Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 3238 กลับมา
ตอนที่ 3238 กลับมา
โลกจำศีล
“ตอนนี้ข้าถึงเข้าใจ ว่าเหตุใดตอนนั้นจักจั่นทองจึงมั่นใจขนาดนั้นว่าเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาจากแหล่งสถานอัศจรรย์”
เฉินหลินคงถอนหายใจเบาๆ
เมื่อหลายปีก่อนเขาพยายามไปหาผู้บงการหลังม่านเคราะห์แห่งยุคสมัย ยังเป็นจักจั่นทองที่บอกเขาว่าเคราะห์นี้เกี่ยวข้องกับแหล่งสถานอัศจรรย์
เพียงแต่ตอนนี้หลังจากเข้าใจแล้ว อารมณ์ของเฉินหลินคงกลับซับซ้อนและหดหู่มาก
“สหายยุทธ์ จักจั่นทองไม่เคยทำร้ายพวกเรา ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเขาอีกแล้ว”
โพธิกล่าวยิ้มๆ เพียงแต่ในดวงตาเขาก็เผยอารมณ์ซับซ้อนเสี้ยวหนึ่งเช่นกัน
จักจั่นทอง…
นี่คือ ‘ผู้ร่วมมรรค’ ที่ทำให้เขาและเฉินหลินคงไม่มีทางลืมได้
ยามทั้งสองสนทนา หลินสวินพาซย่าจื้อมาถึงแล้ว บอกเรื่องที่ตนตัดสินใจกลับบ้านออกไป
โพธิและเฉินหลินคงไม่ได้ประหลาดใจ
เรื่องของแหล่งสถานอัศจรรย์จัดการเรียบร้อยแล้ว ด้วยนิสัยของหลินสวินย่อมต้องกลับบ้าน รวมตัวกับญาติมิตร อย่างน้อยก็ต้องดูแลญาติมิตรให้ดีก่อน เขาถึงจะมีสมาธิกับการสร้างมรรคแห่งชีวิตใหม่ในแหล่งสถานอัศจรรย์
เฉินหลินคงหัวเราะฮ่าๆ ก่อนเอ่ยว่า “สหายน้อยหลิน ยามเจ้ากับแม่นางซย่าจื้อแต่งงานกัน อย่าลืมบอกข้าเด็ดขาดเชียว”
หลินสวินยิ้มกล่าว “นี่แน่นอนอยู่แล้ว”
ซย่าจื้อเองก็ยิ้มบางๆ
หลินสวินมองโพธิแล้วเอ่ยว่า “อาจารย์ สหายเก่าที่ตอนนี้ยังอยู่ในแหล่งสถานอัศจรรย์เหล่านั้น ต้องลำบากท่านดูแลแล้ว”
เขาหมายถึงพวกเฒ่าโดดเดี่ยว ราชครู สิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี
โพธิตอบรับพร้อมรอยยิ้ม “ยามเจ้ากลับไป อย่าลืมไปหาบรรดาศิษย์พี่ที่ทะเลโชคชะตา บอกพวกเขาสักหน่อยว่าไม่ต้องเป็นห่วงข้ากับเจ้าอีกต่อไปแล้ว”
“ได้!”
หลินสวินพยักหน้าตอบรับ
ในวันนั้นหลินสวินพาซย่าจื้อออกจากแหล่งสถานอัศจรรย์แล้ว
…
ทะเลโชคชะตา แหล่งสถานคุนหลุน
โลกวิญญาณยุทธ์
รั่วซู่นั่งอยู่หน้าลำธารสายหนึ่ง กำลังคุยกับจ้งชิว
“ไม่กี่วันมานี้ข้าจิตใจไม่สงบอยู่ตลอด ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร”
รั่วซู่เอ่ยเสียงขรึม “ข้าคำนวณแล้วคำนวณอีก ในทะเลโชคชะตานี้ศัตรูเหล่านั้นถูกกวาดล้างหมดสิ้นก่อนศิษย์น้องเล็กจะจากไปแล้ว ย่อมไม่มีทางมีอันตรายใกส่งผลต่อพวกเรา ส่วนศิษย์น้องสี่ก็ฝึกปราณในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์โดยตลอด ด้วยสติปัญญาและความสามารถของเขา ต่อให้เจออันตรายก็สามารถสลายได้อย่างง่ายดาย”
จ้งชิวขมวดคิ้วกล่าว “เจ้ากำลังเป็นห่วงศิษย์น้องเล็กกับอาจารย์หรือ”
รั่วซู่พยักหน้า
“จิตใจไม่สงบ ใช่ว่าจะต้องมีเภทภัยใดเกิดขึ้นเสมอไป อย่าคิดมากเลย” จ้งชิวเอ่ยเบาๆ
รั่วซู่ขานรับว่าอืมแล้วเอ่ยว่า “ข้ากลับหวังว่าวันหนึ่งเมื่อศิษย์น้องเล็กกลับมา จะสามารถช่วยเหล่าศิษย์น้องที่ร่วงหล่นในตอนนั้นกลับมาได้”
จ้งชิวกลับถอนหายใจ “ยากมาก ศิษย์น้องเหล่านั้นไม่เหมือนกับศิษย์พี่ใหญ่ ร่วงหล่นมานานเกินไป พลังชีวิตที่เหลืออยู่ก็เล็กน้อยแทบสัมผัสไม่ได้ อยากให้พวกเขา ‘ฟื้นคืนชีพ’ อาจจะเป็นการลำบากศิษย์น้องเล็กเกินไป”
ตอนนี้เองเสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้น “ศิษย์พี่รอง สำหรับข้านี่ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรแล้ว”
ศิษย์น้องเล็ก!
รั่วซู่และจ้งชิวอึ้งไป ลุกขึ้นโดยพลัน ก็เห็นหลินสวินมาเยือนกลางอากาศไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด พวกเขาล้วนไม่สังเกตเห็นสักนิด
“เจ้า… กลับมาได้อย่างไร”
รั่วซู่ประหลาดใจ ยากจะเชื่อ
คำนวณเวลาดูแล้ว ตั้งแต่หลินสวินออกจากทะเลโชคชะตามุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์จนวันนี้ เป็นเวลาเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น
“จัดการปัญหาเรียบร้อยหมดแล้ว ข้าจึงกลับมาดูสักหน่อย”
หลินสวินว่าพลางเล่าเรื่องที่ตนพบเจอในแหล่งสถานอัศจรรย์ออกมาทั้งหมดอย่างกระชับได้ใจความ แต่กลับทำให้รั่วซู่และจ้งชิวฟังจนขวัญหนีดีฝ่อ
กระทั่งสุดท้ายยามได้รู้ถึงความตายของจักจั่นทอง ไท่ชูและไท่ซ่าง นอกจากผ่อนคลาย ทั้งสองยังอดรู้สึกทอดถอนใจไม่ได้
“เจ้ารอก่อน ข้าไปเรียกศิษย์น้องคนอื่นๆ”
รั่วซู่ยิ้มพูดก่อนจากไปอย่างเร่งรีบ
ไม่นานหลินสวินก็ได้เจอศิษย์พี่คนอื่นๆ อย่างหลี่เสวียนเวย จวินหวน ชื่อจวิน ปู่ซ่วนจื่อ เสวี่ยหยา ชิงถิง ผู่เจิน จิ่งจงเยวี่ย เฉิงอวี๋เป็นต้น
กลับไม่เจอศิษย์พี่ใหญ่คนเดียว
นี่ทำให้เขาอดประหลาดใจไม่ได้ หลังจากนั้นถึงรู้ว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนศิษย์พี่ใหญ่ไปจากทะเลโชคชะตา โดยสารบัวชะตามหามรรคมุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์แล้ว
หลินสวินจนคำพูดอย่างไม่ได้ แต่พอคิดว่าในอนาคตตนก็จะยังไปแหล่งสถานอัศจรรย์ อย่างไรก็ต้องได้เจอศิษย์พี่ใหญ่อีก ในใจก็ปล่อยวางลง
วันนั้นงานเลี้ยงเริ่มต้น ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลทั้งหมดดื่มสุราพูดคุย มีความสุขอย่างที่สุด
กระทั่งหลังจากงานเลี้ยงจบลง หลินสวินจึงตัดสินใจว่าจะช่วยชีวิตเหล่าศิษย์พี่ที่สิ้นชีพไปนานเหล่านั้น
ในโถงแห่งหนึ่ง
พวกจ้งชิว รั่วซู่กลั้นหายใจจับจ้อง รอคอยอยู่เงียบๆ
หลินสวินยืนอยู่กลางโถงเพียงลำพัง แขนเสื้อโบกสะบัด แสงมรรควัฏจักรที่เร้นลับคลุมเครือเป็นสายๆ ปรากฏ คล้ายมีกาลเวลาไร้จำกัดโคจรเปลี่ยนแปลงอยู่ภายในรางๆ
ในมือหลินสวินมีของต่างหน้าของศิษย์พี่เหล่านั้น
เมื่อสัมผัสกลิ่นอายบนสมบัติเหล่านั้น จิตรับรู้ของเขาแทรกเข้าไปในวัฏจักร ย้อนอดีตท่องไปในวัฏจักรอันงดงามไม่อาจคาดเดา
เพียงครู่หนึ่งให้หลัง
หลินสวินความคิดขยับไหว ปลายนิ้วปรากฏพลังของนัยเร้นลับนิพพาน และพร้อมกับที่ละอองแสงระลอกหนึ่งพลิ้วไหว เงาร่างสายหนึ่งค่อยๆ ก่อตัวขึ้น กลายเป็นชายชุดนักพรตสวมเกี้ยวประดับ บุคลิกผ่าเผยคนหนึ่ง
“เป็นศิษย์น้องเสวียนคง!!”
พวกจ้งชิว รั่วซู่ต่างตื่นเต้น จำชายคนนั้นได้ เป็นเสวียนคงที่อยู่ลำดับที่สี่สิบเก้า
แต่พวกเขาไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหลินสวินยังคงกระทำต่อไป
ไม่นานปลายนิ้วของหลินสวินขยับอีกครั้ง ในละอองแสงที่ไหลเคลื่อน เงาร่างชายในชุดคลุม หน้าตาซื่อสัตย์จริงใจคนหนึ่งควบรวมออกมา
“เป็นศิษย์น้องเก่ออวี้ผู!”
ทันใดนั้นพวกจ้งชิว รั่วซู่อดเผยรอยยิ้มไม่ได้ ในใจยิ่งตื่นเต้น ถึงขั้นตะลึงจนหัวสมองมึนงง
เพราะพลังของการฟื้นคืนชีพนี้ ไม่ได้เป็นเพียงศุภโชคชั้นเลิศ แต่เป็นการย้อนทวนความตาย แย่งชิงการเกิดใหม่มาจากความตาย!’
หลังจากนั้นมีเงาร่างมากมายทยอยปรากฏในละอองแสง มีทั้งชายและหญิง
อย่างเช่นจี้ซิวผู้สืบทอดลำดับที่สิบสี่ อู่ฉางผู้สืบทอดลำดับที่ยี่สิบหก เวินหลิวผู้สืบทอดลำดับที่สามสิบเจ็ด กู้ชิงฉวีผู้สืบทอดลำดับที่สี่สิบเอ็ด เสวียนหยวนจื่อผู้สืบทอดลำดับที่สี่สิบสี่เป็นต้น
กระทั่งช่วยชีวิตบรรดาศิษย์พี่ที่สิ้นชีพไปกลับมาหมดแล้ว หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ไอเจตะเป็นสายๆ พุ่งออกมา ทะยานเข้าไปในศีรษะของศิษย์พี่เหล่านี้
ทันใดนั้นพวกเก่ออวี้ผู เสวียนคงล้วนเหมือนตื่นจากฝัน ลืมตาขึ้น
ส่วนพวกจ้งชิว รั่วซู่กดความตื่นเต้นในใจไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งเข้าไปหา
“ศิษย์พี่อู่ฉาง ข้ามีคำพูดหนึ่งอยากบอกท่านมาโดยตลอด ตอนนี้ในที่สุดข้าก็มีโอกาสพูดแล้ว นั่นก็คือ… เงินที่ท่านติดข้าไว้ในอดีต จะปล่อยไปเช่นนี้ไม่ได้!”
…ภายในโถงถูกเสียงตื่นเต้นดีใจท่วมท้น
หลินสวินมองภาพเหล่านี้แล้วเบิกบานในใจยิ่งเช่นกัน
‘รอหาโอกาส ต้องช่วยญาติมิตรที่สิ้นชีพไปแล้วเหล่านั้นกลับมาทั้งหมดถึงจะได้…’
เขาลอบกล่าวในใจ
หลังจากอยู่ในทะเลโชคชะตาต่ออีกสองสามวัน
ภายใต้การมาส่งของเหล่าศิษย์พี่คีรีดวงกมล หลินสวินก็พาซย่าจื้อไปจากทะเลโชคชะตา
……
แหล่งสถานศุภโชค
เมืองเทพศุภโชค
เมื่อเห็นเค้าโครงของเมืองนี้จากไกลๆ ในใจหลินสวินอดกระเพื่อมไหวไม่ได้
ยามเขาไปทะเลโชคชะตา เคยจัดแจงให้ญาติมิตรอยู่ในเมืองเทพศุภโชค เพื่อจะได้ไม่ต้องพบเจอการทำลายล้างที่เคราะห์แห่งการสับเปลี่ยนยุคสมัยนำมา
ตอนนี้ด้วยมรรควิถีของเขา แน่นอนว่าสามารถป้องกันไม่ให้เคราะห์แห่งยุคสมัยเช่นนี้เกิดขึ้นได้แล้ว
เพียงแต่ต่อให้มรรควิถีของเขาสูงเพียงใดก็ยังมีอารมณ์ความรู้สึก ยามได้กลับมาหลังจากไปนาน ในใจจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร
ครู่ใหญ่เขาสูดหายใจลึกๆ กดมรรควิถีของตนลง
บางครั้งการสัมผัสได้ภายในความคิดเดียว อาจเป็นการทำให้รสชาติและความงดงามบางอย่างในชีวิตขาดหายไป อย่างเช่นความประหลาดใจยามพบกันอีกครั้งหลังห่างหายไปนาน
“นาย… นายท่าน!?”
ยามหลินสวินพาซย่าจื้อเข้าใกล้เมืองเทพศุภโชค ก็ถูกวิญญาณระเบียบอู๋ซวงที่ปกคลุมเหนือห้วงอากาศสัมผัสได้ทันที
ฟุ่บ!
แสงขาวสายหนึ่งปรากฏ ก่อนกลายเป็นเด็กสาวชุดขาวที่งดงามบริสุทธิ์ ดวงตาคู่โตเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ
“อย่าทำให้คนอื่นๆ ตกใจ ข้าจะไปหาพวกเขาด้วยตัวเอง”
หลินสวินยิ้มพูด
อู๋ซวงพยักหน้าแรงๆ ยิ้มเบิกบาน “นายท่าน หลายปีมานี้เมืองเทพศุภโชคไม่เคยเจออันตรายใดๆ ทุกคนสบายดีมาก”
สีหน้าแบบนั้นเหมือนกำลังพูดว่า ‘นายท่าน รีบชมข้าสิ’
หลินสวินยิ้ม ยื่นมือไปจิ้มหน้าผากขาวกระจ่างของอู๋ซวง “หลังจากวันนี้เจ้าตั้งใจฝึกปราณ วันหน้าย่อมถึงคราวแปรสภาพแจ้งมรรค”
ตูม!
อู๋ซวงเพียงรู้สึกว่าคลื่นชีวิตที่ทรงพลังหาใดเปรียบสายหนึ่งพุ่งเข้ามาในร่างตน นางสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าร่างที่แปลงมาจากพลังระเบียบของตนปรากฏจังหวะชีวิตเพิ่มเข้ามา เปล่งสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณที่แท้จริงออกมา และเพราะเหตุนี้จึงมีจิตใจ พรสวรรค์ และสติปัญญาอย่างแท้จริง
ครู่ใหญ่ยามการแปรสภาพทั้งหมดนี้จบลง สีหน้าของนางงุนงง พูดติดๆ ขัดๆ “นายท่าน ข้า… ข้ามีชีวิตของตัวเองแล้วหรือ”
หลินสวินพยักหน้าอมยิ้ม “รู้สึกอย่างไร”
ด้วยการหยั่งรู้และครอบครองมรรคแห่งชีวิตของเขา อยากให้ก้อนหินก้อนหนึ่งมีชีวิตยังไม่ใช่เรื่องยากอะไร นับประสาอะไรกับการมอบชีวิตที่แท้จริงให้ระเบียบระดับเทพอย่างอู๋ซวง นี่ถึงขั้นง่ายกว่าด้วยซ้ำ
อู๋ซวงยิ้มกว้างทันที กู่ร้องด้วยความดีใจ “มหัศจรรย์ที่สุด!”
และเป็นชั่วขณะนี้ที่นางสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งความตื่นเต้น เบิกบาน ดีใจ สำหรับวิญญาณระเบียบอย่างนาง นี่อัศจรรย์มากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“อย่าเพิ่งตื่นเต้น นำทางก่อน พวกเรากลับบ้านกัน”
หลินสวินยิ้มพูด
“อืม!”
อู๋ซวงนำทางอยู่ด้านหน้า ระหว่างทางใบหน้าเล็กบริสุทธิ์เต็มไปด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า ดวงตาทั้งคู่สว่างไสวเป็นประกาย
กระทั่งมาถึงหน้าเมืองเทพศุภโชค
หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง จากนั้นหันมองซย่าจื้อพร้อมรอยยิ้ม เอ่ยว่า “กลับมาคราวนี้ พวกเราก็แต่งงานกันนะ ข้าจะจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่มีหน้ามีตาสำหรับพวกเรา!”
ซย่าจื้อขานรับว่าอืม ในดวงตากระจ่างเต็มไปด้วยความดีใจที่ยากปกปิด
นี่คือสิ่งที่หลินสวินรับปากนางเมื่อนานมาแล้ว
วันนี้ ในที่สุดก็กำลังจะเป็นจริงแล้ว
“ไปกันเถอะ”
หลินสวินกุมมือนุ่มขาวกระจ่างเรียวบางของซย่าจื้อ มุ่งหน้าเดินเข้าไปในเมืองเทพศุภโชค
——
Comments