Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 515 ฝ่าวงล้อมหนาแน่น

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 515 ฝ่าวงล้อมหนาแน่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 515 ฝ่าวงล้อมหนาแน่น
โดย

“สารเลว! ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ชายชุดดำคำรามออกมา เวลานี้เขาเลือดไหลจากเจ็ดทวาร ร่างกายกระตุกเกร็งเพราะเจ็บปวดยิ่ง แปรเปลี่ยนเป็นเหมือนบ้าคลั่ง

เขาพุ่งเข้าจู่โจมหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าก่อนตายเขาต้องลากหลินสวินไปด้วย

ผู้มีปราณระดับกระบวนแปรจุติผู้หนึ่ง ต่อให้จิตวิญญาณได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่เมื่อคลุ้มคลั่งก็น่ากลัวยิ่งนัก

ตูม!

แสงสีดำพุ่งสู่ฟ้าทำให้ห้วงอากาศระเบิดออก พลังมหามรรคที่มีอยู่นั้นราวกับบทลงโทษจากสวรรค์ มีกลิ่นอายทลายฟ้าผลาญปฐพี

หลินสวินย่อมไม่อาจนั่งรอความตายได้ โคจรก้าวย่างชือน้ำแข็งอย่างเต็มกำลังไว้ก่อนแล้ว หลบหนีห่างออกไป รอบกายเขาในตอนนี้พลุ่งพล่านไปด้วยแสงเทพสีฟ้าอ่อนโชติช่วง ราวกับเป็นรุ้งเทพล้อมกาย ยากจับต้อง

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ในพื้นที่แถบนี้เต็มไปด้วยเสี้ยวเงาที่หลินสวินทิ้งไว้ นั่นเป็นการแสดงถึงความเร็วขีดสุดอย่างหนึ่ง

ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เมื่อใหญ่จะสามารถท่องไปในเก้าชั้นฟ้า เมื่อเล็กสามารถซ่อนเร้นในธุลี นี่ไม่ได้เป็นการพูดเกินเลย

ดังเช่นตอนนี้ ห้วงมายานี้แม้ถูกเสามังกรจตุลักษณ์ปิดผนึกไว้ ไม่อาจหลบหนีได้ แทบถูกการโจมตีของชายชุดดำนั้นปกคลุมมิด

แต่หลินสวินกลับหาช่องว่างในอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่าหนีออกมาได้

หากไม่เป็นเช่นนี้ น่ากลัวจะถูกสังหารในพริบตาแล้ว!

อย่างไรเสียนี่ก็เป็นถึงพลังปราณของระดับกระบวนแปรจุติ สูงกว่าหยั่งสัจจะถึงหนึ่งระดับใหญ่ พลังทำลายล้างที่สำแดงออกมานั้น พลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณไม่อาจตั้งรับได้เลย

ยังดีที่จิตวิญญาณของชายชุดดำผู้นั้นได้รับความเสียหายใหญ่หลวง การรับรู้พังทลายไปแล้ว ทำให้การโจมตีของเขายุ่งเหยิงไร้ระเบียบ ส่งผลให้หลินสวินมีโอกาสตอนหลบหนีออกมา

“ไอ้เด็กเลว เจ้าโผล่มาเดี๋ยวนี้นะ!”

ชายชุดดำส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่า พุ่งไปมาในแถบนี้ประหนึ่งมารร้ายที่คลุ้มคลั่งตนหนึ่ง

พลังมหามรรคน่าหวาดหวั่นสำแดงออกมา แม้โจมตีไม่โดน แต่ยังคงทำให้หลินสวินสะท้านใจ เหมือนเต้นระบำอยู่บนปลายดาบ

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ต่อให้หลินสวินมีพลังการต่อสู้เย้ยฟ้าในระดับมหาสมุทรวิญญาณ กระทั่งสามารถฆ่าผู้มีปราณระดับหยั่งสัจจะได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลานุภาพของระดับกระบวนแปรจุติ ก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังกดดันน่าหวาดหวั่นราวหายใจไม่ออก

นี่เป็นเพราะระดับต่างกันมากเกินไป ทำให้พลังต่างชั้นกันยิ่งนัก หลินสวินสงสัยว่าต่อให้ตนครอบครองอาสัญสลายก็เป็นคู่ต่อสู้ให้ไม่ได้

ตู้ม!

หลินสวินคิดมากอีกไม่ได้แล้ว การโจมตีของชายชุดดำยิ่งบ้าระห่ำและน่ากลัว เพิ่มแรงกดดันให้เขาขนานใหญ่

ในระหว่างที่เขาหลบหนีถูกลมกรรโชกกวาดโดนอยู่หลายครั้ง ความรู้สึกนั้นช่างเหมือนถูกฟ้าผ่า เนื้อหนังและกระดูกทั้งร่างเกือบหักสลาย เลือดลมแปรปรวนพลิกตลบ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่ต้องเป็นวิกฤตหนักหนาที่สุดที่หลินสวินเคยประสบตั้งแต่ฝึกปราณมาจนถึงตอนนี้ ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ พื้นที่นี้เป็นเหมือนห้วงมายาที่ถูกผนึกโดยสมบูรณ์ คนจากโลกภายนอกเข้ามาไม่ได้ คนที่อยู่ภายในก็ฝ่าออกไปไม่ได้เช่นกัน ทำให้หลินสวินได้แต่หลบหนีอย่างเต็มที่

ความรู้สึกนั้นเหมือนโฉบอยู่บนเส้นทางมรณะ ขอแค่ไม่ระวังเพียงนิดเดียวก็สามารถจบชีวิต ณ ที่นั้นได้!

“หลินสวิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ นี่เจ้ากำลังสังหารญาติ! ผิดคุณธรรมครั้งใหญ่!”

ชายชุดดำร้องโหยหวนบ้าคลั่ง เสียงของเขาแปรเปลี่ยนเป็นแหบพร่า ชุดดำทั้งกายถูกทำให้แหลกสลายยุ่งเหยิง เผยให้เห็นใบหน้าชราที่เหยเกเปื้อนเลือด

“ผิดคุณธรรมบ้าบออะไรกัน! ไอ้แก่เวร เจ้ารีบหลับตาไปเกิดใหม่เถอะ!”

หลินสวินหัวเราะหยัน

“อ๊ากๆๆ…”

ชายชุดดำดูยิ่งเจ็บปวดรวดร้าว เขาพลันคุกเข่ากับพื้น สองมือกุมศีรษะ ส่งเสียงหวีดร้องแหลมน่าหดหู่หาใดเทียบ ทั้งร่างกระตุกไม่หยุดหย่อน เห็นได้ชัดว่ากำลังจะรับไม่ไหวแล้ว

แต่หลินสวินไม่กล้าชะล่าใจ ไม่ออมมือเลย ใช้พลังทั้งหมดสำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งออกมา

การโจมตีกลับก่อนตายของผู้มีปราณระดับกระบวนแปรจุติน่าหวาดหวั่นที่สุด หลินสวินไม่ต้องการถูกชายชุดดำลากตนลงน้ำไปด้วยในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายนี้

ฉับพลันทันใด ชายชุดดำก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยเลือดจ้องเขม็งไปยังหลินสวินราวสัตว์ร้าย แผ่กระจายความแค้นและความไม่ยินยอมไร้ที่สิ้นสุดออกมา

“ข้าแค้น! แค้นที่ไม่สามารถฆ่าลูกหลานเนรคุณอย่างเจ้าด้วยมือตัวเองได้!”

เสียงเหมือนสาปแช่ง ชัดถ้อยชัดคำ ความแค้นคับฟ้า ทั้งยังมีความเสียดายที่ไม่อาจปล่อยวางได้

ในที่สุดชายชุดดำก็หงายหลังกับพื้นเสียงดังตุ้บ พลังปราณที่ปะทุบ้าคลั่งทั้งร่างเลือนหายไป แปรเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบ

หลินสวินซึ่งยืนอยู่ไกลออกไปยังคงระแวดระวัง

ฉัวะๆๆ!

ไม่นานนักแสงสีดำสายแล้วสายเล่าพลันพุ่งออกมาจากศีรษะของชายชุดดำ นั่นก็คือหนอนกินเทพแต่ละตัว!

ที่ทำให้หลินสวินอึ้งที่สุดก็คือ ทันทีที่หนอนเหล่านี้พุ่งออกมาก็จู่โจมมาทางเขา

ช่างเป็นฝูงสัตว์ที่เลี้ยงไม่เชื่องเสียจริง!

หลินสวินลอบด่าในใจ แต่ก็ไม่หลบหนี สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สลัดความคิดฟุ้งซ่าน ใช้เคล็ดเวทบริกรรมเต็มกำลัง กำหนดสมาธิตรึกตรองภาพ ‘ดาราจักรโคจร’

ผ่านไปครู่หนึ่ง หนอนกินเทพที่พุ่งเข้าสู่ห้วงนิมิตเหล่านี้ก็ถูกเคล็ดเวทบริกรรมกำราบ จมสู่ความเงียบงันเหมือนคราวก่อน

เพียงแต่ที่ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วก็คือ หลินสวินรับรู้ได้อย่างฉับไวว่าหนอนกินเทพที่มีทั้งสิ้นสิบหกตัวนี้ ขนาดตัวกลับใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนเท่าตัว ร่างอันเป็นจุดแสงสีดำราวมายาเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยือกที่น่าหวาดผวา

‘หรือว่าหลังจากพวกมันกลืนกินจิตวิญญาณเข้าไปจะยังพัฒนาเปลี่ยนแปลงและเติบโตได้เองอีก’

หลินสวินครุ่นคิด

เขาผนึกหนอนน่ากลัวที่ถือกำเนิดขึ้นในยุคบรรพกาลเหล่านี้อย่างระมัดระวัง ครั้งนี้สามารถแปรเปลี่ยนอันตรายเป็นปลอดภัยได้ก็เพราะหนอนกินเทพช่วยไว้ สามารถใช้เป็นอาวุธไม้ตายยามคับขันได้อย่างหนึ่ง

ขนาดมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติยังต้านทานไม่ได้ แค่คิดก็รู้ถึงความลึกลับและน่ากลัวของพวกมันแล้ว

หลินสวินเดินมายังหน้าศพชายชุดดำผู้นั้นแล้วดึงผ้าสีดำที่ปิดหน้าเขาไว้ ถึงได้เห็นชัดว่าเป็นชายสูงวัยที่มีผมเผ้าหนวดเคราสีเงิน

เพียงแต่เขาใบหน้ามอมแมมผมเผ้ายุ่งเหยิง แก้มบิดเบี้ยวเขียวคล้ำดุร้าย ต่อให้ตายไปสีหน้าก็ยังคงมีความแค้นและความไม่ยินยอมที่ไม่อาจสลายไปได้ดังเดิม

ฟู่!

เห็นเช่นนี้หลินสวินก็ถอนหายใจเต็มที่ อดไม่ได้ที่จะใช้เท้าข้างหนึ่งเตะที่แก้มของชายชุดดำเหมือนปลดปล่อย

เขาย่อมมีความเดือดดาลและความขุ่นเคืองที่ยากบรรยาย ถูกซุ่มโจมตีครั้งนี้เหมือนเอาชีวิตมาแขวนอยู่บนเส้นด้าย เกือบตายเสียแล้ว จะไม่ให้เขาขุ่นเคืองได้อย่างไร

ก็เหมือนตอนนี้ แขนซ้ายของเขาถูกหัก อีกทั้งกระดูกมือซ้ายยังแหลกเหวอะหวะ ทั้งหมดนี้ก็ต้องโทษชายชุดดำผู้นี้!

ฮูม!

เสาหินสี่ต้นที่อยู่ในห้วงมายานี้พลันเกิดคลื่นไหวเคลื่อน เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นคลุมเครือมืดหม่น เห็นได้ชัดว่าเมื่อสูญเสียการควบคุมของชายชุดดำ อานุภาพของเสามังกรจตุลักษณ์ที่ว่านี้ก็เริ่มมลายไป

ในที่สุดห้วงมายาก็ระเบิดสลายหายไปเป็นละอองแสงพร้อมเสียงครั่นครืนที่ดังจนหูแทบดับ ส่วนเสาหินสี่เสานั้นกลับแปรสภาพเป็นคันฉ่องสำริดสี่แผ่นตกสู่พื้นเสียงดังเคร้ง

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ เก็บคันฉ่องสำริดสี่แผ่นนั้นขึ้นมา

คันฉ่องสำริดทุกแผ่นยาวเพียงเก้าชุ่น จะเป็นโลหะก็ไม่ใช่ จะเป็นหยกก็ไม่เชิง หนักอึ้งยิ่งนัก อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าพันจิน!

พื้นผิวของคันฉ่องต่างประทับภาพสัตว์เทพบรรพกาลสี่ภาพ มีมังกรฟ้าที่แหวกว่ายในธารดารา กำลังแผดเสียงชูคอ มีหงส์เพลิงที่สยายปีเริงระบำในเก้าชั้นฟ้า กลืนกินทะเลเพลิงหลอมนรก มีเต่าดำที่หัวเป็นมังกร กายเป็นเต่าและหางเป็นงู ประทับอยู่บนชั้นสูงสุดของสวรรค์ ผงกหน้าให้ฟ้าดิน มีพยัคฆ์ขาวที่เหยียบภูเขาศพทะเลเลือด สังหารหมู่เทพมาร คำรามก้องโลกา

ทั้งสี่ภาพนี้แทนอานุภาพจตุลักษณ์ ลึกลับยากคาดเดา โดยรอบภาพทุกภาพล้วนประทับลวดลายพิสดารของยุคบรรพกาล สะท้อนให้เห็นทิวทัศน์โบราณเช่นสัจธรรมฟ้าดิน สุริยันจันทราธารดารา มวลไม้และสรรพสัตว์เป็นต้น

เสามังกรจตุลักษณ์!

นี่เป็นสมบัติลับชุดหนึ่ง เพียงมองปราดเดียวก็ดูออกว่าสมบัติชุดนี้ต้องผ่านกาลเวลายาวนานไม่สิ้นสุดมาจนถึงปัจจุบัน หลายจุดมีรอยขีดข่วนและรอยขมุกขมัวให้เห็น พลังไพศาลหนาแน่น

‘ในเวลาหนึ่งถ้วยชา ขนาดราชันระดับสังสารวัฏยังโจมตีเข้าไปไม่ได้ นี่ต้องเป็นของล้ำค่าชั้นยอดชุดหนึ่งแน่’

หลินสวินเก็บไว้อย่างไม่เกรงใจ ตัดสินใจว่าภายหลังจะหาเวลาค้นคว้าและทะนุบำรุงเสียหน่อย ไม่แน่ว่าอาจเป็นสมบัติล้ำค่าที่ใช้คุ้มกายได้ชิ้นหนึ่ง

ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เห็นสถานการณ์ของโลกภายนอกในที่สุด

การต่อสู้ในโลกภายนอกยังดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดหาใดเทียบ ชายชราที่ขับเกี้ยวสมบัติติดพันอยู่กับชายชุดดำผู้หนึ่ง

อีกด้านหนึ่ง หลินจงที่ถืออาสัญสลายอยู่ในมือก็กำลังประจัญบานกับชายชุดดำอีกคนหนึ่ง

เพียงแต่เมื่อรับรู้ได้ว่าเสามังกรจตุลักษณ์สลายไป ส่วนหลินสวินกลับยังมีชีวิตและปรากฏตัว พลันทำให้ชายชุดดำสองคนนั้นสั่นสะท้านยิ่ง

“ภารกิจล้มเหลว หนี!”

“ถอนตัว!”

ชายชุดดำสองคนนั้นเลือกหลบหนีอย่างไม่ลังเลสักนิด เงาร่างหายตัวฉับไว ชั่วพริบตาก็หนีจากไปไม่เห็นเงา

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตระหนักได้ว่าวันนี้ยากจะหาโอกาสฆ่าหลินสวินได้อีก ด้วยเหตุนี้จึงเลือกหนีไปอย่างไม่ลังเล

ชายชราที่ขับเกี้ยวสมบัติกับหลินจงไม่ได้ตามไป พวกเขาพะวงกับความปลอดภัยของหลินสวิน กังวลใจว่าจะถูกฉวยโอกาสตอนพวกตนไม่อยู่

เมื่อตอนนี้เห็นหลินสวินมีชีวิตรอดเดินออกมา แค่คิดก็รู้ว่าจะประหลาดใจและตื่นเต้นขนาดไหน

“ข้าไม่เป็นไร ลุงจง ท่านรู้จักคนผู้นี้หรือไม่”

หลินสวินชี้ไปที่ศพชายชุดดำที่อยู่บนพื้นไม่ไกลนัก

หลินจงมองไปปราดหนึ่ง สีหน้าพลันเปลี่ยนไปราวถูกอสนีบาต ดวงตาเบิกกว้าง ร้องเสียงหลงว่า “ทำไมถึงเป็นเขาได้!?”

หลินสวินพลันเกิดสังหรณ์ไม่ดีในใจ ปฏิกิริยาเช่นนี้ของหลินจงทำให้เขานึกถึงถ้อยคำบ้าคลั่งก่อนที่ชายชุดดำจะตายในทันใด

สวบ!

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ เก็บศพนั้นขึ้นมาตามจิตใต้สำนึก จากนั้นก็เอ่ยเสียงขรึมว่า “ลุงจง อยู่ที่นี่นานไปไม่ดี กลับไปค่อยว่ากันเถิด”

เวลานี้หลินจงเหมือนเพิ่งตื่นจากห้วงนิทรา พยักหน้าอย่างหนักใจ ใบหน้ายังคงตกอยู่ในภวังค์ เห็นได้ชัดว่าฐานะของชายชุดดำกระทบกระเทือนจิตใจเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

จากนั้นพวกเขาจึงหายตัวจากไปกลางสายฝนโปรยปราย

…….

ในวันเดียวกันกับที่งานแถลงจบลง ข่าวหลินสวินถูกลอบสังหารก็แพร่ไปอย่างรวดเร็ว ข่าวกระจายออกไปในนครต้องห้ามอย่างครึกโครม ก่อให้เกิดคลื่นใหญ่สูงเสียดฟ้า

ผู้ฝึกปราณหลายคนล้วนหวาดผวา หลินสวินตอนนี้เป็นถึงปฐมาจารย์เยาว์วัยที่มีชื่อสะท้านใต้หล้าผู้หนึ่ง แต่ในวันเดียวกับที่เขาเปิดตัวอาสัญสลาย กลับถูกซุ่มโจมตีจนนองเลือดหาใดเปรียบ เป็นใครทำเรื่องนี้กันแน่

คำตอบต่างชี้ไปยังตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงสามตระกูลอย่างตระกูลฉือ จั่วและฉินโดยพร้อมเพรียง ด้วยทุกคนรู้ว่าพวกเขากับหลินสวินมีความแค้นที่ไม่อาจคลี่คลายได้อยู่

แต่ผู้ใดก็ไม่กล้าฟันธงเพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับคนมากมายนัก อำนาจของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงเพียงพอจะทำให้ไม่ว่าผู้ฝึกปราณผู้ใดก็อกสั่นขวัญแขวน ไม่กล้าพูดเพ้อเจ้อ

แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องที่หลินสวินถูกลอบสังหารนี้ก็กระเทือนจิตใจทุกคนในนครต้องห้าม ดึงดูดความสนใจของขุมอำนาจทุกด้านราวพายุ!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด