Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 834 ลบหลู่และประณาม

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 834 ลบหลู่และประณาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 834 ลบหลู่และประณาม
เซี่ยอวี้ถังไม่อาจไม่เดือดดาล หรือควรพูดว่าริษยา

ช่วงเวลานี้ข่าวลือเกี่ยวกับหลินสวินมีมาต่อเนื่อง ทำทั้งแดนฐิติประจิมสั่นสะเทือน เปิดฉากคลื่นลมไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร

หลินสวินราวกลายเป็นหนึ่งในบุคคลแห่งยุครุ่นเยาว์แห่งแดนฐิติประจิมซึ่งได้รับความสนใจที่สุด จนใครๆ ต่างรู้จัก

ในเขตแคว้นหลายพันเมืองร่วมหมื่นแห่งแดนฐิติประจิมปัจจุบัน แทบทุกแห่งต่างพูดถึงทุกอย่างเกี่ยวกับ ‘เทพมารหลิน’

เปรียบเทียบกันแล้ว เขาเซี่ยอวี้ถังแม้กราบอาจารย์เข้าสำนักกระบี่โผผินอยู่ก่อน แต่ชื่อเสียงกลับจำกัดอยู่แค่ในแคว้นล้ำเมฆา ช่างแตกต่างอย่างมากเหลือเกิน

นี่จะให้เซี่ยอวี้ถังผู้เย่อหยิ่งจองหอง ไม่เห็นหลินสวินในสายตามาตลอดอดกลั้นได้อย่างไร

เด็กหนุ่มซึ่งมาจากชนบทห่างไกลความเจริญของโลกชั้นล่างคนหนึ่ง บัดนี้กลับทะยานเหนือเมฆ ชื่อเสียงขจรขจายทั่วสรรพทิศ นี่ทำให้เซี่ยอวี้ถังไม่อาจยอมรับโดยสิ้นเชิง

ด้วยเหตุนี้วันนั้นเอง เขาอาศัยฐานะของผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผิน เปิดเผยข่าวแก่เผ่าวาทวาโย หมายเปิดโปงเบื้องหลังหลินสวิน บดขยี้ข่าวลือไร้สาระเกี่ยวกับหลินสวินซะ!

นี่แหละคือข่าวใหญ่!

เผ่าวาทวาโยทราบเรื่องทั้งหมดนี้ก็ป่าวประกาศออกไปทันที

“ข่าวชวนตะลึง! จากการเปิดเผยของเซี่ยอวี้ถังผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผิน เทพมารหลินมาจากโลกชั้นล่าง มีชาติกำเนิดกระจ้อยร้อย หาใช่ผู้สืบทอดสำนักปริศนาบางแห่งอย่างแน่นอน! สันนิษฐานเช่นนี้ เทพมารหลินน่าจะไม่เกี่ยวเนื่องอันใดกับหญิงสาวปริศนานั่น!”

ทันใดนั้นแดนฐิติประจิมอึกทึกครึกโครมอีกครา ผู้ฝึกปราณมากมายหลายหลากตะลึงนิ่งอึ้ง

โลกชั้นล่าง?

ในสายตาผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน นั่นเป็นดินแดนแห่งความแร้นแค้นเกินทน มหามรรคบกพร่อง ประหนึ่งซากปรักหักพังแห่งการบำเพ็ญเพียร พูดว่าเป็นดินแดนแห่งการทอดทิ้งล้วนไม่ถือว่าผิด!

เมื่อเผชิญหน้าโลกชั้นล่าง ผู้ฝึกปราณดินแดนรกร้างโบราณโดยกำเนิดจะมีท่าทีหยิ่งในศักดิ์ศรีสูงส่งเหนือผู้อื่นประการหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับผู้ดีมีสกุลพำนักอยู่ราชวัง เผชิญหน้าขอทานซึ่งอาศัยอยู่เขตสลัม

ไม่นึกเลยว่าเทพมารหลินคือผู้ฝึกปราณจากโลกชั้นล่าง

นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนซึ่งเดิมยกย่องสรรเสริญหลินสวินอย่างยิ่งต่างตะลึงงันอยู่บ้าง

“เหอะ ที่แท้เป็นพวกจากโลกชั้นล่างคนหนึ่ง ข้ายังมองเขาวิเศษวิโส สุดท้ายก็แค่นี้!”

“เทพมารหลินอะไรกัน ล้วนแต่ถูกเผ่าวาทวาโยคุยโวโอ้อวด ว่ากันตามตรง นี่แค่คนบ้านนอกซึ่งโผล่มาจากโลกชั้นล่างเท่านั้น ไม่สมชื่อเสียง!”

น้ำเสียงเยาะหยันเหน็บแนมมากมายเริ่มปรากฏ

หลายวันมานี้ทุกแห่งหนล้วนมีคำเล่าลือของหลินสวิน บอกว่าเขาเป็นเอกบุคคลรุ่นเยาว์ ใจกล้าเกินมนุษย์มนา ยกยอเขาราวบุคคลครองพิภพ เจิดจรัสหาใดเปรียบคนหนึ่ง

เดิมนี่ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณรุ่นเยาว์บางส่วนไม่พอใจนัก ทั้งอิจฉาทั้งริษยา

บัดนี้เห็นเบื้องหลังหลินสวินถูกเปิดเผย พวกเขาพลันมีความสุขบนความทุกข์คนอื่น ฉวยโอกาสซ้ำเติมทันที ทำการประณามและเย้ยหยันหลินสวิน

ชั่วขณะเดียวนำคำว่าร้ายนานัปการก็ดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย ส่วนมากล้วนมาจากผู้ฝึกปราณรุ่นเยาว์ พวกเขาไม่พอใจมากและริษยายิ่ง เห็นว่าหลินสวินไม่คู่ควรมีชื่อเสียงเช่นวันนี้แต่แรก

เห็นสภาพการณ์เกิดผกผัน นี่ทำให้เซี่ยอวี้ถังผู้แพร่ข่าวพลันหัวเราะ เผยเจตนาชั่วร้าย

เขาแอบกล่าวอยู่ในใจ ‘หลินสวินเอ๋ยหลินสวิน เจ้าก็อย่าโทษข้าเลย ใครให้เจ้าก้าวกระโดดจนเกินงาม สุดท้ายชื่อเสียงจอมปลอมก็คือชื่อเสียงจอมปลอม ข้าแค่พูดความจริงบางอย่างเท่านั้น สมควรให้ผู้คนตาสว่างสักหน่อย ได้รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าอย่างชัดเจน!’

เซี่ยอวี้ถังเห็นว่าตนไม่ได้ทำผิด แม้หลินสวินจะแค้นตนด้วยเหตุนี้ เขาก็ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย!

เมื่อทราบเรื่องทั้งหมดไป่เฟิงหลิวเองก็กลัดกลุ้มและเดือดดาลนัก เกียรติภูมิและฐานะที่เขาเพลิดเพลินอยู่ตอนนี้ล้วนสร้างจากการแพร่ข่าวเกี่ยวกับหลินสวิน ส่วนลึกก้นบึ้งจิตใจเห็นหลินสวินเป็น ‘ขุมสมบัติ’ เพื่อขุดค้นข่าวสารอย่างหนึ่ง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีหรือจะทนให้คนอื่นล้มล้างข่าวที่ตนแพร่ได้

ตนเพิ่งบอกว่าเทพมารหลินเกี่ยวข้องกับหญิงสาวปริศนานั่น แต่กลับถูกคนปฏิเสธ นี่แม่งต่างอะไรกับตีแสกหน้า

ไป่เฟิงหลิวโกรธจัด เริ่มแถลงข่าวดำเนินการโต้กลับ “เหอะๆ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินคนหนึ่งสามารถเป็นตัวแทนทั้งสำนักกระบี่โผผิน มาทำการป้ายสีและสบประมาทผู้กล้าแห่งยุครุ่นเยาว์คนหนึ่ง!”

เขาปล่อยวาจารุนแรงออกมาโดยตรง “ถ้ากล้าก็พนันกับข้า หากเทพมารหลินและหญิงสาวปริศนาไม่มีความสัมพันธ์กัน ข้าจะตัดหัวขอโทษผู้คนทั้งใต้หล้า แต่หากที่ข้าพูดเป็นความจริง เจ้าผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินนี่กล้าตัวหัวตนเองมาขอขมาหรือไม่”

ครืน!

ทันใดนั้นผู้ฝึกปราณแดนฐิติประจิมนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่านอีกครา การพนันนี้ช่างมีสีสัน สภาพการณ์เห็นชัดว่าจะพลิกกลับ

เซี่ยอวี้ถังอัดอั้นแทบกระอักเลือด สีหน้าถมึงทึง กำลังหมายทำการตอบกลับแต่ถูกจั๋วขวงหลันรั้งไว้

“ศิษย์น้องเซี่ย ไม่ว่าข่าวจริงหรือเท็จแล้วจะเกี่ยวอะไรกับพวกเรา อย่าได้ก่อคลื่นลมด้วยเหตุนี้!” วาจาจั๋วขวงหลันราบเรียบ แต่ไม่ยอมให้สงสัย

สีหน้าเซี่ยอวี้ถังปรวนแปรนานพอควร สุดท้ายจึงอดทนกัดฟัน ลอบตัดสินใจว่าหลังจากนี้เมื่อความจริงกระจ่าง สุดท้ายคนบนโลกจะรู้ว่าใครถูกใครผิด!

แต่การเงียบของเซี่ยอวี้ถังกลับถูกไป่เฟิงหลิวมองว่ายอมจำนน เขาได้ใจภาคภูมิ ปล่อยข่าวอย่างเอื้อเฟื้อใจกว้างเหลือประมาณ “เจ้าหนุ่ม อย่ามัวแต่คิดสร้างข่าวใหญ่ เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเป็นการตบหน้าตัวเองอย่างนั้นหรือ”

เซี่ยอวี้ถังโกรธจนหน้าเขียว ไอ้แก่เผ่าวาทวาโยนี่กล้าวิจารณ์เขาเชิงลบ คงอยากตายจนทนไม่ไหว!

สรุปแล้ว ทุกอย่างนี้เพียงพออธิบายว่าคลื่นลมครานี้ใหญ่โตอึกทึกครึกโครม ทั้งแดนฐิติประจิมล้วนถูกสั่นคลอน

แน่นอนว่ามีเสียงแข็งกร้าวยิ่งยวดแพร่ออกมา อาทิเช่นผู้กล้าแห่งยุครุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในแดนฐิติประจิมคนหนึ่ง ก็อวดดีและหยิ่งผยองนัก

เขากล่าวว่า “โลกปัจจุบันนับวันยิ่งเหลวแหลกขึ้นทุกที สามารถเอาคำว่า ‘เทพมาร’ มาใช้กับตัวเองง่ายๆ เลยหรือ ไปบอกเทพมารหลินที่ว่านี่ ถ้ากล้าก็มาเขาพยับครามเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรค ข้าจงหลีอู๋จี้จะคว่ำเขาเป็นคนแรก!”

นี่ก่อให้เกิดคลื่นถาโถมมหึมา ผู้ฝึกปราณมากมายสูดหายใจเย็นเยียบ จงหลีอู๋จี้เป็นบุคคลแห่งยุคเยี่ยงราชันมารกลับชาติมาเกิด มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในบรรดาคนรุ่นเยาว์แดนฐิติประจิม ทรงพลังเหลือประมาณ

ไม่นานนักหญิงสาวอีกคนก็กล่าวเรียบๆ “พิภพไร้ผู้กล้าแล้วหรือ ถึงนำพวกไร้น้ำยามาสร้างชื่อ ถ้าหลินสวินนั่นกล้าปรากฏตัวบนเขาพยับคราม ข้าจะทำให้เขาสำนึกผิดขอขมาต่อหน้าธารกำนัล ยอมรับว่าชื่อตนไม่สมชื่อ!”

ทันใดนั้นคนมากมายต่างตกตะลึงยากจะเชื่อ

เพราะหญิงสาวที่กล่าววาจานั้นมาจากเผ่าหงส์เขียว หนึ่งในสิบเผ่าใหญ่แห่งแดนฐิติประจิม นามว่าชิงเหลียนเอ๋อร์ เป็นธิดาเทพยุคปัจจุบันของเผ่าหงส์เขียว ครองความรุ่งโรจน์เหนือพิภพ ท่วงท่าอัศจรรย์ฝีมือล้ำเลิศ!

ก่อนหน้ามีจงหลีอู๋จี้เอ่ยปากปรามาส ยังมีชิงเหลียนเอ๋อร์กล่าววาจาตามมา ชั่วขณะหนึ่งจึงดึงดูดสายตาทั้งแดนฐิติประจิม ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนในใจสั่นสะท้าน

แม้แต่สำนักโบราณบางส่วนต่างถูกทำให้ตระหนก ทุกคนล้วนตระหนักได้ว่าเทศกาลโคมกถามรรคซึ่งใกล้จะเปิดฉากในไม่ช้านี้ ต้องเกิดการต่อสู้สะเทือนใต้หล้าแน่

เพียงแต่เทพมารหลินเผชิญหน้าการลบหลู่และประณามเช่นนี้ จะกล้ามุ่งหน้าสู่เขาพยับครามเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคหรือไม่

โลกภายนอกคลื่นลมโหมคลั่ง เกิดเรื่องจนอึกทึกครึกโครม

แต่หลินสวินผู้เป็นตัวหลักกลับไม่รับรู้สรรพสิ่ง

เขากำลัง ‘ทะลวงด่านทดสอบ’

หลังหญิงสาวปริศนาจากห้องโถงมรรคาสวรรค์จากไป เขาก็ทะลวงด่าน

ด่านที่หกแห่งทางเดินเมฆาหยกนาม ‘จิตขับเคลื่อน’ พูดว่าทะลวงด่าน แท้จริงคือการทดสอบและขัดเกลาซึ่งมุ่งเป้าที่พลังจิตของผู้ฝึกปราณ

เมื่อการทะลวงด่านเริ่มต้น เงามายามารสวรรค์หลากสายจะปรากฏในห้วงนิมิต ทำการจู่โจมพลังจิต

เงามายามารสวรรค์เหล่านี้แม้ไร้รูปไร้สถานะ แต่ควบคุมวิชาลับโจมตีจิตวิญญาณอันน่าหวาดกลัว วิวัฒน์เป็นรูปลักษณ์ชวนประหวั่นไร้ขอบเขตต่างๆ อย่างอสนีบาต ลมกาฬวาต เพลิงใต้พิภพ วารีทมิฬ

หลินสวินโคจรเคล็ดเวทบริกรรม พลังจิตส่องประกายสว่างไสวประดุจตะวันสะท้อนนภาคราม กระจ่างแผ่ไพศาลสรรพสิ่งไม่อาจล่วงล้ำ

ท่ามกลางการโรมรันเช่นนี้ กลับทำให้หลินสวินขัดเกลาพลังจิตจนแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม มีความเคร่งขรึมทรงสง่าอยู่เลือนราง

ไม่นานนักเงามายามารสวรรค์วิวัฒน์เป็นพลังอัศจรรย์นานัปการอาทิ วาโยกลืนกิน แสงร่ายไหลบ่า รุ้งแม่เหล็ก บุปผาสวรรค์ ระดมบุกโจมตีรอบใหม่

ในที่สุดหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดัน พลังจิตสั่นระรัวรุนแรง อยู่ในสภาพ ‘เกิดดับสับเปลี่ยน’ อย่างหนึ่ง ราวพร้อมทลายทุกเมื่อ ทั้งเสมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ตลอดเวลา มหัศจรรย์ยิ่งยวดและล่อแหลมอันตรายเหลือประมาณ

สุดท้ายเงามายามารสวรรค์เปลี่ยนไปอีกครั้ง กลายเป็นโซ่ตรวนหลากสายห้อมล้อมพลังเคราะห์ หมายพันธนาการกำจัดพลังจิตของหลินสวิน

นี่คือการโจมตีที่น่ากลัวที่สุดโดยมิต้องสงสัย!

สิ่งเดียวที่หลินสวินสามารถทำได้คือรวมพลังเป็นหนึ่ง ยืนหยัดเจตนารมณ์ โคจรเคล็ดเวทบริกรรมถึงขีดสุด

พลังจิตเขาบ้างวิวัฒน์เป็นวัฏจักรหมู่ดาวพร่างฟ้า เจิดจรัสดั่งกระดานหมากแห่งจักรวาล ดวงดารากระจายแน่นหนาอยู่ภายใน เผยลักษณ์อัศจรรย์แห่งดาราจักรโคจร

บ้างดุจจันทร์เพ็ญแขวนประดับเหนือนภาคราม ประกายเงินพลิ้วละล่อง เห็นชัดถึงการเปลี่ยนแปรของความมืดมิดและกระจ่างกลมมน เผยลักษณ์แห่งจันทราเคลื่อนคล้อย

บ้างกลับผสานรวมใหม่เป็นตะวันดวงโต ปลดปล่อยแสงสว่างไร้สิ้นสุด ดำรงอยู่ทุกอณู!

สุดท้ายสามมหาลักษณ์อัศจรรย์ ดาราจักรโคจร จันทราเคลื่อนคล้อย และตะวันจรัสแสงรวมเป็นหนึ่ง ก่อเป็นเค้าร่างปาฏิหาริย์ยิ่งใหญ่ ‘สุริยันจันทราเด่นนภา หมื่นดาราล้อมพิทักษ์’ อยู่ในห้วงนิมิต

ขณะเดียวกันพลังจิตเกิดเปลี่ยนแปลงคล้ายจักรวาลแรกกำเนิด ทั้งราวเปลือกไข่เปิดกะเทาะ กลายเป็นละอองแสงหลากสีงามตระการนับหมื่นพัน จากนั้นจึงเริ่มเกาะรวมกันใหม่อีกครั้งทีละน้อย…

สุดท้ายกลายเป็นคนตัวเล็กสูงประมาณชุ่น เงาร่างสูงสง่า ใบหน้าซึ่งเดิมเลือนรางค่อยๆ ชัดเจน นัยน์ตาดำเปล่งประกาย เครื่องหน้าทั้งห้าหล่อเหลา รูปลักษณ์ถึงกับเหมือนหลินสวิน

คนตัวเล็กนั่งขัดสมาธิในห้วงนิมิต บริสุทธิ์ผุดผ่องปลีกโลกา เคร่งขรึมมีสง่า เหนือศีรษะดวงดาราล้อมพิทักษ์ จันทร์เพ็ญแทรกประดับ ตะวันเจิดจ้าสาดส่องแผ่ไพศาล ขับเน้นให้คนตัวเล็กประดุจนายเหนือหัวผู้หนึ่ง วิเศษอัศจรรย์หาใดเปรียบ

ถึงตอนนี้เงามายามารสวรรค์แตกซ่านตูมตาม สลายหายไร้ร่องรอย

ส่วนการเคี่ยวกรำเคล็ดเวทบริกรรมของหลินสวินก็บรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ หลอมรวมเป็นหนึ่ง สุดท้ายพลังจิตจึงปรากฏการเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุด พัฒนาจาก ‘พลังจิต’ เป็น ‘วิญญาณเทพ’!

วิญญาณเทพ คือวิญญาณแห่งพลังจิต

ในโลกของคนธรรมดา วิญญาณเทพซึ่งปุถุชนทั่วไปต่างบูชาเลื่อมใส แท้จริงแล้วก็คือมหายุทธ์ซึ่งครอบครอง ‘วิญญาณแห่งพลังจิต’!

ถึงอย่างไรในสายตาปุถุชน ผู้ฝึกปราณซึ่งสามารถเหินฟ้าดำดิน ควบคุมลมสายฟ้า ก็ไม่ต่างอะไรกับวิญญาณเทพในตำนาน

พรึ่บ!

กลางห้องโถงมรรคาสวรรค์หลินสวินลืมตาขึ้น ขณะเดียวกันวิญญาณแห่งพลังจิตสูงหนึ่งชุ่นในห้วงนิมิตเขาก็ลืมตาขึ้นด้วย

พริบตานั้นความรู้สึกอัศจรรย์ยากพรรณนาบังเกิดขึ้นจากก้นบึ้งจิตใจหลินสวินตามธรรมชาติ เขาสังเกตเห็นว่าการทะลวงด่านครั้งนี้ของตนได้เปลี่ยนแปลงและยกระดับอย่างพิเศษโดดเด่นโดยสมบูรณ์!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด