Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2417 ประทับกักเทพ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2417 ประทับกักเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟางเสวียนเจินมั่นใจมาก

ยันต์สีทองนี้เป็นวิธีเอาตัวรอดของเขา ทั้งเป็นความมั่นใจที่ทำให้เขากล้ามาแดนใหญ่พันศึก

“หลิงเสวียนจื่อ ความแค้นนี้ข้าฟางเสวียนเจินจำไว้แล้ว!”

เขาลอบกัดฟันกรอด แววตาแฝงความคั่งแค้นบ้าระห่ำ

ลานสังหารที่ตั้งใจเตรียมไว้กลับทำให้ตัวเขาสูญสิ้นกำลังคน ถึงขั้นตกอยู่ในวิกฤติ เรื่องไม่คาดฝันนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน

หืม?

ทันใดนั้นฟางเสวียนเจินพลันอึ้งงัน ในความเลือนรางรู้สึกว่าเหมือนมีแสงขาวสายหนึ่งส่องประกายอยู่เบื้องหน้า หยุดนิ่งไปชั่วพริบตา

ไม่รอให้เขาดึงสติกลับมา

ตูม!

เตาหลอมเรียบง่ายหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า กำราบเขากับพลังของยันต์สีทองที่ปกคลุมรอบตัวเข้าไปในเตาหลอม

เตาหลอมนี้ แน่นอนว่าเป็นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

ก่อนหน้านี้ด้วยหลินสวินสำแดงอภินิหารหยุดเวลาจึงชิงโอกาสขวางฟางเสวียนเจินได้เสี้ยวหนึ่ง สุดท้ายก็พึ่งเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบอีกฝ่ายในคราเดียว

“ไม่…!”

ในเตากระบี่ฟางเสวียนเจินตกใจจนหน้าเสีย หวีดร้องตะโกนลั่น ดิ้นรนเหมือนเอาชีวิตเข้าแลก

ยันต์สีทองรอบกายเขาเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจรัส พลังระเบียบเป็นสายๆ ถักทอเข้าด้วยกัน วางแผนสลัดตัวออกจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

“ไป!” เมื่อหลินสวินโคจรเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง เพลิงหงส์ระเบียบและระเบียบนิพพานที่กลายสภาพเป็นดอกบัวปรากฏขึ้นพร้อมกัน

ฝ่ายแรกเปล่งประกายงามตระการ มีสีม่วงมลังเมลือง

ฝ่ายหลังเหมือนดอกบัวเบ่งบาน แผ่แสงเขียวมรกต

พลังระเบียบทั้งสองปรากฏ ก่อเกิดกลิ่นอายและแรงกดดันยากหยั่งถึง พลังระเบียบที่ยันต์สีทองนั้นปลดปล่อยออกมามืดสลัวเลือนรางลงทันที

สุดท้ายยันต์สีทองถูกกำราบอย่างสมบูรณ์

ฟางเสวียนเจินวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง ขนพองสยองเกล้า ในใจรู้สึกตื่นตระหนกถึงขีดสุด

นี่เพิ่งเป็นวันแรกที่เข้ามาในแดนใหญ่พันศึก หรือว่าตนจะประสบเคราะห์แล้ว

ปึง!

พลังน่าหวาดกลัวบีบกดลงมา เบื้องหน้าฟางเสวียนเจินพลันมืดมัว เป็นลมหมดสติไปทั้งอย่างนั้น

หลินสวินเก็บเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลงไปแล้วค่อยเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่

หากปล่อยให้ฟางเสวียนเจินหนีไปได้ อีกฝ่ายมีโอกาสสูงที่จะซ่อนตัว ถึงตอนนั้นหากคิดจับตัวก็คงยากสุดแสน

นี่ก็คือสาเหตุที่หลินสวินยอมใช้อภินิหารหยุดเวลาโดยไม่คำนึงถึงอะไร

ตอนนี้ฟางเสวียนเจินถูกกำราบแล้ว ด้วยวิธีของเขาย่อมเปิดปากของเจ้าหมอนี่ได้อย่างง่ายดาย ล้วงความลับเกี่ยวกับหินลับกระบี่ ‘ลับจิตดั่งคม’ ออกมา

กายมรรคทั้งห้าทะยานมาแต่ไกล ระดับจักรพรรดิที่ติดตามข้างกายฟางเสวียนเจินเหล่านั้นถูกกำจัดหมดแล้ว

แม้แต่ทรัพย์หลังศึกก็จัดการเรียบร้อย

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ เก็บกายมรรคทั้งห้าลงไป

ฮูม…

กระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพที่ปกคลุมกลางฟ้าดินนี้ถูกเก็บไปทันที กลายเป็นธงกระบวนเก้าสิบเก้าผืน ถูกหลินสวินเก็บไว้ในมือ

‘แม้ว่ากระบวนค่ายกลนี้จะร้ายกาจสู้มรรคสิ้นฟ้าอาสัญไม่ได้ แต่ถ้านำมาขังจักรพรรดิก็มีความอัศจรรย์พอ’

หลินสวินพินิจคร่าวๆ แล้วเก็บธงกระบวนชุดนี้ลงไป

คันฉ่องทองแดงสีดำที่อยู่ในการควบคุมของฟางเสวียนเจิน ก็คือจานกระบวนของกระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพ เมื่อฟางเสวียนเจินถูกกำราบ จานกระบวนก็ย่อมตกอยู่ในมือหลินสวินเป็นธรรมดา

กลางฟ้าดินสีเลือดไร้ขอบเขต ไอชั่วร้ายและอสนีบาตซัดโหมอยู่ใต้เวิ้งฟ้า

หลินสวินสำรวจมองโดยรอบเล็กน้อย กำลังคิดจะจากไป

ทันใดนั้นนัยน์ตาเขาดุจอสนี มองไกลออกไปพลางกล่าว “ดูพอหรือยัง”

“สหายยุทธ์หลิงเสวียนจื่อฝีมือเยี่ยม พลิกเมฆคว่ำฝน บิดกลับฟ้าดิน ทำให้พวกข้าได้เปิดโลกทัศน์”

เสียงทอดถอนใจหนึ่งดังขึ้น

ก็เห็นว่ากลางอากาศเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง เงาร่างของพวกจักรพรรดิขวงหรูปรากฏออกมา

จักรพรรดิขวงหรูมาจากโลกยอดลำนำ สวมชุดบัณฑิตคาดเข็มขัดใหญ่ จอนผมขาวโพลน ช่วงเอวมีคัมภีร์สีเขียวเล่มหนึ่งคาดอยู่ ทั่วร่างอบอวลด้วยไอพลังยิ่งใหญ่

ระดับจักรพรรดิที่อยู่ข้างกายเขาเหล่านั้นล้วนสีหน้าเคร่งขรึม ราวกับพวกคงแก่เรียนกลุ่มหนึ่ง บุคลิกต่างจากผู้ฝึกปราณคนอื่น

“ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้า”

หลินสวินเลิกคิ้ว เขาก็เคยได้ยินว่าผู้ฝึกปราณของโลกยอดลำนำล้วนปฏิบัติตัวตามวิถีบัณฑิต บำเพ็ญเพียรเพื่อไอพลังยิ่งใหญ่ เทิดทูนตะวันจันทรา สายตากว้างขวาง เทียบกับสำนักพุทธแล้วต่างมีจุดเด่นของตัวเอง

“สหายยุทธ์ไม่ต้องกังวลมากเกินไป พวกเราแค่บังเอิญผ่านมาได้จังหวะ ไม่มีเจตนาร้ายแน่นอน”

จักรพรรดิขวงหรูกล่าวเสียงดังกังวานเหมือนกลองระฆัง ราวกับท่องคัมภีร์แก่นอัศจรรย์ ท่วงท่าสง่าผ่าเผย ทำให้ผู้คนยากจะมีใจต่อต้าน

“อย่างนั้นหรือ” หลินสวินพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะขอไปก่อน ขอลา”

พูดจบเขาก็หันหลังจากไป

จักรพรรดิขวงหรูอึ้งงัน คล้ายคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะจากไปทั้งอย่างนี้ เหมือนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตนแม้แต่น้อย

“คนผู้นี้ดูเหมือนเฉยชา ความจริงแล้วหยิ่งทะนงเป็นอย่างยิ่ง ทำไมเจ้าสำนักต้องสนใจเขาด้วย” ชายชราผมเผ้าหนวดเคราขาวโพลนคนหนึ่งมุ่นคิ้วกล่าว แฝงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“เขาเพิ่งผ่านเคราะห์สังหารมา ทั้งสังเกตเห็นร่องรอยของพวกเรา จะระวังตัวก็เป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ นี่คือธรรมชาติของมนุษย์”

จักรพรรดิขวงหรูมองทิศทางที่หลินสวินจากไปพลางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “แม้แต่ข้าก็คิดไม่ถึง ว่าพวกฟางเสวียนเจินแห่งเรือนกระบี่ต้าเหิงกลับถูกคนผู้นี้กำจัดเสียสิ้นซาก”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทุกคนที่อยู่ใกล้ต่างเผยสีหน้าจริงจัง

ก่อนหน้านี้พวกเขาแอบซ่อนตัว เห็นแผนการของพวกฟางเสวียนเจินทั้งหมดอยู่ในสายตา เดิมคิดว่าหลิงเสวียนจื่อที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารานั่นต้องประสบเคราะห์แน่

ใครจะคิดว่าถึงตอนท้ายกลับเป็นหลิงเสวียนจื่อผู้สันโดษที่รอดมาได้!

ทุกอย่างนี้ล้วนพิสูจน์ว่าหลิงเสวียนจื่อนั่นไม่ใช่แค่ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นหกธรรมดาคนหนึ่งแน่

“น่าเสียดาย เดิมข้าคิดเชิญอีกฝ่ายร่วมขบวน ตอนนี้ดูท่าว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมร่วมทางกับใครแล้ว”

จักรพรรดิขวงหรูถอนใจพลางโบกมือกล่าว “พวกเราก็ไปกันเถอะ รีบรวบรวมมุกบริสุทธิ์ของมารมายาวิญญาณโลหิตระดับจอมราชันให้ครบสิบแล้วออกไปจากที่นี่”

ส่วนลึกของพื้นที่รกร้างแถบหนึ่ง

หลินสวินขุดถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่งที่นี่ หลังจากวางกระบวนค่ายกลตัดกลิ่นอายก็เรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา

กระทั่งหลินสวินหยิบยันต์สีทองนั่นออกมา

นกกระจอกเขียวจึงเอ่ยปาก “ยันต์นี้มีคุณสมบัติพิเศษเหมือนไม่เสื่อมสูญ พลังระเบียบที่สะสมอยู่ภายในน่าจะเป็นระดับปฐพีขั้นห้า ถือว่าธรรมดา”

“แต่หากอยู่ในโลกพันจักรวาล ‘ยันต์ระเบียบ’ เช่นนี้ย่อมเรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้แล้ว สามารถต้านการโจมตีที่มาจากระดับบรรพจารย์จักรพรรดิได้”

“น่าเสียดาย เจ้าเด็กแซ่ฟางนั่นโง่เกินไป ไม่รู้เลยว่าพลังระเบียบที่หล่อเลี้ยงอยู่ในสมบัติจักรพรรดิบริสุทธิ์นั้นของเจ้าร้ายกาจกว่า”

หลินสวินพินิจสมบัติที่ถูกนกกระจอกเขียวเรียกว่า ‘ยันต์ระเบียบ’ นี้เล็กน้อย รู้สึกเสียดายอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้

พลังของสมบัตินี้ถูกผลาญไปหมดแล้ว ใช้การไม่ได้อีก

แต่วัสดุของยันต์นี้กลับน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ภายในแฝงคุณสมบัติพิเศษราวกับไม่เสื่อมสูญ ล้ำค่าและหายากกว่าเจตวัตถุระดับจักรพรรดิ

นกกระจอกเขียวพลันยื่นจะงอยปาก จิกกินยันต์ระเบียบนี้ลงท้อง กินพลางส่งเสียงอิ่มเอมพอใจ

“คราวหน้าหากเจอของที่เต็มไปด้วยวัตถุอมตะเช่นนี้อีก เจ้านำมาให้ข้ากินได้ ข้ารับรองว่าจะชี้นำหนทางรอดในแดนใหญ่พันศึกนี้ให้เจ้าอย่างสุดความสามารถ แม้รับรองไม่ได้ว่าเจ้าจะไปถึงโลกยอดนิรันดร์ แต่อย่างน้อยก็ไม่ให้เจ้าตายง่ายๆ”

หลินสวินอดกล่าวไม่ได้ “หากข้าไม่รับปากล่ะ”

นกกระจอกเขียวแค่นเสียงเย็นชา “เจ้าไม่ห่วงว่าข้าจะไม่พอใจ พาเจ้าไปทางตันที่ไม่อาจหวนคืนรึ”

หลินสวิน “…”

เขาเริ่มเก็บเกี่ยวสมบัติบนตัวฟางเสวียนเจิน

ไม่อาจไม่พูดถึง ในฐานะมกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากเรือนกระบี่ต้าเหิง เป็นถึงลูกชายของระดับอมตะคนหนึ่ง สมบัติที่ฟางเสวียนเจินพกติดตัวล้วนเรียกได้ว่าเจิดจรัส

ที่จำนวนมากที่สุดก็คือผลึกต้นกำเนิดจักรวาล มีมากถึงหนึ่งหมื่นก้อน ทั้งระดับคุณภาพยังเป็นชั้นหนึ่ง มูลค่าชวนตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ยังมีโอสถเทพที่นำมาใช้ฝึกปราณหลายสิบอย่าง เจตวัตถุที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติจากธรรมชาติเกือบร้อยชนิด รวมถึงสมบัติจักรพรรดิที่อานุภาพเกินคาดเดาสี่ห้าชิ้น

มีประทับมรรค กลองปลา แส้หางม้า กำไลวิญญาณ…

ที่ทำให้หลินสวินสนใจที่สุดคือกระบี่จักรพรรดิเล่มหนึ่ง ยาวสองฉื่อ ขาวกระจ่างดุจหิมะ เจตกระบี่ดั่งสวรรค์ ให้ความรู้สึกแน่วนิ่งเหมือนไม่สั่นคลอนชั่วกาล สูงตระหง่านไม่ขยับ

อย่างน้อยก็เป็นขั้นวิญญาณระดับสูง!

กระบี่นี้สลักอักษรประหลาดไว้สองคำ ‘ครองอมตะ’ ด้ามกระบี่สั่งสมคุณสมบัติพิเศษราวไม่ดับสูญ ตัวกระบี่เห็นชัดว่าถูกพลังระเบียบหล่อหลอมมาก่อน แม้จะไม่มีพลังระเบียบ แต่กลับมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ของพลังระเบียบอยู่

“ทำไมกระบี่นี้ถึงไม่มีวิญญาณอาวุธ” หลินสวินขมวดคิ้ว

นกกระจอกเขียวกล่าว “ระดับขั้นของศาสตราจักรพรรดิไม่ได้แบ่งตามความแข็งแกร่งของวิญญาณอาวุธ ศาสตราจักรพรรดิที่มีวิญญาณอาวุธต้องสอนวิญญาณอาวุธให้ฝึกปราณตั้งแต่ระดับกำลังภายในซึ่งเป็นขั้นพื้นฐานที่สุด ต้องใช้เลือดหัวใจและจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก ทั้งยังไม่แน่ว่าวิญญาณอาวุธจะแปรสภาพถึงระดับจักรพรรดิได้”

“เจ้าก็น่าจะรู้ดี หนทางแห่งการฝึกปราณยากลำบากและอันตรายระดับใด สำหรับวิญญาณอาวุธ การทะลวงระดับแต่ละครั้ง ด่านเคราะห์ที่ต้องเผชิญมักอันตรายกว่าผู้ฝึกปราณ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วิญญาณอาวุธที่สิ้นชีพภายใต้มหาเคราะห์ทะลวงปราณนั้นมีจำนวนไม่น้อย”

“ต่อให้วิญญาณอาวุธบรรลุระดับจักรพรรดิ แต่ถึงตอนนั้นเมื่อมีสติปัญญา สภาวะจิต และมรรควิถีครบถ้วนแล้ว หากมรรคาที่เสาะหาขัดกับนายของมัน เช่นนั้นก็ไม่เข้าทีแล้ว”

เรื่องที่นกกระจอกเขียวพูดนี้ หลินสวินก็รู้ดี

แต่ประโยคต่อมากลับเป็นเรื่องที่หลินสวินไม่เคยใคร่ครวญมาก่อน

ก็เห็นนกกระจอกเขียวพูดว่า “ด้วยเหตุนี้ยามหลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ ส่วนใหญ่จึงไม่เลือกบรรจุวิญญาณอาวุธ”

“อย่างกระบี่จักรพรรดิที่เจ้าเห็นตอนนี้ก็เหมือนกัน คุณลักษณะของมันเรียกได้ว่าอยู่ในระดับบนสุดของศาสตราจักรพรรดิแล้ว แต่กลับไม่บรรจุวิญญาณกระบี่”

หลินสวินพยักหน้า

เขารู้เรื่องพวกนี้ แต่กลับไม่เคยพิจารณาอย่างจริงจังมาก่อน เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของตนต้องบรรจุวิญญาณอาวุธหรือไม่

ครู่ใหญ่หลินสวินจึงส่ายหัว ไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก อย่างน้อยในตอนนี้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจะมีวิญญาณอาวุธหรือไม่ก็ไม่สำคัญ

เขาเก็บกระบี่มรรคครองอมตะและสมบัติทั้งหมดลงไป ตัดสินใจเริ่มเค้นถามเรื่องลับจิตดั่งคมกับฟางเสวียนเจิน

แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดคาดคือทั้งตัวฟางเสวียนเจินตกอยู่ในสภาพประหลาดอย่างหนึ่ง ราวกับตายไปแล้ว มีเพียงร่างกายที่ยังคงมีพลังชีวิตอยู่

แต่พลังจิตของเขากลับถูกพลังประหลาดผนึกไว้ชั้นหนึ่ง

“เจ้าหนูนี่ร้ายกาจจริง ถึงขั้นใช้ประทับกักเทพกับตัวเอง”

แค่แวบเดียวนกกระจอกเขียวก็มองออก ยิ้มหยันพลางกล่าว “วิชาลับนี้สืบทอดในโลกยอดนิรันดร์มานานแล้ว ในเผ่าจักรพรรดิอมตะบางส่วน ยอมวางพลังของประทับกักเทพไว้ในพลังจิตของพวกเขาเพื่อปกป้องคนในเผ่า ยามเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ขอเพียงเปิดใช้ประทับกักเทพก็จะปกป้องพลังจิตของตนได้ ไม่ถูกคนอื่นยึดครอง ต่อให้เป็นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิก็ทำอะไรไม่ได้”

นกกระจอกเขียวเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “เห็นชัดว่าประทับกักเทพในพลังจิตของเจ้าหนูนี่มีบิดาของเขาเป็นคนวางให้ อบอวลด้วยพลังอมตะ นี่ก็หมายความว่าต่อให้เจ้าฆ่าเขาตอนนี้ พลังจิตของเขาก็ไม่อาจถูกลบล้าง นอกเสียจากว่าเจ้าจะสลายพลังของประทับกักเทพนั้นได้”

หลินสวินเลิกคิ้ว “เช่นนั้นเจ้ารู้ไหมว่าควรสลายอย่างไร”

………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2417 ประทับกักเทพ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2417 ประทับกักเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟางเสวียนเจินมั่นใจมาก

ยันต์สีทองนี้เป็นวิธีเอาตัวรอดของเขา ทั้งเป็นความมั่นใจที่ทำให้เขากล้ามาแดนใหญ่พันศึก

“หลิงเสวียนจื่อ ความแค้นนี้ข้าฟางเสวียนเจินจำไว้แล้ว!”

เขาลอบกัดฟันกรอด แววตาแฝงความคั่งแค้นบ้าระห่ำ

ลานสังหารที่ตั้งใจเตรียมไว้กลับทำให้ตัวเขาสูญสิ้นกำลังคน ถึงขั้นตกอยู่ในวิกฤติ เรื่องไม่คาดฝันนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน

หืม?

ทันใดนั้นฟางเสวียนเจินพลันอึ้งงัน ในความเลือนรางรู้สึกว่าเหมือนมีแสงขาวสายหนึ่งส่องประกายอยู่เบื้องหน้า หยุดนิ่งไปชั่วพริบตา

ไม่รอให้เขาดึงสติกลับมา

ตูม!

เตาหลอมเรียบง่ายหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า กำราบเขากับพลังของยันต์สีทองที่ปกคลุมรอบตัวเข้าไปในเตาหลอม

เตาหลอมนี้ แน่นอนว่าเป็นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

ก่อนหน้านี้ด้วยหลินสวินสำแดงอภินิหารหยุดเวลาจึงชิงโอกาสขวางฟางเสวียนเจินได้เสี้ยวหนึ่ง สุดท้ายก็พึ่งเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบอีกฝ่ายในคราเดียว

“ไม่…!”

ในเตากระบี่ฟางเสวียนเจินตกใจจนหน้าเสีย หวีดร้องตะโกนลั่น ดิ้นรนเหมือนเอาชีวิตเข้าแลก

ยันต์สีทองรอบกายเขาเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจรัส พลังระเบียบเป็นสายๆ ถักทอเข้าด้วยกัน วางแผนสลัดตัวออกจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

“ไป!” เมื่อหลินสวินโคจรเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง เพลิงหงส์ระเบียบและระเบียบนิพพานที่กลายสภาพเป็นดอกบัวปรากฏขึ้นพร้อมกัน

ฝ่ายแรกเปล่งประกายงามตระการ มีสีม่วงมลังเมลือง

ฝ่ายหลังเหมือนดอกบัวเบ่งบาน แผ่แสงเขียวมรกต

พลังระเบียบทั้งสองปรากฏ ก่อเกิดกลิ่นอายและแรงกดดันยากหยั่งถึง พลังระเบียบที่ยันต์สีทองนั้นปลดปล่อยออกมามืดสลัวเลือนรางลงทันที

สุดท้ายยันต์สีทองถูกกำราบอย่างสมบูรณ์

ฟางเสวียนเจินวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง ขนพองสยองเกล้า ในใจรู้สึกตื่นตระหนกถึงขีดสุด

นี่เพิ่งเป็นวันแรกที่เข้ามาในแดนใหญ่พันศึก หรือว่าตนจะประสบเคราะห์แล้ว

ปึง!

พลังน่าหวาดกลัวบีบกดลงมา เบื้องหน้าฟางเสวียนเจินพลันมืดมัว เป็นลมหมดสติไปทั้งอย่างนั้น

หลินสวินเก็บเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลงไปแล้วค่อยเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่

หากปล่อยให้ฟางเสวียนเจินหนีไปได้ อีกฝ่ายมีโอกาสสูงที่จะซ่อนตัว ถึงตอนนั้นหากคิดจับตัวก็คงยากสุดแสน

นี่ก็คือสาเหตุที่หลินสวินยอมใช้อภินิหารหยุดเวลาโดยไม่คำนึงถึงอะไร

ตอนนี้ฟางเสวียนเจินถูกกำราบแล้ว ด้วยวิธีของเขาย่อมเปิดปากของเจ้าหมอนี่ได้อย่างง่ายดาย ล้วงความลับเกี่ยวกับหินลับกระบี่ ‘ลับจิตดั่งคม’ ออกมา

กายมรรคทั้งห้าทะยานมาแต่ไกล ระดับจักรพรรดิที่ติดตามข้างกายฟางเสวียนเจินเหล่านั้นถูกกำจัดหมดแล้ว

แม้แต่ทรัพย์หลังศึกก็จัดการเรียบร้อย

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ เก็บกายมรรคทั้งห้าลงไป

ฮูม…

กระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพที่ปกคลุมกลางฟ้าดินนี้ถูกเก็บไปทันที กลายเป็นธงกระบวนเก้าสิบเก้าผืน ถูกหลินสวินเก็บไว้ในมือ

‘แม้ว่ากระบวนค่ายกลนี้จะร้ายกาจสู้มรรคสิ้นฟ้าอาสัญไม่ได้ แต่ถ้านำมาขังจักรพรรดิก็มีความอัศจรรย์พอ’

หลินสวินพินิจคร่าวๆ แล้วเก็บธงกระบวนชุดนี้ลงไป

คันฉ่องทองแดงสีดำที่อยู่ในการควบคุมของฟางเสวียนเจิน ก็คือจานกระบวนของกระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพ เมื่อฟางเสวียนเจินถูกกำราบ จานกระบวนก็ย่อมตกอยู่ในมือหลินสวินเป็นธรรมดา

กลางฟ้าดินสีเลือดไร้ขอบเขต ไอชั่วร้ายและอสนีบาตซัดโหมอยู่ใต้เวิ้งฟ้า

หลินสวินสำรวจมองโดยรอบเล็กน้อย กำลังคิดจะจากไป

ทันใดนั้นนัยน์ตาเขาดุจอสนี มองไกลออกไปพลางกล่าว “ดูพอหรือยัง”

“สหายยุทธ์หลิงเสวียนจื่อฝีมือเยี่ยม พลิกเมฆคว่ำฝน บิดกลับฟ้าดิน ทำให้พวกข้าได้เปิดโลกทัศน์”

เสียงทอดถอนใจหนึ่งดังขึ้น

ก็เห็นว่ากลางอากาศเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง เงาร่างของพวกจักรพรรดิขวงหรูปรากฏออกมา

จักรพรรดิขวงหรูมาจากโลกยอดลำนำ สวมชุดบัณฑิตคาดเข็มขัดใหญ่ จอนผมขาวโพลน ช่วงเอวมีคัมภีร์สีเขียวเล่มหนึ่งคาดอยู่ ทั่วร่างอบอวลด้วยไอพลังยิ่งใหญ่

ระดับจักรพรรดิที่อยู่ข้างกายเขาเหล่านั้นล้วนสีหน้าเคร่งขรึม ราวกับพวกคงแก่เรียนกลุ่มหนึ่ง บุคลิกต่างจากผู้ฝึกปราณคนอื่น

“ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้า”

หลินสวินเลิกคิ้ว เขาก็เคยได้ยินว่าผู้ฝึกปราณของโลกยอดลำนำล้วนปฏิบัติตัวตามวิถีบัณฑิต บำเพ็ญเพียรเพื่อไอพลังยิ่งใหญ่ เทิดทูนตะวันจันทรา สายตากว้างขวาง เทียบกับสำนักพุทธแล้วต่างมีจุดเด่นของตัวเอง

“สหายยุทธ์ไม่ต้องกังวลมากเกินไป พวกเราแค่บังเอิญผ่านมาได้จังหวะ ไม่มีเจตนาร้ายแน่นอน”

จักรพรรดิขวงหรูกล่าวเสียงดังกังวานเหมือนกลองระฆัง ราวกับท่องคัมภีร์แก่นอัศจรรย์ ท่วงท่าสง่าผ่าเผย ทำให้ผู้คนยากจะมีใจต่อต้าน

“อย่างนั้นหรือ” หลินสวินพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะขอไปก่อน ขอลา”

พูดจบเขาก็หันหลังจากไป

จักรพรรดิขวงหรูอึ้งงัน คล้ายคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะจากไปทั้งอย่างนี้ เหมือนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตนแม้แต่น้อย

“คนผู้นี้ดูเหมือนเฉยชา ความจริงแล้วหยิ่งทะนงเป็นอย่างยิ่ง ทำไมเจ้าสำนักต้องสนใจเขาด้วย” ชายชราผมเผ้าหนวดเคราขาวโพลนคนหนึ่งมุ่นคิ้วกล่าว แฝงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“เขาเพิ่งผ่านเคราะห์สังหารมา ทั้งสังเกตเห็นร่องรอยของพวกเรา จะระวังตัวก็เป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ นี่คือธรรมชาติของมนุษย์”

จักรพรรดิขวงหรูมองทิศทางที่หลินสวินจากไปพลางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “แม้แต่ข้าก็คิดไม่ถึง ว่าพวกฟางเสวียนเจินแห่งเรือนกระบี่ต้าเหิงกลับถูกคนผู้นี้กำจัดเสียสิ้นซาก”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทุกคนที่อยู่ใกล้ต่างเผยสีหน้าจริงจัง

ก่อนหน้านี้พวกเขาแอบซ่อนตัว เห็นแผนการของพวกฟางเสวียนเจินทั้งหมดอยู่ในสายตา เดิมคิดว่าหลิงเสวียนจื่อที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารานั่นต้องประสบเคราะห์แน่

ใครจะคิดว่าถึงตอนท้ายกลับเป็นหลิงเสวียนจื่อผู้สันโดษที่รอดมาได้!

ทุกอย่างนี้ล้วนพิสูจน์ว่าหลิงเสวียนจื่อนั่นไม่ใช่แค่ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นหกธรรมดาคนหนึ่งแน่

“น่าเสียดาย เดิมข้าคิดเชิญอีกฝ่ายร่วมขบวน ตอนนี้ดูท่าว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมร่วมทางกับใครแล้ว”

จักรพรรดิขวงหรูถอนใจพลางโบกมือกล่าว “พวกเราก็ไปกันเถอะ รีบรวบรวมมุกบริสุทธิ์ของมารมายาวิญญาณโลหิตระดับจอมราชันให้ครบสิบแล้วออกไปจากที่นี่”

ส่วนลึกของพื้นที่รกร้างแถบหนึ่ง

หลินสวินขุดถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่งที่นี่ หลังจากวางกระบวนค่ายกลตัดกลิ่นอายก็เรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา

กระทั่งหลินสวินหยิบยันต์สีทองนั่นออกมา

นกกระจอกเขียวจึงเอ่ยปาก “ยันต์นี้มีคุณสมบัติพิเศษเหมือนไม่เสื่อมสูญ พลังระเบียบที่สะสมอยู่ภายในน่าจะเป็นระดับปฐพีขั้นห้า ถือว่าธรรมดา”

“แต่หากอยู่ในโลกพันจักรวาล ‘ยันต์ระเบียบ’ เช่นนี้ย่อมเรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้แล้ว สามารถต้านการโจมตีที่มาจากระดับบรรพจารย์จักรพรรดิได้”

“น่าเสียดาย เจ้าเด็กแซ่ฟางนั่นโง่เกินไป ไม่รู้เลยว่าพลังระเบียบที่หล่อเลี้ยงอยู่ในสมบัติจักรพรรดิบริสุทธิ์นั้นของเจ้าร้ายกาจกว่า”

หลินสวินพินิจสมบัติที่ถูกนกกระจอกเขียวเรียกว่า ‘ยันต์ระเบียบ’ นี้เล็กน้อย รู้สึกเสียดายอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้

พลังของสมบัตินี้ถูกผลาญไปหมดแล้ว ใช้การไม่ได้อีก

แต่วัสดุของยันต์นี้กลับน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ภายในแฝงคุณสมบัติพิเศษราวกับไม่เสื่อมสูญ ล้ำค่าและหายากกว่าเจตวัตถุระดับจักรพรรดิ

นกกระจอกเขียวพลันยื่นจะงอยปาก จิกกินยันต์ระเบียบนี้ลงท้อง กินพลางส่งเสียงอิ่มเอมพอใจ

“คราวหน้าหากเจอของที่เต็มไปด้วยวัตถุอมตะเช่นนี้อีก เจ้านำมาให้ข้ากินได้ ข้ารับรองว่าจะชี้นำหนทางรอดในแดนใหญ่พันศึกนี้ให้เจ้าอย่างสุดความสามารถ แม้รับรองไม่ได้ว่าเจ้าจะไปถึงโลกยอดนิรันดร์ แต่อย่างน้อยก็ไม่ให้เจ้าตายง่ายๆ”

หลินสวินอดกล่าวไม่ได้ “หากข้าไม่รับปากล่ะ”

นกกระจอกเขียวแค่นเสียงเย็นชา “เจ้าไม่ห่วงว่าข้าจะไม่พอใจ พาเจ้าไปทางตันที่ไม่อาจหวนคืนรึ”

หลินสวิน “…”

เขาเริ่มเก็บเกี่ยวสมบัติบนตัวฟางเสวียนเจิน

ไม่อาจไม่พูดถึง ในฐานะมกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากเรือนกระบี่ต้าเหิง เป็นถึงลูกชายของระดับอมตะคนหนึ่ง สมบัติที่ฟางเสวียนเจินพกติดตัวล้วนเรียกได้ว่าเจิดจรัส

ที่จำนวนมากที่สุดก็คือผลึกต้นกำเนิดจักรวาล มีมากถึงหนึ่งหมื่นก้อน ทั้งระดับคุณภาพยังเป็นชั้นหนึ่ง มูลค่าชวนตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ยังมีโอสถเทพที่นำมาใช้ฝึกปราณหลายสิบอย่าง เจตวัตถุที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติจากธรรมชาติเกือบร้อยชนิด รวมถึงสมบัติจักรพรรดิที่อานุภาพเกินคาดเดาสี่ห้าชิ้น

มีประทับมรรค กลองปลา แส้หางม้า กำไลวิญญาณ…

ที่ทำให้หลินสวินสนใจที่สุดคือกระบี่จักรพรรดิเล่มหนึ่ง ยาวสองฉื่อ ขาวกระจ่างดุจหิมะ เจตกระบี่ดั่งสวรรค์ ให้ความรู้สึกแน่วนิ่งเหมือนไม่สั่นคลอนชั่วกาล สูงตระหง่านไม่ขยับ

อย่างน้อยก็เป็นขั้นวิญญาณระดับสูง!

กระบี่นี้สลักอักษรประหลาดไว้สองคำ ‘ครองอมตะ’ ด้ามกระบี่สั่งสมคุณสมบัติพิเศษราวไม่ดับสูญ ตัวกระบี่เห็นชัดว่าถูกพลังระเบียบหล่อหลอมมาก่อน แม้จะไม่มีพลังระเบียบ แต่กลับมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ของพลังระเบียบอยู่

“ทำไมกระบี่นี้ถึงไม่มีวิญญาณอาวุธ” หลินสวินขมวดคิ้ว

นกกระจอกเขียวกล่าว “ระดับขั้นของศาสตราจักรพรรดิไม่ได้แบ่งตามความแข็งแกร่งของวิญญาณอาวุธ ศาสตราจักรพรรดิที่มีวิญญาณอาวุธต้องสอนวิญญาณอาวุธให้ฝึกปราณตั้งแต่ระดับกำลังภายในซึ่งเป็นขั้นพื้นฐานที่สุด ต้องใช้เลือดหัวใจและจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก ทั้งยังไม่แน่ว่าวิญญาณอาวุธจะแปรสภาพถึงระดับจักรพรรดิได้”

“เจ้าก็น่าจะรู้ดี หนทางแห่งการฝึกปราณยากลำบากและอันตรายระดับใด สำหรับวิญญาณอาวุธ การทะลวงระดับแต่ละครั้ง ด่านเคราะห์ที่ต้องเผชิญมักอันตรายกว่าผู้ฝึกปราณ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วิญญาณอาวุธที่สิ้นชีพภายใต้มหาเคราะห์ทะลวงปราณนั้นมีจำนวนไม่น้อย”

“ต่อให้วิญญาณอาวุธบรรลุระดับจักรพรรดิ แต่ถึงตอนนั้นเมื่อมีสติปัญญา สภาวะจิต และมรรควิถีครบถ้วนแล้ว หากมรรคาที่เสาะหาขัดกับนายของมัน เช่นนั้นก็ไม่เข้าทีแล้ว”

เรื่องที่นกกระจอกเขียวพูดนี้ หลินสวินก็รู้ดี

แต่ประโยคต่อมากลับเป็นเรื่องที่หลินสวินไม่เคยใคร่ครวญมาก่อน

ก็เห็นนกกระจอกเขียวพูดว่า “ด้วยเหตุนี้ยามหลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ ส่วนใหญ่จึงไม่เลือกบรรจุวิญญาณอาวุธ”

“อย่างกระบี่จักรพรรดิที่เจ้าเห็นตอนนี้ก็เหมือนกัน คุณลักษณะของมันเรียกได้ว่าอยู่ในระดับบนสุดของศาสตราจักรพรรดิแล้ว แต่กลับไม่บรรจุวิญญาณกระบี่”

หลินสวินพยักหน้า

เขารู้เรื่องพวกนี้ แต่กลับไม่เคยพิจารณาอย่างจริงจังมาก่อน เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของตนต้องบรรจุวิญญาณอาวุธหรือไม่

ครู่ใหญ่หลินสวินจึงส่ายหัว ไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก อย่างน้อยในตอนนี้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจะมีวิญญาณอาวุธหรือไม่ก็ไม่สำคัญ

เขาเก็บกระบี่มรรคครองอมตะและสมบัติทั้งหมดลงไป ตัดสินใจเริ่มเค้นถามเรื่องลับจิตดั่งคมกับฟางเสวียนเจิน

แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดคาดคือทั้งตัวฟางเสวียนเจินตกอยู่ในสภาพประหลาดอย่างหนึ่ง ราวกับตายไปแล้ว มีเพียงร่างกายที่ยังคงมีพลังชีวิตอยู่

แต่พลังจิตของเขากลับถูกพลังประหลาดผนึกไว้ชั้นหนึ่ง

“เจ้าหนูนี่ร้ายกาจจริง ถึงขั้นใช้ประทับกักเทพกับตัวเอง”

แค่แวบเดียวนกกระจอกเขียวก็มองออก ยิ้มหยันพลางกล่าว “วิชาลับนี้สืบทอดในโลกยอดนิรันดร์มานานแล้ว ในเผ่าจักรพรรดิอมตะบางส่วน ยอมวางพลังของประทับกักเทพไว้ในพลังจิตของพวกเขาเพื่อปกป้องคนในเผ่า ยามเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ขอเพียงเปิดใช้ประทับกักเทพก็จะปกป้องพลังจิตของตนได้ ไม่ถูกคนอื่นยึดครอง ต่อให้เป็นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิก็ทำอะไรไม่ได้”

นกกระจอกเขียวเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “เห็นชัดว่าประทับกักเทพในพลังจิตของเจ้าหนูนี่มีบิดาของเขาเป็นคนวางให้ อบอวลด้วยพลังอมตะ นี่ก็หมายความว่าต่อให้เจ้าฆ่าเขาตอนนี้ พลังจิตของเขาก็ไม่อาจถูกลบล้าง นอกเสียจากว่าเจ้าจะสลายพลังของประทับกักเทพนั้นได้”

หลินสวินเลิกคิ้ว “เช่นนั้นเจ้ารู้ไหมว่าควรสลายอย่างไร”

………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+