิสูจน์ความคลางแคลงนี้โดยไม่ต้องสงสัย

“แต่อาจเป็นเพราะเขาเย่อหยิ่งเกินไป จนกระทั่งไม่ระวังถูกม้วนเข้าไปในสถานที่อันตรายแห่งหนึ่ง…”

เมื่อจี้ซิงเหยากล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาดำหลินสวินก็หดเกร็ง อดกล่าวซ้ำไม่ได้ “สถานที่อันตราย? แม่นางจี้ เจ้าช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อยได้หรือไม่”

เขาเป็นห่วงอยู่บ้าง

เดิมทีจี้ซิงเหยาคิดเหน็บแนมหลินสวินสักสองประโยค แต่เห็นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าจริงจัง ก็พลันอดกลั้นไว้ทันที

นางเรียบเรียงความคิด เล่าเรื่องที่เจอเจ้าคางคกออกมาจนหมด

ที่แท้ประมาณครึ่งเดือนก่อน จี้ซิงเหยามุ่งหน้าไปเสาะหาวาสนาที่หุบเขาลึกลับแห่งหนึ่งในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก

หุบเขาลึกลับนั้นไม่มีต้นหญ้าเจริญเติบโต ถูกหมอกควันสีเลือดปกคลุมมานานปี แปลกประหลาดและคลุมเครือเหลือประมาณ

ขณะที่จี้ซิงเหยาลังเลว่าจะเข้าไปเสาะหาหรือไม่นั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกด้วยความตื่นเต้นดังขึ้น

เมื่อลองเดินเข้าไปดูในหุบเขาที่เต็มไปด้วยหมอกโลหิตนั่นจึงพบว่า ในหุบเขามีบ่อร้างแห่งหนึ่ง เสียงร้องขอความช่วยเหลือนั้นดังออกมาจากบ่อร้างนี้นั่นเอง

หลังจากนั้นจี้ซิงเหยาก็เห็นเจ้าคางคกที่ถูกขังไว้ในบ่อ

เขาทุลักทุเลเป็นอย่างยิ่ง มือเท้าทั้งสองเกาะผนังบ่อ บนตัวถูกโซ่สีเลือดถี่ยิบหลากสายพันรอบ กำลังลากเขาไปยังส่วนลึกของบ่อร้าง เห็นได้ว่าน่าอเนจอนาถและกินแรงผิดธรรมดา

โดยเฉพาะที่ข้อเท้าเขายังถูกฝ่ามือซีดเผือดเหี่ยวแห้งแก่ชราข้างหนึ่งยึดไว้แน่นหนา ทำให้เขาไม่อาจขยับเขยื้อน ได้แต่ร้องเรียกเสียงดัง

เดิมทีจี้ซิงเหยาคิดจะช่วยเขา แต่กลับถูกเขาห้ามไว้ บอกว่าที่นี่คือ ‘บ่อโลหิตนรกเทพ’ เป็นสถานที่แปลกประหลาดที่น่ากลัวที่สุดบนโลก

ขณะเล่าจี้ซิงเหยาแค่นเสียงเย็นชากล่าว “เจ้าหมอนี่ถูกขังไว้แต่พูดจาใหญ่โตนัก บอกว่าหากข้าเข้าไปใกล้ไม่เพียงแต่ช่วยเขาไม่ได้ กลับจะเป็นการทำร้ายเขาแทน”

หลินสวินรีบร้อนกล่าว “เจ้าหมอนี่ก็แค่มีนิสัยเช่นนี้ เจ้าอย่าเอาความเขาเลย ต่อจากนั้นล่ะ”

จี้ซิงเหยากล่าวง่ายๆ “หลังจากนั้นข้าก็จากมา”

“จากมา?” หลินสวินอึ้งไป

จี้ซิงเหยากล่าว “หากไม่จากมา ข้าจะอยู่ที่นั่นได้รึ เพียงแต่ก่อนจากมาเจ้าหมอนั่นฝากข้ามาบอกเจ้าประโยคหนึ่ง”

“บอกว่าอะไร” หลินสวินในใจตึงเครียด

สีหน้าจี้ซิงเหยาแปลกประหลาดอยู่บ้าง เลียนแบบวิธีพูดตอนนั้นของเจ้าคางคก เอ่ยว่า “เขาพูดว่า ฝากบอกเจ้าหนูหลินสวินนั่นว่าข้าช่วยเขาหาวาสนาใหญ่ชิ้นหนึ่งพบแล้ว ให้เขารีบมาช่วยข้าที!”

สีหน้าหลินสวินพลันมืดทะมึน เจ้าหมอนี่ขนาดตกอยู่ในอันตรายคำพูดคำจายังอวดดีเช่นนี้ ไม่กลัวตายหรืออย่างไร

เขาสูดหายใจลึกกล่าว “หลังจากนั้นล่ะ”

“หลังจากนั้นเขาก็ยอมแพ้ ถูกลากเข้าไปในส่วนลึกบ่อร้างนั่นไม่เห็นร่องรอยอีก ข้าสงสัยว่าก้นบ่อโลหิตนรกเทพที่กล่าวมานั้นน่าจะมีดินแดนอยู่อีกแห่ง”

จี้ซิงเหยากล่าวเสียงแผ่วต่ำ

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้แล้วหลินสวินก็หนักใจอยู่บ้าง เจ้าคางคกนี่ถึงกับเข้าไปในบ่อโลหิตนรกเทพนั่น นี่คือสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงมาก่อน

เขาสูดหายใจลึก ประสานมืออย่างจริงจังกล่าว “ขอบคุณแม่นางจี้มากที่บอกเล่าเรื่องทุกอย่าง วันหน้าข้าจะตอบแทนแน่นอน”

ข่าวนี้สำคัญมากจริงๆ หากจี้ซิงเหยาจงใจปิดบังไม่พูด เป็นไปได้สูงว่าจะเสียเวลาไปช่วยเจ้าคางคกด้วยเหตุนี้!

มุมปากจี้ซิงเหยาโค้งเป็นรอยยิ้มกล่าว “ดูไม่ออกเลยว่าเทพมารหลินอย่างเจ้าก็รู้จักตอบแทนบุญคุณด้วย?”

หลินสวินไม่มีอารมณ์มาพูดเล่น “แม่นางจี้ ช่วยบอกตำแหน่งโดยละเอียดของบ่อโลหิตนรกเทพนั้นกับข้าได้หรือไม่”

จี้ซิงเหยากล่าว “นี่ก็คือจุดประสงค์ที่ข้ามาหาเจ้า ในมือข้ามีม้วนบันทึกที่ไม่สมบูรณ์เล่มหนึ่ง เป็นสิ่งตกทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลถึงปัจจุบัน บนนั้นบันทึกความลับบางอย่างไว้ เป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับแดนปริศนาใต้บ่อโลหิตนรกเทพนั่น”

หลินสวินพลันกระจ่างใจ “ดังนั้นเจ้าก็เลยคิดจะไปเสาะหาอีกครั้ง?”

จี้ซิงเหยาพยักหน้า “เป็นเช่นนั้น เจ้าเห็นว่าอย่างไร”

แน่นอนว่าหลินสวินไม่มีปัญหา ตกปากรับคำอย่างยินดี

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1198 บ่อโลหิตนรกเทพ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1198 บ่อโลหิตนรกเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้รู้สึกว่าท่าทางตอนโกรธของจี้ซิงเหยาจะมีเสน่ห์ดึงดูดอยู่บ้าง แต่หลินสวินกลับไม่สนใจจะชื่นชม

ในสัมผัสรับรู้ของเขา มีไอสังหารล้นฟ้ากำลังเร่งตามมาจากที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว!

อานุภาพแห่งไอสังหารนั้นทำเอาหลินสวินตะลึง รับรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ที่มาคราวนี้ต้องมีจำนวนไม่น้อยแน่

อีกทั้งไม่ขาดแคลนยอดฝีมือ!

“เอาเถอะ ครั้งหน้าค่อยสนทนากับเจ้า”

หลินสวินตัดสินใจหันหลังจากไป

“เจ้า…”

จี้ซิงเหยาร้องทัก

หลินสวินหันกลับไปมอง

จี้ซิงเหยาชะงัก จากนั้นก็แค่นเสียงกล่าว “เจ้าไม่ต้องการค่าชดเชยแล้วรึ”

หลินสวินยิ้ม “ช่างเถอะ ขอแค่เจ้าไม่โกรธข้าอีกก็พอ”

ขณะกล่าวเงาร่างเขาก็หายไปในห้วงอากาศที่อยู่ห่างออกไปแล้ว

“เหอะ! ใครจะโกรธอันธพาลหน้าเหม็นอย่างเจ้า!” จี้ซิงเหยาสบถ ใบหน้างามรู้สึกร้อนระอุและเดือดดาลอย่างยากอธิบายอยู่บ้าง

เจ้าหมอนี่ช่างปากสุนัขซะจริง!

“ศิษย์พี่จี้ ท่านกับเทพมารหลินนั่น…” มีคนอดกล่าวถามไม่ได้

แต่ไม่รอให้พูดจบก็ถูกจี้ซิงเหยาตัดบทอย่างเย็นชา “ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น หากพวกเจ้ากล้าพูดพล่อยๆ อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่มิตรภาพร่วมสำนัก!”

ในน้ำเสียงเจือความโกรธอย่างเห็นได้ชัด

แต่เมื่อเข้าหูคนอื่นกลับเหมือนยิ่งปิดยิ่งเด่นชัด…

จี้ซิงเหยาก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าทุกคนที่มองนางผิดแปลกอยู่บ้าง ในใจรู้สึกคับข้องขึ้นมาอีกระลอกอย่างห้ามไม่อยู่

นางสูดหายใจลึก สีหน้าฟื้นคืนความสงบ กล่าวว่า “พวกเราก็ควรไปได้แล้ว”

ในจุดที่ห่างออกไป ไอสังหารน่าตะลึงแผ่กระจายราวเมฆทมิฬมุ่งปกคลุมมาทางนี้ ไม่จากไปตอนนี้ ภายภาคหน้าต้องนำเภทภัยใหญ่หลวงมาให้แน่

“เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับเขาหมอกทองคำนี่ดี” มีคนถาม

“ใครอยากได้ก็เอาไป!” จี้ซิงเหยากล่าวชัดเจน

ดังนั้นพวกเขาทั้งคณะจึงเลือกจากไปทันที

เพียงแต่ระหว่างทางจี้ซิงเหยากลับเลือกแยกตัวไปคนเดียว

“ศิษย์น้องจี้ เจ้าจะไปไหน” โม่เทียนเหอถาม

“ไปทำธุระเรื่องหนึ่ง”

จี้ซิงเหยาตอบโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ขณะกล่าวชายเสื้อนางพลิ้วไหว หายลับจากไปดั่งรุ้งอัศจรรย์

“ศิษย์พี่จี้จะไปทำธุระอะไร”

คนมากมายอึ้งงันไม่เข้าใจ

‘ต้องเกี่ยวกับเทพมารหลินนั่นแน่!’

โม่เทียนเหอสีหน้าอึมครึม

ครืน!

ขณะที่พวกเขาเพิ่งจากไปไม่นาน ใกล้เขาหมอกทองคำเงาร่างระดับราชันมากมายก็มาถึง

อานุภาพน่าตกตะลึงราวเมฆดำปกคลุม

“ถูกมันชิงหนีไปก่อนอีกแล้ว!”

“น่าชังนัก!”

“ตามต่อ!”

เสียงคำรามปั่นป่วนไปทั่วทิศทำให้ห้วงอากาศโดยรอบสั่นสะเทือน เต็มไปด้วยความโกรธและเคียดแค้นไร้สิ้นสุด

ทว่าหลินสวินได้หยุดภารกิจล้างบางเขาวิญญาณแดนมงคลลงแล้ว การไล่ล่าต่อจากนั้นพวกเขาจึงสูญเสียร่องรอยของหลินสวินไปอย่างสมบูรณ์

ที่ทำให้พวกอูหลิงเฟิงเดือดจัดที่สุดคือ เวลานี้ขุมอำนาจอื่นที่ตั้งถิ่นฐานในแดนอัคคีทักษิณกลับบุกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ ฉวยโอกาสตีชิงตามไฟ แย่งแดนมงคลที่ถูกกวาดล้างไปแล้วเหล่านั้น

ด้วยประการฉะนี้จึงทำให้สถานการณ์ของพวกอูหลิงเฟิงเปลี่ยนเป็นยากแค้นทันที

ต่อให้ใจเคียดแค้นแค่ไหน พวกเขาก็รู้ดีว่าเสียโอกาสสังหารหลินสวินไปแล้ว ดังนั้นจึงเปลี่ยนแผนไปยึดแดนมงคลที่เดิมเป็นของพวกเขาทันที

วันนี้แดนอัคคีทักษิณปั่นป่วน สั่นสะเทือนทุกหย่อมหญ้า

มีคนทำบันทึกว่าเพียงไม่ถึงสองชั่วยาม หลินสวินคนเดียวก็ยึดแดนมงคลสี่แห่งอย่างเขาฝนดาวตก เขาช้างป่า เขาเพรียกมรกต เขาหมอกทองคำได้แล้ว

แต่ละแห่งล้วนเลือดหลั่งรินเป็นกระแสน้ำ เขม่าควันตลบอบอวล!

และในเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎราชันที่ตายในมือหลินสวินก็ไม่ต่ำกว่าสิบห้าคน

น่าตกตะลึงยิ่งนัก!

ต้องรู้ว่าในแดนเก้าบนมกุฎราชันก็เหมือนตัวตนที่ยืนบนยอดเขา สามารถคำรามก้องทั่วทิศ ควบทะยานทั่วหล้า

ในสายตาพวกเขาราชันทั่วไปก็ไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกที่ยังไม่เลื่อนระดับกลายเป็นราชัน แน่นอนว่าไม่มีภัยคุกคามใดๆ

แต่หลินสวินกลับฆ่าระดับมกุฎราชันราวฉีกภาพวาด!

นี่ก่อให้เกิดแรงสะเทือนครั้งใหญ่ต่อมกุฎราชันคนอื่น ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นพรั่นพรึง

เช่นเดียวกัน ด้วยปฏิบัติการล้างแค้นของหลินสวิน ในแดนอัคคีทักษิณจึงเปิดฉากฝนโลหิตคาววายุขนาดใหญ่ยิ่งกว่าเดิม

แต่ละขุมอำนาจฉวยโอกาสแย่งชิงแดนมงคลที่ถูกล้างบางพวกนั้น แน่นอนว่าขุมอำนาจอย่างพวกอูหลิงเฟิงย่อมไม่พอใจ ดังนั้นจึงก่อให้เกิดการปะทะระหว่างขุมอำนาจขึ้น!

ทว่าคลื่นลมทั้งหมดนี้ล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับหลินสวิน

หลังจากไปเขาก็มุ่งตรงกลับเขาดาราราย เพียงแต่เขาดารารายได้กลายเป็นซากปรักหักพังแถบหนึ่งไปนานแล้ว แม้แต่ชีพจรปราณวิญญาณดั้งเดิมที่อยู่ภายในก็ถูกทำลายอย่างหนักจนไม่อาจฟื้นฟูได้

หลินสวินเห็นดังนี้ก็ได้แต่ส่ายหัว ไม่ถึงขั้นทอดถอนใจแต่ก็เสียดายอยู่บ้าง เขาวิญญาณแดนมงคลเช่นนี้กลับถูกทำลาย เป็นความผิดใครกัน?

‘ก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่ว่าอาหลู่หรือเจ้าคางคก ขอแค่มาแดนอัคคีทักษิณก็คงพอรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่แล้วกระมัง…’

หลินสวินจมสู่ห้วงความคิด

การแก้แค้นเหล่าขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทองครานี้ยังไม่ถึงที่สุด แต่ก็บรรลุผลแล้ว หากสู้ต่อไปอีกกลับจะทำให้ตนตกอยู่ในอันตรายแทน

ศัตรูไม่ใช่พวกหน้าโง่ จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อโต้กลับแน่

แต่หลินสวินก็ไม่คิดวางมือยุติเรื่องราวแค่นี้เช่นกัน

ตีงูไม่ตายกลับจะถูกมันทำร้ายแทน

ประสบการณ์และบทเรียนที่ต่อสู้มาหลายปีทำให้หลินสวินเข้าใจอย่างสุดซึ้ง ว่ากับศัตรูห้ามออมมือเป็นอันขาด

ตอนนี้เป็นปีที่สองของการเข้าสู่แดนมกุฎ ยังมีเวลาอีกแปดปีสำหรับสั่งสมประสบการณ์และเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่ง

ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสสะสางบัญชีกับศัตรูพวกนั้นเช่นกัน

‘ตอนนี้อวิ๋นชิ่งไป๋คงก้าวสู่ระดับมกุฎราชันแล้วกระมัง หากเขารู้ข่าวว่าข้าอยู่แดนอัคคีทักษิณจะกล้ามาหรือไม่’

หลินสวินนึกถึงอวิ๋นชิ่งไป๋ขึ้นมา

เขาตัดสินใจรอให้พลังมหามรรคทั้งสองอย่างเจินหลงและดับดารากลืนกินบรรลุถึงระดับแก่นมรรคก่อน ก็จะไปหาอวิ๋นชิ่งไป๋ สะสางบัญชีเลือดที่ลากยาวมาหลายปีนี้ซะ!

ทันใดนั้นหลินสวินก็รู้สึกตัวตื่นจากห้วงคิด สายตาเจือแววประหลาดวูบหนึ่งมองไปยังจุดที่ห่างออกไป

ที่นั่นจี้ซิงเหยาในชุดขาว ผมดำราวน้ำตก งามพิสุทธิ์ดั่งเทพธิดาในภาพวาดก้าวเข้ามาจากห้วงอากาศ

“แม่นางจี้? นี่เจ้ามาหาข้าเพื่อพูดคุยกันต่อรึ”

หลินสวินยิ้มถาม

จี้ซิงเหยาสีหน้ายียบเย็น นัยน์ตาดาราดุจอสนี ถลึงมองหลินสวินแล้วกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าเหมือนมาคุยเล่นกับเจ้ารึ”

เจ้าหมอนี่น่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว เป็นถึงเทพมารหลินที่น่าเกรงขาม แต่กลับไม่เป็นการเป็นงานเช่นนี้!

ไม่รอหลินสวินเปิดปาก นางก็เผยจุดประสงค์การมาตรงๆ “ไม่กี่วันก่อนข้าเข้าไปในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก แล้วบังเอิญเจอคนผู้หนึ่งเข้า”

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่งเผยความสนใจ

เขตต้องห้ามแม่น้ำนรก เขารู้ดีว่านี่คือแดนผีสิงที่น่าหวาดกลัวระดับใด!

แต่ทำไมจี้ซิงเหยาต้องเอ่ยเรื่องนี้กับตน

“คนผู้นั้นเป็นเด็กหนุ่มชุดเขียวคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาถือว่าค่อนข้างหล่อเหลา เพียงแต่เย่อหยิ่งและอวดดีเหลือเกิน” จี้ซิงเหยากล่าวหวนความหลัง

เป็นเจ้าคางคก!

หลินสวินใจกระตุกวูบ เขานึกสงสัยอยู่ก่อนแล้วว่ายามจากแดนเผาเซียนมายังแดนอัคคีทักษิณ เจ้าคางคกจะถูกส่งไปยังเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกนั่นเหมือนกับตนหรือไม่

เวลานี้คำพูดของจี้ซิงเหยาได้พิสูจน์ความคลางแคลงนี้โดยไม่ต้องสงสัย

“แต่อาจเป็นเพราะเขาเย่อหยิ่งเกินไป จนกระทั่งไม่ระวังถูกม้วนเข้าไปในสถานที่อันตรายแห่งหนึ่ง…”

เมื่อจี้ซิงเหยากล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาดำหลินสวินก็หดเกร็ง อดกล่าวซ้ำไม่ได้ “สถานที่อันตราย? แม่นางจี้ เจ้าช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อยได้หรือไม่”

เขาเป็นห่วงอยู่บ้าง

เดิมทีจี้ซิงเหยาคิดเหน็บแนมหลินสวินสักสองประโยค แต่เห็นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าจริงจัง ก็พลันอดกลั้นไว้ทันที

นางเรียบเรียงความคิด เล่าเรื่องที่เจอเจ้าคางคกออกมาจนหมด

ที่แท้ประมาณครึ่งเดือนก่อน จี้ซิงเหยามุ่งหน้าไปเสาะหาวาสนาที่หุบเขาลึกลับแห่งหนึ่งในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก

หุบเขาลึกลับนั้นไม่มีต้นหญ้าเจริญเติบโต ถูกหมอกควันสีเลือดปกคลุมมานานปี แปลกประหลาดและคลุมเครือเหลือประมาณ

ขณะที่จี้ซิงเหยาลังเลว่าจะเข้าไปเสาะหาหรือไม่นั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกด้วยความตื่นเต้นดังขึ้น

เมื่อลองเดินเข้าไปดูในหุบเขาที่เต็มไปด้วยหมอกโลหิตนั่นจึงพบว่า ในหุบเขามีบ่อร้างแห่งหนึ่ง เสียงร้องขอความช่วยเหลือนั้นดังออกมาจากบ่อร้างนี้นั่นเอง

หลังจากนั้นจี้ซิงเหยาก็เห็นเจ้าคางคกที่ถูกขังไว้ในบ่อ

เขาทุลักทุเลเป็นอย่างยิ่ง มือเท้าทั้งสองเกาะผนังบ่อ บนตัวถูกโซ่สีเลือดถี่ยิบหลากสายพันรอบ กำลังลากเขาไปยังส่วนลึกของบ่อร้าง เห็นได้ว่าน่าอเนจอนาถและกินแรงผิดธรรมดา

โดยเฉพาะที่ข้อเท้าเขายังถูกฝ่ามือซีดเผือดเหี่ยวแห้งแก่ชราข้างหนึ่งยึดไว้แน่นหนา ทำให้เขาไม่อาจขยับเขยื้อน ได้แต่ร้องเรียกเสียงดัง

เดิมทีจี้ซิงเหยาคิดจะช่วยเขา แต่กลับถูกเขาห้ามไว้ บอกว่าที่นี่คือ ‘บ่อโลหิตนรกเทพ’ เป็นสถานที่แปลกประหลาดที่น่ากลัวที่สุดบนโลก

ขณะเล่าจี้ซิงเหยาแค่นเสียงเย็นชากล่าว “เจ้าหมอนี่ถูกขังไว้แต่พูดจาใหญ่โตนัก บอกว่าหากข้าเข้าไปใกล้ไม่เพียงแต่ช่วยเขาไม่ได้ กลับจะเป็นการทำร้ายเขาแทน”

หลินสวินรีบร้อนกล่าว “เจ้าหมอนี่ก็แค่มีนิสัยเช่นนี้ เจ้าอย่าเอาความเขาเลย ต่อจากนั้นล่ะ”

จี้ซิงเหยากล่าวง่ายๆ “หลังจากนั้นข้าก็จากมา”

“จากมา?” หลินสวินอึ้งไป

จี้ซิงเหยากล่าว “หากไม่จากมา ข้าจะอยู่ที่นั่นได้รึ เพียงแต่ก่อนจากมาเจ้าหมอนั่นฝากข้ามาบอกเจ้าประโยคหนึ่ง”

“บอกว่าอะไร” หลินสวินในใจตึงเครียด

สีหน้าจี้ซิงเหยาแปลกประหลาดอยู่บ้าง เลียนแบบวิธีพูดตอนนั้นของเจ้าคางคก เอ่ยว่า “เขาพูดว่า ฝากบอกเจ้าหนูหลินสวินนั่นว่าข้าช่วยเขาหาวาสนาใหญ่ชิ้นหนึ่งพบแล้ว ให้เขารีบมาช่วยข้าที!”

สีหน้าหลินสวินพลันมืดทะมึน เจ้าหมอนี่ขนาดตกอยู่ในอันตรายคำพูดคำจายังอวดดีเช่นนี้ ไม่กลัวตายหรืออย่างไร

เขาสูดหายใจลึกกล่าว “หลังจากนั้นล่ะ”

“หลังจากนั้นเขาก็ยอมแพ้ ถูกลากเข้าไปในส่วนลึกบ่อร้างนั่นไม่เห็นร่องรอยอีก ข้าสงสัยว่าก้นบ่อโลหิตนรกเทพที่กล่าวมานั้นน่าจะมีดินแดนอยู่อีกแห่ง”

จี้ซิงเหยากล่าวเสียงแผ่วต่ำ

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้แล้วหลินสวินก็หนักใจอยู่บ้าง เจ้าคางคกนี่ถึงกับเข้าไปในบ่อโลหิตนรกเทพนั่น นี่คือสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงมาก่อน

เขาสูดหายใจลึก ประสานมืออย่างจริงจังกล่าว “ขอบคุณแม่นางจี้มากที่บอกเล่าเรื่องทุกอย่าง วันหน้าข้าจะตอบแทนแน่นอน”

ข่าวนี้สำคัญมากจริงๆ หากจี้ซิงเหยาจงใจปิดบังไม่พูด เป็นไปได้สูงว่าจะเสียเวลาไปช่วยเจ้าคางคกด้วยเหตุนี้!

มุมปากจี้ซิงเหยาโค้งเป็นรอยยิ้มกล่าว “ดูไม่ออกเลยว่าเทพมารหลินอย่างเจ้าก็รู้จักตอบแทนบุญคุณด้วย?”

หลินสวินไม่มีอารมณ์มาพูดเล่น “แม่นางจี้ ช่วยบอกตำแหน่งโดยละเอียดของบ่อโลหิตนรกเทพนั้นกับข้าได้หรือไม่”

จี้ซิงเหยากล่าว “นี่ก็คือจุดประสงค์ที่ข้ามาหาเจ้า ในมือข้ามีม้วนบันทึกที่ไม่สมบูรณ์เล่มหนึ่ง เป็นสิ่งตกทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลถึงปัจจุบัน บนนั้นบันทึกความลับบางอย่างไว้ เป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับแดนปริศนาใต้บ่อโลหิตนรกเทพนั่น”

หลินสวินพลันกระจ่างใจ “ดังนั้นเจ้าก็เลยคิดจะไปเสาะหาอีกครั้ง?”

จี้ซิงเหยาพยักหน้า “เป็นเช่นนั้น เจ้าเห็นว่าอย่างไร”

แน่นอนว่าหลินสวินไม่มีปัญหา ตกปากรับคำอย่างยินดี

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+