Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 715 ยินเสียงศรก็ใจฝ่อ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 715 ยินเสียงศรก็ใจฝ่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชิ้ง!

หลินสวินเสียบดาบหักลงไปในหินหยกอัศจรรย์ที่เปล่งแสงออกมากองนั้นโดยไม่ลังเล

ก็เห็นว่าดาบหักส่งเสียงดังฟู่ราวกำลังร้องเรียก คมดาบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายคลุมเครือ เริ่มดูดซับพลังชีวิตยิ่งใหญ่ในนั้นอย่างบ้าคลั่ง

หลินสวินก็อดยินดีปรีดาและเฝ้าคอยไม่ได้ เขามีลางสังหรณ์ว่าครั้งนี้ต่อให้ดาบหักไม่อาจแปรเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ อย่างน้อยอานุภาพก็คงเพิ่มพูนขึ้นมาก!

ในขณะเดียวกัน หลินสวินก็นำหินหยกอัศจรรย์ก้อนหนึ่งออกมาแล้วบีบให้แหลก ดังคาด ภายในนั้นมีใบไม้สีเขียวเปล่งประกายใบหนึ่ง รูปร่างเหมือนเหรียญทองแดง สีเขียวเข้มราวหินหยกแกะสลัก อวลไปด้วยพลังชีวิตมหาศาล

หลินสวินลองดูดซับพลังดู

ทันใดนั้นพลังชีวิตบริสุทธิ์ผุดผ่องแปรสภาพเป็นกระแสร้อนระอุถาโถมเข้ามาทั่วร่าง ทำให้รูขุมขนทุกกระเบียดบนร่างกายเขาขยายออก สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณโคจรอย่างมีชีวิตชีวา ประหนึ่งบรรลุเป็นเซียนในชั่วพริบตา

พลังกายที่ใช้ไประหว่างเร่งเดินทางก่อนหน้านี้ก็ฟื้นฟูดังเก่า อยู่ในสภาวะสุดยอดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สิ่งที่ทำให้หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีก็คือ พลังจิตวิญญาณของเขาถึงกับได้รับการบำรุงอันหาได้ยาก เปลี่ยนเป็นยิ่งแหลมคมประณีต!

‘เป็นพลังชีวิตที่ลี้ลับจริงๆ มีพลังมรรคบริสุทธิ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้’

หลินสวินสัมผัสโดยถ้วนถี่ ข้อดีไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ขนาดเลือดเนื้อกระดูกทั่วสรรพางค์กายยังได้รับการบำรุง แม้จะเล็กละเอียดถึงที่สุด แต่กลับดีอย่างบอกไม่ถูก

จู่ๆ จิตสังหารสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นและพุ่งเข้ามาแทงหลินสวินอย่างจัง!

หลินสวินหายตัววูบ โคจรก้าวย่างชือน้ำแข็งแล้วหายลับไปจากที่เดิม

ตูม!

หอกกระดูกเล่มหนึ่งเคลื่อนผ่าน แทงอย่างรุนแรงไปไกล สร้างหลุมที่ลึกจนมองไม่เห็น ซัดฝุ่นดินจนกระจายเต็มฟ้า

หากเมื่อครู่หลินสวินช้าอีกนิดเดียว ศีรษะก็คงถูกทะลวง!

นัยน์ตาดำของหลินสวินแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและน่ากลัว ในมือง้างธนูวิญญาณไร้แก่นสารชี้ไปทิศหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป

ที่นั่นมีผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนคนหนึ่งปรากฏตัวราวเงามืด ในบริเวณป่าหินที่หมอกเลือดหนาแน่นเช่นนี้แทบจะมองเห็นได้ยาก

ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสายคนเถื่อนมืด!

“ถ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป ที่นี่เป็นอาณาเขตเผ่าพ่อมดเถื่อนของพวกเรา!” ผู้แข็งแกร่งสายคนเถื่อนมืดดูแข็งกร้าวถึงที่สุด ดวงตาจ้องเขม็งบริเวณที่ดาบหักเสียบลงไป

ที่นั่นมีหินหยกอัศจรรย์กองอยู่แน่นขนัด ฉายแสงสีสันสดใส งดงามโดดเด่นสะดุดตายิ่ง บดบังไว้ไม่อยู่

“ข้าว่าเจ้าเบื่อชีวิตแล้ว!”

ยามหลินสวินเอ่ยปากก็ยิงธนูออกไปดอกหนึ่งโดยไม่ลังเล

ผึง!

สายธนูสีแดงฉานราวโลหิตส่งเสียงกังวาน รอบคันธนูที่สร้างขึ้นจากกระดูกขาวเกิดเสียงคำรามเดือดดาลลึกลับ พายุโหมคลั่ง

“เจ้าคือ…”

ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสายคนเถื่อนมืดผู้นี้หรี่ตาลงเหมือนจำฐานะหลินสวินได้ หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน ก่อนร้องเสียงแหลมในทันใด แล้วหลบหนีไปอีกด้านหนึ่ง

ปึ้ก!

แต่ช้าไปแล้วหนึ่งก้าว เขาถูกลูกศรวิญญาณโจมตีทะลุอกซ้าย ร่างกระเด็นใส่พื้นที่ห่างออกไปอย่างแรง เลือดสดๆ สาดกระเซ็น ราวถูกโจมตีสาหัส

“สวะอย่างเจ้ายังกล้าแย่งอาณาเขตผู้อื่นด้วยหรือ”

กร๊อบ!

เงาร่างหลินสวินไหววูบ หายตัวไปเหยียบหน้าอกของผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสายคนเถื่อนมืดคนจนจม

“…เป็นเจ้า… หละ… หลิน…”

ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสายคนเถื่อนมืดผู้นั้นยังไม่ทันพูดจบก็ตายสนิท เดิมทีเขาก็ถือว่าเป็นบุคคลชั้นยอดผู้หนึ่ง ที่น่าเสียดายก็คือเขาเจอเข้ากับหลินสวิน ก็สมควรแล้วที่เขาจะเคราะห์ร้าย

ตอนหลินสวินกำลังเสาะหาทรัพย์หลังศึก ก็ค้นพบอย่างเหนือความคาดหมายว่าในห่อสัมภาระของเจ้าหมอนี่ก็บรรจุหินหยกอัศจรรย์นานาชนิดอยู่ไม่น้อย มีราวสิบกว่าก้อน

นี่ทำให้หลินสวินเข้าใจทันทีว่าไม่ได้มีเพียงตนที่ค้นพบความลับที่อยู่ในนั้น เกรงว่าผู้แข็งแกร่งคนอื่นตอนนี้ก็ล้วนล่วงรู้แล้ว

ดาบหักยังคงดูดซับพลัง คมดาบปกคลุมไปด้วยรัศมีพร่าเลือน ตามการสันนิษฐานของหลินสวิน ครั้งนี้อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถ้วยน้ำชาถึงจะสามารถหลอมพลังชีวิตที่อยู่ในหินหยกอัศจรรย์เหล่านี้จนหมด

แต่ไม่นานนักหลินสวินก็นิ่วหน้า

ในหมอกหนาแน่นไกลออกไป เสียงท้องฟ้าแตกออกดังขึ้น และกำลังรุดหน้ามาทางนี้

…….

“เร็วเข้า อยู่ตรงนั้น!”

“อิ๋งทงต้องเจออันตรายบางอย่างแน่ ข้าได้ยินเขาร้อง”

“ข้าจะไปดูเสียหน่อยว่าไอ้สวะตัวไหนมันใจกล้าขนาดนี้!”

ท่ามกลางป่าหินที่อบอวลไปด้วยหมอกเลือด ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนกลุ่มหนึ่งไอสังหารพวยพุ่ง พวกเขารวมตัวเป็นกลุ่มก้อน มีอยู่สิบกว่าคน ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทน่าหวาดหวั่นทั้งสิ้น

กำลังพลเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นเอกอุในสมรภูมิกระหายเลือด สามารถก่อศึกขนาดย่อมได้ อย่างไรเสียผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทก็ไม่ได้พบเห็นได้มาก และสถานการณ์ที่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสิบกว่าคนจะร่วมกันลงมือยิ่งหายากเข้าไปอีก

โดยทั่วไปในการต่อสู้ที่สมรภูมิกระหายเลือด ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทหนึ่งคนมักจะรับหน้าที่หัวหน้าสั่งการ คอยบัญชาการ ฐานะและอานุภาพล้วนเรียกได้ว่าชั้นยอด

แต่ในป่าต้นหม่อนแห่งนี้ สถานการณ์ทำนองนี้ที่ระดับมหาเวทรวมตัวกันกลับพบเจอได้บ่อย อย่างไรเสียที่นี่ก็น่ากลัวเกินไป ขนาดราชันระดับสังสารวัฏยังต้องระมัดระวัง นับประสาอะไรกับพวกผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทเหล่านี้ จึงทำได้เพียงเกาะกลุ่มกันเคลื่อนไหว

“ได้ยินหรือยัง หลินสือเอ้อร์ที่เป็นผู้กล้ารุ่นเยาว์จากจักรวรรดินั่นก็เข้ามาในป่าต้นหม่อนแล้ว ตอนนี้พวกร้ายกาจหาใดเทียบกลุ่มหนึ่งของเผ่าพ่อมดเถื่อนของพวกเราล้วนกำลังหาร่องรอยของมันอยู่ หมายจะฆ่ามันให้ตาย”

“ได้ข่าวมาเหมือนกัน ข่าวนี้กระจายไปทั่วตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว ข้ายังได้ยินมาอีกว่า ‘ราชันเมฆาอสนี’ ผู้นั้นหมายมั่นว่าจะปลิดชีพเจ้าหลินสือเอ้อร์นั่น ข้อแรกก็เพื่อล้างแค้น ข้อสองก็เพื่อชิงคันธนูใหญ่ลี้ลับในมือมัน!”

ระหว่างที่เดินหน้าไปอย่างระวัง ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทเหล่านี้ก็พูดคุยกันไปด้วย

“เหอะๆ เด็กนี่ใจกล้าคับฟ้าเสียจริง ตัวคนเดียวยังกล้ามาป่าต้นหม่อน เดิมทีเขาหลบอยู่ในค่ายจักรวรรดิ ไม่แน่พวกเราอาจทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ตอนนี้… หึๆ ถ้าเขาไม่ตาย ข้าจะเชือดคอตัวเองตายไปเลย!”

ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสายคนเถื่อนพสุธาคนหนึ่งแค่นหัวเราะหยัน สีหน้าโอหังและดูถูก การเคลื่อนไหวในป่าต้นหม่อนครั้งนี้ พวกเขาเผ่าพ่อมดเถื่อนครอบครองความได้เปรียบกว่า อีกทั้งยังมีราชันที่แท้จริงสามคนสั่งการ

ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้ายังสังหารหลินสือเอ้อร์คนเดียวไม่ได้ นั่นถึงเป็นเรื่องแปลก

ปึ้ก!

เพียงแต่เสียงพูดเขาเพิ่งเงียบลง บริเวณคอก็ถูกเจาะทะลุจนเป็นโพรงเลือด เพราะพลังทะลวงน่ากลัวเกินไป จึงซัดทั้งศีรษะของเขาให้กระเด็นไปไกล

ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทคนอื่นต่างตื่นตระหนกจนตัวแข็งทื่อ หลบหนีตามจิตใต้สำนึก

ซ่า! เลือดสดๆ สาดกระเซ็นแดงฉานบาดตา ผู้แข็งแกร่งสายคนเถื่อนพสุธาเพิ่งสาบานมั่นเหมาะว่าถ้าสังหารหลินสือเอ้อร์ไม่ได้จะปาดคอตัวเองตาย ยามนี้ก็ถูกตัดคอขาดทันที ส่วนศพไร้หัวก็ล้มลงกับพื้นสะเทือนเลือนลั่น

แก้แค้นหรือ

ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนคนอื่นเหงื่อกาฬท่วมตัว สีหน้าเขียวคล้ำเหยเกในทันใด คำรามเดือดดาล

“ทุกคนระวังตัว ไอ้คนสมควรตายหลินสือเอ้อร์ต้องอยู่ใกล้ๆ แน่!”

“โจมตีครั้งเดียวก็ถูกฆ่าแล้ว… ข่าวลือเป็นเรื่องจริง คันธนูใหญ่ที่อยู่ในมือไอ้สวะนั่นน่ากลัวยิ่งนัก!”

ระหว่างที่คำรามกราดเกี้ยวอยู่ พวกเขาต่างนำสมบัติออกมา ระวังตัวอย่างยิ่งยวด เหมือนเม่นที่ถูกทำให้ตระหนก

ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะตะลึงพรึงเพริดเช่นนี้ ข่าวลือเกี่ยวกับหลินสวินกระจายไปทั่วกองทัพเผ่าพ่อมดเถื่อนนานแล้ว เรื่องที่เขาสังหารหมานจิ่วราชันกึ่งระดับยิ่งดังกระฉ่อน

ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนในตอนนี้ล้วนรู้แน่แล้วว่าที่หลินสือเอ้อร์เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์แข็งแกร่งขนาดนี้ ก็เพราะอาศัยคันธนูกระดูกขาวลึกลับในมือคันนั้น กับศรเทพสีดำที่ได้มาจากส่วนลึกของถ้ำเหมืองในหุบเขาพยัคฆ์ดอกหนึ่ง

ขณะนี้เมื่อเห็นสหายร่วมรบตายไปต่อหน้าต่อตา อีกทั้งตั้งแต่เริ่มจนจบพวกเขายังไม่รับรู้สักนิด นี่จะไม่ทำให้พวกเขาตระหนกได้อย่างไร

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

วิชาธนูไร้เสียงไร้สัมผัสเช่นนี้ ขนาดผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทยังหลบเลี่ยงได้ยาก เมื่อเชื่อมโยงกับข่าวลือเกี่ยวกับต่างๆ เกี่ยวกับหลินสือเอ้อร์ ต่อให้ราชันกึ่งระดับอยู่ที่นี่ก็ต้องหวาดผวาไม่ต่างกัน

“ไม่ดีแน่! ในหมอกเลือดนี้ไม่มีทางหาร่องรอยไอ้สวะตัวจ้อยนั่นได้เลย!”

เสียงคำรามเสียงหนึ่งดังมา

ปึ้ก!

แต่ยังไม่ทันที่เสียงพูดจะเงียบลง ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทที่คำรามเมื่อกี้ก็ถูกยิงตายคาที่ เขาตายอนาถยิ่งกว่า ลูกศรวิญญาณไร้รูปดอกหนึ่งแทงเข้าไปทางปากของเขาแล้วทะลวงศีรษะจนทะลุ!

ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทอีกคนถูกฆ่าแล้ว ตายอย่างกะทันหันถึงที่สุด ขนาดร่องรอยของศัตรูยังรับรู้ไม่ได้

ประเดี๋ยวเดียวผู้แข็งแกร่งคนอื่นก็ขนลุกขนพอง อกสั่นขวัญแขวน สถานการณ์เช่นนี้น่ากลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ศัตรูราวไร้รูป แต่กลับมีอยู่จริง ประหนึ่งสามารถเอาชีวิตพวกเขาด้วยการโจมตีเดียวเมื่อไรก็ได้ และที่อันตรายถึงตายที่สุดก็คือ ในป่าหินที่อบอวลไปด้วยหมอกเลือด พวกเขาไม่อาจเห็นเงาร่างของศัตรูได้เลย!

ภาพการณ์แปรเปลี่ยนเป็นเงียบสนิท

ไม่มีใครกล้าส่งเสียง พวกเขาคิดตามจิตใต้สำนึกว่าหลินสือเอ้อร์ต้องอาศัยเสียงมาชี้ตำแหน่งที่พวกเขาอยู่!

แต่เพียงครู่เดียว ความจริงอันโหดร้ายก็ทำลายความคิดนี้ของพวกเขา…

ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทอีกคนถูกสังหารแล้ว โดนลูกศรวิญญาณดอกหนึ่งโจมตีทะลุกะโหลก เลือดสดๆ กับเนื้อสมองสีขาวสาดกระจาย นองเลือดจนน่าคลื่นไส้

“หนี!”

ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทที่เหลือต่างพังทลาย ขนาดตัวศัตรูยังหาไม่พบ แต่อีกฝ่ายกลับประหนึ่งมองเห็นพวกเขาทุกคนอย่างชัดแจ้ง แล้วยังจะสู้ได้อย่างไร

พวกเขาเริ่มหลบหนี ร้อนรนราวหมาไร้บ้าน

ในระหว่างนี้ก็มีผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทอีกคนหนึ่งถูกสังหาร ก้นถูกยิงทะลุแล้วล้มคว่ำไปกับพื้น ร้องโหยหวนน่าหดหู่อยู่ครู่หนึ่งถึงขาดใจตาย

บริเวณนี้กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

ไม่นานนักเงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏขึ้นกลางหมอกสีเลือด ดวงตาสีดำลุ่มลึก ง้างคันธนูวิญญาณไร้แก่นสารจนตึง มองกวาดไปรอบทิศ หลังจากมั่นใจว่าศัตรูหลบหนีไป ไม่มีใครซ่อนตัวแล้ว เขาถึงหันกายจากไป

เพียงแต่ยามกลับออกมา ในมือของหลินสวินก็มีห่อสัมภาระเพิ่มขึ้นมาสี่ถุง นี่เป็นทรัพย์หลังศึกที่เขากวาดมาจนเกลี้ยง ภายในบรรจุสิ่งของลึกลับแปลกประหลาดหลายชิ้น

ทั้งหินหยกอัศจรรย์นานาชนิด ทั้งก้อนโลหะย้อมเลือด เศษแผ่นสำริด รวมถึงสิ่งที่บอกชื่อไม่ถูกหลายอย่าง

เห็นได้ชัดว่าของเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติที่ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนเหล่านั้นรวบรวมได้จากป่าต้นหม่อนแห่งนี้ ย่อมไม่ธรรมดาแน่

หลินสวินไม่ได้สังเกตอย่างละเอียด หลังจากเขากลับออกมา หินหยกอัศจรรย์ที่กองอยู่บนพื้นก็ถูกดาบหักหลอมไปจนสิ้น

ชิ้ง!

หลินสวินดึงดาบหักออกมา ก็เห็นว่าสีดำสนิทแต่เดิมของดาบหัก ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นเกือบโปร่งใส บนคมดาบอบอวลไปด้วยแสงดาวเจิดจ้าราวไอหมอก

ขณะเดียวกัน บนพื้นผิวของคมดาบในที่สุดก็ปรากฏลายมรรคชัดเจน

ที่น่าเสียดายก็คือ แม้จะมองเห็น แต่เนื่องจากเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง จึงไม่อาจมองทะลุปริศนาภายในนั้นได้เลย

แต่หลินสวินยังรับรู้ได้อย่างเฉียบคมว่าดาบหักเปลี่ยนไปแล้ว ยามถืออยู่ในมือเบาราวขนนก แต่พลานุภาพภายในกลับเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างชัดเจน!

หลินสวินอดกลั้นความตื่นเต้นที่จะทดสอบอานุภาพของดาบหัก สูดหายใจลึกแล้วหันกายจากไป ไม่อาจอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว ต้องออกไปโดยเร็ว!

สวบ!

ตอนที่หลินสวินเพิ่งจากไปไม่นาน เงาร่างสายแล้วสายเล่าก็คำรามทะยานเข้ามา พลังปราณต่างน่าหวาดหวั่น เพียงแค่อานุภาพไร้รูปร่างที่กระจายออกมาจากร่างของพวกเขา ก็ทำให้หมอกบริเวณใกล้เคียงถูกซัดจนสลายไปหมด ซ่านกระจายไปสี่ทิศ ทำให้ทิวทัศน์ที่นี่ชัดเจนขึ้นหาใดเทียบ

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด