Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 650 เขารอดกลับมาแล้ว
ภูเขาชำระจิตมีค่ายกลคุ้มกันภูเขา หากไม่ได้รับการอนุญาต คนนอกไม่สามารถเข้ามาได้
เพราะฉะนั้นทุกคนในห้องโถงจึงคิดไปตามสัญชาตญาณว่า ต้องเป็นคนคุ้มกันสักคนที่ไม่รู้กาลเทศะมารบกวนตอนนี้
“พวกเจ้าประชุมกันต่อ ข้าไปดูเอง”
เสี่ยวเคอฉวยโอกาสนี้ไปเปิดประตู นางไม่อยากอยู่ตั้งนานแล้ว หน้าตาของทุกคนในห้องโถงน่าเกลียดเกินไป ทำให้นางรู้สึกขยะแขยง
แกร๊ก แอ๊ด
ประตูใหญ่ที่ปิดสนิทถูกเปิดออก
“มีอะไร”
เสี่ยวเคอเงยสายตาขึ้นมอง แต่ทันใดนั้นนางก็ปิดปาก ความไม่อยากเชื่อแวบผ่านเข้ามาในดวงตาคู่ใส
“ทำไมหรือ ครูฝึก จำลูกศิษย์ไม่ได้แล้วหรือ”
นอกห้องโถง ใบหน้าของหลินสวินแฝงรอยยิ้มอ่อนโยน จ้องมองครูฝึกเสี่ยวเคอที่มีใบหน้าสว่างใสแฝงความงามตรงหน้า
“เอ้อ… เจ้า…”
มองใบหน้าอันคุ้นเคยที่สะอาดสะอ้านหล่อเหลาตรงหน้า เสี่ยวเคอกลับตะลึงงัน ในใจเกิดความรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เจ้าหมอนี่รอดกลับมาแล้ว!
ในครึ่งปีที่ผ่านมานี้ เสี่ยวเคอดูเหมือนจะเข้มแข็ง แต่การอยู่บนภูเขาชำระจิตที่มีทั้งศึกในและศึกนอกนี้ จะให้นางไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของหลินสวินได้อย่างไร
ช่วงนี้นางแทบจะวิตกกังวลจนจิตใจไม่สงบ ไม่มีวันไหนเลยที่หว่างคิ้วจะผ่อนคลายลง แต่วันนี้ จู่ๆ เห็นหลินสวินปรากฏตัว นางเกือบจะคิดว่าตัวเองฝันไป
หลินสวินเดินขึ้นหน้า กอดเสี่ยวเคอเบาๆ พร้อมเอ่ยเสียงต่ำ “ครูฝึก ช่วงที่ผ่านมาลำบากพวกท่านแล้ว เรื่องต่อจากนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า ท่านคอยดูเถอะ ลูกศิษย์ของท่านไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
เสียงอันทุ่มต่ำและอ่อนโยนราวกับธารน้ำพุใส รวมถึงไหล่ของเด็กหนุ่มที่หนาขึ้นและสามารถพึ่งพิงได้แล้ว ทำให้ความอัดอั้น เป็นห่วงและวิตกกังวลในใจเสี่ยวเคอหายเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกมั่นคงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นางขานรับว่าอืมคำหนึ่ง
หลินสวินยิ้มแล้วเดินผ่านข้างตัวเสี่ยวเคอไป ชั่วขณะที่ก้าวเข้าห้องโถง รอยยิ้มของเขาถูกความเรียบเฉยที่แทบจะไร้อารมณ์เข้ามาแทนที่ นัยน์ตาดำขลับเย็นชาและลึกล้ำ
“พี่ใหญ่! จะลังเลต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหลินสวินล่วงเกินขุมอำนาจไว้มากมายเกินไป พวกเราจะตกอยู่ในสภาพลำบากขนาดนี้ได้อย่างไร สิ่งที่ทนไม่ได้ที่สุดคือ เขาอายุน้อยไม่รู้ความ แม้ตายไปแล้วยังให้พวกคนนอกครอบครองอำนาจภูเขาชำระจิต นี่มันหายนะชัดๆ!”
ภายในห้องโถง หลินไหวถังยังคงพูดฉอดๆ ด้วยถ้อยคำคมคาย “หากท่านยังไม่ออกหน้าอีก เกรงแต่ว่าภูเขาชำระจิตแห่งตระกูลหลินของพวกเราคงจะไม่สามารถใช้แซ่ ‘หลิน’ ได้อีกต่อไปแล้ว!”
เขาพูดพลางกวาดสายตามองคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรที่อยู่รอบๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขาช่วยกันเกลี้ยกล่อม บีบให้พวกของหลินจงส่งมอบอำนาจตระกูล
เพียงแต่ตอนที่สายตาของเขากวาดผ่านบริเวณประตูทางเข้าห้องโถง กลับตัวแข็งทื่อไปทันที สีหน้าแห่งความย่ามใจและตื่นเต้นในตอนแรกค้างอยู่อย่างนั้น ท่าทางราวกับถูกฟ้าผ่า อึ้งจนพูดไม่ออก
“เจ้าๆๆ…”
ลูกตาของเขาแทบหลุดออกมา ตกใจจนพูดไม่ออก
“เจ้าอะไรของเจ้า เป็นอะไรไป”
หลินไหวหย่วนมุ่นคิ้วเหลือบมองไป ตอนที่เห็นหลินสวิน เขาเองก็ตัวสั่นไปคราหนึ่ง ถ้วยชาที่เดิมถืออยู่ในมือหลุดร่วงลงเสียงดังเพล้ง น้ำชาร้อนสาดกระเซ็นเต็มชุด แต่เขากลับไม่รู้ตัว ยังคงจ้องตำแหน่งนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้คนอื่นๆ ในห้องโถงก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ ต่างมองมาด้วยความแปลกใจ ตอนที่เห็นหลินสวิน ไม่มีใครเลยที่ไม่ตะลึง ท่าทางราวกับตื่นตกใจ
บรรยากาศที่เสียงดังไม่หยุดในตอนแรกก็เงียบไปด้วย มีเพียงเสียงเพล้งดังขึ้นระลอกหนึ่ง
นั่นเป็นเสียงที่ถ้วยชาหลายใบตกแตกบนพื้น ในเวลาเช่นนี้ฟังดูแสบหูมากเป็นพิเศษ ราวกับเป็นเสียงหัวเราะเยาะและโจมตีอ้อมๆ ทำให้สีหน้าของหลายคนแปรเปลี่ยนหลากสีสัน
พลั่ก!
คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรราวกับไฟลนก้น เซล้มจากเก้าอี้มานั่งอยู่บนพื้น ดูสะบักสะบอมและน่าอาย
คนใหญ่คนโตคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไร จึงไม่อาจห่วงใยท่าทางอันน่าเกลียดและน่าอับอายของเขา
หลินสวิน!
เด็กหนุ่มที่หายตัวไปเป็นเวลาครึ่งปีเต็ม ได้รับการยกย่องว่าเป็นกระดูกสันหลังของภูเขาชำระจิต ยิ่งถูกผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนในนครต้องห้ามยกให้เป็นผู้กล้าไร้เทียมทาน เขาถึงกับรอดชีวิตกลับมาแล้ว!
แต่… ว่ากันว่าเขาตายในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณแล้วมิใช่หรือ
นี่เป็นข่าวที่ได้รับการยืนยันจากขุมอำนาจใหญ่มากมายในนครต้องห้าม บอกว่าหลินสวินก่อความผิดใหญ่หลวงในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ ถูกกลุ่มผู้ยิ่งใหญ่ระดับสังสารวัฏตามฆ่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนล้วนคิดว่าหลินสวินตายไปตั้งนานแล้ว ใครจะคิดว่าสุดท้ายเขากลับรอดกลับมา!
ทุกคนอึ้งค้างเหมือนรูปปั้น หัวสมองว่างเปล่า
คนคนหนึ่งที่ได้รับการยืนยันว่าตายไปแล้ว จู่ๆ มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแบบนี้ แรงสะเทือนและผลกระทบนั้นสุดจะพรรณนาจริงๆ
สิ่งที่ทำให้คนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรหวั่นใจที่สุดคือ เมื่อครู่นี้พวกเขายัง ‘บีบบังคับให้สละราชบัลลังก์’ หมายจะช่วงชิงอำนาจตระกูลหลินอยู่เลย
แต่ตอนนี้ผู้นำภูเขาชำระจิตอย่างหลินสวิน ผู้ครอบครองอำนาจตระกูลหลินกลับมาแล้ว…
ภายในห้องโถงเงียบกริบ บรรยากาศกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
“ท่านพญาแร้ง ลุงจง ข้ากลับมาแล้ว”
หลินสวินไม่สนใจคนพวกนี้ เขาเดินเข้าไปพยักหน้าให้พญาแร้ง เคลื่อนสายตาไปมองหลินจง ในส่วนลึกของดวงตาเผยความปวดใจเสี้ยวหนึ่ง
แต่เดิมลุงจงก็ดูชราอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขามีผมหงอกเยอะขึ้น หว่างคิ้วขมวดแน่น เบ้าตาลึกโหล ผอมแห้งจนไม่เหลือสภาพแล้ว
แค่คิดก็จะรู้ว่าช่วงที่ผ่านมานี้ ผู้เฒ่าที่จงรักภักดีคนนี้แบกรับความกดดันใหญ่หลวงเพียงใดกับศึกภายในของตระกูลหลิน
“ดี! ดี! ดี! กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”
หลินจงตื่นเต้นจนพูดสะเปะสะปะแล้ว ริมฝีปากสั่นเทา น้ำตาสีขุ่นไหลลงบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
นายน้อยกลับมาแล้ว!
คุณหนูซย่าจื้อพูดถูก นายน้อยจะตายได้อย่างไร
ช่วงที่ผ่านมาหลินจงแบกรับแรงกดดันที่ยากจะจินตนาการจริงๆ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเงาร่างของหลินสวิน เขารู้สึกว่าทุกอย่างที่ทุ่มเทไปก่อนหน้านี้คุ้มค่าแล้ว!
ทั่นฮวาม้าขาวผู้สง่างาม บุคคลระดับหยั่งสัจจะที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วนครต้องห้ามในยุคนั้น แต่ตอนนี้กลับน้ำตาอาบหน้า ผมหงอกประปราย ทำให้ในใจหลินสวินมีความปวดใจและละอายใจอย่างบอกไม่ถูก
ยิ่งเป็นเช่นนี้หลินสวินก็ยิ่งมีความชิงชังและจิตสังหารพลุ่งพล่านขึ้นมา
ตนจากไปเพิ่งจะครึ่งปี ก็เกิดเรื่องน่าเกลียดมากมายขนาดนี้แล้ว ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาตนใจดีและใจอ่อนเกินไปแล้ว!
“ผู้นำตระกูล ท่าน…เป็นคนดีฟ้าคุ้มครอง สามารถรอดกลับมาได้ ทำให้ข้าดีใจยิ่งนัก เพียงแต่ว่ากันว่าท่านประสบเคราะห์ใหญ่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณมิใช่หรือ หรือนั่นเป็นเพียงแค่ข่าวลือ”
ท่ามกลางความเงียบ หลินไหวหย่วนสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามฝืนยิ้มที่ดูน่าเกลียด เอ่ยถามออกมา
“ใช่! ถูกราชันระดับสังสารวัฏตามฆ่ายังรอดกลับมาได้ ถือว่า…” หลินไหวถังที่อยู่ข้างๆ เองก็พลั้งปาก ทันใดนั้นเขาก็รู้ตัวว่าเสียอาการ จึงรีบหุบปากไป
ทุกคนที่อยู่รอบข้างแม้ไม่เคยเอ่ยปาก แต่ในใจต่างแปลกใจอย่างที่สุด ข่าวการตายของหลินสวินได้รับการยืนยันมาหลายต่อหลายครั้ง ตอนแรกพวกเขาเองก็ไม่เชื่อ
ทว่าจนกระทั่งตอนหลังขุมอำนาจต่างๆ เริ่มจับจ้องตระกูลหลินมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในที่สุดพวกเขาก็มั่นใจแล้วว่า หลินสวินจะต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้หลินสวินกลับรอดชีวิตกลับมา นี่พาให้คนตะลึงเกินไปแล้ว
“เรื่องนี้เอาไว้ค่อยว่ากัน”
หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ พูดเพียงสั้นๆ แต่ราวกับมีอานุภาพที่มองไม่เห็นทำให้ทุกคนในห้องโถงหัวใจสะท้าน ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ไม่สู้ดี
ตามคาด ครู่ต่อมาสายตาของหลินสวินก็หยุดอยู่ที่หลินไหวถัง อีกฝ่ายสีหน้าเปลี่ยนไป หัวใจเต้นระทึกอย่างควบคุมไม่อยู่
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องโถงเมื่อครู่นี้ข้าได้ยินหมดแล้ว จะมีเหตุผลหรือไม่ข้าไม่สนใจ เพียงอยากถามเจ้าคำหนึ่ง”
พูดถึงตรงนี้นัยน์ตาดำพลันสาดประกายเย็นเยียบ อานุภาพที่มองไม่เห็นแผ่ขยาย บีบคั้นทุกคนในห้องโถงให้สีหน้าเปลี่ยนไป
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
แม้แต่พวกหลินจง หลินไหวหย่วน เสี่ยวเคอ ตอนนี้ยังเกร็งไปทั้งตัว รู้สึกถึงแรงกดดันอันยากจะอธิบายเป็นคำพูด
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เจอกันครึ่งปี หลินสวินเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนไม่รู้กี่เท่า!
เขาเมื่อครึ่งปีที่แล้วยังอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณอยู่เลย ตอนนี้แม้แต่พวกหลินจงยังไม่สามารถดูความตื้นลึกของหลินสวินออก แต่เขาจะต้องก้าวสู่ระดับหยั่งสัจจะไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย!
โดยเฉพาะหลินไหวถังที่ถูกระบุชื่อ เขาถูกหลินสวินจับจ้อง รู้สึกเหมือนกำลังเผชิญกับภูเขาใหญ่สูงตระหง่าน ทำให้รู้สึกไปเองว่าตนนั้นช่างตัวเล็กจ้อย
“บอกข้ามา ว่าสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้สมรู้ร่วมคิดกับขุมอำนาจภายนอกใช่หรือไม่”
หลินสวินพูดออกมาทีละคำ แต่ละคำล้วนราวกับสายฟ้าที่ระเบิดออกข้างหูหลินไหวถัง เขาตกใจจนสั่นไปทั้งตัว สีหน้าพลันเปลี่ยนไปนับครั้งไม่ถ้วน แทบไม่กล้าสบตาหลินสวินอยู่แล้ว
ส่วนคนในห้องโถงต่างสูดหายใจด้วยความตกใจ คำพูดนี้ของหลินสวิน เป็นการถามหลินไหวถังว่าทรยศภูเขาชำระจิตไปแล้วใช่หรือไม่อย่างไม่ต้องสงสัย!
“ข้า…”
หลินไหวถังเพิ่งอยากจะอ้าปาก กลับเห็นหลินสวินพูดเรียบๆ ว่า “มีโอกาสตอบเพียงครั้งเดียว หากเจ้าไม่รักษาเอาไว้ ก็ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาด้วยตัวเอง”
บรรยากาศในห้องโถงกดดันขึ้นทันที
หลินไหวถังเย็นวาบไปทั้งตัว รู้สึกว่าผิวหนังทุกส่วนล้วนแข็งทื่อไปหมดแล้ว เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก อยากอ้าปากพูด
แต่เมื่อเขาสบกับนัยน์ตาดำเย็นชาของหลินสวิน เขาก็สั่นสะท้านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พลันตระหนักได้ว่า หากคำตอบของเขาไม่สามารถทำให้หลินสวินพอใจได้ อีกฝ่ายจะต้องฆ่าตนอย่างไม่ลังเลแน่นอน!
สัญชาตญาณอันแรงกล้านี้ทำให้หลินไหวถังเกือบทรุด เขาไม่เคยคิดเลยว่า ยามเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มคนนี้ เหตุใดจึงสร้างความตะลึงและแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวให้ตนได้
ทุกคนต่างสังเกตเห็นว่าสีหน้าของหลินไหวถังดูขาวซีด เหงื่อซึมหน้าผาก เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไป ท่าทางดูดิ้นรนสับสน
ทำให้พวกเขาต่างหัวใจสั่นไหว ประโยคเดียวของหลินสวินก็สร้างอานุภาพเพียงนี้แล้วหรือ ไม่เจอกันเพียงครึ่งปีเท่านั้น เด็กหนุ่มคนนั้นมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้แล้วหรือ
“ผู้นำตระกูล ยามนี้ภูเขาชำระจิตของเรามีทั้งศึกในและศึกนอก คลื่นลมโหมกระหน่ำ อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พูดถึงเรื่องนี้ตอนนี้ กลัวว่าทุกคนจะเสียความสามัคคีปรองดอง”
คนใหญ่คนโตอีกคนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรพูดขึ้น ดูเหมือนไม่พอใจอย่างมากที่เห็นหลินไหวถังถูกกล่าวโทษ
“เสียความสามัคคีปรองดอง?”
หลินสวินยิ้มเยาะตรงมุมปาก “ข้าว่าตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของพวกเจ้าต่างหากที่ไม่มีความสามัคคีปรองดอง!”
พูดจบเบื้องบนทุกคนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร รวมทั้งหลินไหวหย่วนต่างรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
“ความอดทนของข้ามีจำกัด ขืนเจ้ายังไม่ตอบอีก ก็รับผลที่ตามมาด้วยตัวเอง!”
ไอสังหารเยียบเย็นในนัยน์ตาดำของหลินสวินราวกับสายฟ้า จับจ้องหลินไหวถัง วันนี้เขาไม่คิดจะใจอ่อนอีกแม้แต่นิดเดียว!
——
Comments