Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 721 แสงสมบัติจากอุโมงค์

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 721 แสงสมบัติจากอุโมงค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘ต้องเป็นประสิทธิภาพของผลอริยะนั่นแน่ๆ!’

หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ชี้ชัดได้ นี่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง

เมื่อคืนเขาเพียงนั่งสมาธิตรงนั้น อาบรัศมีเทพที่ผลอริยะผลนั้นแผ่ออกมาเท่านั้น กลับส่งผลให้พลังปราณของเขาเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์ของระดับหยั่งสัจจะขั้นสูง นี่ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก

‘หากกลืนผลอริยะผลนั้นไป จะเกิดประสิทธิภาพอัศจรรย์ขนาดไหนกันนะ’

ไม่นานนักหลินสวินก็สูดหายใจลึก ไม่คิดอะไรต่ออีก

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนดูเหมือนเหลวไหลไม่เป็นความจริงราวกับเป็นความฝัน แต่อย่างไรเสียก็ทำให้เขาพ้นเคราะห์ไปครั้งหนึ่งได้โดยไม่รู้ตัว!

มู่หลิงเฟิงตายแล้ว จินตู้เจินและชางหลันเสวี่ยก็เช่นกัน ส่วนเขากลับได้ทุกขลาภ ไม่เพียงได้ฟังความลับส่วนหนึ่งเกี่ยวกับอริยมรรค ยังถึงขั้นทำให้พลังปราณของตนแปรเปลี่ยนไปอีกขั้นหนึ่งโดยบังเอิญ

‘ก็ไม่รู้ว่าจักจั่นทองตัวนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร เหตุใดถึงจำศีลอยู่ในป่าต้นหม่อนแห่งนี้ ยังมีผีเสื้อราตรีสีเลือดกับจักจั่นขาวนั่นอีก ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่บรรลุอริยะทั้งนั้น แต่เหตุใดถึงต้องการยึดครองที่นี่’

หลินสวินไม่รู้ชัด แต่เขากลับแน่ใจได้ว่า บางทีเมื่อโอกาสบางอย่างมาถึง สิ่งมีชีวิตอริยมรรคที่จำศีลเหล่านี้ ต้องยิ่งใหญ่เหนือโลกาแน่!

ไม่นานนักหลินสวินก็หายตัวออกจากบริเวณนี้ ไม่อ้อยอิ่งต่ออีก

ระหว่างทางเขาทำเหมือนก่อนหน้านี้ เสาะหาโดยละเอียดไปตามทาง หวังใจว่าจะค้นพบหินหยกอัศจรรย์เพิ่มขึ้น ส่วนวาสนาไร้เทียมทานอะไรนั่น เขาไม่เสียดายอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ในป่าต้นหม่อนแห่งนี้ไม่เพียงมีระดับราชันมาเยือน กระทั่งยังมีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวระดับอริยมรรคจำศีลอยู่ แม้ว่าจะมีวาสนาใหญ่เท่าฟ้าอะไรก็ตามเกิดขึ้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเสียดายได้เลย

“ไอ้พวกสวะพ่อมดเถื่อนระยำยิ่งกำเริบเสิบสานขึ้นแล้ว คิดจริงๆ หรือว่าในป่าต้นหม่อนแห่งนี้พวกเขาจะได้เปรียบอย่างแน่นอน”

“เฮ้อ พูดได้เพียงว่าสถานการณ์ของพวกเราผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิไม่สู้ดีนัก ครั้งนี้ยังดีที่พวกเราหนีไว หาไม่แล้ว เกรงว่าจะถูกจับไปเป็นเบี้ยใช้แล้วทิ้ง ถูกบีบให้ขายวิญญาณให้สวะพ่อมดเถื่อนเหล่านั้นขุดสมบัติแน่”

“น่าชังนัก! ถ้าในหมู่ผู้ฝึกปราณจักรวรรดิเรามีตัวร้ายกาจอย่างหลินสือเอ้อร์สักสองสามคน ก็ไม่ถึงกับทำให้พวกเราคับแค้นใจปานนี้”

ฉับพลันในหมอกเลือดไกลออกไปก็มีเสียงก่นด่าสาปแช่งดังมาระลอกหนึ่ง ดึงดูดความสนใจของหลินสวิน

“ทุกท่าน ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นหรือ”

หลินสวินเข้าไปใกล้ เห็นผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิห้าหกคนกำลังหลบหนี ท่าทางเดือดดาลคับข้อง เขาจึงอดถามออกไปไม่ได้

“ยังจะอะไรอีก ในอุโมงค์ธรรมชาติที่อยู่ข้างหน้าแห่งหนึ่งมีแสงสมบัติอบอวลออกมา แต่กลับถูกสวะพ่อมดเถื่อนยึดครองไปแล้ว หนำซ้ำพวกมันยังจับพวกเราผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิไปเป็นหนังหน้าไฟ ให้ไปเสี่ยงอันตรายและขุดเอาสมบัติแทนพวกมัน ช่างรังแกกันเกินไปแล้ว!”

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยอย่างชิงชัง

“พ่อหนุ่ม รีบหนีไปเถอะ อย่าเข้าไปใกล้เด็ดขาด ที่นั่นถูกยอดฝีมือของไอ้สวะพ่อมดเถื่อนยึดครองแล้ว ในนั้นยังมีราชันกึ่งระดับคนหนึ่งสั่งการ ไปก็หาที่ตาย” ผู้ฝึกปราณคนอื่นพากันเอ่ยปากเตือน

“อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ขอบคุณมาก” หลินสวินพยักหน้าแล้วหายตัวไป

ก่อนหน้านี้เขาถูกพวกมู่หลิงเฟิงตามฆ่าเกือบประสบเคราะห์ ในใจเก็บกลั้นไฟโทสะไว้เต็มอกอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินเรื่องเช่นนี้ ทำให้หลินสวินหาทางระบายออกได้ในทันใด

“เขา… ไม่ฟังที่เตือนเลยหรือนี่ ไม่กลัวตายหรือไงกัน”

ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นล้วนอึ้งไป พบว่าทิศทางที่เด็กหนุ่มมุ่งหน้าไปนั้นเป็นพื้นที่ที่พวกเขาหนีออกมาก่อนหน้านี้

“ไม่ใช่! พวกเจ้าไม่สังเกตหรือ เด็กหนุ่มคนนั้นดูเหมือนกับหลินสือเอ้อร์ที่ลือกัน!” บางคนเหมือนรับรู้อะไรบางอย่าง ดวงตาพลันเปล่งประกายขึ้น

“อะไรนะ เขายังไม่ตายหรือ”

“สวรรค์ ข่าวใหญ่เลยนะเนี่ย! ถูกราชันกึ่งระดับสามคนตามฆ่ากลับยังรอดมาได้ จะแกร่งเกินไปแล้ว!”

ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นล้วนส่งเสียงฮือฮา ตื่นเต้นไม่หยุดหย่อน พวกเขาลองตรองดูก็ยิ่งรู้สึกว่าเด็กหนุ่มที่เพิ่งพบเมื่อกี้ก็คือหลินสือเอ้อร์!

เพราะเด็กหนุ่มคนนั้นถือคันธนูกระดูกขาวคันใหญ่หนาดุดันคันหนึ่ง และคันธนูนี้ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของหลินสือเอ้อร์แต่เพียงผู้เดียว เป็นที่จดจำอย่างยิ่งไปนานแล้ว!

“พวกเราจะตามไปดูหน่อยไหม”

มีคนเสนอ ทันใดนั้นก็ทำให้ผู้ฝึกปราณคนอื่นใจเต้นไม่หยุดหย่อน

“ไป!”

มีคนนำหน้า กัดฟันแล้วกลับไปยังทางเดิมทันที ผู้ฝึกปราณคนอื่นก็ล้วนรีบตามไป

……

ในพื้นที่ด้านหน้าคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นเตะจมูก บนพื้นยังมีซากศพแหลกเละ ล้วนเป็นผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิ น่าตกใจเมื่อได้เห็น

ชายชราน่าเกรงขามที่ร่างกายราวหลอมขึ้นจากหินผาผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น สายตาของเขาเย็นชาเหี้ยมเกรียม กำลังกวาดมองพื้นที่นี้อยู่

เขามาจากสายคนเถื่อนพสุธา มีนามว่าเถิงไห่ ก่อนหน้านี้ฆ่าผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิไปไม่น้อย และจับกุมผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิมาหลายคน

เวลานี้เขากำลังสั่งการผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิเหล่านี้ให้ช่วยเขาขุดอุโมงค์ธรรมชาติแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ นั้น ภายในมีแสงสมบัติพวยพุ่ง แต่ก็มีไอสังหารที่ไม่อาจคาดเดาได้ซ่อนอยู่เช่นกัน

ใกล้กันนั้น ยังมีผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนส่วนหนึ่งกำลังเฝ้าดูอยู่

“หืม มีปลาว่ายเข้าแหมาเองอีกตัวแล้ว”

เถิงไห่กระตุกยิ้มเหี้ยมเกรียม “เจ้าหมอนี่กล้าดีนี่ เห็นอย่างนี้ยังกล้าเข้ามาใกล้อีก”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนที่อยู่บริเวณนั้นก็หัวเราะ สีหน้าล้อเลียนเยาะหยัน

“คนบนพื้นเป็นเจ้าฆ่าใช่หรือไม่” สายตาหลินสวินกวาดมองไปที่ซากศพแหลกเละบนพื้น ดูสงบนิ่งอย่างมาก

ผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิจำนวนไม่น้อยที่ถูกจับกุมเป็นทาสในบริเวณนั้นต่างตื่นตระหนก หันสายตามามอง

“มองอะไร อยากตายหรือไง ขุดต่อไป!”

เถิงไห่ตะคอกอย่างโหดเหี้ยม ไอสังหารโอบล้อม

ผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิเหล่านั้นสีหน้าทั้งเขียวคล้ำและซีดเผือดปนเปกัน สุดท้ายทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทน ก้มหัวลงขุดบริเวณที่ใกล้กับอุโมงค์ใต้ดินนั้นต่อไป

“ไอ้หนู ข้าฆ่าแล้วจะทำไม อย่ามานิ่งบื้อ ไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปทำงานกับพวกมัน!”

เถิงไห่แสดงสีหน้าดูแคลน

“เอ๊ะ แปลกชอบกล ผู้อาวุโส เจ้าเด็กนี่เหมือนจะเป็น…” ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เหมือนจะสังเกตเห็นอะไรเข้า หน้าเปลี่ยนสีในทันใด จึงเอ่ยปากเตือน

ปัง!

เขาไม่ทันพูดจบ หลินสวินก็ง้างคันธนูวิญญาณไร้แก่นสารจนสุดแล้วยิงศรแห่งนภาครามออกไป เกิดเป็นเสียงระเบิดดังลั่น ภาพประหลาดปรากฏสู่สายตา กลิ่นอายทำลายล้างน่าหวาดหวั่นปกคลุมทั้งที่นั้นในชั่วอึดใจ

“เป็นมัน!”

ลูกตาของเถิงไห่แทบถลนออกมาเมื่อจำฐานะของอีกฝ่ายได้ สีหน้าก็กระวนกระวายขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็คำรามเดือดดาล พุ่งทะลุเมฆาขึ้นไป

ต้องกล่าวว่าด้วยฐานะราชันกึ่งระดับ การตอบสนองของเถิงไห่ไม่อาจพูดได้ว่าไม่เร็ว แต่อย่างไรเขาก็หลบหนีอย่างไม่ทันตั้งตัว จึงช้าไปก้าวหนึ่งเสียแล้ว

ปึ้ก!

ไกลออกไป ผู้ฝึกปราณที่เคยบังเอิญพบหลินสวินก่อนเหล่านั้นก็พากันกรูเข้ามา และเห็นเข้าพอดีว่าศรเทพสีดำทะลวงผ่านร่างเถิงไห่ที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ก่อให้เกิดบุบผาโลหิตแดงฉาน

ประหนึ่งประทัดลอยขึ้นสู่ท้องนภา ดอกไม้ไฟสีแดงดอกหนึ่งระเบิดออกในห้วงอากาศ งดงามทว่าน่าหวาดหวั่น

ราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งก็ตายลงต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ ความเขย่าขวัญเช่นนั้นทำให้ทุกคนพากันร้องเสียงหลง

พลานุภาพของหนึ่งศรน่าหวาดหวั่นตามที่ร่ำลือกัน!

ผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิ ณ ที่นั้นล้วนนึกถึงชื่อเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย หลินสือเอ้อร์!

และก็มีเพียงเขา ถึงได้มีวิชาธนูเย้ยฟ้าปานนี้!

ส่วนผู้แข็งแกร่งจากเผ่าพ่อมดเถื่อนเหล่านั้นล้วนกลัวไปหมดแล้ว จะคิดได้อย่างไรว่าเด็กหนุ่มที่จู่ๆ ฝ่าเข้ามาคนหนึ่งกลับสังหารราชันกึ่งระดับของพวกเขาด้วยศรเดียว

รวดเร็วเกินไปแล้ว!

ศึกที่ชี้เป็นชี้ตายด้วยศรเดียวเช่นนี้สร้างความสะเทือนขวัญเป็นพิเศษ ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนเหล่านั้นสมองว่างเปล่า

หลินสวินถือโอกาสนี้ดึงดาบหักออกมาสังหารหมู่อย่างไม่ลังเลสักนิด

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นตามมา ปลุกให้เหล่าผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิที่กำลังสะท้านขวัญอยู่ตื่นขึ้นราวเพิ่งตื่นจากฝัน ตอนนี้พวกเขาร้องเสียงดังมุ่งหน้ามาร่วมรบกับหลินสวิน

“ฆ่ามัน!”

“ฆ่าไอ้สวะพ่อมดเถื่อนชิงหมาเกิดพวกนี้ซะ!”

ผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิเหล่านี้ถูกจับเป็นทาส คับแค้นใจจนแทบบ้าอยู่ก่อนแล้ว และตอนนี้ไฟแค้นที่สุมอยู่เต็มอกก็ระบายลงที่ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนเหล่านี้

ออกแรงอยู่ครู่เดียวเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนสิบกว่าคนในที่นั้นก็ถูกสังหารหมู่จนหมดสิ้น เลือดสาดตายคาที่

ผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิทุกคนต่างฮึกเหิม พากันเข้าไปกล่าวขอบคุณหลินสวิน สายตามีความเคารพนับถือที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด

หลินสือเอ้อร์แห่งจักรวรรดิ สมคำร่ำลือจริงๆ!

ที่สำคัญกว่าก็คือ วันนี้พวกเขายังได้เด็กหนุ่มช่วยไว้ และได้เห็นอานุภาพที่เขาใช้ศรเดียวปลิดชีพราชันกึ่งระดับ!

จู่ๆ หลินสวินก็ออกจะรับความเร่าร้อนของทุกคนไว้ไม่ไหว กำชับให้พวกเขารีบกวาดทรัพย์หลังศึกให้หมด ส่วนเขากลับมาที่หน้าอุโมงค์ธรรมชาติแห่งนั้น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ส่วนลึกของอุโมงค์นี้ต้องมีสมบัติอะไรซ่อนอยู่แน่!

แต่ขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตได้ว่าในอุโมงค์มีกลิ่นอายอันตรายเย็นยะเยือกเสียดกระดูก ทำให้จิตใจเขาสั่นระรัว

“ในนี้เป็นอะไรหรือ” หลินสวินร้องถามผู้ฝึกปราณคนหนึ่ง

ผู้ฝึกปราณคนนั้นรีบร้อนตอบว่า “ไม่แน่ใจ แต่ก่อนหน้านี้ได้ยินราชันกึ่งระดับเผ่าพ่อมดเถื่อนนั่นวิเคราะห์ เห็นว่าสมบัติที่อยู่ในนั้นมีพลังชีวิตน่าตื่นตะลึงถึงที่สุดอยู่ อาจจะเป็นโอสถสมบัติไร้เทียมทานที่เพิ่งตื่นขึ้นจากความเงียบงันก็เป็นได้”

หลินสวินเลิกคิ้ว โอสถสมบัติไร้เทียมทานหรือ

แต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกหวาดกลัวยามมองไปที่ด้านล่างของอุโมงค์นั้น เหมือนมีดวงตาดวงหนึ่งสบตาตนอยู่…

หลินสวินสูดหายใจลึกแล้วสั่งว่า “พวกเจ้าออกจากที่นี่ไปก่อน ข้าจะลองดูหน่อย จำไว้ ถอยไปยิ่งไกลยิ่งดี”

ผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิเมื่อได้ยินดังนั้นพากันจิตใจสั่นสะท้าน ไม่กล้าร่ำไร พากันหลบไปยังบริเวณที่ไกลออกไป

แต่หลินสวินกลับหยิบดาบหักออกมา เมื่อกัดฟันเตรียมจะฟันอุโมงค์ให้เปิดออกอย่างเต็มแรง ฉับพลันทันใด ลำแสงสีเขียวก็พุ่งขึ้นมา!

ชั่วขณะนั้นเขาเห็นอย่างชัดเจน ว่าในส่วนลึกของอุโมงค์นั้นมีดวงตาดวงหนึ่งเบิกกว้างอย่างเย็นชาและเรียบเฉย แผ่แสงสีเขียวน่าหวาดหวั่นออกมา กระบอกตานั้นลึกล้ำราวอวกาศ บังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดน่าพรั่นพรึงอย่างสุริยันจันทราสาดส่องสะท้อนกัน เดือนปีหมุนเวียน

สวบ!

หลินสวินจิตใจสั่นสะท้านไม่สงบ จะยังกล้าลังเลได้อย่างไร สำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งเต็มกำลัง แล้วหายตัวไปจากที่เดิมในชั่วพริบตา

กระทั่งหนีออกมาเกือบร้อยลี้ ใจเขาก็ยังเต้นระรัวรุนแรง หวาดผวาอย่างยิ่ง น่ากลัวเกินไปแล้ว!

นั่นย่อมเป็นสิ่งมีชีวิตน่าพรั่นพรึงตัวหนึ่งที่จำศีลอยู่ใต้ปฐพีแห่งนี้ เป็นไปได้สูงมากว่าจะบรรลุอริยมรรคเหมือนผีเสื้อราตรีสีเลือด จักจั่นขาว และจักจั่นทอง!

‘โอสถสมบัติไร้เทียมทานบ้าบออะไรกัน!’

หลินสวินลอบด่าทอในใจ เหงื่อกาฬท่วมตัว ป่าต้นหม่อนแห่งนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว ทุกที่ล้วนมีไอสังหารที่ไม่อาจคาดคิดได้ซุกซ่อนอยู่

ไม่นานนักผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิเหล่านั้นก็พากันรุดหน้ามา เมื่อเห็นว่าหลินสวินไม่เป็นอะไรก็ลอบถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นหาใดเทียบนั้น แม้อยู่ห่างไปไกลลิบ ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจนใจเต้นรัว

ต่อมาผู้ฝึกปราณเหล่านี้ก็แบ่งทรัพย์หลังศึกเกินครึ่งให้หลินสวิน ภายในนั้นมีหินหยกอัศจรรย์ไม่น้อย ทั้งยังมีวัตถุดิบวิญญาณและสิ่งของหายากบางอย่าง

ตอนนี้หลินสวินกำลังต้องการหินหยกอัศจรรย์อยู่พอดี ย่อมไม่เกรงใจเป็นธรรมดา นี่ทำให้เขาถึงกับมีความคิดอย่างหนึ่งว่า…

บางทีอาจจะลองไปล่าสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนเหล่านั้น เพื่อรวบรวมหินหยกอัศจรรย์ที่จำเป็นต่อการแปรสภาพดาบหักดีหรือไม่

__

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด