Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 711 ซ่อนสมบัติในสมบัติ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 711 ซ่อนสมบัติในสมบัติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความเป็นความตายคือหัวข้อสนทนาที่ไม่มีวันสิ้นสุดของสมรภูมิกระหายเลือด

ในช่วงนี้แม้หลินสวินจะอยู่ที่กองยุทโธปกรณ์ทุกวันไม่เคยออกไปข้างนอก แต่ก็รู้ว่าในทุกๆ วันล้วนมีผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิมากมายตายในสนามรบและไม่อาจหวนกลับมาได้อีกแล้ว…

อย่างเช่นหลิ่วเหวิน

ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่เคยท้าทาย ต่อต้านและดูหมิ่นหลินสวินครั้งแล้วครั้งเล่า ในวันข้างหน้าคงไม่ปรากฏตัวอีกต่อไปแล้ว

ตายง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ

หลินสวินสลดใจไม่น้อย ทีแรกเขาก็โกรธเคืองคนคนนี้อยู่บ้าง แต่ตอนที่รู้ว่าเขาอาจจะหายไปจากโลกง่ายๆ แบบนี้ หลินสวินก็รู้สึกโหวงเหวงในใจ

ผ่านไปอีกหลายวัน

ตอนดื่มเหล้าในงานเลี้ยงตอนเย็น หูทงพาคนหน้าใหม่มาจำนวนหนึ่ง ในขณะที่ใบหน้าเก่าๆ ของกลุ่มทหารรับจ้างหยาดน้ำค้างดาราหายไปหลายคน

“มา ดื่ม ข้าจะแนะนำให้รู้จัก นี่คือสมาชิกใหม่ที่ข้ารับมา…” หูทงไม่ได้อธิบายอะไร

ส่วนอาปี้นั้นเงียบมาก ขอบตาบวมแดง อารมณ์ซึมเศร้า ดื่มอย่างบ้าคลั่งโดยตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ

หลินสวินเข้าใจ พวกสมาชิกเก่าของกลุ่มทหารรับจ้างหยาดน้ำค้างดารา ก็คงไม่อาจหวนกลับมาได้อีกแล้วเช่นกัน

นี่ก็คือสมรภูมิกระหายเลือด ในทุกวันจะมีใบหน้าที่คุ้นเคยหายไปและอาจจะไม่เคยปรากฏอีกเลย ชะตากรรมของพวกเขาอยู่ในสนามรบ บางทีแม้แต่กระดูกยังไม่เหลือรอด ย่อมไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีสุสาน

“เมื่อเห็นความตายจนชินแล้ว จึงจะเข้าใจความสำคัญของการมีชีวิตอยู่” นี่คือคำพูดหลังงานเลี้ยงของหลูเหวินถิง

แต่หลินสวินกำลังคิดว่า ถ้าจะจบทุกอย่าง บางทีอาจจะมีเพียงวิธีเดียวนั่นคือ กำจัดศัตรูให้สิ้นซาก!

เพียงแต่สำหรับตอนนี้ความคิดนี้เห็นจะเกินจริงไปมาก

จักรวรรดิกับเผ่าพ่อมดเถื่อนสู้กันมาหลายพันปี จนวันนี้ยังไม่เคยทำได้ถึงขั้นนั้น เพราะพวกเขาไม่อยากงั้นหรือ

เปล่าเลย แต่เพราะทำไม่ได้ต่างหาก!

นี่ทำให้หลินสวินอดถอนหายใจไม่ได้ ความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของจักรวรรดิในปัจจุบัน ก็แลกมาด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของเหล่าผู้ฝึกปราณที่ต่อสู้อยู่แนวหน้ามิใช่หรือ

……

“ข้ายอมใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยน ขอเพียงปฐมาจารย์หลินช่วยหลอมสมบัติชิ้นหนึ่งให้ข้า”

วันนี้ที่กองยุทโธปกรณ์ หลินสวินเพิ่งเสร็จภารกิจที่สามของตน ตอนที่ตัดสินใจจะกลับ จู่ๆ ก็มีผู้ฝึกปราณคนหนึ่งมาเยี่ยมเยียน

คนคนนี้เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างผอม ใบหน้าราวกับคมดาบ เย็นชาและแข็งแกร่ง มีไอสังหารคาวเลือดที่ปิดไม่อยู่ทั่วทั้งร่างกาย

เขาชื่อเหยียนเฟิง เป็นผู้โดดเดี่ยวที่มีชื่อเสียงมากในค่ายหมายเลขเจ็ด มีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติชั้นยอด ถูกจัดอยู่ในอันดับที่เจ็ดสิบเจ็ดของหมายจับกระดานโลหิต

แม้อันดับจะต่ำกว่าหลินสวินไม่มาก แต่นี่ไม่เหมือนกัน เพราะเหยียนเฟิงมีชื่อเสียงจากการสะสมเหรียญกล้าหาญ ถูกศัตรูมองว่าเป็นบุคคลอันตรายขั้นสุด

แต่หลินสวินมีชื่อเสียงเพราะฆ่าราชันกึ่งระดับด้วยลูกศรเพียงดอกเดียว นี่คือความแตกต่างของทั้งสอง

ในมือของเหยียนเฟิงประคองหินสีเทาขนาดประมาณเท่ากำปั้น เมื่อดูอย่างละเอียดแล้ว พื้นผิวก้อนหินมีลายสีทองคลุมเครือ ดูลึกลับอย่างมาก

“หินหยกอัศจรรย์ลายทองหรือ” นักสลักวิญญาณคนหนึ่งโน้มเข้ามาแล้วพูดอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง

นี่เป็นสมบัติชั้นดี เป็นวัตถุดิบวิญญาณที่หายากในการสร้างชุดศึกสลักวิญญาณ มูลค่าของมันไม่อาจประเมิน พบเห็นได้ยากอย่างมาก

เหยียนเฟิงไม่ได้สนใจเขา เพียงใช้สายตาจับจ้องหลินสวิน

“งานในวันนี้ของข้าเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าค่อยมาวันหลังเถอะ” หลินสวินพูดสบายๆ เขานัดกับพวกหลูเหวินถิงและหูทงไว้แล้ว ว่าคืนนี้จะรวมตัวกันดื่ม

กลับเห็นเหยียนเฟิงขวางอยู่บนถนน พูดพร้อมสีหน้าจริงจัง “ปฐมาจารย์หลิน ข้ารีบใช้ ช่วยข้าสักครั้งเถอะ บุญคุณครั้งนี้สักวันข้าจะทดแทน”

หลินสวินขมวดคิ้ว ดูออกว่าวันนี้หากไม่รับปาก คนคนนี้คงจะดื้อรั้นไม่หยุดแน่

“หึ! วันๆ มีผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่มาขอความช่วยเหลือจากปฐมาจารย์หลินเช่นเดียวกับเจ้า หรือเจ้าคิดว่าเพียงแค่หินหยกอัศจรรย์ลายทองก้อนเดียวจะสามารถทำให้ปฐมาจารย์หลินยอมให้เจ้าเป็นกรณีพิเศษได้งั้นหรือ รีบไปซะ อย่ารบกวนปฐมาจารย์หลิน มิฉะนั้นหากแม่ทัพจ่างซุนรู้ เจ้าเดือดร้อนแน่!”

นักสลักวิญญาณที่อยู่ข้างๆ ยืนขึ้นตำหนิเหยียนเฟิง แม้ชื่อเสียงของเหยียนเฟิงจะโด่งดังมาก แต่นักสลักวิญญาณเหล่านี้ต่างไม่เกรงกลัวเลย

เหยียนเฟิงเงียบไปทันที สายตาเผยความหม่นมัวและผิดหวัง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดว่า “ช่างเถอะ ข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ ไม่รบกวนแล้ว แต่…”

พูดถึงตรงนี้เขาก็เผยใบหน้าครุ่นคิด สุดท้ายกัดฟันยื่นหินหยกอัศจรรย์ลายทองก้อนนั้นให้หลินสวิน “ของชิ้นนี้อยู่ในมือข้าก็ไม่มีประโยชน์ ให้ปฐมาจารย์หลินไว้แล้วกัน”

พูดจบเขาก็หมุนตัวออกไป

หลินสวินอึ้งพลันถามว่า “เจ้าจะไปไหน”

“สนามรบ”

“ฟ้ากำลังจะมืดแล้ว”

“ข้าต้องไป น้องชายข้ารอให้ข้าไปช่วยอยู่! บ้านเขามีภรรยาและลูกต้องดูแล จะตายไม่ได้เด็ดขาด!”

ดวงตาสีดำขลับของหลินสวินหรี่ลงพลันพูด “เอาสมบัติของเจ้ามาให้ข้าดูหน่อย”

เหยียนเฟิงที่อยู่ห่างออกไปตัวแข็งทื่อ ราวกับไม่อยากจะเชื่อ

“ยังจะอึ้งอะไรอยู่ เร็วหน่อยสิ อย่าเสียเวลา นี่เป็นครั้งแรกที่ปฐมาจารย์หลินแหกกฎ ยอมให้เจ้าเป็นกรณีพิเศษ!”

นักสลักวิญญาณที่อยู่ข้างๆ เตือนเสียงดัง

“ขอบคุณมาก!”

เหยียนเฟิงหมุนตัวไปคารวะให้หลินสวิน สีหน้าเผยความตื่นเต้นและขอบคุณอันยากจะปกปิด

สมบัติที่เหยียนเฟิงจะซ่อมเป็นทวนเหล็กด้ามหนึ่ง เป็นสมบัติระดับสวรรค์ขั้นสูง ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงมาตั้งนานแล้ว ยากที่จะเชื่อว่าบุคคลชั้นยอดระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง หนึ่งในคนร้ายกาจที่ถูกจัดอยู่ในร้อยอันดับแรกของหมายจับกระดานโลหิต อาวุธในมือกลับต๊อกต๋อยเช่นนี้

หลินสวินไม่ลังเล พินิจคร่าวๆ แล้วลงมือทันที

อีกอย่างครั้งนี้หลินสวินดูตั้งใจมาก ความเร็วก็เร็วกว่าเมื่อก่อนมาก กลุ่มนักสลักวิญญาณที่อยู่ใกล้ๆ ดูจนตาลาย ในใจสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

เวลาเพียงไม่ถึงเค่อเท่านั้นก็เปลี่ยนทวนเหล็กเป็นโฉมใหม่ ไม่เพียงแค่ซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ แม้แต่ระดับขั้นยังสูงขึ้นอีกขั้นใหญ่

นี่ทำให้เหยียนเฟิงเองก็หวั่นไหว ดีใจเป็นล้นพ้นและขอบคุณหลินสวินอย่างมาก

“ช่วยคนเป็นเรื่องเร่งด่วน”

หลินสวินพูดสบายๆ “ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังรับสมบัติที่ไม่ธรรมดาชิ้นหนึ่งของเจ้า ช่วยเจ้าหลอมทวนนี้ก็ถือว่าคุ้มค่า”

“เป็นแค่หินหยกอัศจรรย์ลายทองก้อนหนึ่งเท่านั้น” เหยียนเฟิงพูด

“ไม่ ไม่ใช่แค่นั้น” นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึก

ทันทีที่คำพูดนี้ดังออกมาก็กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเหล่านักสลักวิญญาณที่อยู่ใกล้ๆ ทันที หรือสมบัติชิ้นนี้มีอะไรมากกว่านี้

แกร๊ก!

พลันเห็นว่าทันทีที่หลินสวินบีบมือลวกๆ หินหยกอัศจรรย์ลายทองก้อนนี้ก็แตกเป็นเสี่ยง เศษหินร่วงหล่นลงมา พร้อมๆ กันนั้นแสงประกายระยิบระยับราวกับธารดาราพรั่งพรูออกมา

“นี่มัน…” กลุ่มนักสลักวิญญาณเบิกตาโพลง มองเห็นฝ่ามือของหลินสวินเหลือเพียงแค่หินหยกโปร่งใสขนาดเท่าไข่นกพิราบ สีเงินอร่ามราวกับดวงดาว สว่างไสวสะดุดตา

แม้แต่เหยียนเฟิงเองยังชะงัก เขาไม่เคยคิดเลยว่าภายในหินหยกอัศจรรย์ลายทองยังมีอัญมณีลึกลับเม็ดหนึ่งซ่อนอยู่

แกร๊ก!

เหนือความคาดหมายของทุกคน หลินสวินออกแรงบีบอัญมณีสีเงินอร่ามเม็ดนั้นจนแหลก ละอองแสงลอยกระจาย ใบไม้สีเขียวอ่อนที่เรียวยาวราวกับก้านหญ้าสะท้อนอยู่ในสายตาทุกคน

ใบไม้มีรูปร่างเหมือนเหรียญทองแดง ขนาดเพียงเปลือกเมล็ดแตง แต่เปล่งแสงสีเขียวขจี ย้อมอากาศเป็นสีเขียว สว่างไสวจนผู้คนลืมตาไม่ขึ้น

ในเวลาเดียวกัน กระแสพลังชีวิตอันบริสุทธิ์ทรงพลังแผ่กระจายออกมา ทำให้ทุกคนรอบๆ ต่างจิตใจเบิกบานผ่อนคลาย มีความรู้สึกเหมือนล่องลอยแบบหนึ่ง

“นี่…” นักสลักวิญญาณเหล่านั้นตะลึงอย่างสิ้นเชิง หินหยกอัศจรรย์ลายทองชิ้นหนึ่งกลับดูลึกลับถึงเพียงนี้ เกรงว่าใครก็คงไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ในแก่นของมันจะมีใบไม้สีเขียวขจีที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตเช่นนี้

“ในสมบัติมีสมบัติ มีความลึกลับอื่นซ่อนอยู่ สมบัตินี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!” แม้แต่เหยียนเฟิงยังรู้สึกประหลาดใจ ตระหนักได้ว่าสิ่งนี้ไม่ธรรมดา

“หากเจ้าเสียใจภายหลัง ข้าสามารถคืนเจ้าได้” หลินสวินมองเหยียนเฟิง

เหยียนเฟิงโบกมือปัดพลางพูด “สมบัตินี้ปฐมาจารย์หลินเป็นคนค้นพบ ไม่เกี่ยวกับข้า”

“บอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าได้สมบัติชิ้นนี้มาจากไหน” หลินสวินถาม

“ป่าต้นหม่อน”

เหยียนเฟิงพูดจบก็ประสานหมัดบอกลา เขาต้องรีบออกไปก่อนฟ้ามืด เข้าสู่สนามรบอีกครั้งเพื่อทำเรื่องที่อันตรายและยากที่สุด

อาจจะตาย แต่เขาไม่เสียดาย

‘ผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิก็เป็นเช่นนี้แหละ!’

แม้รู้ดีว่าทำไม่ได้ก็ยังทำ นี่คือเกียรติภูมิของลูกผู้ชาย หลินสวินถอนหายใจในใจ

……

หลังกลับห้องของตน หลินสวินก็หยิบใบไม้เขียวขจีที่แผ่แสงเขียวสว่างไสวใบนั้นออกมาก่อนเป็นอันดับแรก

ทันใดนั้นห้องที่มืดสลัวในตอนแรกก็ถูกส่องสว่าง

‘พลังชีวิตรุนแรงมาก’

หลินสวินสงบใจสัมผัสอยู่ครู่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้ ภายในพลังชีวิตนั้นมีพลังมหามรรคไหลเวียนอยู่รางๆ ลึกลับและยากจะคาดเดาอย่างที่สุด

ในสมรภูมิกระหายเลือดที่พลังวิญญาณแห้งเหือดราวกับดินแดนรกร้างที่ถูกทอดทิ้ง จะเกิดพลังชีวิตที่รุนแรงและลึกลับถึงเพียงนี้ได้อย่างไร

ชิ้ง!

หลินสวินชักดาบหักออกมา พลันเห็นว่าดาบหักสั่นเล็กน้อย ส่งเสียงร้องทุ้มต่ำเหมือนแสดงความปรารถนา ราวกับใจร้อนจนทนไม่ไหวแล้ว

ก่อนที่จะค้นพบใบไม้ลึกลับที่ซ่อนอยู่ในหินหยกอัศจรรย์ลายทอง ก็เพราะแรงสั่นแปลกประหลาดเสี้ยวหนึ่งของดาบหักนี่แหละที่ทำให้หลินสวินสังเกตถึงความไม่ธรรมดาของหินหยกอัศจรรย์ลายทองก้อนนี้

ตามคาด แรงสั่นและไอปรารถนาที่เกิดจากดาบหักในตอนนี้ ทำให้หลินสวินมั่นใจเรื่องนี้ในที่สุด

‘ของสิ่งนี้คืออะไรกันแน่ เหตุใดถึงมีพลังมหามรรคและพลังชีวิตแรงกล้าถึงเพียงนี้’

ใบไม้มีขนาดประมาณเปลือกเมล็ดแตง แต่ความยิ่งใหญ่ของพลังชีวิตนั้นทำให้หลินสวินเองยังตื่นกลัว

ฮูม…

สุดท้ายหลินสวินลองยื่นใบไม้ไปไว้หน้าดาบหัก พลันเห็นว่าดาบหักแผ่คลื่นอันคลุมเครือปกคลุมใบไม้นั่นทันทีแล้วดูดพลังชีวิตของมันอย่างบ้าคลั่ง

และหลินสวินก็สังเกตเห็นว่า บนพื้นผิวของดาบหัก ลายมรรคที่ตอนแรกพร่าเลือนค่อยๆ ชัดเจนขึ้น แม้จะเป็นเพียงแค่โครงร่างคร่าวๆ แต่ถ้าสถานการณ์เช่นนี้ยังคงดำเนินต่อไป ไม่เร็วก็ช้าลายมรรคอันลึกลับเหล่านี้จะต้องปรากฏอย่างสมบูรณ์แน่

‘ดาบหักไม่สมบูรณ์ตั้งแต่แรก ที่ก่อนหน้านี้เงียบสงบมาโดยตลอด หรือจะเป็นเพราะขาดการฟื้นฟูพลังชีวิตเช่นนี้’

หลินสวินเกิดความคิดหนึ่ง

ที่น่าเสียดายคือ จนกระทั่งพลังชีวิตในใบไม้ใบนั้นถูกดูดออกไปหมด ลายมรรคบนพื้นผิวของดาบหักก็ยังไม่ปรากฏอย่างสมบูรณ์ เพียงแค่มองเห็นได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเท่านั้น แต่ยังคงไม่สามารถถูกมองออกและหยั่งรู้ได้อย่างสมบูรณ์

‘ดูเหมือนว่าต้องไปป่าต้นหม่อนนั่นสักรอบ ไม่แน่ว่าอาจสามารถฉวยโอกาสนี้ทำให้ดาบหักเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์สักครั้ง!’

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางตัดสินใจ นี่เป็นวาสนาที่หายาก หากพลาดถือว่าน่าเสียดายมาก

เขาอยู่ที่กองยุทโธปกรณ์มาเป็นเวลาเกือบเดือนแล้ว แม้จะยุ่งมากทุกวัน แต่ก็รู้สึกว่าชีวิตแบบนี้เรียบง่ายและเงียบเหงาเกินไปตั้งนานแล้ว

เช้าวันถัดมา

“อะไรนะ เจ้าจะไปที่บ้าๆ อย่างป่าต้นหม่อนงั้นหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นั่นอันตรายแค่ไหน แค่พูดถึงก็เพียงพอที่จะทำให้ราชันระดับสังสารวัฏหน้าเปลี่ยนสีแล้ว! ไม่ได้ เรื่องนี้อนุญาตเจ้าไม่ได้เด็ดขาด”

ตอนที่ได้ยินว่าหลินสวินจะไปที่ป่าต้นหม่อน ก็ถูกหลูเหวินถิงต่อต้านอย่างรุนแรงทันที ถึงขั้นที่เขาเองยังตกใจไม่น้อย

ป่าต้นหม่อน นั่นเป็นพื้นที่อันตรายที่มีชื่อเสียงแม้แต่ในสมรภูมิกระหายเลือด หลายพันปีมานี้ ราชันระดับสังสารวัฏที่ตายในนั้นมีไม่น้อยเลย!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด