Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 348

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 348 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
 เด็กหนุ่มเจ้าแห่งคีรีผู้หาที่เปรียบมิได้
โดย

ความจำนนของชื่อเซวี่ย ทำให้หยางหลิงและผู้เฒ่าเตียวต่างหวั่นไหว

“ข้าเป็นนักหลอมอาวุธ ข้า…” หยางหลิงเอ่ยขึ้น

หลินสวินยิ้มพูดตัดบทขึ้นมาโดยที่อีกฝ่ายพูดยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ “บนภูเขาชำระจิตมีสถานที่ซึ่งจัดไว้สำหรับหลอมอาวุธวิญญาณโดยเฉพาะ แน่นอนว่าการที่ท่านเป็นนักหลอมอาวุธไม่ใช่นักสลักวิญญาณ ย่อมมีความสำคัญกว่าสำหรับข้า”

หยุดไปครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยเสียงขรึม “เอาอย่างนี้ ข้าสามารถสนองความต้องการทุกประการในการหลอมอาวุธของท่านเหมือนอย่างที่รับปากชื่อเซวี่ย”

นักหลอมอาวุธย่อมแตกต่างกับนักสลักวิญญาณ

นักหลอมอาวุธที่ได้มาตรฐานย่อมต้องเป็นช่างหลอมด้วย สามารถหลอมวัตถุดิบวิญญาณสารพัดชนิดมาเป็นโครงฐานอาวุธวิญญาณได้

แน่นอนว่าเป็นเพียงแค่โครงฐานเท่านั้น

ถ้าอยากได้อาวุธวิญญาณที่แท้จริง ต้องให้นักสลักวิญญาณมาช่วย

โดยทั่วไป ประโยชน์สูงสุดของนักหลอมอาวุธไม่ใช่การสร้างโครงฐานของอาวุธวิญญาณ แต่เป็นการซ่อมแซมอาวุธวิญญาณ!

นี่เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญอย่างมาก แม้เป็นอาวุธวิญญาณแต่ก็ชำรุดได้ เมื่อชำรุดก็ต้องการนักหลอมอาวุธเข้ามาช่วยซ่อมแซม

แม้ว่านักหลอมอาวุธไม่มีความรู้เรื่องการสลักลายวิญญาณ แต่พวกเขากลับสามารถซ่อมแซมอาวุธตามลายวิญญาณที่สลักอยู่บนอาวุธ!

ถ้าเทียบระหว่างนักสลักวิญญาณ นักหลอมอาวุธ และช่างหลอม นักสลักวิญญาณย่อมได้รับความนิยมมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

นักสลักวิญญาณที่ดีมีมาตรฐาน สามารถเป็นได้ทั้งนักหลอมอาวุธและช่างหลอม เหมือนกับหลินสวินในตอนนี้

ส่วนนักหลอมอาวุธก็ทดแทนตำแหน่งช่างหลอมได้ แต่ไม่สามารถสลักรอยสลักวิญญาณได้ เมื่อเทียบกันแล้วจึงด้อยกว่านักสลักวิญญาณไปขั้นหนึ่ง

สำหรับช่างหลอม ไม่เพียงด้อยกว่านักสลักวิญญาณ ในขณะเดียวกันก็ด้อยกว่านักหลอมอาวุธขั้นหนึ่งด้วย แต่ก็ใช่ว่าช่างหลอมจะไม่สำคัญ

โดยทั่วไปแล้วช่างหลอมไม่เพียงสามารถหลอมวัตถุดิบต่างๆ มาสร้างเป็นอาวุธวิญญาณได้ แต่ยังสามารถหลอมลูกกลอนโอสถวิญญาณได้ด้วย

ในเรื่องนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นของช่างหลอม

สรุปแล้ว ถ้าเปรียบนักหลอมอาวุธว่าเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง นักสลักวิญญาณก็คือจิตวิญญาณของกระบี่ ในขณะที่ช่างหลอมคือช่างฝีมือผู้หลอมกระบี่

“เจ้า…รับปากทั้งหมดเลยหรือ?”

หยางหลิงตะลึงงัน เขายังไม่ทันยื่นข้อเสนอของตัวเองด้วยซ้ำ หลินสวินก็ตอบกลับมาอย่างที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้แล้ว

“ไม่ผิด”

หลินสวินพยักหน้า พลันนึกบางอย่างขึ้นได้ จึงเรียกเจ้าจิ๊บจิ๊บออกมาจากฝ่ามือแล้วพูดว่า “เจ้านี่เป็นสัตว์วิญญาณของข้า เป็นปรมาจารย์ด้านการหลอมโดยกำเนิด ภายในร่างกายมี ‘ลูกไฟทองทลายดารา’ ระดับฟ้า ต่อไปให้เจ้าจิ๊บจิ๊บคอยช่วยท่านในการฝึกอาวุธ”

“จิ๊บจิ๊บ~”

เจ้าจิ๊บจิ๊บตัวกลมอ่อนนุ่มเบิกดวงตาอันไร้เดียงสาขึ้นพร้อมสอดส่ายสายตาไปรอบๆ เหมือนเจ้าหนูผู้อยากรู้อยากเห็น

สายตาของคนรอบข้างเผยความตะลึงทันที ลูกไฟทองทลายดารา! เจ้าสัตว์วิญญาณผู้น่ารักน่าชังนี่เก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?

ส่วนหยางหลิงตัวแข็งค้างอยู่กับที่ สูดหายใจเข้าพร้อมพูดด้วยความดีใจอันท่วมท้น “ลูกไฟทองทลายดาราอย่างนั้นหรือ สวรรค์! สุดยอดที่สุด!”

เขาที่รูปร่างกำยำ ตัวอ้วนท้วน ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับดีใจจนยิ้มไม่หุบ กระโดดโลดเต้นเหมือนเด็ก

สำหรับนักหลอมอาวุธแล้ว ถ้าได้ความช่วยเหลือจาก ‘ปรมาจารย์แห่งการหลอม’ โดยกำเนิด ก็เพียงพอที่จะช่วยให้การหลอมอาวุธของเขาสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว!

เห็นดังนั้นหลินสวินรู้ทันทีว่าตัวเองทำให้อีกฝ่าย ‘ยอมจำนน’ เพิ่มอีกคนแล้ว

เขาเคลื่อนสายตาไปมองผู้เฒ่าเตียว

คราวนี้ผู้เฒ่าเตียวชิงพูดขึ้นพร้อมสายตาที่ทอประกาย “ข้าไม่เหมือนพวกเขาทั้งสอง ถ้าจะเรียกให้ถูก ข้าเป็นนักสลักวิญญาณที่เชี่ยวชาญในการวางค่ายกล”

หลินสวินหัวใจเต้นระทึก นักสลักวิญญาณที่เชี่ยวชาญในด้านการวางค่ายกล! เป็นผู้มีความสามารถที่หายากอีกคน!

นักสลักวิญญาณเป็นคำเรียกอันแสนจะกว้างขวาง

เท่าที่หลินสวินรู้มา นักสลักวิญญาณแบ่งออกเป็นอีกมากมายหลากหลายแขนง แค่ด้านการหลอมอาวุธวิญญาณก็แบ่งได้หลายประเภท

เช่นนักสลักวิญญาณบางคนชำนาญการหลอมสร้างอาวุธวิญญาณในสนามรบ บางคนชำนาญการสร้างชุดเกราะต่างๆ และบางคนก็ชำนาญการวางค่ายกล

คำว่าวางค่ายกลนี้เป็นการจัดวางค่ายกลรอยสลักวิญญาณบนเรือรบ ป้อมปราการ ชีพจรวิญญาณ ทางเข้าภูเขา คฤหาสน์และอื่นๆ

มีทั้งค่ายกลสังหาร ค่ายกลป้องกัน ค่ายกลปิดล้อม ค่ายกลลวงตาจิตเป็นต้น

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะในเส้นทางของการสลักวิญญาณนั้นกว้างขวางและลึกซึ้งมาก ใช้เวลาทั้งชีวิตยังยากจะหยั่งถึงความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับการสลักวิญญาณ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การเลือกเส้นทางที่เหมาะสมให้กับตัวเองย่อมเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด คำที่เรียกว่าผู้ชำนาญเฉพาะทางก็เป็นเช่นนี้

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะยกหน้าที่ในการวางค่ายกลทั้งหมดในภูเขาชำระจิตให้ท่าน!”

หลินสวินตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “แน่นอนว่าถ้าท่านเจอปัญหาอันใด ก็สามารถมาหารือกับข้าได้”

ผู้เฒ่าเตียวตะลึงในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสัย “หารือกับเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

เขาอดผิดหวังไม่ได้ เดิมคิดว่าหลินสวินจะให้อะไรที่เหนือความคาดหมายเหมือนที่ให้ชื่อเซวี่ยและหยางหลิง แต่ไม่คิดว่าจะได้เพียงคำมั่นสัญญาแบบนี้

ครั้งนี้ไม่รอให้หลินสวินได้อธิบาย เสี่ยวเคอที่ยืนกอดอกเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ผู้เฒ่าเตียว ความรู้ความสามารถในเส้นทางการสลักวิญญาณของหลินสวินเหนือความคาดหมายของท่านอย่างแน่นอน”

คราวนี้อย่าว่าแต่ผู้เฒ่าเตียวที่ไม่เชื่อ แม้แต่พวกชื่อเซวี่ย หยางหลิง หลินจงต่างก็ตะลึงไปตามๆ กัน ไม่อาจจินตนาการได้ว่าหลินสวินจะเป็นนักสลักวิญญาณด้วย!

เขาเพิ่งจะอายุเท่าไหร่?

เหตุใดถึงถูกเสี่ยวเคอยกให้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่เหนือความคาดหมายบนเส้นทางสลักวิญญาณ?

เสี่ยวเคอสัมผัสได้ถึงความเคลือบแคลงใจและประหลาดใจของทุกคน ดวงตาคู่สุกใสจึงหันไปมองหลินสวินเหมือนรอคำตอบจากเขา

เพราะบางเรื่องก็เป็นเรื่องส่วนตัวของหลินสวิน นางจึงไม่สะดวกจะพูด

ทุกสายตาพลันหันมองหลินสวิน ราวกับกำลังรอให้เขาอธิบาย

หลินสวินครุ่นคิดอยู่ครู่ ก็หยิบตราสัญลักษณ์ยืนยันฐานะของตัวเองจากภาคีนักสลักวิญญาณออกมา แล้วพูดเสียงเรียบ “นี่คือตรานักสลักวิญญาณระดับต้น”

เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ทุกคนก็ดูออกแล้วว่าตราสัญลักษณ์นั้นเป็นของจริงยังไม่ต้องสงสัย

เพียงแต่ตอนที่ได้ยินหลินสวินบอกว่าเป็นนักสลักวิญญาณระดับต้น ทั้งชื่อเซวี่ย หยางหลิงและคนอื่นๆ ต่างไม่ยินดียินร้าย

ผู้เฒ่าเตียวเป็นถึงนักสลักวิญญาณระดับสูงเชียวนะ!

ถ้าเขาเจอปัญหาอะไร แค่นักสลักวิญญาณระดับต้นจะช่วยอะไรได้?

แต่ไม่ว่าอย่างไร การที่หลินสวินได้รับการการันตีจากภาคีนักสลักวิญญาณว่าเป็นนักสลักวิญญาณระดับต้นได้ตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้ ถือว่าหายากมากแล้ว

และผู้เฒ่าเตียวก็เหมือนจะคิดได้แล้ว จึงพูดอย่างสนใจ “ช่างเถอะ ข้ารับปากเจ้าแล้วกัน หวังเพียงว่า…”

หลินสวินยิ้มบางๆ พูด “ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่ เรือรบวีรชนม่วงรูปแบบใหม่ล่าสุดที่จักรพรรดิเพิ่งเปิดตัวในปีนี้ เป็นฝีมือการออกแบบของข้า เชื่อว่าท่านคงเคยได้ยินอานุภาพของเรือรบวีรชนม่วง”

เรือรบวีรชนม่วงรูปแบบใหม่ล่าสุด!

ออกแบบโดยเด็กหนุ่มนักสลักวิญญาณระดับต้นอย่างหลินสวิน!

ได้ยินแบบนี้ ทุกคนต่างตะลึงงันโดยพร้อมเพรียงกัน

แม้แต่จูเหล่าซานที่ยืนเงียบมาตลอด ตอนนี้ก็เหมือนจะตื่นตะลึง สายตาพลันกวาดมองมา

“จริงหรือ? ข้าจำได้ว่าผู้ออกแบบเรือรบวีรชนม่วงรูปแบบใหม่ล่าสุดคือเหล่าโม่ ปรมาจารย์สลักวิญญาณจากสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิมิใช่หรือ จะ…จะเป็นเจ้าได้อย่างไร”

ผู้เฒ่าเตียวอดถามไม่ได้

คนอื่นๆ ต่างก็ดูสงสัยมาก

ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะสงสัย เพราะเรือรบวีรชนม่วงเป็นอาวุธสังหารระดับยุทธศาสตร์ และเป็นเรือรบขนาดเล็กที่มีความดั้งเดิมมากที่สุด นับตั้งแต่ได้รับการศึกษาค้นคว้าและผลิตเมื่อหลายร้อยปีก่อน ผ่านการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จนถือว่าอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบไปนานแล้ว

แต่ในปีนี้ การถือกำเนิดของเรือรบวีรชนม่วงรูปแบบใหม่ได้ทำลายการรับรู้แบบเดิมๆ อย่างสิ้นเชิง ราวกับได้สร้างปาฏิหาริย์ จุดประกายเรือรบวีรชนม่วงที่เป็นเรือรบขนาดเล็กดั้งเดิมที่สุดนี้ให้มีอานุภาพรูปแบบใหม่!

เพราะเรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของเหล่าโม่โด่งดังไปทั่ว ดุจดั่งพระอาทิตย์กลางท้องฟ้า ในนครต้องห้ามใครบ้างจะไม่รู้ว่าเหล่าโม่เป็นผู้สร้างปาฏิหาริย์นี้กับมือ?

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับบอกว่าเขาเป็นคนออกแบบเรือรบวีรชนม่วง จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร?

ถ้าเป็นคนอื่น คงโกรธจนก่นด่าว่าหลินสวินหน้าด้านไร้ยางอายและโอ้อวดไปตั้งนานแล้ว

“ข้าสามารถวาดแบบร่างเรือรบวีรชนม่วงให้ท่านดูได้ และท่านก็สามารถไปพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้กับเหล่าโม่ได้เช่นกัน”

หลินสวินสีหน้าสงบนิ่ง น้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้าจะพูดให้ถูก คือข้ากับเหล่าโม่ร่วมกันสร้างเรือรบวีรชนม่วงรูปแบบใหม่นี้ออกมา เพียงแต่หลังจากสร้างเรือรบลำนั้นเสร็จได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันบางอย่างขึ้น ทำให้เหล่าโม่ต้องแบกรับภาระที่ไม่ควรเกิด”

พูดถึงตอนท้าย เขาพลันรู้สึกสลดใจขึ้นมา นึกถึงภาพยามอยู่ในค่ายกระหายเลือดที่เหล่าโม่ถูกพาตัวไป

เดิมทีหลินสวินไม่คิดจะพูดถึงเรื่องนี้ แต่สถานการณ์ของเขาในตอนนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา

ตอนนี้เขาเป็นผู้ถือครองภูเขาชำระจิต เป็นผู้สืบทอดของตระกูลหลิน จึงไม่กลัวที่จะเปิดเผยความลับเรื่องนี้แล้วถูกผู้มีอำนาจอื่นข่มเหง

หลินสวินถึงขั้นที่พิจารณามาอย่างดีแล้วว่า จะหาโอกาสไปเยือนภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณแห่งนครต้องห้าม เพื่อยืนยันฐานะนักสลักวิญญาณของเขาอีกครั้ง!

ยิ่งแสดงความสามารถและเบื้องลึกเบื้องหลังมากเท่าไหร่ ระหว่างที่กำลังเผชิญศึกในศึกนอกอยู่นี้ ก็ยิ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนของพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ให้ผู้คน

“เป็นความจริงอย่างนั้นหรือ?”

สีหน้าของผู้เฒ่าเตียวดูงุนงงสับสน คนอื่นๆ ก็เหมือนคิดไม่ตก สายตาต่างเบือนไปทางเสี่ยวเคอและพญาแร้ง

“สิ่งที่หลินสวินพูดคือความจริง ข้ารับรองได้”

เห็นว่าหลินสวินเปิดเผยความจริงทั้งหมด เสี่ยวเคอก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป ดวงหน้าขาวกระจ่างงดงามเผยความจริงจังเคร่งขรึมเอ่ยว่า “เรื่องนี้ข้ากับท่านอาจารย์สวีซานชีเห็นกับตา ตอนนั้นเหล่าโม่ก็อยู่ที่ค่ายกระหายเลือดด้วย”

พูดจบ ทุกคนต่างอึ้งจนพูดไม่ออก ภาพที่พวกเขามีต่อหลินสวินพลันลึกล้ำจนเกินจะคาดเดาได้ถูก

เด็กหนุ่มนักสลักวิญญาณคนหนึ่ง กลับสร้างเรือรบวีรชนม่วงรูปแบบใหม่ออกมาได้ ช่างเป็นความมหัศจรรย์ที่เหลือเชื่อมาก!

ในบรรดาผู้คนที่อยู่ตรงนั้น หลินจงดูตื่นเต้นที่สุด เขาคิดไม่ถึงเลยว่านายน้อยของตัวเองจะเก่งกาจถึงเพียงนี้

เรือรบวีรชนม่วงที่สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งจักรวรรดิเชียวนะ!

แค่เรื่องนี้ ใต้หล้านี้ยังจะหาใครมาเทียบได้?

ที่สุดยอดที่สุดคือ นายน้อยยังเป็นถึงอันดับหนึ่งในการทดสอบระดับมณฑลของมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิ เขาที่อายุยังน้อยก็เผยความสามารถโดดเด่นชวนตะลึงถึงเพียงนี้!

ถ้านายท่านผู้เฒ่าและนายท่านรู้เรื่องนี้ คงจะปลื้มใจมากใช่หรือไม่?

อนาคตของตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว!

หลินจงหัวใจเต้นโลดระทึกอยู่นานก็ยังไม่สามารถสงบลงได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด