Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 621 ลงเรือล่องสมุทร

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 621 ลงเรือล่องสมุทร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท้องฟ้าสีครามกระจ่างสดใสไม่แปดเปื้อนมลทิน ลมทะเลพัดโบกแผ่วเบาพากลิ่นอายสดชื่นระลอกแล้วระลอกเล่ามาด้วย กว้างใหญ่ไพศาลไพเราะเสนาะหู

น้ำในน่านน้ำนี้ใสสะอาด แสงอาทิตย์อบอุ่น ฟองคลื่นพลิ้วไหว มองไปไร้ที่สิ้นสุด กว้างใหญ่ไพศาลราวกับดินแดนเซียน

เรือเล็กลำหนึ่งลอยอยู่บนผิวน้ำ แล่นเอื่อยเฉื่อยไปทางทิศตะวันตก

ในเรือเล็กมีเสียหัวเราะแหะๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าคางคกดังขึ้นตลอด เขากำลังจัดการสิ่งที่ได้มาจากแดนลับอสูรมารอริยะ ริบฝีปากฉีกยิ้มกว้าง

ของที่ได้รับมากมายเกินไปแล้ว!

ทั้งโอสถวิญญาณและแร่ธาตุหายากแน่นขนัด ทั้งสมบัตินานาชนิดที่ปล้นจากศพของศัตรู ของล้ำค่าเต็มไปหมด แสงสมบัติไหลเวียน

นี่ทำให้เจ้าคางคกพึงพอใจอย่างยิ่ง

ที่ทำให้เขาปรีดาที่สุดก็คือ เขายังค้นพบมรดกพรสวรรค์อันเป็นของเผ่าคางคกทองสามขาของเขา ในระหว่างหยั่งรู้ในตำหนักโบราณที่ยอดเขา!

ตัวเขาในอดีตพลังการต่อสู้ไม่โดดเด่นมาโดยตลอด ถูกตามเล่นงานจนสะบักสะบอมอยู่เสมอ หากไม่ใช่ว่าหนังเหนียว พลังชีวิตแข็งแกร่ง ไม่รู้ว่าจะถูกฆ่าตายไปกี่ครั้งแล้ว

แต่ตอนนี้กลับไม่เหมือนกัน เขาเริ่มหยั่งรู้วิชามรดกพรสวรรค์ที่อยู่ในสายเลือดคางคกทองสามขาแล้ว พลังการต่อสู้จะแข็งแกร่งขึ้นก็เป็นเรื่องที่นับวันรอได้เลย!

“ให้ตายสิ นี่มันไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว!”

ทว่าเมื่อเจ้าคางคกเห็นหลินสวินที่กำลังจัดการทรัพย์หลังศึกอยู่อีกด้านหนึ่งก็พลันตะลึงงัน ดวงตาเหม่อลอย ความได้ใจมลายหาย แปรเปลี่ยนเป็นอิจฉาตาร้อน

ด้วยเห็นว่าบนพื้นเบื้องหน้าหลินสวินมีโอสถวิญญาณ สมบัติล้ำค่าและวัตถุดิบวิญญาณหายากกองเป็นภูเขาลูกย่อมๆ

ทั้งยังมีสมบัตินานาชนิดกองเป็นภูเขาลูกน้อย ของจำพวกอาวุธนั้นมีอยู่มากมายไม่ต้องพูดถึง ที่หายากที่สุดก็คือ ยังมีสมบัติโบราณมากมาย!

นอกจากนี้ก็มีตำราวิชาสิบกว่าม้วน โอสถลูกกลอนวิญญาณชั้นเลิศหลายขวดหลายไห ผลึกวิญญาณชั้นเยี่ยมหายากกองแล้วกองเล่า…

มากมายเกินไปแล้ว!

เมื่อทอดสายตามองไป แสงสมบัติงดงามเปล่งประกายเจิดจ้า พาให้คนอิจฉาจนบ้าคลั่งได้

เหล่านี้ย่อมเป็นทรัพย์หลังศึกของหลินสวิน!

ส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่เขาค้นพบเก็บเกี่ยวด้วยตัวเอง แต่โดยมากเป็นสิ่งที่ได้มาจากศัตรู

ดังคำกล่าวที่ว่าคนเราไม่มีความโหดเหี้ยมไม่อาจมั่งคั่ง ม้าไม่ได้หญ้ายามค่ำไม่อาจอวบอ้วน

มิเน่าเล่าในแดนลับอสูรมารอริยะ ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าถึงได้ชอบสังหารผู้อื่นแล้วชิงสมบัติ การได้มาซึ่งวาสนาโดยใช้ความรุนแรงเช่นนี้ ช่างเป็นวิธีการที่ตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพที่สุดในการสั่งสมความมั่งคั่ง

“อ๊บ!”

เจ้าคางคกกระโจนออกไปอย่างลับๆล่อๆ ท่าทีหมายจะแบ่งเอาผลประโยชน์เข้าตัวด้วย

“ไปตายซะ!”

ฝ่ามือข้างหนึ่งของหลินสวินตบลงบนท้ายทอยของเจ้าคางคก จากนั้นก็ใช้เท้าข้างหนึ่งเตะเขาให้กระเด็นออกไป

“ข้าคอยระวังให้เจ้าตลอดทาง ต่อให้ไม่มีความดีก็ต้องมีความชอบนะ เจ้าหนูเจ้ายังคิดจะอมของที่ได้มาทั้งหมดไว้คนเดียวหรือ”

เจ้าคางคกสีหน้าขัดเคือง

หลินสวินเก็บทรัพย์หลังศึกทั้งหมดลงไปในคราวเดียวแล้วพูดว่า “ตอนนี้เจ้าก็ไม่ได้ขาดสมบัติ ให้เจ้าก็เปลืองเปล่า”

เจ้าคางคกโกรธจนกัดฟัน “ไม่คิดเลยว่าเจ้าถึงกับพูดว่าจะฮุบทุกอย่างได้หน้าตาเฉยเช่นนี้ ช่างไร้ยางอายไปแล้ว! ข้าไม่เคยพบเคยเห็นคนแล้งน้ำใจไร้ยางอายกว่าเจ้ามาก่อนเลย!”

หลินสวินกลอกตา ไม่สนใจเขาอีก แล้วนำเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมา

แท้จริงแล้ว ผลเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างเข้าไปในแดนลับอสูรมารอริยะครั้งนี้ ล้วนเก็บไว้ในชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติไร้อักษรนี้

เพราะสิ่งที่เก็บไว้ในนั้นคือทรัพย์หลังศึกที่ได้มาจากเหล่าบุคคลระดับบุตรเทพ!

อย่างหลินหลางธิดาเทพเผ่าสิงห์โลหิต อวี่เซียวเซิงบุตรเทพเผ่าวาฬมังกร

หรืออย่างบุตรเทพเผ่ากวางหยกกับกงหยางอวี่ ที่ถึงกับถูกสังหารอย่างสิ้นซาก สมบัติที่พวกเขาทิ้งไว้ย่อมไม่ธรรมดาอย่างหาใดเทียบ

เช่นเดียวกัน พวกหนิวทุนเทียน ข่งซิ่ว เสวียนหลัวจื่อก็ถูกหลินสวินเอาชนะ ท้ายที่สุดแม้จิตวิญญาณหลบหนีไปได้ แต่ร่างกายกับสมบัติที่อยู่กับตัวล้วนทิ้งไว้ในที่นั้น

สิ่งเหล่านี้กลายเป็นทรัพย์หลังศึกของหลินสวินเพียงผู้เดียวไปโดยปริยาย

หลินสวินในตอนนี้ก็กำลังจัดระเบียบทรัพย์หลังศึกที่คุณค่าเลิศล้ำเหล่านี้

ในระหว่างที่จัดระเบียบทำให้เขารู้สึก ‘ตื่นตะลึงเมื่อได้เห็น’ อยู่บ้าง สูดลมหายใจหนาวเยือกไม่หยุดหย่อน

ไม่ใช่เรื่องอื่นใด สมบัติมีมากมายหลายชนิดเกินไปแล้ว ทั้งยังล้วนเป็นของชั้นเลิศ ขนาดจะหาของทั่วไปสักชิ้นยังยาก!

โดยเฉพาะ ในนั้นยังมีทวนกระดูกมังกรเล่มหนึ่งที่อวี่เซียวเซิงทิ้งไว้ กับบรรทัดหยกสีเขียวเจิดจ้าเล่มหนึ่งที่บุตรเทพเผ่ากวางหยกทิ้งไว้

เห็นได้ชัดว่าสองชิ้นนี้เป็นอาวุธบรรพบุรุษ สมบัติลับของเผ่าพวกเขา!

ทวนกระดูกมังกรนามว่า ‘ทวนศึกผนึกฟ้า’

บรรทัดหยกสีเขียวนามว่า ‘บรรทัดทลายปั่นป่วน’

แม้จะถูกกำราบอยู่ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร สมบัติลับสองชิ้นนี้ก็ยังคงดิ้นรนอยู่ จิตวิญญาณไม่อาจสยบยอม ดูมหัศจรรย์ถึงที่สุด

หลินสวินไม่สงสัยเลยว่า ทันทีที่เอาพวกมันออกมา เพียงอาศัยพลังของตนย่อมไม่มีทางควบคุมมันได้ กลับกันจะทำให้พวกมันหนีไป!

โชคดีที่เจดีย์สมบัติไร้อักษรอัศจรรย์ยิ่ง พันธนาการพวกมันไว้ทั้งหมด แต่ในเวลาอันสั้นเกรงว่าหลินสวินจะไม่อาจนำมาใช้ได้

นอกเสียจากว่าเขามีความสามารถหลอมสมบัติลับสองชิ้นนี้ได้อย่างหมดจด แต่เห็นได้ชัดว่าเขาในตอนนี้ยังทำไม่ได้อีกนาน

นอกจากนี้ สิ่งที่อยู่กับตัวบุคคลระดับบุตรเทพเหล่านี้มากที่สุดก็คือยาลูกกลอนวิญญาณและวิชาที่จำเป็นต่อการฝึกปราณนานาชนิด

อย่าง ‘คัมภีร์ยุทธจักร’ ของเผ่าสิงห์โลหิต ‘วิชาสำรอกรู้ตน’ ของเผ่าวาฬมังกร ‘วิชาสมบัติร่างค้อนอสนีแกร่งของเผ่าวัวมารทรงพลัง ‘คัมภีร์หกเกราะผนึกมาร’ ของเผ่าโห่วเมฆาเป็นต้น

วิชายุทธ์ทุกเล่มล้วนมีความมหัศจรรย์ของมันเอง เป็นมรดกลับของแต่ละเผ่า ภายในมีแก่นอัศจรรย์มหามรรค คุณค่าเหลือคณา

หากแพร่งพรายออกไปต้องก่อให้เกินความโกลาหลครั้งใหญ่ พาให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนห้ำหั่นแก่งแย่ง

ทว่าตอนนี้ มรดกลับเหล่านี้ล้วนกลายเป็นของที่อยู่ในการครอบครองของหลินสวินแล้ว

ก็ไม่แปลกที่เหล่าคนใหญ่คนโตนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จะโกรธจนคลั่ง ชิงชังเสียจนอยากฆ่าหลินสวินให้ตาย

หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น เกรงว่าคงไม่มีทางยอมให้วิชายุทธ์ที่เป็นมรดกลับของเผ่าตนถูกผู้อื่นได้ไป

‘น่าเสียดาย คัมภีร์เหล่านี้แม้มหัศจรรย์หาใดเทียบ แต่ทำได้เพียงดูเป็นแบบอย่างกับวิเคราะห์เอา ที่เหมาะกับการฝึกปราณของตนนั้นกลับน้อยยิ่งนัก…’

หลินสวินลอบถอนใจ

แม้วิชายุทธ์มีมาก แต่หากขัดกับมหามรรคของตนก็ย่อมไม่อาจเป็นสิ่งที่ตนควบคุมได้

แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่ามรดกลับเหล่านี้มีคุณค่าไม่มาก แต่เป็นเพียงปัญหาว่าเหมาะสมหรือไม่เท่านั้น

ต่อให้ไม่เหมาะสม ก็สามารถวิเคราะห์และเรียนรู้ความลี้ลับใมนนั้นมาส่งเสริมปรับปรุงมรรคาของตนได้!

……

“ในที่สุดก็หาเจอแล้ว!”

ไม่นานนักหลินสวินก็ตาเป็นประกาย ตื่นเต้นไม่หยุดหย่อน

ดอกไม้วิญญาณที่ขาวบริสุทธิ์ราวหยก กระจ่างใสราวนิมิตดอกหนึ่งสะท้อนอยู่ในดวงตา ดอกไม้บานเก้ากลีบ ทุกกลีบล้วนปกคลุมไปด้วยท่วงทำนองแห่งมรรค แสงพิสุทธิ์ไหลออกมา อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมบางเบาแห่งมรรค

ดอกหลอมวิญญาณสมุทร!

เดิมทีก็เพราะต้องการหาดอกไม้ชนิดนี้ เพื่อช่วยสลายมารพบเคราะห์บนร่างพญาแร้ง หลินสวินถึงตอบรับจ้าวจิ่งเซวียน เข้ามาสืบหาในแดนลับอสูรมารอริยะ

เพียงแต่หลังจากเข้ามายังแดนลับอสูรมารอริยะก็เกิดเรื่องราวพลิกผันเปลี่ยนแปลงมากมาย ทำให้หลินสวินแม้จะสืบเสาะตลอดทางก็ไม่ได้อะไรเลย

ยังโชคดีที่ครั้งนี้ทรัพย์หลังศึกที่เขาได้มามีมากมายยิ่งนัก เมื่อเขาค้นหาโดยละเอียด ก็หาดอกไม้วิเศษหายากนี้พบดังคาด

‘มีสิ่งนี้ พญาแร้งก็สามารถฟื้นฟูพลังปราณที่มีมาแต่ก่อนได้…’

เขานึกถึงพญาแร้งที่อยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าไกลออกไป ทั้งยังคิดถึงซย่าจื้อ หลินจงและเสี่ยวเคอที่อยู่บนภูเขาชำระจิต…

ตั้งแต่เดินทางไปยังแดนลับอสูรมารอริยะกระทั่งตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบสามเดือนแล้ว

ดูเหมือนไม่นาน แต่กลับทำให้หลินสวินรู้สึกผิดแปลกงุนงงเหมือนอยู่คนละโลก

“เจ้าหนู เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าแท้จริงแล้วผลเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้ของเจ้าก็คือเจดีย์สมบัตินี้”

เวลานี้เจ้าคางคกพลันเอ่ยปาก ทำให้หลินสวินตื่นจากภวังค์ความคิด

ก็เห็นว่าเจ้าคางคกจ้องเจดีย์สมบัติไร้อักษรอยู่ด้วยสายตาอิจฉา แต่สีหน้ากลับดูเคร่งขรึมนัก

“เป็นเพราะมีสิ่งนี้ เจ้าถึงได้รับมรรคคาถาลี้ลับนั้น และก็เพราะมัน ถึงทำให้ท่าทีที่วานรเฒ่านั่นมีต่อเจ้าผิดแปลกนัก ไม่เพียงไม่ทำร้ายเจ้า ยังให้เจ้าดูคัมภีร์เคล็ดวิชาแสงอริยะนพนภานั้น กระทั่งสุดท้ายยังส่งพวกเราออกมาอย่างปลอดภัย!”

พูดถึงตรงนี้สีหน้าเจ้าคางคกก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้นแล้ว พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ดังนั้นสามารถชี้ชัดได้ว่า ที่มาที่ไปของเจดีย์นี้ต้องยิ่งใหญ่เกินจินตนาการแน่”

หลินสวินพยักหน้า เขาก็คิดเช่นนี้ ถึงกับสันนิษฐานว่าเจดีย์สมบัติไร้อักษรกับโบราณสถานดวงกมลที่ลี้ลับหาใดเทียมนั้นต้องเกี่ยวพันกันอย่างมากแน่!

“แต่เจ้าก็ต้องระวังแล้ว ยิ่งที่มาที่ไปของเจดีย์นี้ยิ่งใหญ่ เคราะห์กรรมที่เจ้าเข้าไปพัวพันเพราะสิ่งนี้ก็ยิ่งน่ากลัว!”

เจ้าคางคกเตือน

หลินสวินจิตใจสั่นไหว สำหรับเรื่องเคราะห์กรรม ตอนนี้เขารับรู้อย่างคลุมเครือเท่านั้น

แต่ที่สามารถคาดการณ์ได้ก็คือ หากที่มาที่ไปของเจดีย์นี้เกินจินตนาอย่างยิ่งจริง เช่นนั้นในวันหน้า อาจจะนำพาเคราะห์กรรมที่ไม่อาจคาดคะเนได้มาให้จริงๆ

นี่ทำให้หลินสวินนึกถึงห้องโถงมรรคาสวรรค์ในห้วงนิมิต ที่มาลี้ลับของมันก็ไม่ได้แตกต่างจากเจดีย์สมบัติไร้อักษรนี้

ครุ่นคิดครู่ใหญ่เขาก็ยิ้มกว้างแล้วเอ่ยว่า “เคราะห์กรรมได้เสีย ล้วนมาพร้อมกับมรรคาของข้า หากเอาแต่กังวลจมจ่อมกับสิ่งนี้ กลับจะทำให้จิตใจข้ายุ่งเหยิง”

“เจ้าบรรลุแล้วหรือ” เจ้าคางคกประหลาดใจ

“บรรลุบ้านเจ้าสิ” หลินสวินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ากำลังพูดว่า ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ยังจะไปสนใจภายภาคหน้าว่าจะโชคดีโชคร้ายบ้าบออะไร!”

เจ้าคางคกพลันร่าเริง หัวเราะแหะๆ แล้วพูดว่า “ใช่ๆๆ ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นข้าก็เป็นเช่นนี้”

…….

น้ำทะเลสีฟ้าคราม ราบเรียบและสงบ มีปลากระโจนออกมาตลอด ก่อให้เกิดฟองคลื่นเป็นระลอก บนเวิ้งฟ้า หงส์บินฉวัดเฉวียน นกนางนวลร้องเสียงใส ผ่อนคลายไร้ที่สิ้นสุด

นาวาน้อยบรรทุกหลินสวินและเจ้าคางคกเดินทางไปยังทิศตะวันตก ความเร็วไม่มากนัก เพราะทั้งสองคนล้วนไม่อาจชี้ชัดว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนในตอนนี้

กระทั่งท้องฟ้าอัสดงมาเยือน ดวงอาทิตย์สีแดงคล้อยลงทางทิศตะวันตก สาดแสงสีแดงอมส้มย้อมให้น้ำทะเลสีฟ้าครามนั้นมีสีแดงราวเปลวเพลิงขึ้นอีกชั้นหนึ่ง คลื่นน้ำราวเมฆยามสายัณห์ ยิ่งใหญ่ไพศาล

“งดงามจริง”

หลินสวินยืนบนหัวเรือ ผมสีดำปลิวไสว อาภรณ์สีจันทร์ขาวโบกสะบัดเกิดเสียงท่ามกลางลมทะเล

สองมือของเขาไพล่หลัง มองไปยังอาทิตย์อัสดง น้ำทะเลประหนึ่งเปลวเพลิง ในใจก็อดทอดถอนใจให้กับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติไม่ได้

“หึ พวกโลกแคบ ยุคบรรพกาลมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งนามว่า ‘หุบเขาตะวันคล้อย’ มีปักษาเทพกาทองจำแลงเป็นดวงอาทิตย์ ครอบครองภายในนั้นอยู่นานปี ปลดปล่อยแสงเทพสาดส่องไปยังเหล่าเทวะ ทิวทัศน์นั้นถึงจะเรียกได้ว่าเป็นภาพอัศจรรย์แห่งฟ้าดิน ความวิเศษแห่งธรรมชาติ”

ข้างกันนั้นเจ้าคางคกสีหน้าดูถูก

“หุบเขาตะวันคล้อยหรือ ในเมื่อที่นั่นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาล เจ้าจะไปเคยเห็นได้อย่างไร ดูท่าเจ้าคงแค่เคยได้ยินเท่านั้น”

หลินสวินมือถือน้ำเต้าสุรา ดื่มอย่างสบายใจรอบหนึ่ง ในขอบเขตสายตามองเห็นว่าบนเวิ้งฟ้าเริ่มมีหมู่ดาราส่องสะท้อน ม่านราตรีกำลังจะมาเยือนแล้ว

ยามพลบค่ำเป็นชั่วขณะที่ทิวาราตรีแทนที่กัน ขีดคั่นความสว่างและมืดมิด เกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงของทิวทัศน์ และน่าสะท้านจิตวิญญาณที่สุด

ก็เหมือนตอนนี้ น้ำทะเลราวเมฆยามเย็นพวยพุ่ง อาทิตย์อัสดงเคลื่อนคล้อยลงมา ฟ้ายามโพล้เพล้เต็มไปด้วยหมู่เมฆ หมู่ดาราบนท้องฟ้ามีให้เห็นอย่างคลุมเครือ เป็นเวลาที่กลางวันกำลังจะลับหาย รัตติกาลกำลังจะมาเยือนพอดี

เรือลำน้อยหยุดอยู่บนผิวน้ำ รับลมทะเลที่พัดพามาจากไกลๆ รอบทิศเวิ้งว้างกว้างใหญ่ ราวกับเหลือเรือโดดเดี่ยวเพียงลำเดียวในโลก

บรรยากาศเงียบเชียบและเวิ้งว้างเช่นนั้นทำให้หลินสวินมีความรู้สึกราวหลุดพ้น

ระหว่างที่เหม่อลอย พลังปราณในกายเขาก็เริ่มตีกันยุ่งเหยิง เหมือนแทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่ กำลังจะบรรลุขั้น!

____

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด