Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2786 ไม่อยากตายก็คุกเข่า

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2786 ไม่อยากตายก็คุกเข่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2786 ไม่อยากตายก็คุกเข่า

แดนเทพต้าฉิน

โลกเมฆลอย

นี่คือที่พำนักของเผ่าเทพต้าฉิน

ในตำหนักเก่าแก่หลังหนึ่ง ฉินจิงเหอหัวหน้าเผ่าเทพต้าฉินกำลังอ่านตำราโบราณเล่มหนึ่ง

ฟุ่บ!

แสงแดงเพลิงสายหนึ่งพุ่งปราดเข้ามาในโถงใหญ่ จากนั้นจึงกลายเป็นยันต์กระดูกลอยหมุนคว้าง

ฉินจิงเหอเงยหน้าขึ้น ยื่นมือชี้ไปทางยันต์กระดูก

วู้ม!

เกิดคลื่นประหลาดระลอกหนึ่ง ยันต์กระดูกเปลี่ยนเป็นชายหัวโล้นชุดดำที่เหมือนเด็กหนุ่มนั่น

“เรียนหัวหน้าเผ่า ข้าตรวจสอบดูแล้ว สามวันก่อนผู้เข้ามาในแดนเทพต้าฉินมีโอกาสสูงว่าเป็นทายาทของลั่วทงเทียน”

เขาพูดพลางเผยภาพทั้งหมดออกมา เป็นภาพเหตุการณ์ตั้งแต่หลินสวินเข้ามาในเขตหวงห้ามที่เก้าจนกระทั่งจากไปนั่นเอง

เมื่อม่านแสงสลายไป ชายหัวโล้นชุดดำประสานมือกล่าว “ตอนนี้มีโอกาสสูงว่าคนผู้นี้ยังไม่คุ้นชินกับกฎระเบียบฟ้าดินของแดนเทพต้าฉิน ไม่อาจใช้พลังปราณได้อย่างสมบูรณ์ ขอหัวหน้าเผ่าส่งกำลังพลไปจับคนผู้นี้โดยเร็ว!”

พูดจบเงาร่างของชายหัวโล้นชุดดำนี้ก็เปลี่ยนเป็นละอองแสงฟุ้งกระจาย

ปัง!

ยันต์กระดูกที่ลอยอยู่กลางอากาศก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

ประกายวับวาววาบผ่านนัยน์ตาของฉินจิงเหอ สีหน้ามีแววตื่นเต้นปรากฏอยู่รางๆ ตั้งกี่ปีมาแล้ว สองแสนปี? สามแสนปี?

จำไม่ได้แล้ว

เขาจำได้แค่ปีนั้นมีชายคนหนึ่งนามว่าลั่วทงเทียนถือกระบี่ศุภโชคบุกเข้ามาในแดนเทพต้าฉิน ทั้งนำยอดสมบัติชิ้นหนึ่งที่เดิมควรเป็นของพวกเขาเผ่าเทพต้าฉินไป!

นี่กลายเป็นความหนักใจของพวกเขาเผ่าเทพต้าฉินแล้ว หลายปีมานี้ได้แต่รอว่าสักวันหนึ่งจะชิงยอดสมบัติชิ้นนั้นกลับมาได้

ตอนนี้ดูเหมือนว่าโอกาสจะมาแล้ว!

‘แม้คนผู้นั้นไม่ใช่ลั่วทงเทียน แต่ต้องมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับลั่วทงเทียนแน่ หากจับตัวเขาได้ก็จะได้ครอบครองกระบี่ศุภโชค มีหรือจะทะลวงออกไปจากแหล่งสถานศุภโชคไม่ได้’

นัยน์ตาฉินจิงเหอมีเพลิงเทพชวนประหวั่นไหววูบ ‘ถึงตอนนั้นไม่ว่าเจ้าลั่วทงเทียนซ่อนตัวอยู่ที่ไหน เผ่าเทพต้าฉินของข้าจะให้เจ้าจ่ายค่าตอบแทนเป็นร้อยเท่าพันเท่า!!’

เขาแค้นนัก

แค้นหาใดเปรียบ!

ยอดสมบัติชิ้นนั้นเกี่ยวข้องกับความยิ่งใหญ่ ซ่อนความลับสะเทือนใต้หล้า

ปีนั้นเรื่องนี้ถึงขั้นทำให้เผ่าเทพต้าฉินของเขาเจอคลื่นลมมากมาย เสียค่าตอบแทนหนักหน่วง

“เด็กๆ ไปเชิญผู้เฒ่าสาม ผู้เฒ่าสี่ ผู้เฒ่าห้ามา!”

ฉินจิงเหอกล่าวเสียงขรึม

เสียงดังก้องทั่วโถงใหญ่

ไม่นานผู้เฒ่าสามฉินจิงเทียน ผู้เฒ่าสี่ฉินจิงเหวิน ผู้เฒ่าห้าฉินจิงเลวี่ยแห่งเผ่าเทพต้าฉินก็ปรากฏตัวในโถงใหญ่พร้อมกัน

“ทายาทของลั่วทงเทียนปรากฏตัวแล้ว หากข้าเดาไม่ผิด ทายาทเขามาที่นี่เพื่อช่วยสองสามีภรรยาที่ติดอยู่ใน ‘แดนผนึกเรืองแสง’ แน่”

หัวหน้าเผ่าฉินจิงเหอพูดตรงประเด็น บอกข่าวที่เพิ่งได้รับ

ผู้อาวุโสสามคนเผยสีหน้าตื่นเต้นทันที

“ตั้งกี่ปีมาแล้ว ในที่สุดลั่วทงเทียนก็นึกเรื่องที่หลานสาวกับหลานเขยของเขายังติดอยู่ในแหล่งสถานศุภโชคขึ้นได้รึ” ผู้เฒ่าสามฉินจิงเทียนกล่าวเย็นชา เจือความเย้ยหยันและตื่นเต้น

“ทำไมลั่วทงเทียนไม่มาด้วยตัวเอง”

ผู้เฒ่าสี่ฉินจิงเหวินมุ่นคิ้ว “ข้าแทบอยากฆ่าเจ้าเฒ่านี่ซะ ปีนั้นหากไม่ใช่ว่าเขาชิงยอดสมบัติชิ้นนั้นไป เผ่าเรามีหรือจะติดร่างแห”

น้ำเสียงเจือความแค้นโดยไม่อำพรางแม้แต่น้อย

“หัวหน้าเผ่าคิดให้พวกเราสามคนออกโรงพร้อมกัน ไปจับตัวคนผู้นี้หรือ”

ผู้เฒ่าห้าฉินจิงเลวี่ยสุขุมเยือกเย็นที่สุด เขาเอ่ยถามเสียงขรึม

“ไม่ผิด”

หัวหน้าเผ่าฉินจิงเหอพยักหน้า “แม้ลั่วทงเทียนไม่ได้มา แต่ในเมื่อคนผู้นี้กล้าถือกระบี่ศุภโชคมาที่นี่ ก็ต้องเป็นพวกที่ไม่อาจดูถูกได้ง่ายๆ”

“ตอนนี้คนผู้นี้ยังไม่คุ้นชินกับกฎระเบียบฟ้าดินของแดนเทพต้าฉิน เป็นโอกาสทองในการจับตัวเขา ท่านทั้งสามโปรดออกศึก จับตัวคนผู้นี้มาโดยเร็ว”

ผู้อาวุโสสามคนล้วนรับปากโดยไม่ต้องคิด

“จำไว้ อย่าแพร่งพรายข้อมูล”

หัวหน้าเผ่าฉินจิงเหอลังเลครู่หนึ่งก่อนกล่าว “อย่าลืมล่ะ พวกที่ประจำการอยู่ใกล้แดนผนึกเรืองแสง ยังมีคนของสามเผ่าเทพชั้นยอดอีก หากให้พวกเขารู้เรื่องนี้ สถานการณ์ก็ไม่เป็นผลดีแล้ว…”

แววตาผู้อาวุโสสามคนพลันไหววูบ

ปีนั้นหลังจากข่าวเรื่อง ‘ยอดสมบัติ’ ชิ้นนั้นแพร่งพรายออกไป ก็ก่อให้เกิดแรงสะเทือนในแหล่งสถานศุภโชคอย่างมาก ทั้งดึงดูดความสนใจของเผ่าเทพในโลกยุคสมัยต่างๆ ด้วย

ถึงขั้นทำให้พวกเขาเผ่าเทพต้าฉินตกเป็นเป้าโจมตี เดือดร้อนด้วยเรื่องนี้มาก ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักเพื่อสลายความขัดแย้ง

ส่วน ‘แดนผนึกเรืองแสง’ ที่คู่สามีภรรยาลั่วชิงสวินติดอยู่ แม้จะถูกเผ่าเทพต้าฉินของพวกเขาค้นพบ แต่หลายปีมานี้ก็ถูกกำลังพลของสามเผ่าเทพชั้นยอดจับจ้องมาตลอด!

เห็นชัดว่าสามเผ่าเทพชั้นยอดนั่นนึกถึงยอดสมบัติชิ้นนั้นเช่นกัน ไม่ยอมปล่อยวางโดยง่าย

“ไปเถอะ เวลาไม่คอยท่า รีบจัดการโดยเร็ว”

หัวหน้าเผ่าฉินจิงเหอกำชับ

วันนั้นเผ่าเทพต้าฉินมีผู้อาวุโสระดับจอมยุทธ์ด่านสองสามคนออกจากโลกเมฆลอยไป

แดนเทพต้าฉินอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ภายในมีภูผาธาราและเมืองมากจนนับไม่ถ้วน สิ่งมีชีวิตนับหมื่นแสนอาศัยอยู่ในนั้น ไม่ด้อยไปกว่าน่านฟ้าที่เจ็ดโดยสิ้นเชิง

เมืองรวมแสง

เมืองที่เจริญรุ่งเรืองซึ่งอยู่ห่างจากเขตหวงห้ามที่เก้าไปแสนกว่าลี้

หลังออกจากเขตหวงห้ามที่เก้า หลินสวินเดินทางอย่างยากลำบาก ระหว่างทางก็เจอเมืองและหมู่บ้านไม่น้อย กระทั่งวันต่อมาจึงเข้าสู่เมืองรวมแสง

ในเมืองพลุกพล่านจอแจ ร้านค้าแออัดเรียงราย มองเห็นเงาร่างผู้ฝึกปราณสวนกันไปมา

นอกจากอารยธรรมการฝึกปราณกับระบบการฝึกปราณแล้ว ก็ไม่ต่างจากโลกยอดนิรันดร์มากนัก

“เถ้าแก่ ข้าต้องการตำราบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับแดนเทพต้าฉินของพวกเรา”

เมื่อเดินเล่นในเมืองสักพัก เงาร่างหลินสวินพุ่งตรงไปในร้านค้าแห่งหนึ่ง ที่นี่ขายตำรามากมายที่เกี่ยวข้องกับการฝึกปราณโดยเฉพาะ

“คุณชายโปรดรอสักครู่”

หลงจู๊กระตือรือร้นนัก ไม่นานก็รวบรวมม้วนหยกมาหลายสิบม้วน “พวกนี้ล้วนเป็นตำราที่คุณชายต้องการ มีภาพภูมิลักษณ์ภูผาธารา มีแผนภาพการกระจายตัวของอาณาเขต มีม้วนตำราที่อธิบายถึงประวัติศาสตร์แดนเทพต้าฉินของพวกเราโดยเฉพาะ ทั้งมี…”

ไม่รอให้พูดจบหลินสวินก็กล่าวตัดบท “เอามาทั้งหมดแล้วกัน”

หลงจู๊อึ้งงันพลางกล่าว “คุณชาย แม้ว่าตำราพวกนี้ไม่ใช่ของล้ำค่าอะไรแต่ราคาก็ไม่น้อย”

หลินสวินโยนถุงเก็บของใบหนึ่งให้โดยตรง “เท่านี้พอไหม”

หลงจู๊เปิดออกดูแล้วตาลุกวาวทันที ยิ้มอย่างเบิกบานยิ่ง “มากเกินพอขอรับ”

หลินสวินยิ้มรับแล้วเก็บม้วนหยกพวกนั้นไป

สิ่งที่บรรจุอยู่ในถุงเก็บของคือทรัพย์หลังศึกบางส่วนที่หลินสวินได้มา หลังจากสังหารศัตรูอย่างพวกเฟิงอวิ๋นกับเฟิงอิงในเขตหวงห้ามที่เก้า

สำหรับเขาอาจมีประโยชน์ไม่มาก แต่กลับนำมาซื้อของบางส่วนที่เขาต้องการอย่างเร่งด่วนได้

“หลงจู๊รู้หรือไม่ หากข้าต้องการสืบข่าวควรไปที่ไหน”

หลินสวินเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ

หลงจู๊ยิ้มมีเลศนัย “แน่นอนว่าเป็นหอสดับวาโย ขอเพียงจ่ายไหว รับรองว่าต้องสืบข่าวทุกอย่างที่คุณชายอยากรู้ได้แน่”

หลินสวินประสานหมัดกล่าว “ขอบคุณมาก”

เขาหันหลังจากไป

หอสดับวาโยหาง่ายมาก ตั้งอยู่ตรงเขตรุ่งเรืองในเมือง

ผ่านไปหนึ่งเค่อ หลินสวินก้าวออกมาจากหอสดับวาโย

เขาขมวดคิ้วเบาๆ จากนั้นก็ส่ายหัวพลางจากไป

หอสดับวาโยไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องที่เขาอยากรู้

นี่ทำให้หลินสวินตระหนักได้ ว่าขอเพียงเป็นข่าวเกี่ยวกับเผ่าเทพต้าฉินย่อมไม่มีทางสืบรู้ได้โดยง่าย

แต่การมาครั้งนี้ยังได้ประโยชน์อื่น…

ในแดนเทพต้าฉินมีค่ายกลเทพเคลื่อนย้ายแห่งหนึ่ง สามารถออกจากแดนเทพต้าฉินไปโลกยุคสมัยอื่นในแหล่งสถานศุภโชคผ่านค่ายกลเทพนี้ได้

ทว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ค่ายกลเทพนี้ควบคุมโดยเผ่าเทพต้าฉินมาตลอด ถ้าอยากใช้งานหากไม่จ่ายเงินก้อนโต ก็ต้องได้รับ ‘ป้ายชื่อ’ ที่เผ่าเทพต้าฉินมอบให้

ป้ายชื่อนี้มักมีเพียงขุมอำนาจใหญ่ที่มอบชีวิตให้เผ่าเทพต้าฉินจึงจะได้รับ ผู้ฝึกปราณทั่วไปไม่อาจได้มาโดยสิ้นเชิง

‘รอเมื่อพลังฟื้นคืนกลับมาค่อยไปดูค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณนี้แล้วกัน’

หลินสวินลอบตัดสินใจ

จากข่าวที่เขาสืบมา บรรพบุรุษของเผ่าเทพต้าฉินมีบุคคล ‘ระดับเทพยุทธ์’ ที่ทัดเทียมระดับนิรันดร์ปรากฏตัวมาก่อนจริงๆ

แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีตเมื่อนานมาแล้ว

เผ่าเทพต้าฉินในตอนนี้ ผู้มีพลังปราณสูงสุดเป็นแค่ระดับจอมยุทธ์ด่านสาม ซึ่งก็เท่ากับระดับอมตะขั้นหลุดพ้น

ต่อให้เป็นเช่นนั้น เผ่าเทพต้าฉินก็ยังเป็นขุมอำนาจชั้นนำอย่างสมเกียรติ ทั้งเป็นนายเหนือหัวสูงสุดของโลกนี้ ถึงขั้นว่าหากพูดถึงรากฐานพลัง เหล่ายักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดยังด้อยกว่าอยู่บ้าง

วันนั้นหลินสวินออกจากเมืองรวมแสง

ระหว่างทางเขาอ่านตำรามากมายที่ซื้อมาจากในเมือง ในที่สุดก็รู้จักแดนเทพต้าฉินรอบด้านแล้ว

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขารู้แล้วว่าอาณาเขตของเผ่าเทพต้าฉินตั้งอยู่ใน ‘โลกเมฆลอย’!

แต่หากไม่ถึงช่วงจำเป็น หลินสวินย่อมไม่บุ่มบ่ามบุกไปแน่

ด้วยมรรควิถีของเขาตอนนี้ ต่อให้ฟื้นคืนสภาพยอดเยี่ยมเหมือนก่อน การมุ่งหน้าไปเผ่าเทพต้าฉินก็ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย

แต่หลินสวินไม่ได้รีบร้อน

เขามีลางสังหรณ์ว่าหลังจากรู้ข่าวเรื่องตนบุกออกมาจากเขตหวงห้ามที่เก้า เผ่าเทพต้าฉินต้องส่งกำลังคนมาหาเขาก่อนแน่!

และนี่ก็เป็นโอกาสโดยไม่ต้องสงสัย ขอแค่จับบุคคลสำคัญของอีกฝ่ายได้ ก็พอจะรู้ข่าวที่ตนอยากรู้แล้ว

สำหรับหลินสวิน เรื่องเร่งด่วนคือการฟื้นฟูมรรควิถีโดยเร็ว!

‘เขตหวงห้ามที่เจ็ด…’

หลินสวินถือม้วนหยกเล่มหนึ่งไว้ในมือ ในนั้นบันทึกภูมิลักษณ์ภูผาธาราของแดนเทพต้าฉินไว้ บอกว่าจุดที่อยู่ห่างจากเมืองรวมแสงนี้ไปแปดหมื่นลี้ มีสถานที่หนึ่งนามว่า ‘เขตหวงห้ามที่เจ็ด’

ต่างจากเขตหวงห้ามที่เก้า ตั้งแต่โบราณมาเขตหวงห้ามที่เจ็ดคือสถานที่ซึ่งเกิดภัยพิบัติบ่อยครั้ง เต็มไปด้วยอันตรายและเรื่องน่ากลัวยิ่งใหญ่มากมาย

คนธรรมดาไม่กล้าบุกเข้าไปโดยสิ้นเชิง

แต่สำหรับหลินสวิน เขตหวงห้ามที่เจ็ดคือสถานที่ซึ่งเหมาะกับการฝึกปราณยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย หากซ่อนตัวในนั้น ภัยพิบัติอันตรายพวกนั้นกลับจะกลายเป็นการคุ้มครองอย่างหนึ่ง

‘ไปที่นั่นแล้วกัน’

หลินสวินตัดสินใจแล้วเริ่มเคลื่อนไหวทันที

ผ่านไปสองชั่วยาม

เมื่อเงาร่างของหลินสวินตัดผ่านท้องฟ้าเหนือทะเลทรายรกร้างสีทองแห่งหนึ่ง เขาพลันผงะในใจ ชะงักฝีเท้าทันที

ตูม!

เกือบจะเวลาเดียวกัน บนเวิ้งฟ้าที่ห่างออกไปมีรุ้งเทพเจิดจรัสหาใดเปรียบสายหนึ่งโน้มลงมา วิวัฒน์เป็นเงาร่างผอมบางหนึ่ง

นั่นคือชายหัวโล้นชุดดำที่ท่าทางเหมือนเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

เขาพาดกระบี่โบราณบนแผ่นหลัง สีหน้าหยิ่งทะนง กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทั่วร่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ไม่ด้อยไปกว่าระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสักนิด

หลินสวินหรี่ตาเล็กน้อย ไม่ได้ตื่นตระหนก เพียงแต่ไม่เข้าใจนักว่าอีกฝ่ายหาตนเจอในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไร

ตลอดทางนี้ตนซ่อนเร้นกลบร่องรอย เก็บกลิ่นอายไม่เคยทิ้งร่องรอยใดไว้

“เผ่าเทพต้าฉิน ฉินเซ่าเหมิ่ง”

ห่างออกไปชายหัวโล้นชุดดำสองมือไพล่หลัง แววตาคมกริบดั่งใบมีดจ้องมองหลินสวินพลางเอ่ยปากเนิบนาบ “ไม่อยากตายก็คุกเข่า ยอมจำนนซะ”

วาจาราบเรียบและเฉยชา

………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด