Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 578 เจตนาร้ายนานัปการ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 578 เจตนาร้ายนานัปการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในป่าอันกว้างใหญ่ไพศาล อวี่เซียวเซิงหนีอุตลุด ร่างกายเขากลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ทว่าเนื่องจากบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป ทำให้สีหน้าของเขาซีดเซียวหาที่เปรียบมิได้

“เจ้าเด็กเมื่อวานซืนเผ่ามนุษย์สมควรตาย สักวันข้าจะแก้แค้นล้างความอัปยศด้วยตัวเอง!”

อวี่เซียวเซิงกัดฟันกรอด นับตั้งแต่ฝึกปราณจนถึงป่านนี้ เขาไหนเลยจะเคยได้รับความสูญเสียใหญ่หลวงเช่นนี้มาก่อน ยามที่ถูกเกาทัณฑ์วิญญาณดอกนั้นของหลินสวินแทงทะลุร่าง เขาเกือบคิดว่าตัวเองจะมอดม้วยด้วยซ้ำ!

มานึกถึงตอนนี้ยังทำให้ในใจเขามีความหวาดผวาหลงเหลืออยู่ และยิ่งเคียดแค้นหลินสวินมากขึ้น

“หืม?”

ทันใดนั้นอวี่เซี่ยวเซิงสังเกตเห็นว่าบริเวณยอดเขาไกลออกไปมีเงาร่างมากมายก่ายกองปรากฏขึ้น เห็นชัดว่าไม่ใช่ขุมกำลังเดียวกัน แต่มาจากกลุ่มเผ่าที่ต่างกันไป

ไม่นานนักอวี่เซี่ยวเซิงก็ตระหนักว่าพวกนี้ล้วนเป็นขุมกำลังที่ไล่ล่าหลินสวิน สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขากระตุก มุมปากผุดรอยยิ้มเย็นชา

เขาไม่ได้กระโตกกระตาก แต่รุดหน้าตามไปอย่างเงียบๆ

‘เจ้าพวกนี้ช่างโง่เสียจริง หากให้พวกเขารู้ว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง ซ้ำยังเปลี่ยนเป็นแกร่งกล้าหาที่เปรียบมิได้ ก็ไม่รู้จะคิดอย่างไร…’

ทันใดนั้นความขุ่นเคืองบิดเบี้ยวในใจอวี่เซียวเซิงพลันผุดขึ้น ‘เผ่าวาฬมังกรของข้าล้วนถูกเจ้าหนุ่มนั่นฆ่าจนเกือบราบเป็นหน้ากลอง ก็ควรให้สารเลวอย่างพวกเจ้าได้ลิ้มรสความทุกข์เสียบ้าง!’

“ไอ้โง่! ไปทางนั้น ข้าเพิ่งเห็นเจ้าเหลือเดนเผ่ามนุษย์คนนั้นโผล่มา”

ฉับพลันมีเสียงตะโกนดังลั่นมาแต่ไกล เป็นบุตรเทพของเผ่ากวางหยกนั่นเอง เขากำลังชี้ทางให้กับผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่ง

สิ่งนี้ทำให้อวี่เซียวเซิงอดนิ่งงันไม่ได้ ก่อนจะเข้าใจขึ้นมาทันใด เจ้าหมอนี่หน้าเนื้อใจเสืออย่างเห็นได้ชัด เจตนาอาฆาตมาดร้าย ไม่เอ่ยเตือนว่าหลินสวินแข็งแกร่ขึ้นแล้ว ยังยืมมือผู้อื่น อาศัยคมดาบสังหารคน!

‘เจ้าหมอนี่โหดเหี้ยมกว่าข้าเสียอีก’ อวี่เซียวเซิงยิ้มเยาะ

เขาลอบแฝงตัวต่อไป ตามอยู่รั้งท้าย

ไม่นานนักอวี่เซียวเซิงก็พบคนคุ้นเคยหลายคน อันได้แก่บุตรเทพเผ่าคชามาร ธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์ รวมถึงบุตรเทพเผ่าวานรนที

พวกเขาแต่ละคนล้วนมีเจตนาร้าย ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่หลินสวินกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง เห็นชัดว่าวางแผนจะเป็นผู้ชมข้างสนาม มองดูผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นตายไปด้วยสายตาเยียบเย็น

‘ฮ่าๆ น่าสนุกมากขึ้นทุกทีแล้วสิ’

อวี่เซียวเซิงหัวเราะเยาะ ขณะนี้กลางใจของเขาผุดความสุขสมปานได้แก้แค้นขึ้นมา กระทั่งรอให้หลินสวินสำแดงพลังยิ่งใหญ่ล้างบางผู้แข็งแกร่งของเผ่าอื่นแทบไม่ไหวแล้ว

……

ขณะที่เจียนจะเข้าใกล้บริเวณหนองน้ำผืนนั้น สภาพแวดล้อมพลันดูคึกคักขึ้นทันที ผู้แข็งแกร่งของขุมกำลังแต่ละเผ่าต่างค้นพบร่องรอย แย่งกันทะยานไปยังหนองน้ำผืนนั้น หมายจะหาหลินสวินให้พบเป็นคนแรก

“ที่นี่เคยเกิดศึกใหญ่ขึ้น ไปรายงานด่วน เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นต้องอยู่ละแวกนี้เป็นแน่!”

ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากต่างปิติยินดีอย่างมาก เมื่อค้นพบร่องรอยการต่อสู้บางส่วนแล้วจึงส่งสัญญาณออกไป เรียกระดมคนในเผ่าของตน

ชั่วขณะหนึ่งพื้นที่แถบนี้พลันมีแสงเคลื่อนไหวดั่งสายฝน แสงสมบัติร่ายรำ ครวญคร่ำดุจดาวตกจรัสจ้าดวงแล้วดวงเล่า ดูโกลาหลผิดปกติ

ที่นี่ประหนึ่งถูกกำหนดให้ต้องวุ่นวายครั้งใหญ่!

“อยู่ตรงนั้น!”

มีผู้ฝึกปราณตาแหลมค้นพบเงาร่างของหลินสวินเข้า ทันใดนั้นสีหน้าพลันฉายแววตื่นเต้น เพราะนี่หมายถึงมหาศุภโชคอย่างหนึ่ง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะช่วงชิงคัมภีร์อริยมรรคที่แท้จริงมาได้!

หลังจากการไล่สังหารสิบกว่าวัน ในสายตาของพวกเขาหลินสวินได้กลายเป็นตะเกียงไร้น้ำมันไปนานแล้ว ก็เหมือนเสือถอดเขี้ยว ไม่น่ากริ่งเกรงอีกต่อไป พร้อมจะสิ้นลมได้ทุกเมื่อ

ยิ่งไปกว่านั้นในบริเวณนี้มีคราบเลือดมากมาย ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ทึกทักเอาว่านี่เป็นสัญญาณว่าหลินสวินเสียเลือดมากเกินไป อีกไม่นานก็ยื้อชีวิตไว้ไม่อยู่

มีเพียงอวี่เซียวเซิงที่มีสีหน้าประหลาด ในใจยังหลงเหลือความอดอั้ดหดหู่ ทั้งยังรู้สึกว่าเหลวไหลน่าขันสิ้นดี รอยเลือดพวกนั้นมีหรือจะเป็นของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้น เห็นได้ว่ามันไหลมาจากบุคคลระดับบุตรเทพอย่างพวกเขาต่างหาก!

ไม่นานผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งก็แยกกันอย่างรวดเร็ว ปิดผนึกล้อมพื้นที่บริเวณนี้เอาไว้ เลี่ยงไม่ให้หลินสวินหลบหนีได้อีก

และขุมกำลังอย่างบุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทร บุตรเทพเผ่าแสงเงินต่างก็พุ่งเข้ามาแต่แรก หมายจะใช้กำลังยื่นมือเข้าแทรกการต่อสู้นี้ แบ่งปันผลประโยชน์

“ฮ่าๆๆ ไอ้หนู ดูซิครั้งนี้เจ้าจะหนีไปไหน!”

บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรหัวเราะขึ้นมาทันที สายตาเย่อหยิ่งถือดีอย่างยิ่ง คล้ายกับจ้องเหยื่อตัวหนึ่ง เปี่ยมด้วยกลิ่นอายโหดร้ายลำพอง

คนอื่นๆ ก็พลอยหัวเราะไปด้วย หลินสวินยืนโง่เง่าอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่มีเรี่ยวแรงหลบหนีแล้ว สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้ว่าโอกาสแห่งการเก็บเกี่ยวกำลังจะมาถึงแล้ว

ผู้แข็งแกร่งบางส่วนนอกจากหัวเราะเยาะแล้วยังเคียดแค้นอยู่มาก เนื่องจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหลินสวินฆ่าคนในเผ่าของพวกเขาไปไม่น้อย สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอัปยศอดสู

หลินสวินยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับตัว สวมอาภรณ์ขาดรุ่ยเปื้อนเลือด เก็บงำกลิ่นอายรอบตัว มองจากภายนอกไม่มีทางพบเงื่อนงำอะไรเลย

ในเวลานี้เขามองไปที่ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งที่รุดหน้ามาไม่หยุด ในใจกลับกำลังคิดคำนวณว่าควรจะลงมือเมื่อไรดี

ทันใดนั้นหลินสวินก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อค้นพบร่องรอยของพวกอวี่เซียวเซิง บุตรเทพเผ่ากวางหยก ธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์พวกนั้น

เพียงแต่เจ้าพวกนี้เร้นกายอยู่ในระยะไกล เก็บงำตัวตนอย่างถึงที่สุด ไม่กล้าเข้ามาใกล้แม้แต่น้อย

‘หรือว่าพวกเขาไม่ได้เตือนเรื่องของข้า’

มุมปากหลินสวินผุดเส้นโค้งพิกลที่ไม่ยากสังเกตเห็น เข้าใจความคิดของพวกเขาทันใด

หลินสวินก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เจ้าพวกนี้แต่ละคนก็ดูเป็นผู้เป็นคน ไม่คิดเลยว่าจะโหดเหี้ยมและอำมหิตขนาดนี้

‘ดูท่า พวกเจ้าคงเตรียมตัวมาตายกันไว้แล้ว’

หลินสวินคิดเช่นนี้ในใจ ปากเอ่ยวาจาราบเรียบ “เป็นเช่นนี้ก็ดี ประหยัดเวลาข้าไปตามคิดบัญชีกับพวกเจ้าทีละคน”

ทุกคนต่างอึ้งงัน เจ้าหมอนี่เป็นบ้าไปแล้วกระมัง ดูเหมือนรู้แล้วว่ายากจะหนีภัยพิบัติครั้งนี้ได้ ภายใต้สถานการณ์จนตรอกไร้หนทางจึงเป็นบ้าสติฟั่นเฟือน มิเช่นนั้นเหตุใดถึงพูดถ้อยคำเหลวไหลปานนี้ได้

“เฮอะ! ทำท่าทำทางเข้า ต่อให้เจ้าจงใจแสร้งทำเป็นสงบนิ่งก็ไร้ประโยชน์ ครั้งนี้จะพูดอะไรก็ไม่มีทางมอบโอกาสให้เจ้าหลบหนีได้อีกแน่!”

บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรหัวเราะเยาะ

“ฮ่าๆ เจ้าหมอนี่ตลกเสียจริง ป่านนี้แล้วยังเสแสร้งอะไรอีก คิดจริงๆ หรือว่าพวกเราไม่รู้ว่าเจ้ามันเป็นตะเกียงไร้น้ำมันแล้ว”

ผู้แข็งแกร่งมากมายพลอยหัวเราะหยัน สายตาเปี่ยมด้วยความเยาะเย้ยและเวทนา

อวี่เซียวเซิงที่อยู่ห่างไปมุมปากกระตุกรุนแรง แววตาฉายความเวทนาออกมาอย่างอดไม่ได้เช่นกัน เจ้าพวกนี้… โง่จริงๆ!

“พวกเจ้ามากันหมดแล้ว เหตุใดไม่ลงมือ หรือจะเหมือนข้าที่กำลังรอทุกคนมาครบก่อนค่อยเริ่มการต่อสู้?”

หลินสวินสีหน้าประหลาดใจ

ท่าทางนี้ของเขาทำให้ผู้คนมากมายหัวเราะทันใด คนที่จะตายอยู่รอมร่อคนหนึ่งยังกล้าดูแคลนพวกเขาเช่นนี้ ช่างน่าหัวร่อถึงที่สุดจริงๆ

ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งรั้งรอไม่ไหว รีบพุ่งไปข้างหน้าทันที เพียงแต่ระหว่างทางกลับถูกผู้แข็งแกร่งอีกกลุ่มขัดขวาง ระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้ง ต่างก็คิดจะฆ่าหลินสวินเป็นคนแรก ช่วงชิงศุภโชคบนตัวของเขากันทั้งนั้น

“สหายเผ่าวิญญาณสมุทร พวกเราพบเจ้ามารบาปนี่ก่อน ควรคำนึงถึงว่าใครมีสิทธิ์ลงมือก่อนสักหน่อยกระมัง”

ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นต่างสีหน้าอึมครึม

“เด็กนี่มีความแค้นกับเผ่าข้า หากจะสังหารเขาก็ต้องให้เผ่าข้าลงมือถึงจะถูก!”

บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

ชั่วพริบตาบรรยากาศพลันคุกรุ่นตึงเครียด ทั้งสองฝั่งประจันหน้า ไม่มีใครยอมใคร พร้อมปะทะทุกเมื่อ

ในสายตาของพวกเขา หลินสวินเป็นเหมือนเนื้ออ้วนชิ้นหนึ่งที่ไม่มีพิษภัย ใครๆ ต่างก็หมายจะกินมันเข้าปากเป็นคนแรก ไม่ยอมให้คนอื่นมาร่วมวง

สีหน้าของอวี่เซียวเซิงเปลี่ยนเป็นพิสดารมากขึ้นเรื่อยๆ เขาชักจะข่มใจทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว คนงี่เง่าพวกนี้มองว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นเป็นเนื้อบนเขียงจริงๆ หรือ

หลินสวินก็อึ้งงันไปเล็กน้อยเช่นเดียวกัน สายตาเจือแววแปลกๆ เสี้ยวหนึ่ง

ภาพนี้มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมองเห็น พวกเขาพลันคิดไปว่าเป็นการยั่วยุและดูแคลนอย่างหนึ่ง

นั่นมันแววตาอะไรกัน

ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนกำลังเวทนาและเย้ยหยัน ไม่กริ่งเกรงหวาดหวั่นเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าจองหองและบ้าดีเดือดเกินไปแล้ว

“เจ้าเด็กเหลือขอ ยังแกล้งเสแสร้งอยู่อีก ข้าจะสับเจ้าทั้งเป็นก่อนเลย!”

ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งตะโกนลั่น ขณะที่เอ่ยวาจาก็ก้าวไปกลางอากาศ เงื้อขวานมหึมาด้ามหนึ่งขึ้นและฟันสังหารไปทางหลินสวิน

“ไม่มีความอดทน ย่อมตายอย่างไม่เป็นธรรมยิ่งยวด”

หลินสวินถอนหายใจเบาๆ สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง แสงสายหนึ่งพุ่งวาบ ผู้แข็งแกร่งคนนั้นยังไม่ทันเข้าใกล้ ร่างของเขาก็ระเบิดแตกกลางอากาศ กลายเป็นฝนโลหิตโปรยปรายลงมา

อะไรกัน

ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในที่นั้นตะลึงงัน เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่เป็นตะเกียงไร้น้ำมันไปแล้วหรือ ไฉนยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

“อย่าไปกลัวเขา เจ้าเด็กนี่เป็นลูกธนูสุดแรงบินนานแล้ว ฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่เห็นอาการตอนที่ถูกไล่สังหารครั้งก่อนหรือ ร่างเจียนจะถูกซัดเป็นเสี่ยงๆ ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวเลย”

บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรเอ่ยเตือนอย่างเย็นชา

“ไม่คิดเลยว่าจะถูกเจ้ามองออก!”

หลินสวินแลดูประหลาดใจ

“ระยำ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่นี้จงใจ…”

ไกลออกไปอวี่เซี่ยวเซิงที่มองเห็นท่าทางประหลาดใจนั้นของหลินสวิน แทบอดใจไม่ไหวอยากพุ่งเข้าไปทุบใบหน้าน่าชิงชังนั้นของเขาให้แตกเป็นเสี่ยง นี่มันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

“หยุดพูดเหลวไหล ส่งศุภโชคในตัวออกมา แล้วจะให้เจ้าได้สบายสักหน!”

บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรตะโกนลั่น

“สบายไม่สบายอะไร ฆ่าเขาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

ผู้แข็งแกร่งอีกกลุ่มรั้งรอไม่ไหว เริ่มต้นลงมือแล้ว ผู้ฝึกปราณที่เร่งรุดมามีมากขึ้นเรื่อยๆ จะล่าช้าไม่ได้แม้แต่น้อย

ในขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณสมุทรก็ไม่ยอมล้าหลัง ลงมืออย่างอุกอาจ แสงประกายเดือดพล่าน วิชาลับครอบคลุมอาณาเขต พุ่งไปปกคลุมอยู่เบื้องหน้า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คงต้องส่งพวกเจ้าทั้งโขยงนี้ไปก่อน!”

ในเวลานี้หลินสวินเก็บรอยยิ้ม ทั่วสรรพางค์กายมีแสงเรืองรองเปล่งประกายเจิดจรัสสายหนึ่งพุ่งออกมา กลิ่นอายน่าหวาดกลัวถึงขีดสุดในพริบตา พาให้ผู้คนสะพรึงกลัว

จิตใจของทุกคนเต้นระส่ำ ขนพองสยองเกล้า นี่คือการตอบสนองโดยสัญชาตญาณเมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างหนึ่ง

“นี่มันอะไรกัน ไม่ใช่บอกว่าใกล้ตายแล้วหรือ ระยำ นี่มันตะเกียงไร้น้ำมันตรงไหน” ผู้แข็งแกร่งบางคนแผดร้อง

ตูม!

ท่วงทำนองมรรคล้อมกายหลินสวิน ประดุจดินแดนแห่งหนึ่ง ปลดปล่อยรัศมีพิสุทธิ์ ทั้งศักดิ์สิทธิ์และโดดเด่น

ปัง!

เพียงชั่วพริบตาผู้แข็งแกร่งที่พุ่งเข้ามาล้วนระเบิดออกร่างกระจุยกระจาย กลายเป็นฝนโลหิตภายใต้รัศมีท่วงทำนองมรรคอันน่ากลัว ไม่ได้เฉียดใกล้ก็ตายอย่างสยดสยองคาที่

ความเด็ดขาดไร้เทียมทานเช่นนี้สั่นสะท้านทั่วทั้งลานในทันใด ผู้แข็งแกร่งทุกคนต่างตกใจจนหนังศีรษะชาวูบ จิตหลุดวิญญาณกระเจิง ไม่กล้าเชื่อเลยสักนิด

รวมถึงวิชาลับและอาวุธวิญญาณที่ปกคลุมมือฟ้ามัวดินนั่น ทั้งหมดล้วนแหลกสลายกลายเป็นฝนแสงโปรยปรายหลากสีสัน

และในฝนแสงที่ลอยล่องนั้น หลินสวินย่างก้าวออกมา เงาร่างดั่งภาพมายา ชือน้ำแข็งตัวหนึ่งอยู่ใต้เท้า ให้ความรู้สึกทรงพลังถือดีอย่างไม่อาจอธิบายได้

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ขะขะเขา…ไม่ได้ใกล้ตายหรอกหรือ

ผู้คนมากมายตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกซู่ ในใจหวาดกลัวถึงขีดสุด เผชิญหน้ากับอานุภาพไร้เทียมทานเช่นนี้ ควรจะต้านทานอย่างไรเล่า

“เร็ว รีบลงมือพร้อมกัน! เจ้าหมอนี่ไม่ได้แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แต่มันแสร้งเป็นหมาป่าห่มหนังแกะมาตลอด!” ผู้แข็งแกร่งแต่ละทิศทางร้องคำราม ตาแทบถลน

จนกระทั่งเวลานี้ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักว่าติดกับเข้าให้แล้ว!

แต่กระนั้นมันก็สายไปแล้ว รอบกายหลินสวินลุกโชน ร่างจรผ่านห้วงอากาศมุ่งตรงไปเบื้องหน้า ชั่วพริบตาเท่านั้นก็โหมกระพือพายุคาวเลือดฉากหนึ่งขึ้น!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด