Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2397 ต้นแรกกำเนิด!

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2397 ต้นแรกกำเนิด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยวนชิงเหิงกำลังดื่มชา ท่วงท่าสงบนิ่ง

ปฏิกิริยาของหลินสวินเดิมก็อยู่ในความคาดหมายของนาง อันที่จริงหลังจากรู้เรื่องแดนใหญ่พันศึก คนที่ไม่เคยไปโลกยอดนิรันดร์มาก่อนล้วนรู้สึกถึงแรงกดดันไม่มากก็น้อย

บางคนถึงกับถอดใจไปเลย!

ต่อให้แข็งแกร่งเช่นบรรพจารย์จักรพรรดิก็ยังต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี

ถึงอย่างไรแดนใหญ่พันศึกก็อันตรายเกินไป

ครู่หนึ่งหลินสวินก็เงยมองหยวนชิงเหิง ฝ่ายหลังวางถ้วยชาลงถามว่า “รู้สึกอย่างไร”

“อยากไปโลกยอดนิรันดร์ก็ต้องฝ่าแดนใหญ่พันศึกหรือ” หลินสวินกล่าว

หยวนชิงเหิงเอ่ย “ถ้ามีพลังปราณเหนือระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ สำหรับพวกเขาแล้วการจะฝ่าแดนใหญ่พันศึกก็เป็นเรื่องง่าย”

“การทดสอบนี้เป็นใครกำหนด” หลินสวินถาม

หยวนชิงเหิงอึ้งไป เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะถามคำถามเช่นนี้ นางนิ่งคิดแล้วถึงตอบว่า “ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้”

หลินสวินเอ่ยขึ้นว่า “ด้วยกำลังของยักษ์ใหญ่เหล่านั้นในโลกยอดนิรันดร์ สามารถเอาชนะแดนใหญ่พันศึกนี้ได้หรือไม่”

หยวนชิงเหิงอึ้งไปอีกครา เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จะตอบอย่างไรแล้ว

กลับพบว่าหลินสวินยิ้มเอ่ยว่า “ข้าเพียงแค่สมมติดู ถ้ากำจัดแดนใหญ่พันศึกนี้ไปก็เท่ากับไม่มีกำแพงกั้น เช่นนี้แล้วไม่ว่าใครต่างสามารถไปยังโลกยอดนิรันดร์ได้โดยอิสระไม่ใช่หรือ”

“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร”

นัยน์ตาของของหยวนชิงเหิงหดรัด “ถ้าเป็นเช่นนั้น เกรงว่าขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในโลกยอดนิรันดร์คงถูกจักรวาลมิติอื่นๆ ในโลกพันจักรวาลท้ารบ ต้องเกิดหายนะนับไม่ถ้วนเพราะเหตุนี้ ถึงตอนนั้นกลัวว่าโลกยอดนิรันดร์จะต้องโกลาหลครั้งใหญ่”

หลินสวินคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องที่เจ้าพูดมา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แดนใหญ่พันศึกจึงกลายเป็นธรณีประตูตามธรรมชาติอย่างหนึ่งขวางไม่ให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนก้าวย่างเข้าไป ขณะเดียวกันก็เท่ากับสกัดกั้นหายนะมากมายให้กับขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในโลกยอดนิรันดร์”

หยวนชิงเหิงอึ้งงัน จมสู่ความเงียบ

ก่อนหน้านี้นางไม่เคยคิดถึงปัญหาข้อนี้เลย

“ตั้งธรณีประตูไว้จุดหนึ่ง ยับยั้งภยันตรายที่หมายจะบุกเข้ามายึดผลประโยชน์ที่ตนมี นี่อาจเป็นคุณค่าที่แท้จริงของแดนใหญ่พันศึกก็เป็นได้”

หลินสวินเอ่ยคล้ายขบคิด “ใครคิดทำลายธรณีประตูนี้ บางทีอาจเท่ากับเป็นศัตรูของทั้งโลกยอดนิรันดร์ นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่แดนใหญ่พันศึกยังสามารถดำรงมาได้ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน”

หยวนชิงเหิงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง จากความคิดของเจ้าแล้ว ควรจะมีพลังเช่นไรถึงจะทำลายธรณีประตูนี้ได้”

หลินสวินกล่าว “เรื่องนี้ข้าก็ไม่บังอาจลองคาดเดา แต่อย่างน้อย… ก็คงมีพลังที่สามารถต้านทานกับทั้งโลกยอดนิรันดร์ได้กระมัง”

หยวนชิงเหิงพลันยิ้มขึ้นทันที “สหายยุทธ์ บนโลกนี้ไม่เคยมีใครสามารถต้านทั้งโลกยอดนิรันดร์ได้ ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต เรื่องนี้ย่อมไม่อาจเกิดขึ้น”

ล้อเล่นอะไรกัน

โลกยอดนิรันดร์เหนือล้ำกว่าโลกพันจักรวาล ถูกมองเป็นแดนแห่งอมตะนิรันดร์ มีเผ่าจักรพรรดิอมตะกระจายตัวอยู่ไม่รู้เท่าไร

และเหนือเผ่าจักรพรรดิอมตะ ยิ่งมีเผ่าเทพนิรันดร์ปกครอง!

ใครจะไปต้านทานได้

หากมีคนเช่นนี้จริง โลกยอดนิรันดร์มีหรือจะถูกเรียกว่า ‘นิรันดร์’

ดังนั้นในความคิดของหยวนชิงเหิง คำพูดนี้ของหลินสวินเดิมทีก็เป็นการสมมติอันไร้สาระยิ่งนัก ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้

หลินสวินยิ้มบางๆ ไม่พูดเรื่องนี้อีก เมื่อก่อนไม่มี ภายหน้า… ก็จะไม่มีหรือ

ไม่แน่เสมอไป!

“เอาล่ะ ชาก็ดื่มแล้ว ได้คุยกันแล้วด้วย ข้าควรไปได้แล้ว”

หยวนชิงเหิงลุกขึ้น ชุดกระโปรงเขียวไหวกระเพื่อม เรือนร่างอ้อนแอ้นเดี๋ยวเห็นชัดเดี๋ยวเลือนลางท่ามกลางทะเลเมฆถาโถม เพิ่มความงดงามอัศจรรย์

หลินสวินลุกขึ้นเอ่ยว่า “จะจากไปเร็วเพียงนี้เชียวหรือ ข้ายังมีอีกหลายเรื่องอยากให้แม่นางชี้แนะ…”

หยวนชิงเหิงแค่นหัวเราะเบาๆ “สิ่งที่เจ้าอยากรู้ล้วนอยู่ที่โลกยอดนิรันดร์ ทำไมไม่ไปดูเองเล่า ข้าจะไม่ติดกับบอกข้อมูลให้เจ้ารู้อีกแล้ว”

หลินสวินยิ้มจางๆ กุมหมัดคารวะ เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นข้าคนแซ่หลินก็ขออวยพรให้แม่นางเดินทางโดยสวัสดิภาพ กลับบ้านอย่างปลอดภัย”

หยวนชิงเหิงคิดเล็กน้อยแล้วก็โยนถุงหอมสีเขียวอ่อนที่พกติดตัวใบหนึ่งให้หลินสวิน “ในถุงหอมนี้เลี้ยงนกกระจอกเขียวไว้ตัวหนึ่ง รู้เรื่องต่างๆ ในแดนใหญ่พันศึก ให้เจ้าแล้วกัน”

หลินสวินถือไว้มือ บนถุงหอมปักอักษร ‘หยวน’ โบราณที่แปลกประหลาดไว้ตัวหนึ่ง ถืออยู่ในมือแล้วเบาเหมือนขนนก มีกลิ่นหอมซึมซามถึงใจคนแผ่กระจายออกมา

“เช่นนั้นก็ขอบคุณแม่นางแล้ว”

หลินสวินไม่ได้ปฏิเสธ ภายหน้าเขาก็ต้องไปฟากฝั่งฟ้าดาราสักครั้งอยู่แล้ว หากมีสมบัติเช่นนี้ช่วยเหลือ ย่อมลดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อย

หยวนชิงเหิงลังเลครู่หนึ่ง ยังคงพูดว่า “ถุงหอมนี้เป็นสิ่งที่ท่านย่าข้าปักขึ้นเองกับมือ เจ้าต้องรักษาไว้ให้ดี ภายหน้าหากได้พบกันที่โลกยอดนิรันดร์จริงๆ จะต้องเอามาคืนข้า”

หลินสวินอึ้งไป

กลับพบว่าหยวนชิงเหิงหันตัวทะยานออกไปบนทะเลเมฆกลางอากาศแล้ว ประหนึ่งรุ้งเทพสีเขียวสายหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็ไม่พบร่องรอยเสียแล้ว

มีเพียงถุงหอมในมือที่ยังคงมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อบอวล

สักพักหลินสวินก็เก็บถุงหอมไว้ ในใจพอจะเดาได้ว่า เกรงว่าที่อีกฝ่ายมาคราวนี้คงเพราะอยากให้ตนไปโลกยอดนิรันดร์แห่งนั้นดูสักครั้ง

ทว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงต้องทำเช่นนี้ นี่กลับทำให้หลินสวินไม่แน่ใจนัก

“มอบถุงหอมให้ก่อนลา คนงามจากไปแล้ว อาจารย์อาเล็กกลับนิ่งเหม่อ หรือจะรับไมตรีจากโฉมตรูได้ยาก”

ไกลออกไปอาหูเดินมาตั้งแต่เมื่อไรก็มิทราบได้ เม้มปากอมยิ้ม ดวงตาเปล่งปลั่งสุกสกาวทั้งสองยิ้มหยีเป็นพระจันทร์เสี้ยว

หลินสวินอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา “ข้ากับนางเกือบกลายเป็นศัตรูกัน จะไปคิดเป็นอื่นได้อย่างไร”

อาหูร้องอ๋อยาวๆ แล้วเอ่ยว่า “ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยขาดเรื่องทั้งรักทั้งฆ่า ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางผู้นั้นงดงามดุจกล้วยไม้ สง่างามเหนือเซียน ที่หาได้ยากก็คือมีความสูงส่งจากภายใน ดูปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ได้มีชาติกำเนิดธรรมดา ชายใดพบเข้าจะไม่ชอบได้หรือ อาจารย์อาเล็กถูกดึงดูด… ก็ปกติน่า”

หลินสวินถลึงตาใส่นางอย่างไม่สบอารมณ์ “หาเรื่องส่งเดช อีกอย่าง ข้าไม่ใช่เคยพูดไว้หรือว่าอย่าเรียกข้าว่าอาจารย์อาเล็ก”

อาหูหัวเราะคิกคัก เสียงไพเราะกังวาน

ถ้าว่ากันด้วยรูปโฉม ความจริงแล้วอาหูย่อมไม่ด้อยไปกว่าหยวนชิงเหิง นางมีทั้งความงามดุจเซียน ความเย้ายวนดุจมาร ยามนี้เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของนาง สยบชายหนุ่มในสำนักยุทธ์ก่อเกิดให้ตกลงไปในห้วงรักอย่างคลั่งไคล้จนถอนตัวไม่ขึ้นไปไม่รู้เท่าไร

กระทั่งว่าขนาดเฒ่าชราบางคนยังต้านทานไม่ได้ ไม่กล้าสบตาอาหูตรงๆ ด้วยกลัวว่าจะถูกชักนำให้จิตมรรคปั่นป่วน

ยังดีที่ปกติอาหูไม่ค่อยพบปะผู้คน เรื่องนี้จึงไม่ถึงกับส่งผลกระทบต่อทั้งสำนักยุทธ์ก่อเกิด

หาไม่ด้วยความงามของนาง สามารล่มเมืองได้โดยสิ้นเชิง

“อาหู อยากให้อาจารย์อาเล็กหาคู่บำเพ็ญให้เจ้าหรือไม่” จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ยขึ้น

อาหูกะพริบตาเปี่ยมเสน่ห์ “เอาสิ ข้าไม่เรื่องมาก ขอเพียงพอจะเทียบกับอาจารย์อาเล็กไหวก็พอ”

หลินสวินครุ่นคิดจริงจังแล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้ออกจะยากเสียหน่อย แต่ในโลกยอดนิรันดร์แห่งนั้นคงมีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่”

อาหูนิ่งไป “ท่านจะเอาจริงหรือ”

หลินสวินยิ้มเอ่ย “เรื่องของเจ้าข้าไม่กล้าทำส่งๆ หรอก”

อาหูกลอกตายกใหญ่ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ท่านคิดดูก่อนเถอะว่าจะจัดการแม่นางจิ่งเซวียนกับแม่นางซย่าจื้ออย่างไร! อ้อจริงสิ ตอนนี้มีแม่นางที่มอบถุงหอมเพิ่มมาอีกคน ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าอาจารย์อาเล็กจะเก่งกล้าสามารถปานไหน จะวางตำแหน่งพวกนางแต่ละคนอย่างเหมาะสมได้หรือไม่”

หลินสวิน “…”

ขณะที่กำลังจะพูดอะไรอีก อาหูก็ยิ้มละไมหันหลังจากไปแล้ว

หลินสวินยิ้มพลางส่ายหัว หมุนตัวกลับไปที่พัก

……

เวลาผ่านไปไวดุจกระสวย ผ่านไปอีกสามปีอย่างรวดเร็ว

วันนี้ ในโลกต้นกำเนิดแห่งหนึ่งในแดนลับบัวเขียว

โครม!

เสียงกระหึ่มประหนึ่งฟ้าดินแรกอุบัติเสียงหนึ่งดังขึ้น ฟ้าดินต่างสั่นสะเทือนรุนแรง สรรพสิ่งไหวคลอนตามไปด้วย

เงาร่างสูงตระหง่านร่างหนึ่งยืนกลางอากาศอยู่ไกลลิบ

เบื้องหลังเขาเหมือนมีเงาต้นไม้เทพต้นหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ ลำต้นเทียมฟ้า กิ่งก้านบดบังฟ้าดิน ด้านบนเชื่อมต่อไปถึงห้วงฟ้า ด้านล่างผ่านทะลุใต้ดิน แสงเทพมากมายไหลลู่ประหนึ่งแรกกำเนิด สะท้อนหมื่นลักษณ์ทั่วหล้า!

และหลินสวินที่อยู่หน้าต้นไม้เทพ ก็เป็นดั่งเทพเทวาหนึ่งเดียวที่ยืนตระหง่านอยู่กลางหมื่นลักษณ์ทั่วหล้า!

เสียงดังสนั่นสะท้านฟ้าสะเทือนดินก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ประหลาดอันยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุดนี้

ครู่ใหญ่เงาต้นไม้เทพก็หายลับไป ฟ้าดินคืนสู่ความเงียบสงัด

หลินสวินที่ยืนอยู่กลางอากาศเผยสีหน้าปรีดา

สำเร็จแล้ว!

หลังจากจดจ่อหลอมรวมมาสี่ปี ในที่สุดเขาก็หลอมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดได้สำเร็จ!

ยามนี้ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเขามีต้นไม้น้อยสีเขียวมรกตต้นหนึ่งหยั่งรากลง ณ ใจกลางโลก เพิ่งสูงหนึ่งฉื่อกว่าเท่านั้น ลำต้นหนาเท่าแขนทารก บนกิ่งก้านมีเพียงใบอ่อนสีเขียวเหมือนหยก เปล่งปลั่งกระจ่างใสพ่วงอยู่ประปราย

แต่ทั้งต้นไม้น้อยนี้กลับอบอวลด้วยไอแรกกำเนิดอันถาโถม ตัดสลับเป็นพลังกฎเกณฑ์อันน่าพิศวงและคลุมเครือ ไหลหลั่งพลิ้วลอย

เมื่อมีต้นไม้น้อยนี้อยู่ ภูผาธาราทะเลสาบท้องทะเล สุริยันจันทราดารา ต้นไม้ใบหญ้าทั้งโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์… ล้วนเปล่งคลื่นอัศจรรย์ออกมาราวกับมีชีวิตจิตวิญญาณ

นี่ก็คือต้นกล้าของต้นแรกกำเนิด!

ควบรวมขึ้นจากรากปฐมจิตวิญญาณไม้เทพทั้งสี่ รวมกับเจตวัตถุหายากอย่างพวกดินอัศจรรย์ห้าสี ดินปราณแรกกำเนิด

มันเป็นวัตถุเทพที่เรียกได้ว่าหายากยิ่งทั้งในอดีตและปัจจุบัน เป็นสมบัติล้ำค่าที่ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิยังเฝ้าฝันหมายปองมาแต่กาลก่อนจนตอนนี้ ทว่ากวาดตามองไปหมื่นกาล มองหาทั้งฟ้าดารา คนที่สามารถควบรวมวัตถุเทพเช่นนี้ขึ้นมาได้ก็มีเพียงไม่กี่คน!

หากครอบครองมัน ก็เท่ากับได้ครอบครองโอกาสหยั่งรู้กฎเกณฑ์แรกกำเนิด พอกล้าอ่อนนี้เติบใหญ่ ก็จะมีกฎเกณฑ์แรกกำเนิดปรากฏมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย

สิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดก็คือ ต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดยังมีคุณประโยชน์ยิ่งต่อการสร้างเสถียรภาพให้มรรควิถีและการหลอมมหามรรค

เมื่อพลังปราณเพิ่มสูง ต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดก็จะเติบโตตามไป และกลิ่นอายแรกกำเนิดที่มันแปรสภาพออกมายามเติบใหญ่ก็สามารถคืนสู่โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงส่งผลให้มรรควิถีของทั้งตัวหลินสวินได้รับการยกระดับ!

นี่เป็นประโยชน์ที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะยามต้นแรกกำเนิดเติบใหญ่ขึ้นจริงๆ ถึงกับทำให้โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ของหลินสวินเริ่มมีรากฐานแรกกำเนิด ก่อเกิดหมื่นวิญญาณได้

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้หลินสวินตั้งตาคอยที่สุด ก็คือกฎเกณฑ์แรกกำเนิดอันสมบูรณ์ชนิดหนึ่ง!

“สี่ปี จากเมล็ดเป็นต้นอ่อน กระทั่งแปรสภาพเป็นต้นกล้า ในที่สุดต้นไม้นี้กับมรรควีถีของข้าก็หลอมรวมกันโดยสมบูรณ์ ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วต้องมีวันที่บดบังฟ้าดิน!”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แววตาลุ่มลึก “และตอนนี้ ก็ถึงเวลาจากไปแล้ว…”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2397 ต้นแรกกำเนิด!

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2397 ต้นแรกกำเนิด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยวนชิงเหิงกำลังดื่มชา ท่วงท่าสงบนิ่ง

ปฏิกิริยาของหลินสวินเดิมก็อยู่ในความคาดหมายของนาง อันที่จริงหลังจากรู้เรื่องแดนใหญ่พันศึก คนที่ไม่เคยไปโลกยอดนิรันดร์มาก่อนล้วนรู้สึกถึงแรงกดดันไม่มากก็น้อย

บางคนถึงกับถอดใจไปเลย!

ต่อให้แข็งแกร่งเช่นบรรพจารย์จักรพรรดิก็ยังต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี

ถึงอย่างไรแดนใหญ่พันศึกก็อันตรายเกินไป

ครู่หนึ่งหลินสวินก็เงยมองหยวนชิงเหิง ฝ่ายหลังวางถ้วยชาลงถามว่า “รู้สึกอย่างไร”

“อยากไปโลกยอดนิรันดร์ก็ต้องฝ่าแดนใหญ่พันศึกหรือ” หลินสวินกล่าว

หยวนชิงเหิงเอ่ย “ถ้ามีพลังปราณเหนือระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ สำหรับพวกเขาแล้วการจะฝ่าแดนใหญ่พันศึกก็เป็นเรื่องง่าย”

“การทดสอบนี้เป็นใครกำหนด” หลินสวินถาม

หยวนชิงเหิงอึ้งไป เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะถามคำถามเช่นนี้ นางนิ่งคิดแล้วถึงตอบว่า “ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้”

หลินสวินเอ่ยขึ้นว่า “ด้วยกำลังของยักษ์ใหญ่เหล่านั้นในโลกยอดนิรันดร์ สามารถเอาชนะแดนใหญ่พันศึกนี้ได้หรือไม่”

หยวนชิงเหิงอึ้งไปอีกครา เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จะตอบอย่างไรแล้ว

กลับพบว่าหลินสวินยิ้มเอ่ยว่า “ข้าเพียงแค่สมมติดู ถ้ากำจัดแดนใหญ่พันศึกนี้ไปก็เท่ากับไม่มีกำแพงกั้น เช่นนี้แล้วไม่ว่าใครต่างสามารถไปยังโลกยอดนิรันดร์ได้โดยอิสระไม่ใช่หรือ”

“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร”

นัยน์ตาของของหยวนชิงเหิงหดรัด “ถ้าเป็นเช่นนั้น เกรงว่าขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในโลกยอดนิรันดร์คงถูกจักรวาลมิติอื่นๆ ในโลกพันจักรวาลท้ารบ ต้องเกิดหายนะนับไม่ถ้วนเพราะเหตุนี้ ถึงตอนนั้นกลัวว่าโลกยอดนิรันดร์จะต้องโกลาหลครั้งใหญ่”

หลินสวินคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องที่เจ้าพูดมา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แดนใหญ่พันศึกจึงกลายเป็นธรณีประตูตามธรรมชาติอย่างหนึ่งขวางไม่ให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนก้าวย่างเข้าไป ขณะเดียวกันก็เท่ากับสกัดกั้นหายนะมากมายให้กับขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในโลกยอดนิรันดร์”

หยวนชิงเหิงอึ้งงัน จมสู่ความเงียบ

ก่อนหน้านี้นางไม่เคยคิดถึงปัญหาข้อนี้เลย

“ตั้งธรณีประตูไว้จุดหนึ่ง ยับยั้งภยันตรายที่หมายจะบุกเข้ามายึดผลประโยชน์ที่ตนมี นี่อาจเป็นคุณค่าที่แท้จริงของแดนใหญ่พันศึกก็เป็นได้”

หลินสวินเอ่ยคล้ายขบคิด “ใครคิดทำลายธรณีประตูนี้ บางทีอาจเท่ากับเป็นศัตรูของทั้งโลกยอดนิรันดร์ นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่แดนใหญ่พันศึกยังสามารถดำรงมาได้ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน”

หยวนชิงเหิงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง จากความคิดของเจ้าแล้ว ควรจะมีพลังเช่นไรถึงจะทำลายธรณีประตูนี้ได้”

หลินสวินกล่าว “เรื่องนี้ข้าก็ไม่บังอาจลองคาดเดา แต่อย่างน้อย… ก็คงมีพลังที่สามารถต้านทานกับทั้งโลกยอดนิรันดร์ได้กระมัง”

หยวนชิงเหิงพลันยิ้มขึ้นทันที “สหายยุทธ์ บนโลกนี้ไม่เคยมีใครสามารถต้านทั้งโลกยอดนิรันดร์ได้ ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต เรื่องนี้ย่อมไม่อาจเกิดขึ้น”

ล้อเล่นอะไรกัน

โลกยอดนิรันดร์เหนือล้ำกว่าโลกพันจักรวาล ถูกมองเป็นแดนแห่งอมตะนิรันดร์ มีเผ่าจักรพรรดิอมตะกระจายตัวอยู่ไม่รู้เท่าไร

และเหนือเผ่าจักรพรรดิอมตะ ยิ่งมีเผ่าเทพนิรันดร์ปกครอง!

ใครจะไปต้านทานได้

หากมีคนเช่นนี้จริง โลกยอดนิรันดร์มีหรือจะถูกเรียกว่า ‘นิรันดร์’

ดังนั้นในความคิดของหยวนชิงเหิง คำพูดนี้ของหลินสวินเดิมทีก็เป็นการสมมติอันไร้สาระยิ่งนัก ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้

หลินสวินยิ้มบางๆ ไม่พูดเรื่องนี้อีก เมื่อก่อนไม่มี ภายหน้า… ก็จะไม่มีหรือ

ไม่แน่เสมอไป!

“เอาล่ะ ชาก็ดื่มแล้ว ได้คุยกันแล้วด้วย ข้าควรไปได้แล้ว”

หยวนชิงเหิงลุกขึ้น ชุดกระโปรงเขียวไหวกระเพื่อม เรือนร่างอ้อนแอ้นเดี๋ยวเห็นชัดเดี๋ยวเลือนลางท่ามกลางทะเลเมฆถาโถม เพิ่มความงดงามอัศจรรย์

หลินสวินลุกขึ้นเอ่ยว่า “จะจากไปเร็วเพียงนี้เชียวหรือ ข้ายังมีอีกหลายเรื่องอยากให้แม่นางชี้แนะ…”

หยวนชิงเหิงแค่นหัวเราะเบาๆ “สิ่งที่เจ้าอยากรู้ล้วนอยู่ที่โลกยอดนิรันดร์ ทำไมไม่ไปดูเองเล่า ข้าจะไม่ติดกับบอกข้อมูลให้เจ้ารู้อีกแล้ว”

หลินสวินยิ้มจางๆ กุมหมัดคารวะ เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นข้าคนแซ่หลินก็ขออวยพรให้แม่นางเดินทางโดยสวัสดิภาพ กลับบ้านอย่างปลอดภัย”

หยวนชิงเหิงคิดเล็กน้อยแล้วก็โยนถุงหอมสีเขียวอ่อนที่พกติดตัวใบหนึ่งให้หลินสวิน “ในถุงหอมนี้เลี้ยงนกกระจอกเขียวไว้ตัวหนึ่ง รู้เรื่องต่างๆ ในแดนใหญ่พันศึก ให้เจ้าแล้วกัน”

หลินสวินถือไว้มือ บนถุงหอมปักอักษร ‘หยวน’ โบราณที่แปลกประหลาดไว้ตัวหนึ่ง ถืออยู่ในมือแล้วเบาเหมือนขนนก มีกลิ่นหอมซึมซามถึงใจคนแผ่กระจายออกมา

“เช่นนั้นก็ขอบคุณแม่นางแล้ว”

หลินสวินไม่ได้ปฏิเสธ ภายหน้าเขาก็ต้องไปฟากฝั่งฟ้าดาราสักครั้งอยู่แล้ว หากมีสมบัติเช่นนี้ช่วยเหลือ ย่อมลดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อย

หยวนชิงเหิงลังเลครู่หนึ่ง ยังคงพูดว่า “ถุงหอมนี้เป็นสิ่งที่ท่านย่าข้าปักขึ้นเองกับมือ เจ้าต้องรักษาไว้ให้ดี ภายหน้าหากได้พบกันที่โลกยอดนิรันดร์จริงๆ จะต้องเอามาคืนข้า”

หลินสวินอึ้งไป

กลับพบว่าหยวนชิงเหิงหันตัวทะยานออกไปบนทะเลเมฆกลางอากาศแล้ว ประหนึ่งรุ้งเทพสีเขียวสายหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็ไม่พบร่องรอยเสียแล้ว

มีเพียงถุงหอมในมือที่ยังคงมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อบอวล

สักพักหลินสวินก็เก็บถุงหอมไว้ ในใจพอจะเดาได้ว่า เกรงว่าที่อีกฝ่ายมาคราวนี้คงเพราะอยากให้ตนไปโลกยอดนิรันดร์แห่งนั้นดูสักครั้ง

ทว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงต้องทำเช่นนี้ นี่กลับทำให้หลินสวินไม่แน่ใจนัก

“มอบถุงหอมให้ก่อนลา คนงามจากไปแล้ว อาจารย์อาเล็กกลับนิ่งเหม่อ หรือจะรับไมตรีจากโฉมตรูได้ยาก”

ไกลออกไปอาหูเดินมาตั้งแต่เมื่อไรก็มิทราบได้ เม้มปากอมยิ้ม ดวงตาเปล่งปลั่งสุกสกาวทั้งสองยิ้มหยีเป็นพระจันทร์เสี้ยว

หลินสวินอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา “ข้ากับนางเกือบกลายเป็นศัตรูกัน จะไปคิดเป็นอื่นได้อย่างไร”

อาหูร้องอ๋อยาวๆ แล้วเอ่ยว่า “ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยขาดเรื่องทั้งรักทั้งฆ่า ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางผู้นั้นงดงามดุจกล้วยไม้ สง่างามเหนือเซียน ที่หาได้ยากก็คือมีความสูงส่งจากภายใน ดูปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ได้มีชาติกำเนิดธรรมดา ชายใดพบเข้าจะไม่ชอบได้หรือ อาจารย์อาเล็กถูกดึงดูด… ก็ปกติน่า”

หลินสวินถลึงตาใส่นางอย่างไม่สบอารมณ์ “หาเรื่องส่งเดช อีกอย่าง ข้าไม่ใช่เคยพูดไว้หรือว่าอย่าเรียกข้าว่าอาจารย์อาเล็ก”

อาหูหัวเราะคิกคัก เสียงไพเราะกังวาน

ถ้าว่ากันด้วยรูปโฉม ความจริงแล้วอาหูย่อมไม่ด้อยไปกว่าหยวนชิงเหิง นางมีทั้งความงามดุจเซียน ความเย้ายวนดุจมาร ยามนี้เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของนาง สยบชายหนุ่มในสำนักยุทธ์ก่อเกิดให้ตกลงไปในห้วงรักอย่างคลั่งไคล้จนถอนตัวไม่ขึ้นไปไม่รู้เท่าไร

กระทั่งว่าขนาดเฒ่าชราบางคนยังต้านทานไม่ได้ ไม่กล้าสบตาอาหูตรงๆ ด้วยกลัวว่าจะถูกชักนำให้จิตมรรคปั่นป่วน

ยังดีที่ปกติอาหูไม่ค่อยพบปะผู้คน เรื่องนี้จึงไม่ถึงกับส่งผลกระทบต่อทั้งสำนักยุทธ์ก่อเกิด

หาไม่ด้วยความงามของนาง สามารล่มเมืองได้โดยสิ้นเชิง

“อาหู อยากให้อาจารย์อาเล็กหาคู่บำเพ็ญให้เจ้าหรือไม่” จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ยขึ้น

อาหูกะพริบตาเปี่ยมเสน่ห์ “เอาสิ ข้าไม่เรื่องมาก ขอเพียงพอจะเทียบกับอาจารย์อาเล็กไหวก็พอ”

หลินสวินครุ่นคิดจริงจังแล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้ออกจะยากเสียหน่อย แต่ในโลกยอดนิรันดร์แห่งนั้นคงมีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่”

อาหูนิ่งไป “ท่านจะเอาจริงหรือ”

หลินสวินยิ้มเอ่ย “เรื่องของเจ้าข้าไม่กล้าทำส่งๆ หรอก”

อาหูกลอกตายกใหญ่ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ท่านคิดดูก่อนเถอะว่าจะจัดการแม่นางจิ่งเซวียนกับแม่นางซย่าจื้ออย่างไร! อ้อจริงสิ ตอนนี้มีแม่นางที่มอบถุงหอมเพิ่มมาอีกคน ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าอาจารย์อาเล็กจะเก่งกล้าสามารถปานไหน จะวางตำแหน่งพวกนางแต่ละคนอย่างเหมาะสมได้หรือไม่”

หลินสวิน “…”

ขณะที่กำลังจะพูดอะไรอีก อาหูก็ยิ้มละไมหันหลังจากไปแล้ว

หลินสวินยิ้มพลางส่ายหัว หมุนตัวกลับไปที่พัก

……

เวลาผ่านไปไวดุจกระสวย ผ่านไปอีกสามปีอย่างรวดเร็ว

วันนี้ ในโลกต้นกำเนิดแห่งหนึ่งในแดนลับบัวเขียว

โครม!

เสียงกระหึ่มประหนึ่งฟ้าดินแรกอุบัติเสียงหนึ่งดังขึ้น ฟ้าดินต่างสั่นสะเทือนรุนแรง สรรพสิ่งไหวคลอนตามไปด้วย

เงาร่างสูงตระหง่านร่างหนึ่งยืนกลางอากาศอยู่ไกลลิบ

เบื้องหลังเขาเหมือนมีเงาต้นไม้เทพต้นหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ ลำต้นเทียมฟ้า กิ่งก้านบดบังฟ้าดิน ด้านบนเชื่อมต่อไปถึงห้วงฟ้า ด้านล่างผ่านทะลุใต้ดิน แสงเทพมากมายไหลลู่ประหนึ่งแรกกำเนิด สะท้อนหมื่นลักษณ์ทั่วหล้า!

และหลินสวินที่อยู่หน้าต้นไม้เทพ ก็เป็นดั่งเทพเทวาหนึ่งเดียวที่ยืนตระหง่านอยู่กลางหมื่นลักษณ์ทั่วหล้า!

เสียงดังสนั่นสะท้านฟ้าสะเทือนดินก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ประหลาดอันยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุดนี้

ครู่ใหญ่เงาต้นไม้เทพก็หายลับไป ฟ้าดินคืนสู่ความเงียบสงัด

หลินสวินที่ยืนอยู่กลางอากาศเผยสีหน้าปรีดา

สำเร็จแล้ว!

หลังจากจดจ่อหลอมรวมมาสี่ปี ในที่สุดเขาก็หลอมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดได้สำเร็จ!

ยามนี้ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเขามีต้นไม้น้อยสีเขียวมรกตต้นหนึ่งหยั่งรากลง ณ ใจกลางโลก เพิ่งสูงหนึ่งฉื่อกว่าเท่านั้น ลำต้นหนาเท่าแขนทารก บนกิ่งก้านมีเพียงใบอ่อนสีเขียวเหมือนหยก เปล่งปลั่งกระจ่างใสพ่วงอยู่ประปราย

แต่ทั้งต้นไม้น้อยนี้กลับอบอวลด้วยไอแรกกำเนิดอันถาโถม ตัดสลับเป็นพลังกฎเกณฑ์อันน่าพิศวงและคลุมเครือ ไหลหลั่งพลิ้วลอย

เมื่อมีต้นไม้น้อยนี้อยู่ ภูผาธาราทะเลสาบท้องทะเล สุริยันจันทราดารา ต้นไม้ใบหญ้าทั้งโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์… ล้วนเปล่งคลื่นอัศจรรย์ออกมาราวกับมีชีวิตจิตวิญญาณ

นี่ก็คือต้นกล้าของต้นแรกกำเนิด!

ควบรวมขึ้นจากรากปฐมจิตวิญญาณไม้เทพทั้งสี่ รวมกับเจตวัตถุหายากอย่างพวกดินอัศจรรย์ห้าสี ดินปราณแรกกำเนิด

มันเป็นวัตถุเทพที่เรียกได้ว่าหายากยิ่งทั้งในอดีตและปัจจุบัน เป็นสมบัติล้ำค่าที่ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิยังเฝ้าฝันหมายปองมาแต่กาลก่อนจนตอนนี้ ทว่ากวาดตามองไปหมื่นกาล มองหาทั้งฟ้าดารา คนที่สามารถควบรวมวัตถุเทพเช่นนี้ขึ้นมาได้ก็มีเพียงไม่กี่คน!

หากครอบครองมัน ก็เท่ากับได้ครอบครองโอกาสหยั่งรู้กฎเกณฑ์แรกกำเนิด พอกล้าอ่อนนี้เติบใหญ่ ก็จะมีกฎเกณฑ์แรกกำเนิดปรากฏมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย

สิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดก็คือ ต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดยังมีคุณประโยชน์ยิ่งต่อการสร้างเสถียรภาพให้มรรควิถีและการหลอมมหามรรค

เมื่อพลังปราณเพิ่มสูง ต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดก็จะเติบโตตามไป และกลิ่นอายแรกกำเนิดที่มันแปรสภาพออกมายามเติบใหญ่ก็สามารถคืนสู่โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงส่งผลให้มรรควิถีของทั้งตัวหลินสวินได้รับการยกระดับ!

นี่เป็นประโยชน์ที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะยามต้นแรกกำเนิดเติบใหญ่ขึ้นจริงๆ ถึงกับทำให้โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ของหลินสวินเริ่มมีรากฐานแรกกำเนิด ก่อเกิดหมื่นวิญญาณได้

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้หลินสวินตั้งตาคอยที่สุด ก็คือกฎเกณฑ์แรกกำเนิดอันสมบูรณ์ชนิดหนึ่ง!

“สี่ปี จากเมล็ดเป็นต้นอ่อน กระทั่งแปรสภาพเป็นต้นกล้า ในที่สุดต้นไม้นี้กับมรรควีถีของข้าก็หลอมรวมกันโดยสมบูรณ์ ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วต้องมีวันที่บดบังฟ้าดิน!”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แววตาลุ่มลึก “และตอนนี้ ก็ถึงเวลาจากไปแล้ว…”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+