Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 295

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 295 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 295 สังหารเดือดพล่าน
โดย

เมื่อหลินสวินปรากฏกายและถูกผู้ฝึกปราณเหล่านั้นจำได้ แทบจะไม่มีใครเชื่อลงเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง

ใครจะกล้าคิดว่า เด็กหนุ่มขั้นผสานใจผู้หนึ่งกลับรอดชีวิตจากการถล่มสังหารด้วยเรือรบวีรชนม่วงได้

ช่างเกินคาดไปแล้ว!

แต่ไม่นานนักก็ไม่มีใครกล้าคิดอะไรอีก ด้วยหลินสวินเริ่มโจมตีแล้ว

เขาตัวคนเดียวชัดๆ แถมยังแบกเด็กหญิงคนหนึ่งไว้อีก แต่เมื่อเขาลงมือกลับมีพลังราวพายุม้วนกลืน ไม่อาจต้านทานได้ ประหนึ่งราชันประจัญบานในสนามรบ!

ทุกดาบที่ฟันลงมาต้องได้ชีวิตหนึ่งไป ทักษะสังหารที่เรียบง่าย แม่นยำ และปราดเปรียวนั้น มีพลานุภาพสยบยับยั้งที่น่าไหวหวั่นอยู่ในที

หลินสวินเวลานี้ไร้สิ่งใดให้กังวล เขาต้องการระบายความโกรธแค้น ความเกลียดชัง และความรู้สึกโทษตัวเองที่สั่งสมในจิตใจราวภูเขาไฟปะทุ ทำให้เขาไม่มีทางยั้งมือได้ ทั้งไม่คิดจะยั้งมือด้วย!

ฆ่า!

เขาถือดาบเวทเรืองแสงไว้ในมือ พลังพลุ่งพล่านราวภูผาถล่มมหาสมุทรหวีดร้อง ตัวเขาเหมือนพายุที่ม้วนกลืนฟ้าดิน พุ่งปะทะตรงหน้า ไม่อาจขวางต้านได้!

“เร็วเข้า! โจมตีพร้อมกัน หยุดมันไว้!”

บุรุษใบหน้ามีแผลเป็น ผู้เป็นหัวหน้าร้องคำรามเคืองแค้น

ทันใดนั้นก็มีผู้ฝึกปราณมากมายพุ่งเข้ามา พยายามอาศัยข้อได้เปรียบยิ่งยวดด้านจำนวนคนเข้าล้อมสังหารหลินสวิน

ตู้ม!

แต่ไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็เห็นว่าคมดาบของหลินสวินบดขยี้ห้วงอากาศราวม้วนกลืนธารดารา ทำให้กลุ่มศัตรูที่ล้อมเข้ามากระเด็นออกไป ผู้ฝึกปราณเจ็ดแปดคนร้องโหยหวน ถูกกระแทกปลิวออกมาอย่างจัง บาดเจ็บสาหัสเจียนตาย สูญเสียพลังการต่อสู้

ศัตรูหลายคนตื่นตะลึง ร้องออกมาด้วยความหวั่นกลัวไม่หยุดหย่อน ไม่อาจทำใจเชื่อทุกอย่างนี้ได้

นี่ช่างน่าหวาดหวั่นนัก อย่างไรเสียในกลุ่มนี้ก็ไม่ขาดผู้แข็งแกร่งขั้นผสานฟ้า แต่ในเวลานี้กลับไม่อาจต้านทานก้าวย่างของหลินสวินได้เลย!

ฆ่า!

เลือดสาดกระเซ็น ร่างกระเด็นไปทั่ว เสียงร้องโหยหวนหดหู่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในสันดอนหินนี้พร้อมกับที่หลินสวินพุ่งโจมตี

ภาพนองเลือดและโหดร้ายทุกฉากประหนึ่งเปลี่ยนที่แห่งนี้ให้เป็นนรก

ชิ้ง!

มีผู้ฝึกปราณจู่โจมจากข้างหลัง ทวนยาวเล่มหนึ่งเหนี่ยวนำแสงวาวสีดำขลับพุ่งเข้าแทงเด็กหญิงลั่วลั่วที่หลินสวินแบกไว้บนหลัง ราวงูพิษฉกลิ้นออกมา

ปัง!

แต่หลินสวินราวมีตาหลัง ทั้งที่เห็นว่าเขาไม่ได้เหลียวดู ในมือซ้ายกลับมีหน้าไม้พุ่มพฤกษาคันหนึ่งเพิ่มขึ้นมาทันใด ยิงกระจายออกไป

เสียงฟุ่บดังขึ้น ผู้ฝึกปราณที่ลอบจู่โจมผู้นั้นไม่ทันป้องกันตัว ก็ถูกลูกดอกลูกหนึ่งแทงเข้าตาซ้าย ทะลุไปทั้งศีรษะ ร้องเจ็บปวดล้มลงไปกับพื้นดังตึงไม่ลุกขึ้นมา

ในชั่วขณะเดียว ภาพน่าหวาดหวั่นชวนสังเวชนี้ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณกลุ่มนั้นตกใจจนไม่กล้าเข้าใกล้อีก ยังผลให้รอบตัวหลินสวินแปรเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า

“ไอ้โง่เอ๊ย! นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ยังไม่รีบยิงหน้าไม้อีก!?” บุรุษใบหน้ามีแผลเป็นผู้เป็นหัวหน้าคำรามดุดัน

ทันใดนั้นผู้ฝึกปราณเหล่านั้นพากันล้วงหน้าไม้แล้วเล็งไปยังหลินสวินจากทิศต่างๆ ราวเพิ่งตื่นจากฝัน

แต่ทว่า…

ก่อนพวกเขาจะเคลื่อนไหว มือซ้ายของหลินสวินก็นำหน้าไม้คันหนึ่งออกมาก่อนแล้ว!

ไม่ใช่ทั้งหน้าไม้แขนศักดิ์สิทธิ์ หน้าไม้พุ่มพฤกษา หรือหน้าไม้ชนิดใดที่พบได้ในท้องตลาด หน้าไม้นี้ธรรมดาสามัญ สีดำสนิททั้งคันดูไม่เตะตา

แต่ชั่วขณะที่หลินสวินเหนี่ยวไก ฟ้าดินพลันมีเสียงประหลาดราวเครื่องเป่าครวญเสียงต่ำดังขึ้น

วู้ม~

ในเสี้ยววินาที ในทัศนวิสัยของศัตรูทุกคนในที่นั้นพลันปรากฏแสงดาวสีเงินราวดอกไม้ไฟระเบิดออกดอกแล้วดอกเล่า งดงามตระการตาถึงที่สุด

ความรู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรงพลันบังเกิดในจิตใจของทุกคน จิตวิญญาณล้วนประหวั่นพรั่นพรึงแทบจะพังทลาย

นั่นก็คือห่าลูกศรสีเงินที่งดงามราวภาพนิมิต!

พวกมันตระการตาราวดอกไม้ไฟ ลึกลับราวแสงดาว ทั้งงดงามจนสะท้านจิตสะเทือนวิญญาณเหมือนเกล็ดหิมะที่ควบแน่นเกล็ดแล้วเกล็ดเล่ากระจายอยู่ในห้วงอากาศ

ความงามเช่นนั้น ประหนึ่งทำให้ฟ้าดินอับสี จิตวิญญาณจมดิ่ง!

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นล้วนไม่ทันได้ดิ้นรน ถูกคมธนูสีเงินลูกแล้วลูกเล่าแทงทะลุ ก่อนตายสีหน้ายังคงงุนงงเหม่อลอย ราวกับไม่คิดเลยว่าโลกนี้ยังมีหน้าไม้ที่ทั้งงดงามและน่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย

เมื่อภาพราวแสงดาวแจ่มจรัสทั้งหมดนั้นหายไป บนพื้นดินก็มีซากศพเพิ่มขึ้นมาสิบกว่าศพ เลือดสดๆ ยังไหลริน แต่คนนั้นตายในชั่วพริบตา

นี่ก็คือหน้าไม้ฝนดาวตก!

อาวุธสังหารที่หลินสวินหลอมขึ้นเองกับมือชิ้นหนึ่งสมัยอยู่ที่ค่ายกระหายเลือด ล้วนเคยทำให้เสี่ยวเคอ เสี่ยวหม่าน และสวีซานชีตื่นตะลึงและไหวหวั่นมาแล้ว

ทั้งเคยทำให้เหล่าโม่ปรมาจารย์สลักวิญญาณผู้นี้หลงใหลเคลิบเคลิ้ม ร้องออกมาด้วยความชื่นชมไม่หยุดหย่อน!

หน้าไม้ฝนดาวตกก็เป็นหนึ่งใน ‘ของเล่นเล็กๆ’ ที่หลินสวินหลอมเองกับมือก่อนออกมาจากเมืองหมอกอำพราง เช่นเดียวกับเครื่องจับพลัง

ที่น่าเสียดายก็คือ วัตถุดิบวิญญาณที่จำเป็นของหน้าไม้ฝนดาวตกราคาสูงเกินไป ด้วยกำลังทรัพย์ของเขาในตอนนั้น อย่างมากที่สุดก็หลอมได้เพียงคันเดียว

อีกทั้งหน้าไม้ฝนดาวตกแม้มีอานุภาพมากมายมหัศจรรย์หาใดเทียบ แต่ใช้ไปครั้งหนึ่งก็จะพัง ไม่มีทางเอามาใช้อีกได้ นี่อาจเป็นข้อด้อยที่ใหญ่ที่สุดของหน้าไม้ฝนดาวตกแล้ว

ด้วยวิชาสลักรอยสลักวิญญาณที่หลินสวินมีตอนนี้ ก็ไม่สามารถแก้ไขจุดด้อยนี้ได้อย่างสมบูรณ์

ชั่วพริบตาห่าลูกธนูราวดอกไม้ไฟและแสงดาวก็หายวับไป ผู้ฝึกปราณสิบกว่าคนล้วนถูกปลิดชีพคาที่!

ภาพน่าหวาดหวั่นนี้ทำให้ผู้ฝึกปราณที่หนีพ้นเคราะห์นี้ล้วนขวัญหนีดีฝ่อ ใจหล่นไปถึงตาตุ่ม

ขนาดบุรุษใบหน้ามีแผลเป็นผู้เป็นหัวหน้าผู้นั้นยังมือเท้าเย็นเฉียบเหมือนตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง รู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อน

เมื่อคิดโดยละเอียด ตั้งแต่การสังหารหมู่ครั้งนี้เริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้ สหายของพวกเขาตายไปติดๆ กันสามสิบกว่าคนแล้ว

ส่วนคู่ต่อสู้ ถึงตอนนี้กลับไม่บาดเจ็บเลย!

โดยเฉพาะหลังได้รู้อานุภาพของหน้าไม้ฝนดาวตกนั้นแล้ว ทำให้ผู้ฝึกปราณที่ตื่นตระหนกแต่เดิมสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง ปณิธานในการต่อสู้มลายสิ้น

ด้วยเหตุนี้ เมื่อหลินสวินเริ่มลงมือสังหารอีกครั้ง ผู้ฝึกปราณที่เหลือเพียงยี่สิบกว่าคนนี้ล้วนหวีดร้องด้วยความตื่นกลัวอย่างอดไม่ได้ หนีหัวซุกหัวซุน

พวกเขาตกใจกลัวพลังต่อสู้ที่กล้าแข็งหาใดเทียบของหลินสวิน ทั้งยังรู้ถึงพลังสังหารน่าหวั่นกลัวของหน้าไม้ฝนดาวตกด้วย แล้วจะกล้าดื้อดึงต่อต้านได้อีกที่ไหน

หนี!

เวลานี้ในใจของพวกเขา หลินสวินช่างเหมือนปีศาจร้ายโหดเหี้ยมอำมหิต ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

หลินสวินแววตาเย็นเยียบราวสายฟ้า ไม่รามือเพียงเท่านี้ แต่กลับตามขึ้นไป

ทว่าเพียงตามไปหลายสิบจั้ง เขาก็พลันส่งเสียงอู้อี้ มุมปากมีเลือดไหลออกมา

การประจันบาญกันก่อนหน้านี้เขาดูเหมือนไม่ได้รับอันตรายอะไร แต่เพราะฝืนตัวใช้พลังปราณ ประกอบกับบาดแผลภายในที่ได้รับก่อนหน้านี้ ยังผลให้เส้นปราณและอวัยวะภายในเจ็บปวดรุนแรงเหมือนไฟแผดเผา ไม่ได้ดีกว่ากันเลย

แต่กระนั้นหลินสวินก็ไม่หยุด ความโกรธแค้นและจิตสังหารในใจทำให้เขาไม่อาจยอมให้ศัตรูรอดพ้นสายตาไปได้

ปัง!

หลินสวินรีบไล่ตามไป พลางล้วงหน้าไม้แขนศักดิ์สิทธิ์ออกมาคันหนึ่ง เล็งจังหวะเหนี่ยวไก ได้ยินเสียงปึ้งดังออกมา ร่างของผู้ฝึกปราณคนหนึ่งที่ห่างออกไปหลายร้อยจั้งก็ถูกยิงทะลุ ล้มลงบนพื้นดังพลั่ก

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงหวือแหลมเสียดหูของหน้าไม้อาวุธวิญญาณสะท้อนก้องทั่วฟ้าดินไม่หยุดหย่อน

ในเวลาต่อมาหลินสวินก็เหมือนพรานที่ฝีมือเฉียบขาดและใจเย็น ออกล่าเหยื่อที่หนีกระเจิดกระเจิงไปทั่วสารทิศอย่างไม่รามือ

ในการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาได้หน้าไม้จำนวนมาก เดิมทีคิดจะขายแลกเงิน แต่เวลานี้เขาใส่ใจอะไรมากมายไม่ได้ จึงใช้โจมตีศัตรูจนหมด

แม้ระหว่างไล่ตามต่อสู้จะทำให้ความแม่นยำของหน้าไม้ลดลงอย่างยิ่ง แต่ด้วยการโจมตีถี่ยิบหนาแน่น ก็มีผู้ฝึกปราณสิบกว่าคนถูกปลิดชีพตายคาที่ดังเดิม

ไม่ทันได้รู้สึกตัว หลินสวินก็ไล่ตามถึงแนวภูเขาที่กว้างใหญ่ไพศาล หลังจากเขาฆ่าผู้ฝึกปราณผู้หนึ่งอีกครั้ง ดวงตาพลันหรี่ลง มองเห็นว่าไกลออกไปพันจั้งนั้นมีเรือรบวีรชนม่วงลำหนึ่งจอดนิ่งอยู่ตรงนั้น

หลินสวินเลิกตามไล่โจมตี หันกายเดินไปโดยไม่ลังเล ความเร็วยังเร็วขึ้นจากก่อนหน้านี้ไม่น้อย

ฮูม!

เรือรบวีรชนม่วงบินขึ้นฟ้าไปพร้อมกับเสียงครั่นครื้นราวอัสนีบาตรแรงกล้า ทอดเงามหึมาลงมาบนพื้น

และในเวลานี้ หลินสวินก็หายตัวลับไปในภูเขาที่ทอดตัวยาวเหยียดแนวหนึ่ง ใช้ทั้งมือเท้าปีนป่ายขึ้นบนยอดสุดของยอดเขาสูงหลายร้อยจั้ง

ฟู่!

หลินสวินสูดลมหมายใจเข้าออกลึกๆ นำธนูวิญญาณไร้แก่นสารออกมา นั่งยองลงกับพื้น ดวงตาสีดำมองไปยังท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป สายตาแปรเปลี่ยนเป็นแหลมคมราวเหยี่ยว

นิ้วชี้ลากขึ้นดึงสายธนูที่มีสีแดงสดราวเลือดนั้นจนตึง ในห้วงการรับรู้รักษาความสงบนิ่งและจดจ่ออย่างยิ่งยวด

ในชั่วพริบตา ทัศนวิสัยตรงหน้าก็เปลี่ยนไป เรือรบวีรชนม่วงที่บินสูงขึ้นไปบนฟ้าสะท้อนชัดในดวงตาของหลินสวิน

ทุกกระเบียดของเรือรบราวถูกขยายใหญ่หลายสิบเท่า รายละเอียดเล็กน้อยล้วนปรากฏขึ้นหมดสิ้น มันกำลังเข้าใกล้จากห้วงอากาศเต็มกำลัง

แต่บนแท่นปืนใหญ่แท่นหนึ่งที่อยู่กลางเรือรบเกิดแสงสว่างแวววาวหาใดเทียบแสงหนึ่ง รอยสลักวิญญาณหนาแน่นนับไม่ถ้วนไหลออกมาไม่หยุด

นี่ก็คือปืนใหญ่สลักวิญญาณ ปืนใหญ่สลักวิญญาณรุ่นที่ถูกติดตั้งบนเรือรบวีรชนม่วงนี้ มีชื่อที่เต็มไปด้วยจิตสังหารหลั่งล้นว่า ‘ปืนใหญ่วิญญาณทลายนคร’!

อานุภาพแข็งกล้าของมันสามารถถล่มสังหารผู้แข็งแกร่งระดับมหาสมุทรวิญญาณอย่างง่ายดาย!

และเวลานี้ เห็นชัดว่าเรือรบวีรชนม่วงนั้นกำลังคิดจะหมุนเคลื่อนปืนใหญ่วิญญาณทลายนครมาโจมตีหลินสวินอย่างราบคาบ

หลินสวินไม่ได้เคลื่อนที่ เขาอยู่บนยอดเขา ยังคงง้างสายธนูเล็งไว้ไม่ไหวติงโดยไม่สนใจว่าเสี่ยงจะเผยร่องรอย ส่วนในสมองของเขารักษาความสงบนิ่งและจดจ่ออย่างยิ่งยวด

แทบจะในชั่วพริบตา เรือรบวีรชนม่วงก็ปรากฏบนท้องฟ้าสูงขึ้นไปหลายร้อยจั้ง จ่อปากปืนใหญ่ไปยังยอดเขาที่หลินสวินอยู่

ผึง!

และก็ในเวลานี้เอง หลินสวินพลันคลายนิ้วชี้ออก ฃลูกศรวิญญาณที่แทบไร้รูปยิงพุ่งออกไปอย่างไม่ให้สุ้มเสียง

เปรี้ยง!

แทบจะในเวลาเดียวกัน ปืนใหญ่วิญญาณทลายนครที่สะสมพลังไว้นานแล้วพลันยิงออกไปท่ามกลางแสงสว่างแวววาวหาใดเทียบ

แต่ชั่วพริบตาที่ลูกปืนใหญ่ที่สามารถปลิดชีพผู้แข็งแกร่งระดับมหาสมุทรวิญญาณนั้นเพิ่งพุ่งออกมาจากแท่นปืนใหญ่ ก็ถูกลูกธนูไร้รูปไร้เสียงโจมตีเข้าอย่างแม่นยำ

ในชั่วเสี้ยววินาที เสียงระเบิดสะเทือนเลือนลั่นน่าหวาดหวั่นหาใดเทียบระลอกหนึ่งพลันกระจายออกที่บริเวณแท่นปืนใหญ่ ราวกับภูเขาไฟระเบิด ฉีกทึ้งแท่นปืนใหญ่นั้นในชั่วอึดใจ ม้วนกลืนไปบนเรือรบวีรชนม่วง

เมื่อมองออกไปไกลๆ ก็เห็นว่าคลื่นไฟหมื่นจั้งพุ่งสู่ผืนเมฆ เรือรบวีรชนม่วงสั่นสะเทือนรุนแรงกลางอากาศ ส่งเสียงตูมตาม โคลงเคลงจนจะตกลงมา!

ศรเดียวถึงกับแทบจะทำลายเรือรบวีรชนม่วงรุ่นใหม่เอี่ยมลำหนึ่งจนสิ้น!

หากผู้ฝึกปราณผู้อื่นในจักรวรรดิเห็นภาพนี้เข้า จะต้องตกใจจนอ้าปากค้างเป็นแน่ เพราะยากจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มขั้นผสานใจผู้หนึ่งจะสามารถทำถึงเพียงนี้ได้ น่าตื่นตะลึงสะเทือนโลกาไปแล้ว!

แต่สำหรับหลินสวินแล้ว นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่บ้าระห่ำไร้เหตุผลอย่างถึงที่สุด ด้วยเรือรบวีรชนม่วงนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาออกแบบเองกับมือ!

สัญญาณหมุนวนทั้งหมดของปืนใหญ่วิญญาณทลายนครนั้น ในสายตาของผู้อื่นอาจเป็นเพียงแสงแวววาวแสบตา แต่ในสายตาของหลินสวิน กลับสามารถสันนิษฐานเวลาโจมตีของปืนใหญ่วิญญาณทลายนครได้อย่างแม่นยำด้วยทุกอย่างนี้ได้

เพียงใช้ประโยชน์จากจุดนี้ และอาศัยพลังของธนูวิญญาณไร้แก่นสาร คว้าโอกาสชั่วพริบตาเดียวนี้ ก็สามารถทำได้ถึงขั้นนี้แล้วหรือนี่!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด