Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2427 ร่องรอย

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2427 ร่องรอย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2427 ร่องรอย

ในน้ำวนใหญ่

หลินสวินกำลังคุยกับหมีอู๋หยา เยียนอวี่โหรวที่ฟื้นขึ้นมา

ไม่นานหลินสวินก็คลายความสงสัยบางส่วนในใจ

ที่แท้ยามจักรพรรดิสวรรค์ดำรงถูกสังหาร หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวก็ได้ข้ามฟ้าดาราด้วยกัน ตัดสินใจจะไปแสวงมรรคาที่อีกฟากฝั่ง

เส้นทางที่ทั้งสองเดินค่อนข้างเหมือนกับหลินสวิน ระหว่างทางผ่านอันตรายมากมาย เคยบุกโลกจักรวาลที่ทรุดโทรมพังทลาย

และเคยเข้าไปในโลกจักรวาลที่รุ่งเรืองอย่างที่สุด ระหว่างนี้ย่อมถูกจับจ้องเป็นเหยื่ออย่างเลี่ยงไม่ได้

แม้ทั้งสองจะเป็นบุคคลแห่งยุคชั้นยอดที่สุดของทางเดินโบราณฟ้าดารา แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับระดับจักรพรรดิที่พลังปราณสูงกว่าก็ยังไม่อาจต่อต้าน

ด้วยเหตุนี้หลังจากเข้าสู้เขตแดนดาราหนึ่ง ทั้งสองโชคร้ายก็ถูกบรรพจารย์ขั้นเก้าจับได้

ทีแรกทั้งสองคิดว่าจะประสบเคราะห์ ใครจะคิดว่าหลังจากรู้ที่มาของพวกเขา บรรพจารย์ขั้นเก้าคนนั้นกลับกักขังทั้งสองไว้ แล้วขายให้เหวินเซ่าเหิงในฐานะ ‘ทาสรับใช้’

เหวินเซ่าเหิงไม่ได้ฆ่าพวกเขา แต่ใช้คำสาปผนึกที่แปลกประหลาดฝังเข้าไปในจิตวิญญาณของพวกเขา ทำการควบคุมเบ็ดเสร็จ

ภายหลังทั้งสองถึงรู้ว่า ไม่ว่าระดับจักรพรรดิคนใดออกจากทางเดินโบราณฟ้าดาราไปยังอีกฟากฝั่ง ล้วนถูกประกาศจับตั้งค่าหัว!

จับได้หนึ่งคน ก็สามารถแลกผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งได้หนึ่งแสนก้อน!

ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งหนึ่งแสนก้อน สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิทุกคนหวั่นไหว หนึ่งแสนก้อน… สามารถทำให้บรรพจารย์ขั้นเก้าทุกคนตาลุกวาวน้ำลายหยด

ดังนั้นในโลกมิติจักรวาลทั้งหมด จึงล้วนจับจ้องไปยังระดับจักรพรรดิที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา

นี่ก็คือเหตุผลที่ตลอดทางนี้ ไม่ว่าหลินสวินหรือระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ ของทางเดินโบราณฟ้าดาราล้วนพบเจอการปิดล้อมอย่างต่อเนื่อง

อย่างหลินสวินเองก็เคยถูกขวางไว้ไม่รู้กี่ครั้ง

“ใครเป็นคนตั้งค่าหัว” ฟังถึงตรงนี้ หลินสวินอดถามไม่ได้

ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งแสนก้อน แลกกับระดับจักรพรรดิทางเดินโบราณฟ้าดาราหนึ่งคน มือเติบอย่างที่สุด ขุมอำนาจทั่วไปจ่ายไม่ไหวแน่

“ตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่ง”

หมีอู๋หยาบอกคำตอบที่ทั้งเหนือความคาดหมายของหลินสวิน แต่ก็สมเหตุสมผลนักออกมา

เพราะมีเพียงตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งที่ใช้พลังระเบียบต้องห้ามควบคุมทางเดินโบราณฟ้าดารามาไม่รู้นานเท่าไหร่ จึงทำเรื่องบ้าคลั่งเช่นนี้ได้

“เช่นนั้นพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดตระกูลลั่วต้องทำเช่นนี้” หลินสวินเอ่ยอย่างใคร่ครวญ

“นี่จะต้องเป็นการแก้แค้นของตระกูลลั่วต่อทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างแน่นอน!”

หมีอู๋หยาสีหน้าอึมครึม “จอมจักรพรรดิไร้นามตายแล้ว จักรพรรดิสวรรค์ดำรงก็ตายแล้ว นี่จะไม่ให้ตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งโกรธได้อย่างไร”

เยียนอวี่โหรวที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า เห็นด้วยกับการคาดเดานี้

หลินสวินลอบเอ่ยในใจ คนที่ตายไม่ใช่แค่สองคนนี้ ยังมีหญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิง ลั่วซิงเฟิงผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลลั่ว รวมถึงมกุฎมหาจักรพรรดินามลั่วเฉิน

โดยเฉพาะลั่วเฉิน ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในมกุฎมหาจักรพรรดิที่สะดุดตาที่สุดของคนรุ่นเยาว์ตระกูลลั่ว พรสวรรค์โดดเด่น รากฐานกร้าวแกร่ง เป็นตัวอ่อนฝึกปราณแต่กำเนิด

ว่ากันว่าคนผู้นี้ปลุก ‘วังวนเพลิงดารา’ พรสวรรค์สายเลือดชั้นยอดของตระกูลลั่วได้ ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ไม่ถึงแปดร้อยปีก็เป็นระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นสี่แล้ว!

นี่แข็งแกร่งกว่าเหวินเซ่าเหิงที่ฝึกมาแปดพันปี และมีพลังปราณระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นเจ็ดไม่น้อยทีเดียว

แต่ลั่วเฉินคนนี้… ถูกหลินสวินสังหารในแดนหงส์เซียนไปนานแล้ว

ตอนนี้หลินสวินเข้าใจสถานการณ์ของโลกยอดนิรันดร์บ้างแล้ว และสามารถระบุดได้เรื่องหนึ่ง

การตายของลั่วเฉิน ทำให้ทั้งตระกูลลั่วเดือดดาลแล้วอย่างแน่นอน!

บวกกับพวกลั่วซิงเฟิง จอมจักรพรรดิไร้นาม จักรพรรดิสวรรค์ดำรง หญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิง ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตในตระกูลลั่ว แต่กลับประสบเคราะห์ที่ทางเดินโบราณฟ้าดาราทั้งหมด

นี่จะให้ตระกูลลั่วไม่คลั่งได้อย่างไร

เช่นนี้ก็สามารถเข้าใจได้ ว่าเหตุใดพวกเขาจึงเจาะจงตั้งค่าหัวระดับจักรพรรดิของทางเดินโบราณฟ้าดาราเช่นนั้น

ทว่าหลินสวินรู้สึกได้รางๆ ว่านี่เป็นเพียงแค่เหตุผลหนึ่ง ที่ตระกูลลั่วทำเช่นนี้เกรงว่ายังมีจุดประสงค์อื่นอีก

คิดๆ แล้วหลินสวินก็ถามอีกว่า “ฐานะระดับเหวินเซ่าเหิง เหตุใดยังสนใจประกาศตั้งค่าหัวของตระกูลลั่ว”

พูดถึงเรื่องนี้ หมีอู๋หยามองหลินสวินด้วยสายตาซับซ้อนแวบหนึ่ง “จะว่าไป เรื่องนี้คงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่หลิน”

“ข้า?” หลินสวินอึ้ง

เยียนอวี่โหรวที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงเบา “เหวินเซ่าเหิงคนนี้รักใคร่ผู้หญิงตระกูลลั่วนามว่าลั่วหลิงมาโดยตลอด ประกาศตั้งค่าหัวของตระกูลลั่วครั้งนี้ ว่ากันว่าเป็นฝีมือของลั่วหลิง”

“บางทีอาจเพื่อเอาใจลั่วหลิง ไม่รู้ว่าเหวินเซ่าเหิงไปสืบข่าวมาจากไหน รู้ว่าพี่หลินเป็นบุคคลชั้นเลิศที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิเป็นคนแรกในรอบหนึ่งแสนปีของทางเดินโบราณฟ้าดารา จึงพยายามจับตัวพี่หลินมาโดยตลอด เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับลั่วหลิง”

“เพื่อเรื่องนี้ เหวินเซ่าเหิงถึงขั้นส่งกำลังคนมากมายข้ามห้วงมิติไปยังทางเดินโบราณฟ้าดารา แต่หาอยู่นานก็ไม่เจอร่องรอยของพี่หลิน…”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินอดเลิกคิ้วไม่ได้ “เพื่อเอาใจผู้หญิงคนหนึ่ง เหวินเซ่าเหิงนี่ก็กระทำการอย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้เลยหรือ”

นี่เห็นได้ชัดว่าเหลวไหลมาก

“ว่ากันว่าลั่วหลิงเป็นตำนานคนหนึ่งของตระกูลลั่ว มีร่างเทพเก้ายอดแต่กำเนิด พรสวรรค์และมรรควิถีล้วนเหนือกว่าคนทั่วไป บวกกับรูปลักษณ์ บุคลิก ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ล้วนโดดเด่น ในโลกยอดนิรันดร์ก็มีชื่อเสียงอย่างมาก ถูกยกย่องให้เป็นคนที่ประหนึ่งเทพธิดาบนชั้นฟ้า”

เยียนอวี่โหรวกล่าว “เหวินเซ่าเหิงเคยหลุดปากมา ว่าเพื่อตามเกี้ยวเทพธิดาอย่างลั่วหลิง ย่อมต้องวางแผนอย่างรัดกุม ถึงจะสามารถชนะใจคนงามได้”

หลินสวินหลุดขำ สายตาลึกล้ำ เพื่อตามเกี้ยวผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงขั้นจะจับตนไปถวายให้ลั่วหลิง เหวินเซ่าเหิงนี่บ้าเกินไปแล้ว!

และตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดหมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวจึงถูกเก็บไว้ข้างกายเหวินเซ่าเหิง

บางทีอาจเพราะจับตนไม่ได้ ทำให้พวกหมีอู๋หยาสองคนถูกมองเป็นเหยื่อที่เหวินเซ่าเหิงจะมอบให้ลั่วหลิงแทน!

“หลังจากนี้พวกเจ้าสองคนมีแผนอย่างไร” หลินสวินถาม

หมีอู๋หยาสีหน้าสลด “ชีวิตไม่ใช่ของตน ยังจะทำอะไรได้…”

สีหน้าเยียนอวี่โหรวก็เปลี่ยนเป็นมืดมนขึ้นมาเช่นกัน นางก็ถูกฝังคำสาปผนึกหมื่นยอดไว้ในจิตวิญญาณเช่นเดียวกับหมีอู๋หยา แม้ตอนนี้ถูกหลินสวินช่วยไว้ แต่ก็ถูกกำหนดให้ไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของเหวินเซ่าเหิงอยู่ดี

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตั้งแต่เจอกันที่เมืองข้ามแดนจนกระทั่งตอนที่ทั้งสองถูกช่วย พวกเขาถึงไม่กล้าสื่อจิตสนทนากับหลินสวิน

มีเหวินเซ่าเหิงอยู่ หากพวกเขาสื่อจิตก็จะถูกสังเกตเห็นทันที!

ได้รู้เรื่องพวกนี้ ไอสังหารแวบผ่านในสายตาของหลินสวิน เอ่ยว่า “น่าเสียดาย ครั้งนี้ปล่อยให้เจ้าหมอนี่หนีไปได้ ไม่เช่นนั้นต้องสามารถสลายคำสาปผนึกในตัวพวกเจ้าทั้งสองได้อย่างแน่นอน”

ก็ตอนนี้เอง

จู่ๆ หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวต่างส่งเสียงอึดอัด ท่าทางเหมือนเจ็บปวด จากนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไป อึมครึมไม่สามารถสงบได้ เหมือนเจอปัญหาที่ยากอย่างที่สุด

“เป็นอะไร” หลินสวินถาม

หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวสบตากัน ในใจดิ้นรน ล้วนดูลังเลอย่างที่สุด

ครู่ใหญ่หมีอู๋หยาจึงกัดฟันพูดเสียงต่ำราวกับได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว “ก่อนหน้านี้ข้ากับแม่นางอวี่โหรวได้รับคำสั่งจากเหวินเซ่าเหิ ว่าไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องติดตามพี่หลินไป ไม่เช่นนั้น… ก็ตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

เยียนอวี่โหรวเองก็พยักหน้าอย่างขมขื่น “จากที่ข้าคาดเดา เหวินเซ่าเหิงทำเช่นนี้ เกรงว่าคงอยากใช้ร่องรอยของเราสองคนระบุตำแหน่งพี่หลิน เช่นนี้หากเขาจะแก้แค้นพี่หลิน ย่อมสามารถหาตัวพี่หลินได้ในทันที”

หลินสวินเข้าใจทันที พลันยิ้มพูด “เช่นนี้กลับถือเป็นเรื่องดี ข้าอยากให้เขามาตายเสียเดี๋ยวนี้”

จากนั้นเขาพลันถามอย่างสงสัย “พวกเจ้าสัมผัสตำแหน่งของเหวินเซ่าเหิงได้หรือไม่”

หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวต่างส่ายหน้า

หลินสวินใคร่ครวญคร่าวๆ แล้วกล่าว “ช่างเถอะ เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปพวกเจ้าเคลื่อนไหวพร้อมข้าก็พอ รอเหวินเซ่าเหิงมาหาเมื่อไหร่ ข้าจะจัดการเขา ช่วยพวกเจ้าทำลายการผูกมัดเอง”

หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวต่างอึ้งไป สีหน้าแฝงความรู้สึกผิด เหมือนรู้สึกไม่ดีมาก

ควรรู้ว่ายามอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดาราพวกเขายังเคยต่อสู้กัน เข้าปะทะในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ!

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับไม่สนอันตราย จะออกหน้าให้พวกเขา จะไม่ให้พวกเขาละอายใจและซาบซึ้งใจได้อย่างไร

“เรื่องในอดีตอย่างไรก็เป็นการชิงชัยในวัยเยาว์ จุดยืนไม่เหมือนกัน เรื่องที่จำไม่มีผิดถูก”

หลินสวินยิ้มปลอบทั้งสอง ถึงทำให้ในใจทั้งสองคนมั่นคงขึ้นไม่น้อย

จากนั้นหมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวก็ออกจากน้ำวนขนาดใหญ่นั่น คอยดูแลกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญพร้อมกับเสี่ยวอู่

ส่วนหลินสวินก็ไม่ได้ชักช้า มาถึงปลายสุดของน้ำวนใหญ่

ที่แห่งนี้ละอองแสงหลากสีสัน งดงามสะดุดตา ประกายมหามรรคที่มหัศจรรย์อบอวล มองอย่างละเอียดถึงกับเป็นต้นกำเนิดมหามรรคกลุ่มหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือคุณลักษณะ ล้วนเหนือกว่าต้นกำเนิดมหามรรคที่หลินสวินหลอมก่อนหน้านี้ เรียกได้ว่าน่าตกใจ!

อีกทั้งรอบๆ ต้นกำเนิดมหามรรคปกคลุมด้วยบาตรสมบัติเจือสีทองสำริดเก่าแก่ใบหนึ่ง ให้ความรู้สึกมั่นคงไม่แตกหักแก่ผู้คน

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสมบัตินี้เป็นของเหวินเซ่าเหิง ปกป้องอยู่บนต้นกำเนิดมหามรรคเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ากังวลว่าจะทำให้ต้นกำเนิดมหามรรคโดนลูกหลงในการต่อสู้

แต่ตอนนี้กลับสะดวกต่อหลินสวินเสียแล้ว

วู้ม…

เมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ บาตรสีสำริดเก่าแก่ก็ถูกเก็บไป นี่ถือเป็นศาสตราจักรพรรดิขั้นวิญญาณระดับกลาง เหนือกว่าศาสตราจักรพรรดิทั่วไปมาก มูลค่าไม่ธรรมดา

เพียงแต่หลินสวินเก็บไปอย่างลวกๆ โดยไม่มองด้วยซ้ำ สำหรับเขา สมบัตินี้ไม่ได้มีประโยชน์นัก

หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วปลดปล่อยกายมรรคทั้งห้าออกมา นั่งสมาธิอยู่ข้างๆ ต้นกำเนิดมหามรรคนั่นพร้อมกับร่างต้น เริ่มสงบใจทำสมาธิ

ไม่นานละอองแสงมหามรรคที่งดงามสะดุดตาก็ปกคลุมหลินสวินและร่างแยกของเขา ราวกับภาพมายาความฝัน

เวลาผ่านไปทีละน้อย

บนแผ่นดินล่องลอยเงียบเชียบทั้งผืน แต่ในที่มุมมืดยังคงมีเงาร่างไม่น้อยที่ยังไม่จากไป

สวบ!

ครู่ใหญ่เงาร่างหนึ่งเหมือนทนไม่ไหวในที่สุด จู่ๆ ก็เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศพุ่งไปยังเหนือฟ้าของแผ่นดินล่องลอยนั่น

แต่เขาระมัดระวังมาก ไม่ได้เข้าใกล้ แต่เรียกกระบี่บินเพลิงที่แวววาวเล่มหนึ่งออกมา ตวัดฟันไปทางกระบวนค่ายกลที่ปกคลุมอยู่หน้าน้ำวนใหญ่

ครืน!

กระบวนค่ายกลไหวขยับ ปรากฏรอยแตกที่ยากจะสังเกตเห็น แม้ไม่นานก็ผสานกันเหมือนเดิม แต่ยังคงทำให้เงาร่างนั้นผ่อนคลายลงไม่น้อยในทันที

เขากัดฟันพุ่งปราดเข้าไป

ในเวลาเดียวกันระดับจักรพรรดิมากมายซึ่งกระจายตัวอยู่ในที่มืดก็กระเหี้ยนกระหือรือ จับตามองทั้งหมดนี้อย่างใกล้ชิด

ราวกับว่าขอแค่มีโอกาสเสี้ยวหนึ่ง พวกเขาก็จะโจมตีอย่างเหี้ยมหาญทันที!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2427 ร่องรอย

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2427 ร่องรอย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2427 ร่องรอย

ในน้ำวนใหญ่

หลินสวินกำลังคุยกับหมีอู๋หยา เยียนอวี่โหรวที่ฟื้นขึ้นมา

ไม่นานหลินสวินก็คลายความสงสัยบางส่วนในใจ

ที่แท้ยามจักรพรรดิสวรรค์ดำรงถูกสังหาร หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวก็ได้ข้ามฟ้าดาราด้วยกัน ตัดสินใจจะไปแสวงมรรคาที่อีกฟากฝั่ง

เส้นทางที่ทั้งสองเดินค่อนข้างเหมือนกับหลินสวิน ระหว่างทางผ่านอันตรายมากมาย เคยบุกโลกจักรวาลที่ทรุดโทรมพังทลาย

และเคยเข้าไปในโลกจักรวาลที่รุ่งเรืองอย่างที่สุด ระหว่างนี้ย่อมถูกจับจ้องเป็นเหยื่ออย่างเลี่ยงไม่ได้

แม้ทั้งสองจะเป็นบุคคลแห่งยุคชั้นยอดที่สุดของทางเดินโบราณฟ้าดารา แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับระดับจักรพรรดิที่พลังปราณสูงกว่าก็ยังไม่อาจต่อต้าน

ด้วยเหตุนี้หลังจากเข้าสู้เขตแดนดาราหนึ่ง ทั้งสองโชคร้ายก็ถูกบรรพจารย์ขั้นเก้าจับได้

ทีแรกทั้งสองคิดว่าจะประสบเคราะห์ ใครจะคิดว่าหลังจากรู้ที่มาของพวกเขา บรรพจารย์ขั้นเก้าคนนั้นกลับกักขังทั้งสองไว้ แล้วขายให้เหวินเซ่าเหิงในฐานะ ‘ทาสรับใช้’

เหวินเซ่าเหิงไม่ได้ฆ่าพวกเขา แต่ใช้คำสาปผนึกที่แปลกประหลาดฝังเข้าไปในจิตวิญญาณของพวกเขา ทำการควบคุมเบ็ดเสร็จ

ภายหลังทั้งสองถึงรู้ว่า ไม่ว่าระดับจักรพรรดิคนใดออกจากทางเดินโบราณฟ้าดาราไปยังอีกฟากฝั่ง ล้วนถูกประกาศจับตั้งค่าหัว!

จับได้หนึ่งคน ก็สามารถแลกผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งได้หนึ่งแสนก้อน!

ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งหนึ่งแสนก้อน สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิทุกคนหวั่นไหว หนึ่งแสนก้อน… สามารถทำให้บรรพจารย์ขั้นเก้าทุกคนตาลุกวาวน้ำลายหยด

ดังนั้นในโลกมิติจักรวาลทั้งหมด จึงล้วนจับจ้องไปยังระดับจักรพรรดิที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา

นี่ก็คือเหตุผลที่ตลอดทางนี้ ไม่ว่าหลินสวินหรือระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ ของทางเดินโบราณฟ้าดาราล้วนพบเจอการปิดล้อมอย่างต่อเนื่อง

อย่างหลินสวินเองก็เคยถูกขวางไว้ไม่รู้กี่ครั้ง

“ใครเป็นคนตั้งค่าหัว” ฟังถึงตรงนี้ หลินสวินอดถามไม่ได้

ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งแสนก้อน แลกกับระดับจักรพรรดิทางเดินโบราณฟ้าดาราหนึ่งคน มือเติบอย่างที่สุด ขุมอำนาจทั่วไปจ่ายไม่ไหวแน่

“ตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่ง”

หมีอู๋หยาบอกคำตอบที่ทั้งเหนือความคาดหมายของหลินสวิน แต่ก็สมเหตุสมผลนักออกมา

เพราะมีเพียงตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งที่ใช้พลังระเบียบต้องห้ามควบคุมทางเดินโบราณฟ้าดารามาไม่รู้นานเท่าไหร่ จึงทำเรื่องบ้าคลั่งเช่นนี้ได้

“เช่นนั้นพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดตระกูลลั่วต้องทำเช่นนี้” หลินสวินเอ่ยอย่างใคร่ครวญ

“นี่จะต้องเป็นการแก้แค้นของตระกูลลั่วต่อทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างแน่นอน!”

หมีอู๋หยาสีหน้าอึมครึม “จอมจักรพรรดิไร้นามตายแล้ว จักรพรรดิสวรรค์ดำรงก็ตายแล้ว นี่จะไม่ให้ตระกูลลั่วแห่งฟากฝั่งโกรธได้อย่างไร”

เยียนอวี่โหรวที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า เห็นด้วยกับการคาดเดานี้

หลินสวินลอบเอ่ยในใจ คนที่ตายไม่ใช่แค่สองคนนี้ ยังมีหญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิง ลั่วซิงเฟิงผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลลั่ว รวมถึงมกุฎมหาจักรพรรดินามลั่วเฉิน

โดยเฉพาะลั่วเฉิน ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในมกุฎมหาจักรพรรดิที่สะดุดตาที่สุดของคนรุ่นเยาว์ตระกูลลั่ว พรสวรรค์โดดเด่น รากฐานกร้าวแกร่ง เป็นตัวอ่อนฝึกปราณแต่กำเนิด

ว่ากันว่าคนผู้นี้ปลุก ‘วังวนเพลิงดารา’ พรสวรรค์สายเลือดชั้นยอดของตระกูลลั่วได้ ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ไม่ถึงแปดร้อยปีก็เป็นระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นสี่แล้ว!

นี่แข็งแกร่งกว่าเหวินเซ่าเหิงที่ฝึกมาแปดพันปี และมีพลังปราณระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นเจ็ดไม่น้อยทีเดียว

แต่ลั่วเฉินคนนี้… ถูกหลินสวินสังหารในแดนหงส์เซียนไปนานแล้ว

ตอนนี้หลินสวินเข้าใจสถานการณ์ของโลกยอดนิรันดร์บ้างแล้ว และสามารถระบุดได้เรื่องหนึ่ง

การตายของลั่วเฉิน ทำให้ทั้งตระกูลลั่วเดือดดาลแล้วอย่างแน่นอน!

บวกกับพวกลั่วซิงเฟิง จอมจักรพรรดิไร้นาม จักรพรรดิสวรรค์ดำรง หญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิง ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตในตระกูลลั่ว แต่กลับประสบเคราะห์ที่ทางเดินโบราณฟ้าดาราทั้งหมด

นี่จะให้ตระกูลลั่วไม่คลั่งได้อย่างไร

เช่นนี้ก็สามารถเข้าใจได้ ว่าเหตุใดพวกเขาจึงเจาะจงตั้งค่าหัวระดับจักรพรรดิของทางเดินโบราณฟ้าดาราเช่นนั้น

ทว่าหลินสวินรู้สึกได้รางๆ ว่านี่เป็นเพียงแค่เหตุผลหนึ่ง ที่ตระกูลลั่วทำเช่นนี้เกรงว่ายังมีจุดประสงค์อื่นอีก

คิดๆ แล้วหลินสวินก็ถามอีกว่า “ฐานะระดับเหวินเซ่าเหิง เหตุใดยังสนใจประกาศตั้งค่าหัวของตระกูลลั่ว”

พูดถึงเรื่องนี้ หมีอู๋หยามองหลินสวินด้วยสายตาซับซ้อนแวบหนึ่ง “จะว่าไป เรื่องนี้คงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่หลิน”

“ข้า?” หลินสวินอึ้ง

เยียนอวี่โหรวที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงเบา “เหวินเซ่าเหิงคนนี้รักใคร่ผู้หญิงตระกูลลั่วนามว่าลั่วหลิงมาโดยตลอด ประกาศตั้งค่าหัวของตระกูลลั่วครั้งนี้ ว่ากันว่าเป็นฝีมือของลั่วหลิง”

“บางทีอาจเพื่อเอาใจลั่วหลิง ไม่รู้ว่าเหวินเซ่าเหิงไปสืบข่าวมาจากไหน รู้ว่าพี่หลินเป็นบุคคลชั้นเลิศที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิเป็นคนแรกในรอบหนึ่งแสนปีของทางเดินโบราณฟ้าดารา จึงพยายามจับตัวพี่หลินมาโดยตลอด เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับลั่วหลิง”

“เพื่อเรื่องนี้ เหวินเซ่าเหิงถึงขั้นส่งกำลังคนมากมายข้ามห้วงมิติไปยังทางเดินโบราณฟ้าดารา แต่หาอยู่นานก็ไม่เจอร่องรอยของพี่หลิน…”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินอดเลิกคิ้วไม่ได้ “เพื่อเอาใจผู้หญิงคนหนึ่ง เหวินเซ่าเหิงนี่ก็กระทำการอย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้เลยหรือ”

นี่เห็นได้ชัดว่าเหลวไหลมาก

“ว่ากันว่าลั่วหลิงเป็นตำนานคนหนึ่งของตระกูลลั่ว มีร่างเทพเก้ายอดแต่กำเนิด พรสวรรค์และมรรควิถีล้วนเหนือกว่าคนทั่วไป บวกกับรูปลักษณ์ บุคลิก ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ล้วนโดดเด่น ในโลกยอดนิรันดร์ก็มีชื่อเสียงอย่างมาก ถูกยกย่องให้เป็นคนที่ประหนึ่งเทพธิดาบนชั้นฟ้า”

เยียนอวี่โหรวกล่าว “เหวินเซ่าเหิงเคยหลุดปากมา ว่าเพื่อตามเกี้ยวเทพธิดาอย่างลั่วหลิง ย่อมต้องวางแผนอย่างรัดกุม ถึงจะสามารถชนะใจคนงามได้”

หลินสวินหลุดขำ สายตาลึกล้ำ เพื่อตามเกี้ยวผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงขั้นจะจับตนไปถวายให้ลั่วหลิง เหวินเซ่าเหิงนี่บ้าเกินไปแล้ว!

และตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดหมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวจึงถูกเก็บไว้ข้างกายเหวินเซ่าเหิง

บางทีอาจเพราะจับตนไม่ได้ ทำให้พวกหมีอู๋หยาสองคนถูกมองเป็นเหยื่อที่เหวินเซ่าเหิงจะมอบให้ลั่วหลิงแทน!

“หลังจากนี้พวกเจ้าสองคนมีแผนอย่างไร” หลินสวินถาม

หมีอู๋หยาสีหน้าสลด “ชีวิตไม่ใช่ของตน ยังจะทำอะไรได้…”

สีหน้าเยียนอวี่โหรวก็เปลี่ยนเป็นมืดมนขึ้นมาเช่นกัน นางก็ถูกฝังคำสาปผนึกหมื่นยอดไว้ในจิตวิญญาณเช่นเดียวกับหมีอู๋หยา แม้ตอนนี้ถูกหลินสวินช่วยไว้ แต่ก็ถูกกำหนดให้ไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของเหวินเซ่าเหิงอยู่ดี

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตั้งแต่เจอกันที่เมืองข้ามแดนจนกระทั่งตอนที่ทั้งสองถูกช่วย พวกเขาถึงไม่กล้าสื่อจิตสนทนากับหลินสวิน

มีเหวินเซ่าเหิงอยู่ หากพวกเขาสื่อจิตก็จะถูกสังเกตเห็นทันที!

ได้รู้เรื่องพวกนี้ ไอสังหารแวบผ่านในสายตาของหลินสวิน เอ่ยว่า “น่าเสียดาย ครั้งนี้ปล่อยให้เจ้าหมอนี่หนีไปได้ ไม่เช่นนั้นต้องสามารถสลายคำสาปผนึกในตัวพวกเจ้าทั้งสองได้อย่างแน่นอน”

ก็ตอนนี้เอง

จู่ๆ หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวต่างส่งเสียงอึดอัด ท่าทางเหมือนเจ็บปวด จากนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไป อึมครึมไม่สามารถสงบได้ เหมือนเจอปัญหาที่ยากอย่างที่สุด

“เป็นอะไร” หลินสวินถาม

หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวสบตากัน ในใจดิ้นรน ล้วนดูลังเลอย่างที่สุด

ครู่ใหญ่หมีอู๋หยาจึงกัดฟันพูดเสียงต่ำราวกับได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว “ก่อนหน้านี้ข้ากับแม่นางอวี่โหรวได้รับคำสั่งจากเหวินเซ่าเหิ ว่าไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องติดตามพี่หลินไป ไม่เช่นนั้น… ก็ตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

เยียนอวี่โหรวเองก็พยักหน้าอย่างขมขื่น “จากที่ข้าคาดเดา เหวินเซ่าเหิงทำเช่นนี้ เกรงว่าคงอยากใช้ร่องรอยของเราสองคนระบุตำแหน่งพี่หลิน เช่นนี้หากเขาจะแก้แค้นพี่หลิน ย่อมสามารถหาตัวพี่หลินได้ในทันที”

หลินสวินเข้าใจทันที พลันยิ้มพูด “เช่นนี้กลับถือเป็นเรื่องดี ข้าอยากให้เขามาตายเสียเดี๋ยวนี้”

จากนั้นเขาพลันถามอย่างสงสัย “พวกเจ้าสัมผัสตำแหน่งของเหวินเซ่าเหิงได้หรือไม่”

หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวต่างส่ายหน้า

หลินสวินใคร่ครวญคร่าวๆ แล้วกล่าว “ช่างเถอะ เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปพวกเจ้าเคลื่อนไหวพร้อมข้าก็พอ รอเหวินเซ่าเหิงมาหาเมื่อไหร่ ข้าจะจัดการเขา ช่วยพวกเจ้าทำลายการผูกมัดเอง”

หมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวต่างอึ้งไป สีหน้าแฝงความรู้สึกผิด เหมือนรู้สึกไม่ดีมาก

ควรรู้ว่ายามอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดาราพวกเขายังเคยต่อสู้กัน เข้าปะทะในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ!

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับไม่สนอันตราย จะออกหน้าให้พวกเขา จะไม่ให้พวกเขาละอายใจและซาบซึ้งใจได้อย่างไร

“เรื่องในอดีตอย่างไรก็เป็นการชิงชัยในวัยเยาว์ จุดยืนไม่เหมือนกัน เรื่องที่จำไม่มีผิดถูก”

หลินสวินยิ้มปลอบทั้งสอง ถึงทำให้ในใจทั้งสองคนมั่นคงขึ้นไม่น้อย

จากนั้นหมีอู๋หยาและเยียนอวี่โหรวก็ออกจากน้ำวนขนาดใหญ่นั่น คอยดูแลกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญพร้อมกับเสี่ยวอู่

ส่วนหลินสวินก็ไม่ได้ชักช้า มาถึงปลายสุดของน้ำวนใหญ่

ที่แห่งนี้ละอองแสงหลากสีสัน งดงามสะดุดตา ประกายมหามรรคที่มหัศจรรย์อบอวล มองอย่างละเอียดถึงกับเป็นต้นกำเนิดมหามรรคกลุ่มหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือคุณลักษณะ ล้วนเหนือกว่าต้นกำเนิดมหามรรคที่หลินสวินหลอมก่อนหน้านี้ เรียกได้ว่าน่าตกใจ!

อีกทั้งรอบๆ ต้นกำเนิดมหามรรคปกคลุมด้วยบาตรสมบัติเจือสีทองสำริดเก่าแก่ใบหนึ่ง ให้ความรู้สึกมั่นคงไม่แตกหักแก่ผู้คน

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสมบัตินี้เป็นของเหวินเซ่าเหิง ปกป้องอยู่บนต้นกำเนิดมหามรรคเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ากังวลว่าจะทำให้ต้นกำเนิดมหามรรคโดนลูกหลงในการต่อสู้

แต่ตอนนี้กลับสะดวกต่อหลินสวินเสียแล้ว

วู้ม…

เมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ บาตรสีสำริดเก่าแก่ก็ถูกเก็บไป นี่ถือเป็นศาสตราจักรพรรดิขั้นวิญญาณระดับกลาง เหนือกว่าศาสตราจักรพรรดิทั่วไปมาก มูลค่าไม่ธรรมดา

เพียงแต่หลินสวินเก็บไปอย่างลวกๆ โดยไม่มองด้วยซ้ำ สำหรับเขา สมบัตินี้ไม่ได้มีประโยชน์นัก

หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วปลดปล่อยกายมรรคทั้งห้าออกมา นั่งสมาธิอยู่ข้างๆ ต้นกำเนิดมหามรรคนั่นพร้อมกับร่างต้น เริ่มสงบใจทำสมาธิ

ไม่นานละอองแสงมหามรรคที่งดงามสะดุดตาก็ปกคลุมหลินสวินและร่างแยกของเขา ราวกับภาพมายาความฝัน

เวลาผ่านไปทีละน้อย

บนแผ่นดินล่องลอยเงียบเชียบทั้งผืน แต่ในที่มุมมืดยังคงมีเงาร่างไม่น้อยที่ยังไม่จากไป

สวบ!

ครู่ใหญ่เงาร่างหนึ่งเหมือนทนไม่ไหวในที่สุด จู่ๆ ก็เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศพุ่งไปยังเหนือฟ้าของแผ่นดินล่องลอยนั่น

แต่เขาระมัดระวังมาก ไม่ได้เข้าใกล้ แต่เรียกกระบี่บินเพลิงที่แวววาวเล่มหนึ่งออกมา ตวัดฟันไปทางกระบวนค่ายกลที่ปกคลุมอยู่หน้าน้ำวนใหญ่

ครืน!

กระบวนค่ายกลไหวขยับ ปรากฏรอยแตกที่ยากจะสังเกตเห็น แม้ไม่นานก็ผสานกันเหมือนเดิม แต่ยังคงทำให้เงาร่างนั้นผ่อนคลายลงไม่น้อยในทันที

เขากัดฟันพุ่งปราดเข้าไป

ในเวลาเดียวกันระดับจักรพรรดิมากมายซึ่งกระจายตัวอยู่ในที่มืดก็กระเหี้ยนกระหือรือ จับตามองทั้งหมดนี้อย่างใกล้ชิด

ราวกับว่าขอแค่มีโอกาสเสี้ยวหนึ่ง พวกเขาก็จะโจมตีอย่างเหี้ยมหาญทันที!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+