Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 3119 นั่งเฉาสิบปี เข้าสู่ไร้ขอบเขตอีกครั้ง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 3119 นั่งเฉาสิบปี เข้าสู่ไร้ขอบเขตอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3119 นั่งเฉาสิบปี เข้าสู่ไร้ขอบเขตอีกครั้ง

หลินสวินและพวกสิงเจี้ยนสยาออกจากโลกบัวชะตาอย่างรวดเร็วภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน

ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครไปขัดขวาง

คนไม่น้อยถึงขั้นรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

และในใจพวกอิงเทียนเซิงล้วนหนักอึ้งถึงขีดสุด

พวกเขาไม่อาจเมินเฉยต่อการข่มขู่ก่อนจากไปของหลินสวิน!

และในวันนั้นเอง

ข่าวที่หลินสวินแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต สังหารเหล่าศัตรูแพร่กระจายออกไป เรียกคลื่นลูกใหญ่โหมกระหน่ำขึ้นในโลกบัวชะตา

“แจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตระหว่างต่อสู้ในลานประลองแพ้ชนะหรือ”

นี่คือสิ่งที่ทำให้คนยากจะเชื่อที่สุด

ในทุกยุคสมัยที่ผ่านมาล้วนไม่เคยเกิดเรื่องน่าเหลือเชื่อเช่นนี้มาก่อน

แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น!

“ปีนั้นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลกล่าวว่า เมื่อบัวดอกนั้นปรากฏจะล้มล้างความเข้าใจของคนทั่วหล้า ตอนนี้ดูท่า… ปีนั้นพวกเราประเมินคำพูดของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลต่ำไป”

มีคนทอดถอนใจ

ขั้นสรรสร้างคนหนึ่งสามารถโจมตีสังหารคนระดับจอมมารหูยงได้ บัดนี้ยิ่งสร้างปาฏิหาริย์ที่ไม่มีทางเป็นไปได้ แจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตอย่างรวดเร็ว

นี่ล้มล้างความเข้าใจทั้งหมดในอดีตจริงๆ อย่างไม่ต้องสงสัย

“ชิงเฟยหงแพ้อนาถ ฉิวเฟิ่งฉือถูกฆ่า ในฝ่ายเจียงหมิงสุ่ยยิ่งมีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ร่วงหล่นเก้าคน และทั้งหมดนี้กลับเป็นฝีมือหลินสวินเพียงคนเดียว เช่นนั้นพลังต่อสู้ในตอนนี้ของเขาต้องแข็งแกร่งถึงขั้นไหนกัน”

“ต่อให้เป็นยักษ์ใหญ่ระดับเจียงหมิงสุ่ย อิงเทียนเซิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าหมอนี่แล้ว…”

“ว่ากันว่าหลังจากเจ้าหมอนี่แจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต มรรควิถีของเขาคล้ายเกิดปัญหาขึ้นถึงได้ไปจากโลกบัวชะตาในทันที ก็ไม่รู้จริงหรือเท็จ”

“ยามศึกในโลกบัวชะตาครั้งต่อไปเริ่มขึ้นอีกครั้ง บางทีอาจได้รู้คำตอบแล้ว”

โลกวิญญาณยุทธ์ ภูเขาเทพถกมรรค

สวบๆๆ!

เงาร่างของพวกหลินสวินโรยมาจากฟากฟ้า

ผู้ฝึกปราณจากลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณอย่างพวกเหรินฟู่เทียน รวมถึงผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกจ้งชิวล้วนตกใจรีบก้าวเข้าไปหาทันที

“พี่สิง เกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดจึงกลับมาก่อนกำหนด”

“เอ๋ เหตุใดพวกเจ้าบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้”

ยามเห็นหลินสวิน สิงเจี้ยนสยา และฟู่หนานหลี ทุกคนล้วนเผยแววตกใจ

“ตกใจไปไย ไม่มีใครตายสักหน่อย แตกตื่นอะไรกัน”

สิงเจี้ยนสยาส่ายหน้ายิ้ม จากนั้นกล่าวกับหลินสวิน “เจ้าไปฝึกปราณก่อน ข้ากับเหล่าฟู่จะอธิบายกับทุกคนเอง”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ

เดิมพวกจ้งชิว รั่วซู่มีข้อกังขามากมายอยากถาม แต่เห็นเช่นนี้จึงเก็บเอาไว้ก่อน ทุกคนล้วนยิ้มพลางเอ่ยปากให้หลินสวินไปปิดด่านฝึกปราณโดยเร็ว

กระทั่งเงาร่างของหลินสวินหายลับไป สายตาของทุกคนล้วนหันมองพวกสิงเจี้ยนสยา

สิงเจี้ยนสยาก็ไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกบัวชะตาทั้งหมด

ไม่นานในที่นี้ก็ฮือฮาขึ้นมา

หลินสวินแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต!!!

เหล่าผู้ฝึกปราณจากลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณอย่างพวกเหรินฟู่เทียนล้วนสะท้านสะเทือน

ที่นี่เป็นถึงทะเลโชคชะตา และการแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตในโลกบัวชะตาได้เท่ากับสร้างปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยมีมาก่อนหมื่นกาลชัดๆ!

เหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกจ้งชิว รั่วซู่ต่างก็ตกใจไม่หยุด ต่างคนต่างมองหน้ากัน ล้วนมองเห็นแววตื่นเต้นยินดีในแววตาของอีกฝ่าย

ขั้นไร้ขอบเขต!

ในบรรดาผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกเขา นี่ล้วนเรียกได้ว่าเลิศล้ำไม่เป็นรองใครแล้ว

พวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีก็ดีใจมากเช่นกัน

แม้ว่าจะบาดเจ็บสาหัส แต่เมื่อพวกเขาคิดถึงภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นหน้าด่านนภาสี่ลักษณ์ก่อนหน้านี้ ในใจยังคงเดือดพล่านยากจะควบคุม

เพียงแต่พวกเขาไม่ได้บอกทุกคนว่าสาเหตุที่กลับมาก่อนกำหนดก็เป็นเพราะหลินสวินเช่นเดียวกัน

เกิดอะไรขึ้นกับหลินสวินกันแน่ ถึงทำให้เขาต้องฝึกปราณระยะหนึ่ง

พวกสิงเจี้ยนสยาก็ไม่รู้เช่นกัน

สิ่งที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้ก็คือรอคอย

ในถ้ำสถิต

ทันทีที่หย่อนตัวนั่งสมาธิ กลิ่นอายบนตัวหลินสวินพลันลดฮวบจากขั้นไร้ขอบเขตลงมาขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์ในชั่วพริบตา

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว ริมฝีปากหลั่งเลือดออกมา

‘ความรู้สึกของการฝืนทะลวงขั้นแย่จริงๆ…’

เขาล้วงมือคว้าโอสถเทพกำหนึ่งมายัดเข้าปากพร้อมกับเริ่มหลอมไปด้วย

ส่วนในสมองก็นึกย้อนภาพเหตุการณ์ยามทะลวงขั้น บนลานประลองแพ้ชนะของด่านนภาสี่ลักษณ์ในตอนนั้น

ตอนนั้นเพลิงโทสะเขาลุกท่วมเดือดปะทุ ในใจมีเพียงความคิดเดียว ต้องเอาชนะชิงเฟยหงในเวลาอันสั้นที่สุด

อาจเพราะได้รับแรงกระตุ้นจากเพลิงโทสะเช่นนี้ และอาจเพราะเดิมศักยภาพแฝงของเขาก็ได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์ในการต่อสู้ห้ำหั่นก่อนหน้านี้แล้ว

ตอนนั้นเองที่หลินสวินรับรู้ถึงจุดเปลี่ยนแจ้งมรรคอันแรงกล้าไร้ใดเปรียบ!

แม้ว่าเขาในตอนนั้นจะบาดเจ็บสาหัสแล้ว แต่หลังสัมผัสถึงจุดเปลี่ยนแจ้งมรรคนี้ก็ลองทะยานเข้าไปโดยไม่ลังเลใดๆ

สุดท้ายแม้จะทำลายปราการขวางชั้นนั้นได้ ทำให้มรรควิถีในตัวเขาทะลวงขั้นและเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จ แต่ก็เป็นตอนนั้นเองที่ทำให้หลินสวินตระหนักถึงปัญหาข้อหนึ่ง…

ขั้นพลังของตนไม่เสถียรอย่างยิ่ง!

ก็เหมือนขาดการค้ำจุนจากฐานรากไป ราวกับว่าจะร่วงจากขั้นไร้ขอบเขตนั่นกลับมาสู่สภาพเดิมได้ทุกเมื่อ

แต่สถานการณ์ในตอนนั้นทำให้หลินสวินไม่อาจสนใจสิ่งเหล่านี้แล้ว

กระทั่งหลังจากเอาชนะชิงเฟยหง สังหารฉิวเฟิ่งฉือ ล้มพวกเจียงหมิงสุ่ยได้ หลินสวินจึงพบว่าระดับขั้นพลังของตนลดลงกลับสู่ขั้นสรรสร้างแล้ว นี่จะให้เขากล้าโอ้เอ้อยู่ต่อได้อย่างไร

‘ขั้นพลังเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ นี่ต้องเป็นเพราะยามข้าแจ้งมรรค มหามรรคในตัวมีข้อบกพร่อง และหากอยากแก้ปัญหานี้ก็ต้องเสาะหาด้วยตัวเอง…’

หลินสวินจมสู่ภวังค์ใคร่ครวญ

เขาในเวลานี้เยือกเย็นไร้ใดเปรียบ และสามารถย้อนนึกรายละเอียดทั้งหมดในการต่อสู้ตอนนั้นได้

‘ตอนนั้นยามข้าต่อสู้กับชิงเฟยหง กายจิตความคิดทั้งหมดล้วนจมอยู่ในสภาวะต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์อย่างหนึ่ง และเป็นตอนนั้นเองที่พลังในตัวข้าเกิดการเปลี่ยนแปลงอันไม่อาจอธิบาย…’

เนิ่นนานนัยน์ตาหลินสวินสว่างวาบ ‘จริงสิ นัยเร้นลับนิพพาน!’

นัยเร้นลับนิพพานในตอนนั้นก็เหมือนเตาหลอมใบหนึ่ง หลอมรวมมหามรรคทั้งปวงที่เขามีในตัว อย่างเช่นกฎระเบียบศุภโชค ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ กฎระเบียบกาลเวลาเป็นต้น

นี่คือเรื่องที่ก่อนหน้านี้หลินสวินไม่เคยคิดมาก่อน

ในความคิดเขา กฎระเบียบอย่างนิพพาน ศุภโชค ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ กาลเวลา ล้วนเรียกได้ว่าเป็นมรรคสูงสุด แข็งแกร่งไร้ทัดเทียม ไม่มีโอกาสถูกหลอมรวมกันได้สักนิด

ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนั้นกลับพิสูจน์ว่า ด้วยพลังของนัยเร้นลับนิพพาน สามารถหลอมรวมมหามรรคสูงสุดเหล่านี้ได้อย่างหมดจด!

และการหลอมรวมเช่นนี้ กลับกระตุ้นนัยเร้นลับนิพพานให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่เอี่ยมทางอ้อม

‘เช่นนี้ดูท่าหลายปีก่อนหน้านี้ที่ข้าไม่เคยทะลวงขั้นมาตลอด เกรงว่าคงเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่เคยหลอมรวมมหามรรคเป็นหนึ่งอย่างแท้จริง’

หลินสวินเริ่มเข้าใจขึ้นมารางๆ

มหามรรคบกพร่อง ย่อมเรียกว่าสมบูรณ์ไม่ได้ และยากจะบรรลุขั้นพลังในตัวเป็นธรรมดา

เขามองว่าจุดเปลี่ยนแจ้งมรรคอยู่ที่การต่อสู้เคี่ยวกรำมาตลอด ซึ่งก็ไม่ได้ผิด เพราะอย่างไรก็ทำให้ตนตระหนักถึงจุดนี้ในระหว่างต่อสู้ห้ำหั่นกับชิงเฟยหงพอดี

ที่น่าเสียดายคือสถานการณ์ในตอนนั้นเร่งด่วนและร้ายแรงเกินไป ไม่มีเวลาให้เขาไปหลอมรวมมหามรรคในกายอย่างแท้จริงมากกว่านี้

ส่งผลให้หลังจากฝืนทะลวงขั้นจึงทิ้งข้อบกพร่องนี้ไว้

‘ยังดีที่พลังมหามรรคสามารถเสริมเพิ่มได้ ไม่เหมือนรากฐานมหามรรคที่เมื่อเกิดจุดบกพร่องก็ยากจะสร้างต่อจากฐานนั้นได้’

หลินสวินเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลง

เขาหาปัญหาพบ และรู้ว่าควรแก้ไขอย่างไรแล้ว

ที่เหลือก็มีเพียงปัญหาที่ต้องทุ่มเวลาในการจัดการเท่านั้นแล้ว

ฟู่…

หลินสวินระบายลมหายใจยาว สลัดความคิดฟุ้งซ่าน กระทั่งหลังจากฟื้นฟู้พลังในตัวกลับมาก็เริ่มจดจ่อสมาธิ ใช้นัยเร้นลับนิพพานหล่อหลอมมหามรรคในกาย

หลายปีนี้กฎระเบียบมหามรรคที่เขาครอบครองไม่ได้มีเพียงมรรคสูงสุดเหล่านี้เท่านั้น

อย่างระเบียบระดับเทพทุกชนิดที่หลอมก็เป็นพลังกฎระเบียบสมบูรณ์แบบ ล้วนมีความวิเศษอัศจรรย์เช่นเดียวกัน

หรืออย่างบรรดาพลังต้นกำเนิดนิรันดร์ของศัตรูที่ถูกเขาใช้ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หลอมเหล่านั้น ก็มีพลังกฎระเบียบที่ระดับนิรันดร์เหล่านั้นครอบครองอยู่มากมาย

พลังกฎระเบียบเหล่านี้มีมากถึงหลายสิบหลายร้อยชนิด

นอกจากนี้ส่วนที่ยังไม่หลอมยิ่งมีนับไม่หวาดไม่ไหว อย่างเช่นหลังจากสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างพวกจื่อเชออู๋จี้ ชางหลงเยวี่ย ซินหู หลินสวินยังไม่ได้หลอมพลังต้นกำเนิดนิรันดร์ของพวกเขาออกมา

ครั้งนี้หลินสวินตั้งใจหลอมกฎระเบียบมหามรรคทั้งหมดเหล่านี้ในคราเดียว หลอมรวมเข้าสู่นัยเร้นลับนิพพาน และปรากฏเป็น ‘หมื่นมรรครวมเป็นหนึ่ง’ อย่างแท้จริง!

เวาลาเคลื่อนคล้อย ครึ่งค่อนเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วันนี้

จู่ๆ บัวชะตามหามรรคที่ลอยอยู่เหนือทะเลโชคชะตาก็ปล่อยประกายแสงมหาศาล เกิดเสียงดังอึงอลสะเทือนฟ้าดิน

จากนั้นมีเงาร่างน่าสะพรึงมากมายออกมาจากบัวชะตามหามรรค

ภาพนี้ถูกพวกสิงเจี้ยนสยาที่อยู่บนภูเขาเทพถกมรรคมองเห็นทั้งหมด

พวกเขารู้ว่าการแก่งแย่งในโลกบัวชะตาครั้งที่ห้าปิดฉากลงแล้ว

เพียงแต่พวกเขาก็เดาไม่ออกว่าผู้คว้าชัยคนสุดท้ายเป็นขุมอำนาจไหน และใครคือสามคนสุดท้ายที่ครองโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์ในครั้งนี้

“ก็ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปบัวชะตามหามรรคจะปรากฏขึ้นอีกเมื่อไร”

สิงเจี้ยนสยาพึมพำ

“จากประสบการณ์ที่ผ่านมา อย่างน้อยสิบกว่าปี อย่างมากยี่สิบสามสิบปี”

ฟู่หนานหลียิ้มกล่าว “ข้าตั้งตาคอยการเข้าโลกบัวชะตาพร้อมกับสหายน้อยหลินครั้งต่อไปอย่างยิ่ง”

สิงเจี้ยนสยาคิดๆ แล้วเอ่ยถาม “ช่วงหลายวันนี้สหายน้อยหลินปิดด่านตลอดหรือ”

ฟู่หนานหลีกล่าวเสียงเบา “ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องอะไรอยู่ วางใจได้ ด้วยมรรควิถีและความสามารถของสหายน้อยหลินในตอนนี้ น่าจะมีความมั่นใจมากพอว่าจะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ยิ่งกว่านั้นต่อให้กังวลแค่ไหน เฒ่าชราอย่างพวกเราก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้อีกแล้ว”

สิงเจี้ยนสยาพยักหน้าน้อยๆ พลันยิ้มกล่าว “ยามพวกเราออกจากโลกบัวชะตา ข้าเคยบอกกับจอมมรรคซานเฟิงและเซียวเหอว่าครั้งต่อไปให้เขาพาเหล่าไป๋เจ๋อและเหล่ามู่มาด้วย หากรวมสองสหายยุทธ์อย่างจอมเทพหลิงหลงและสวินเต้าเยี่ยนอีก ฝั่งพวกเราก็น่าจะไปยึดด่านนภาแห่งหนึ่งได้แล้ว!”

เขาเองก็กำลังตั้งตาคอยเช่นเดียวกัน

เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า

ภูเขาเทพถกมรรคเงียบสงบเฉกเช่นที่ผ่านมา ทั้งโลกวิญญาณยุทธ์ไม่ได้เกิดคลื่นลมใดๆ เวลาผันผ่านอย่างรวดเร็วในบรรยากาศเงียบสงบเช่นนี้

ปีที่สิบที่หลินสวินปิดด่าน

ในถ้ำสถิต

วู้ม…

บนตัวหลินสวินที่นั่งสมาธิเดียวดายมาตลอด จู่ๆ ก็ปรากฏคลื่นพลังขับเคลื่อนโหมกระหน่ำไร้ทัดเทียมออกมาระลอกหนึ่ง เกิดท่วงทำนองที่สมบูรณ์และมหัศจรรย์ราวกระแสธาร

และมรรควิถีในตัวเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงน่าเหลือเชื่อขึ้นพร้อมกัน ดุจดั่งรุ้งเทพสายหนึ่งพุ่งทะยาน เหินขึ้นสูงตลอดทาง เพียงไม่กี่พริบตาก็ทะลวงขั้นจากขั้นสรรสร้าง

นั่งเฉาสิบปี

หลินสวินเข้าสู่ขั้นไร้ขอบเขตอีก!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด