Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 716 การไล่ตามของราชันกึ่งระดับ
“เด็กนี่เพิ่งหนีไปได้ไม่นาน ที่นี่ยังหลงเหลือกลิ่นอายของมันอยู่”
ชายวัยกลางคนที่ผิวหนังคล้ำเขียวซึ่งเป็นผู้นำเอ่ยปาก ดวงตาสองข้างของเขาราวดวงตะวันเจิดจ้าสีเขียวสะกดวิญญาณ
เขามีนามว่ามู่หลิงเฟิง เป็นราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งในเผ่าพ่อมดเถื่อน อยู่อันดับสี่สิบเจ็ดของกระดานรางวัลค่าหัวระดับราชันแห่งจักรวรรดิ พลังที่แท้จริงน่ากลัวกว่าหมานจิ่วที่ถูกหลินสวินฆ่าตายผู้นั้นเสียอีก
“ราชันเมฆาอสนีบัญชามาแล้วว่าครั้งนี้ต้องกำจัดเจ้าเด็กนั่น หาไม่แล้ว ภายหลังเขาจะต้องกลายเป็นบุคคลน่ากลัวที่ไม่อาจประเมินได้คนหนึ่งของจักรวรรดิมนุษย์แน่”
ชายชราทรงพลังที่หนวดเคราเผ้าผมเจิดจ้าราวทอง ผิวพรรณดั่งหล่อด้วยน้ำทองแดงที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงขรึม
เขาเป็นราชันกึ่งระดับสายคนเถื่อนทองคำ มีนามว่าจินตู้เจิน
“ฆ่าเขาไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าลืมสิ ในมือเขามีคันธนูและลูกศรที่สามารถสังหารราชันกึ่งระดับได้คู่หนึ่งอยู่!”
ชางหลันเสวี่ย ราชันกึ่งระดับสายคนเถื่อนวารีที่อยู่อีกด้านหนึ่งกล่าว นางเป็นคนงามที่รูปลักษณ์โดดเด่น ผมขาวราวหิมะ ทั้งร่างถูกน้ำและหมอกปกคลุมบดบัง ลึกลับและสง่างาม
“ไม่ต้องวิตกไป จากการวิเคราะห์ของราชันเผ่าข้า เด็กนี่อาศัยเพียงพลังปราณระดับหยั่งสัจจะไม่มีทางใช้อานุภาพของคันธนูและศรคู่นี้ได้อย่างเต็มที่หรอก”
มู่หลิงเฟิงที่เป็นผู้นำสีหน้ามั่นใจ พูดเสียงเรียบว่า “อีกอย่าง พลังของเขาอย่างมากก็ยิงได้เพียงดอกเดียว และนี่ก็เป็นโอกาสที่เราจะฆ่าเขา ขอเพียงหลบลูกศรของเขาได้ เรื่องที่เหลือก็ง่ายแล้ว”
“อิ๋งเชวี่ย นายน้อยราชวงศ์คนเถื่อนมืดหมายหัวมาแล้วว่าจะจับเป็นเจ้าเด็กนี่ พวกเราจะทำตามหรือไม่” จินตู้เจินนิ่วหน้าถาม
“ถ้ามีโอกาสก็ทำได้ แต่ถ้าไม่มีก็ฆ่ามันให้ตายไปเสีย!”
มู่หลิงเฟิงสูดลมหายใจลึก ดวงตาสีเขียวแผ่จิตสังหารน่าหวาดหวั่นออกมา “ครั้งนี้อย่าให้เด็กนี่หนีไปได้อีกเด็ดขาด!”
จินตู้เจินกับชางหลันเสวี่ยต่างพยักหน้า
หลินสือเอ้อร์ เด็กหนุ่มผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์ที่เหยียบย่างเข้าสู่มกุฎมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุด ปีศาจที่เคยใช้ท่าทางเย้ยฟ้าสังหารราชันกึ่งระดับผู้หนึ่ง และขณะเดียวกัน เขายังเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่งด้วย!
ไม่ว่าฐานะใดก็ล้วนมีเหตุผลเพียงพอให้พวกเขาปลิดชีพเขาโดยไม่สนราคาที่ต้องจ่ายทั้งปวง!
หาไม่แล้ว ทันทีที่ปีศาจเช่นนี้ผงาดขึ้นมา สำหรับพวกเขาเผ่าพ่อมดเถื่อนแล้วต้องเป็นหายนะที่ไม่อาจประเมินได้ครั้งหนึ่งแน่
“ไป!”
มู่หลิงเฟิงเริ่มเคลื่อนไหว
ครั้งนี้พวกเขาได้ยินข่าวก็มาถึงที่ เคลื่อนกำลังราชันกึ่งระดับถึงสามคน พูดได้ว่าเตรียมตัวอย่างพร้อมสรรพ จากจุดนี้ก็ดูออกว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับหลินสวินเพียงไหน ประหนึ่งปฏิบัติต่อเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจไปแล้ว
หากภาพนี้กระจายออกไปสู่โลกภายนอก เกรงว่าจะก่อให้เกิดคลื่นใหญ่ทรงพลัง
อย่างไรเสียใครจะเคยเห็นว่าราชันกึ่งระดับถึงสามคนร่วมกันลงมือ และที่หมายต่อกรกลับเป็นเพียงเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะผู้หนึ่งเล่า
นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
…….
ยุ่งยากเสียแล้ว!
หลินสวินขมวดคิ้ว เขากำลังหลบหนี เงาร่างไหววูบไม่ว่างเว้น
บริเวณนี้หมอกเลือดอบอวลกว้างขวางราวไร้ที่สิ้นสุด แต่หลินสวินก็รู้ว่าด้านหลังของตนมีศัตรูกำลังตามมาอย่างกระชั้นชิดชนิดกัดไม่ปล่อยอยู่!
ที่ทำให้เขาหวาดหวั่นที่สุดก็คือ เขาต้องการสลัดคู่ต่อสู้ให้พ้นหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งกลับล้มเหลว!
‘ดูท่าจะเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับกึ่งราชันลงมือเสียแล้ว และมีเพียงพวกเขาถึงกล้าไล่ตามมาโดยไม่หวาดกลัวเช่นนี้ ไม่มีความคิดจะปกปิดร่องรอยเลยสักนิด’
หลินสวินสีหน้าหนักอึ้ง เขารับรู้การไล่ล่าเช่นนี้ได้ ไม่ใช่เพราะพลังของเขาแข็งแกร่งอะไร แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ปกปิดจิตสังหารกับความเป็นปฏิปักษ์นั้นเลย!
ราชันกึ่งระดับ!
แม้หลินสวินเคยปลิดชีพหมานจิ่ว แต่นั่นเป็นการอาศัยอานุภาพของธนูวิญญาณไร้แก่นสารกับศรแห่งนภาคราม อีกทั้งหลังจากยิงออกไปดอกหนึ่งแล้ว ก็แทบจะสูบเอาพลังภายในกายของเขาไปจนหมด
ตอนนี้แม้พลังปราณของเขาบรรลุระดับหยั่งสัจจะขั้นสูง พลังภายในกายทรงพลังขึ้นกว่าแต่ก่อนกว่าหนึ่งเท่า แต่หากใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารกับศรแห่งนภาครามโดยไม่สนใจสิ่งใด ขนาดตัวเขาเองก็ไม่กล้ารับรองว่าจะยิงดอกที่สองได้หรือไม่!
กระทั่งสายัณห์มาเยือน หลินสวินผู้หนีมาโดยตลอดสีหน้ายิ่งเคร่งขรึม เขาสามารถรับรู้ได้ว่าศัตรูที่อยู่ด้านหลังยิ่งใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว…
เงาร่างเขาวูบหาย สูดลมหายใจลึกแล้วโคจรไอซวนหนี หลบซ่อนอยู่ในโกรกธารหินผาแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปหลายพันจั้ง
“กลิ่นอายของเจ้าเด็กนี่จู่ๆ ก็หายไปจากตรงนี้”
หลินสวินเพิ่งหลบหนีไปไม่นาน เงาร่างของราชันกึ่งระดับมู่หลิงเฟิง จินตู้เจิน และชางหลันเสวี่ยก็มาถึงในทันใด
พวกเขาไม่ได้ปิดบังกลิ่นอาย อานุภาพน่าพรั่นพรึงม้วนกระจายออกมาราวพายุ ขับไล่หมอกเลือดทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้นจนหมดไป
“ยังจำข่าวการต่อสู้ที่หุบเขาพยัคฆ์ครั้งก่อนได้ไหม ตอนนั้นเจ้าเด็กนั่นก็ใช้วิชาซ่อนเงาร่างอย่างหนึ่งหลบซ่อนตัว”
จินตู้เจินเอ่ยปากเสียงค่อย ดวงตาของเขาแผ่รังสีสองสายออกมา กวาดไปยังฟ้าดินบริเวณใกล้เคียงราวดวงระวีสีทองคู่หนึ่ง
“หากคาดเดาตามนี้ เขาก็แค่เล่นมุกเดิมเท่านั้นล่ะสิ น่าจะหลบอยู่ใกล้ๆ นี้”
จินตู้เจินพูดไม่ทันขาดคำก็สะบัดแขนเสื้อ ระลอกคลื่นสีทองน่ากลัวแผ่ออกมารอบทิศโดยมีตัวเขาเป็นศูนย์กลาง
ตูม!
ชั่วพริบตาห้วงอากาศทุกกระเบียดพังลงมา ผืนพสุธาแตกระแหงแผ่ขยายออกรอบทิศ หินผาที่อยู่ตามทางก็ถูกทำลายให้เป็นจุณราวเศษกระดาษ
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นบริเวณนี้ก็เหมือนระเบิดออก พลังน่าหวาดหวั่นทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี
นี่ก็คือราชันกึ่งระดับ!
แม้ไม่ใช่ราชันที่แท้จริง แต่เท้าข้างหนึ่งได้เหยียบย่างเข้าสู่ระดับราชันแล้ว อยู่เหนือระดับมหาเวท ฝีมือน่ากลัวไร้ขอบเขต
‘เหี้ยมนัก!’
หลินสวินที่ซ่อนตัวในความมืดหนาวยะเยือกในใจ ยิ่งรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของราชันกึ่งระดับ หากต้านทานซึ่งหน้า เขาไม่มีโอกาสชนะแต่อย่างใด!
สวบ!
หลินสวินโคจรก้าวย่างชือน้ำแข็งเต็มกำลังโดยไม่ลังเล กระโจนออกไปครั้งเดียวก็หนีไปไกลลิบ
“เหอะๆ ฝีมือเท่านี้หรือ ดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเท่านั้นล่ะ!”
จินตู้เจินโจมตีพร้อมกับหัวเราะหยัน ทั่วกายไหลเวียนไปด้วยรัศมีเทพสีทองเจิดจ้าสะดุดตา อานุภาพน่าพรั่นพรึงพาให้ฟ้าดินครวญคร่ำ
โครม!
กระบี่กระดูกสีทองเล่มหนึ่งโฉบออกมา ส่องแสงทะลวงเมฆา ฟันไปยังหลินสวินที่พุ่งออกไปไกลลิบกลางอากาศ
ตูม!
ไอกระบี่สีทองหนาทึบยาวราวพันจั้งเปล่งประกายพร่างพราว เหมือนจะฟันท้องฟ้าให้ขาดออกเป็นสองท่อน ภาพนั้นน่าตกตะลึงยิ่งแล้ว
หลินสวินไม่อาจหลบหนีได้เลย เขาถูกเล็งเป้าแล้ว จะหนีก็ไม่มีประโยชน์
ในสถานการณ์คับขันนี้ เขาชักดาบหักออกมาประจันหน้าโดยไม่ลังเล
เคร้ง!
เสียงกระแทกสะท้านจนหูแทบหนวกดังก้อง รัศมีสีทองระเบิดออก ภาพที่น่าตื่นตะลึงเกิดขึ้นแล้ว…
ไอกระบี่สีทองหนาทึบนั้นกลับถูกดาบหักเล่มนั้นฟันขาดเป็นสองท่อน!
ที่ต้องรู้ก็คือนั่นเป็นถึงพลังของราชันกึ่งระดับ ประทับการหยั่งรู้และแก่นแท้จริงที่มีต่อมหามรรคของราชัน มีหรือจะธรรมดาสามัญ
แต่ตอนนี้ มันกลับถูกฟันขาดเช่นนี้!
ครู่เดียวจินตู้เจินก็หรี่ตาลง ตื่นตระหนกอยู่บ้าง
“ดาบหักในมือมันมีความลึกลับ น่าจะเป็นสมบัติมหัศจรรย์ชิ้นหนึ่งเช่นกัน”
อีกด้านหนึ่งมู่หลิงเฟิงเอ่ยปาก ดวงตาสาดแสงเทพเจิดจ้า กระสับกระส่ายอยู่บ้าง เขาพลันคิดขึ้นได้ว่าหากฆ่าเด็กนี่ได้ ไม่แน่ว่ายังได้รับสมบัติยอดเยี่ยมไม่น้อย!
“น่าจะเป็นเช่นนี้”
ชางหลันเสวี่ยก็พยักหน้า ดวงตาไหววูบ ใจเต้นขึ้นมาเช่นกัน
ในขณะเดียวกันร่างของหลินสวินก็ถูกซัดสะเทือน เลือดลมทั่วกายแปรปรวน รู้สึกแย่จนเกือบกระอักเลือด เขาฝืนทนไว้แล้วหนีต่อไป
‘ดาบหักเปลี่ยนแปลงไปดังคาด ถึงกับแหลมคมจนสามารถฟังไอกระบี่ของราชันกึ่งระดับได้ ไม่แน่ว่าขนาดชุดศึกสลักวิญญาณยังทำไม่ได้…’
‘เสียดาย เจ้าเดรัจฉานเฒ่าพวกนี้ต่อกรยากเกินไปแล้ว หาไม่จะต้องใช้เลือดพวกมันมาเลี้ยงดาบหักให้อิ่มสักมื้อ!’
หลินสวินชิงชังจนเข่นเขี้ยว เขาเกร็งตัวแล้วเร่งก้าวย่างชือน้ำแข็งเต็มกำลัง ตัวเขาท่องหนีไปในหมอกสีเลือดราวสายฟ้าแลบ
เวลานี้เขาหลงลืมทิศทางไปหมดแล้ว คิดแต่จะหลบหนีอย่างเดียว การถูกราชันกึ่งระดับสามคนตามล่า ความรู้สึกนั้นช่างน่าสิ้นหวัง
หากยานขนส่งอวกาศยังอยู่ หลินสวินก็คงไม่สะบักสะบอมเช่นนี้ ที่น่าเสียดายก็คือกฎเกณฑ์ของที่นี่สุดโต่งเกินไป สมบัติลึกลับที่มีใดๆ ไม่อาจนำเข้ามาได้
หนี!
หลินสวินยังคงใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งอย่างเต็มกำลังโดยไม่สนใจสิ่งใดเป็นครั้งแรก ในช่วงเวลาที่คลุมเครือนั้นก็เห็นว่ากลางอากาศรอบตัวเขาราวกับมีเงาชือน้ำแข็งเงาแล้วเงาเล่าปรากฏตัวฉับพลัน พาเขาเคลื่อนกายกลางอากาศ พุ่งผ่านไปข้างหน้า ลี้ลับน่าตกใจ
นี่ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างมาก
ขนาดพวกมู่หลิงเฟิงที่ไล่กวดมาข้างหลังต่างก็งงงวยเล็กน้อย ออกจะประหลาดใจอยู่บ้าง ความเร็วเช่นนี้ยังเหนือกว่าบุคคลชั้นยอดสายคนเถื่อนมืดอยู่สามส่วน!
พวกเขาก็ไม่ออมมือเช่นกัน ไล่ตามอย่างดุดันยิ่งกว่าเดิม ครั้งนี้หากเด็กนี่หนีไปได้ เช่นนั้นพวกเขาก็คงอับอายขายหน้าแน่ๆ
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
หินหยกอัศจรรย์ก้อนแล้วก้อนเล่าระเบิดแหลกกลางฝ่ามือหลินสวิน พลังชีวิตมหาศาลที่บรรจุอยู่ภายในนั้นถูกเขาดูดซับอย่างไม่ยั้งมือ
เมื่อเทียบกับผลึกวิญญาณขั้นสูง หินหยกอัศจรรย์ที่บรรจุพลังชีวิตลี้ลับเหล่านี้มีประโยชน์น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างพลังกาย
ดังคาด เพียงครู่เดียวพลังกายที่ถูกใช้ไปตอนแรกก็ได้รับการฟื้นฟู ทั้งยังมีสภาพสูงสุดอย่างไม่เคยมีมาก่อนด้วย
อีกอย่าง สภาวะเช่นนี้ก็ยังคงดำรงอยู่ต่อไปพร้อมกับพลังชีวิตลี้ลับที่เขาดูดซับออกมาอย่างไม่ขาดสาย กระทั่งทำให้หลินสวินรู้สึกอิ่มตื้อ
“ไอ้หนู นี่เป็นถึงป่าต้นหม่อน ยิ่งเข้าไปลึกยิ่งน่ากลัว เจ้าร่อนเร่ไปมั่วซั่ว เกรงว่ายังไม่ทันถูกพวกเราตามทันก็จะพบเคราะห์ได้ ไม่สู้เจ้าหยุดก่อนแล้วพวกเรามาคุยกันดีๆ ไหม ไม่แน่ว่าถ้าเจ้าร่วมมือเป็นอย่างดี พวกเราอาจจะเหลือศพเจ้าไว้ทั้งตัว ไม่ถึงกับตายอย่างน่าเกลียดมากนัก”
ด้านหลังมีเสียงสงบนิ่งเรียบเฉยของมู่หลิงเฟิงลอยมา
“เหลือศพทั้งตัวแม่เจ้าสิ!”
หลินสวินที่อยู่ด้านหน้าหันขวับ ในมือดึงคันธนูวิญญาณไร้แก่นสารไว้จนสุดอยู่ก่อนแล้ว ศรแห่งนภาครามสีดำสนิทพลันยิงพุ่งออกไปในชั่วขณะนี้
ตู้ม!
ห้วงอากาศระเบิดกระจุย สัทครรลองมหามรรคไพศาลศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นเหนือฟ้าดิน ปรากฏการณ์ประหลาดภาพแล้วภาพเล่าบังเกิดขึ้น ทั้งธารดาราระเบิดแหลก สรรพสิ่งดับสูญ
ทั้งภาพดวงตะวันจมลง กาทองครวญออกมาเป็นเลือด
และพร้อมกับที่ศรแห่งนภาครามยิงออกไป ผืนฟ้าดินรายทางต่างถูกทำลายในชั่วพริบตา แปรสภาพเป็นคลื่นปั่นป่วนบ้าคลั่ง บดขยี้ม้วนกลืนไปตลอดทาง
ฟ้าดินสั่นระรัวเพราะการโจมตีนี้
ลูกตาของมู่หลิงเฟิงแทบจะถลนออกมา ไม่อาจสงบใจได้แล้ว จะไปคิดได้อย่างไรว่าการโต้ตอบของเด็กหนุ่มที่กำลังหนีตายจะดุเดือดปานนี้ เพียงประโยคเดียวเท่านั้น ก็กระตุ้นให้เขายิงศรนั้นออกมาอย่างไม่สนใจสิ่งใด…
“อ๊าก!”
มู่หลิงเฟิงร้องอย่างตระหนก เหมือนกระต่ายเฒ่าที่ถูกทำให้ตื่นตกใจ รีบหลบหนีไปด้านหนึ่ง
แม้จะเชื่อมั่นในตัวเองมาก แต่ขนาดเขายังไม่กล้ารับศรนี้ ช่วยไม่ได้ คันธนูและลูกศรคู่นี้เคยสังหารราชันกึ่งระดับที่แท้จริงมาแล้ว!
__
Comments