Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 853 อานุภาพไม่อาจต้าน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 853 อานุภาพไม่อาจต้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 853 อานุภาพไม่อาจต้าน
เป็นไปได้อย่างไร

ซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ต่างตกใจ

ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามสังหารเทพมารหลินให้ได้เป็นคนแรก ต่างใช้ท่าไม้ตายและสำแดงความสามารถที่แท้จริงของตัวเองออกมา คิดไปตามจิตใต้สำนึกว่า หากไม่ใช่เพราะพวกเขาสองคนขัดขวางกันเอง ตอนนี้คงฆ่าเทพมารหลินได้ตั้งนานแล้ว

แต่ใครจะคิดว่าความจริงกลับตรงข้าม!

แม้เทพมารหลินเผชิญการโจมตีอย่างรุนแรงของพวกเขาทั้งสอง แต่ไม่เพียงไม่เคยถูกกำราบ กลับยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ถึงขั้นทำให้พวกเขารับรู้ได้ถึงแรงกดดันหนึ่ง

นี่จะไม่ให้พวกเขาหวั่นไหวได้อย่างไร

“ฆ่า!”

ซาหลิวฉานตะโกน ราวกับเทพเถื่อนองค์หนึ่ง แข็งแรงมีพลัง ร่างกายประหนึ่งหลอมขึ้นจากเลือดหยก เจิดจ้าเป็นประกาย พุ่งทะยานขึ้นไป

เขาเป็นถึงบุตรเทพเผ่าฉลามสมุทร เป็นทายาทสัตว์ปีศาจบรรพกาลอยู่แต่เดิม มีกำลังอันยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน ยามนี้โจมตีอย่างเดือดดาล พลานุภาพพลันแตกต่างจากเดิม

“หึ!”

ในเวลาเดียวกันชิงเหลียนเอ๋อร์เองก็ถูกกระตุ้นจนโกรธอย่างสิ้นเชิงแล้ว เงาร่างเพรียวยาวของนางแผ่แสงสีเขียวออกมา บนใบหน้างดงามเย็นชาเต็มไปด้วยความดุร้าย

ชิ้ง!

นางเรียกดาบโค้งสีเขียวที่ราวกับปีกนกเล่มหนึ่งออกมา อักษรสัญลักษณ์ด้านบนไหลเวียน นี่เป็นสมบัติลับที่ยิ่งใหญ่ไร้ที่เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย

ทว่าสู้กันมาจนถึงตอนนี้ หลินสวินพอจะรู้ความสามารถของทั้งสองคร่าวๆ แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว

เขาพุ่งเข้าตรงกลาง ร่างกายที่สง่างามอาบแสงศักดิ์สิทธิ์ นัยน์ตาเย็นชาเบิกโพลง สาดแสงประกาย ราวกับมหาเทพมาร อานุภาพน่าหวั่นหวาด

ครืนโครม!

การต่อสู้กลางอากาศดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ที่ตรงนั้นแสงประกายพวยพุ่ง เลือดลมพลุ่งพล่าน สายลมรุนแรง หากเกิดขึ้นในเมืองเกรงว่าคงนำพาวิบัติภัยที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างแน่นอน

ตู้ม!

ในการต่อสู้ หลินสวินใช้แรงหมัดสลายการป้องกันของซาหลิวฉานโดยตรง จากนั้นพุ่งปะทะอย่างแข็งกร้าว ลมหมัดที่ส่องประกายแสบตาสะเทือนจนง่ามนิ้วของซาหลิวฉานแตก เลือดสดสาดกระเซ็น

หลินสวินในตอนนี้เผด็จการอย่างที่สุด พลังต่อสู้ทั่วทั้งร่างพลุ่งพล่าน มีอานุภาพกวาดล้างสรรพทิศ

ปัง!

แรงหมัดของเขาน่ากลัวเกินไป ทำให้ห้วงอากาศแถบนี้ถูกแสงเจิดจ้าปกคลุม แสบตาอย่างที่สุด ท้องฟ้าทั้งผืนราวกับถูกสะเทือนไหว คำรามและสั่นสะเทือนไปตามแรงหมัด

ทันใดนั้นซาหลิวฉานพลันเซถอย ถูกซัดจนเลือดลมทั่วร่างพลิกตลบ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเดือดดาลถึงขีดสุดทันที

“เป็นไปได้อย่างไร!” เขาตะโกนอย่างฉุนเฉียว เขาเคยสืบข่าวต่างๆ เกี่ยวกับหลินสวินอย่างละเอียดที่หน้าต้นข่าวสาร และเห็นว่าหากตนลงมือก็สามารถกำราบอีกฝ่ายได้

เพียงแต่ซาหลิวฉานกลับไม่เคยคิดว่า สิ่งที่เขารู้คือหลินสวินในช่วงก่อน หลินสวินในตอนนี้ได้ผ่านมหาเคราะห์สามพิบัติมาตั้งนานแล้ว ได้เปลี่ยนแปลงสู่ระดับใหม่อย่างสิ้นเชิง แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนอย่างมาก!

ผู้คนในที่นั้นตะลึง อุทานเสียงหลง รู้สึกยากจะเชื่อ

พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเทพมารหลินที่เดิมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกบุคคลแห่งยุคชั้นยอดสองคนกดข่มอย่างต่อเนื่อง กลับเริ่มเป็นฝ่ายคุกคามในสถานการณ์เช่นนี้!

เหล่าผู้กล้าเองก็ตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจแต่ก็จำต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาดูถูกเทพมารหลินเกินไป

นี่ทำให้พวกเขาต่างไม่สบายใจมาก

ครืนโครม!

ท้องฟ้าเขย่าแผ่นดินสะเทือน

เพิ่งซัดซาหลิวฉานจนถอยไป เงาร่างของหลินสวินพริบไหว ทะยานขึ้นแล้วยื่นมือออกไป โคจรความเร้นลับของผนึกป้าเซี่ย หยุดดาบที่โจมตีเข้ามาของชิงเหลียนเอ๋อร์ในชั่วพริบตา

และหลินสวินก็ฉวยโอกาสนี้พุ่งไปข้างหน้า ปล่อยหมัดที่ผสมผสานเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์อันมหัศจรรย์และสมบูรณ์แบบออกไปอย่างรุนแรง

ตูม!

หมัดนี้ทำให้อากาศถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ราวกับเศษผ้า อานุภาพเกินต้านทาน เผด็จการถึงขีดสุด กระแทกดาบโค้งสีเขียวนั่นโดยตรง

ชิงเหลียนเอ๋อร์สั่นเทิ้มไปทั้งกายราวกับถูกฟ้าผ่า รู้สึกแน่นหน้าอก ทรมานจนเกือบจะกระอักเลือด จำต้องถอยหนีไป ดาบโค้งสีเขียวของนางยิ่งเกือบจะปลิวหลุดมือไป

ครืนโครม~~~ ตรงตำแหน่งที่นางยืนอยู่ตอนแรก อากาศระเบิดกลายเป็นกระแสปั่นป่วนแผ่กระจายออกมา นี่ทำให้ในใจชิงเหลียนเอ๋อร์หวาดหวั่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง พลันขมวดคิ้ว เหตุใดจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

ทว่าแม้จะเสียเปรียบไปเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะเป็นซาหลิวฉานหรือชิงเหลียนเอ๋อร์ ก็สมกับที่เป็นบุคคลแห่งยุคชั้นยอดรุ่นเยาว์ ไม่บาดเจ็บเลยสักนิด

เพียงแต่สีหน้าของพวกเขาต่างแฝงความจริงจัง ตระหนักได้ว่าเทพมารหลินที่อยู่ตรงหน้า คงจะมีรากฐานพลังอันน่ากลัวที่สามารถกำราบคนในระดับเดียวกันได้เหมือนกับพวกเขา

นี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง!

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งสามสู้กันอย่างวุ่นวายอลม่าน กลางท้องฟ้า เมฆแตกสลาย อากาศปั่นป่วน ตกอยู่ท่ามกลางความสั่นสะเทือน

ส่วนผู้ฝึกปราณในที่นั้นได้แต่อึ้งค้างอยู่กับที่ไปนานแล้ว ในใจถูกความตะลึงอันไร้ขีดจำกัดท่วมท้น

ช่างสมกับที่เป็นเทพมารหลิน!

อวดอ้างชื่อซะที่ไหนกัน ไม่สมคำร่ำลือซะที่ไหนกัน นี่มันดุร้ายและผงาดผยองยิ่งกว่าในข่าวลือชัดๆ!

ภายใต้การโจมตีของผู้กล้าไร้เทียมทานสองคน ยังสามารถสู้มาได้ถึงตอนนี้ ถึงขั้นที่เคยซัดคู่ต่อสู้จนล่าถอย อานุภาพที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ ทอดสายตามองไปในบรรดาคนรุ่นเยาว์จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้

“ภายใต้ชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ ไม่เคยมีผู้อ่อนแอ!” มีผู้ฝึกปราณรุ่นอาวุโสทอดถอนใจ ประโยคเดียวก็พิสูจน์แล้วว่า คำวิจารณ์ของผู้ฝึกปราณมากมายที่มีต่อหลินสวินก่อนหน้านี้น่าขันแค่ไหน

“เด็กนี่พลังต่อสู้น่าทึ่งจริงๆ ในบรรดาคนรุ่นเดียวกันยากจะมีคนสู้ได้แล้ว” ผู้กล้าหลายคนในที่นั้นติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็กล้าฟันธงแล้วว่า ความสามารถของหลินสวินถือว่าเป็นบุคคลชั้นยอดแห่งยุคในบรรดาคนรุ่นเยาว์แล้ว

“ไม่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะแพ้ชนะอย่างไร ในเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ พวกเราก็มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว”

แววตาของมู่เจี้ยนถิงศิษย์สืบทอดแท้จริงรุ่นเยาว์แห่งอารามพรางมรกตสาดประกาย ราวกับกระบี่ดาบปะทะกัน

“เหนือความคาดหมายจริงๆ ได้ยินว่าเด็กคนนี้ก็เป็นผู้ฝึกปราณที่มาจากโลกชั้นล่าง แต่รากฐานและพลังที่เขามีเรียกได้ว่าน่าทึ่ง หากเจอเขาในเทศกาลโคมกถามรรค ต้องมองเขาในฐานะศัตรู!”

หลี่ชิงฮวนบุคคลชั้นยอดรุ่นเยาว์แห่งสำนักยุทธ์สมุทรครามพูดเสียงเบา เสียงแฝงความจริงจังและเคร่งขรึม

“คู่ต่อสู้เช่นนี้จึงจะน่าตื่นเต้น หากอ่อนแอเกินไปก็น่าเบื่อ” เหลยเชียนจวิน เหลยโหวน้อยแห่งเผ่ามหาอสนีเองก็ส่งเสียงอย่างกึกก้องทรงพลัง มีอานุภาพกดดันปานระเบิด

นอกจากพวกเขา ในที่นั้นยังมีบุคคลไร้เทียมทานอย่างพวกเขาอีกไม่น้อย ท่าทีที่มีต่อหลินสวินล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ เพราะการต่อสู้ในครั้งนี้

ส่วนเหล่าผู้กล้าที่ก่อนหน้านี้เยาะเย้ยและดูถูกหลินสวิน ตอนนี้สีหน้าต่างอึมครึมเล็กน้อย ในใจตะลึงอย่างไม่สามารถสงบได้

เดิมทีจิตใต้สำนึกของพวกเขาคิดว่าหลินสวินมาจากโลกชั้นล่าง ฐานะข้นแค้น ข่าวลือเกี่ยวกับเขาก็ล้วนบิดเบือน มองว่าเขาเป็นคนที่ไม่ได้มีดีสมชื่อ เที่ยวแอบอ้างหลอกลวงคนอื่น เป็นที่เหยียดหยามและดูถูกมาก

แต่ตอนนี้ศึกที่อยู่ตรงหน้าได้พิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิดอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังผิดมหันต์อีกด้วย!

ความจริงข้อนี้เหมือนฝ่ามือล่องหนที่สะบัดใส่หน้าพวกเขาอย่างแรง เจ็บแสบทรมานและยากจะยอมรับ

“นี่ๆๆๆ…” ในหอวสันตสารท เยี่ยนสยาในเสื้อคลุมนกกระเรียนสีเพลิงเบิกตาโพลง ท่าทางไม่กล้าเชื่อ

ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะคนอื่นๆ ก็เช่นกัน สีหน้าต่างอึมครึมไม่สงบ หัวสมองมึนงง

เมื่อครู่นี้พวกเขาเพิ่งเหยียดหยามและเย้ยหยันหลินสวิน คิดว่าเขาจะต้องประสบเคราะห์ เหมือนหนูข้างถนนที่ใครๆ ต่างรังเกียจ

แต่พริบตาเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!

เทพมารหลินที่ถูกพวกเขาดูถูก กลับสู้กับบุคคลไร้เทียมทานสองคนอยู่กลางอากาศจนถึงตอนนี้ เผยพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งที่เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกัน!

นี่เหลือเชื่อเกินไปแล้ว พวกเขาลองถามใจตัวเอง หากเป็นพวกเขา เกรงว่าคงไม่สามารถแสดงอานุภาพที่ยิ่งใหญ่ท่ามกลางศึกโกลาหลเหมือนอย่างเทพมารหลินได้

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

หรือพวกเขาดูผิดไปจริงๆ

และตอนนี้ไป๋หลิงซีในชุดสีขาวหิมะที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ในปากพ่นคำสี่คำออกมาเบาๆ โดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ “กระต่ายตื่นตูม”

ทันใดนั้นพวกของเยี่ยนสยาสั่นเทิ้มไปทั้งกาย สีหน้าต่างอึดอัดและอักอ่วน

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหลินสวิน ไป๋หลิงซีก็เคยบอกแล้วว่า รอได้เห็นฝีมือของหลินสวิน หวังว่าพวกเขาอย่าได้ตกตื่นเป็นกระต่ายตื่นตูม

เพียงแต่พวกเขาไม่เห็นด้วยเลยสักนิด คิดว่านี่เป็นเรื่องน่าขันมาก พวกเขาเป็นถึงผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะ จะแตกตื่นแบบนั้นได้อย่างไร

แต่ตอนนี้พวกเขาค้นพบแล้วว่าตนเองกลับกลายเป็นคนที่น่าขัน…

นี่ทำให้ใบหน้าของพวกเขาต่างข่มอารมณ์ไม่อยู่ รู้สึกยากจะรับไหวเหมือนกินแมลงวันเข้าไป แต่ก็ไม่สามารถท้วงเถียงได้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นหลากสีสันขึ้นมาในชั่วขณะ

ทว่าไป๋หลิงซีคร้านจะโจมตีพวกเขาต่อ ตอนนี้การต่อสู้บนท้องฟ้ายิ่งดุเดือดขึ้นแล้ว ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของนาง

……

ตูม!

ซาหลิวฉานแทบคลั่งแล้ว สู้กันมาตั้งนานยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ทำให้สีหน้าเขาเริ่มข่มอารมณ์ไม่อยู่ เงาร่างของเขาวาดไปตามแนวขวางราวกับสายฟ้า ทวีความแข็งกร้าว เคลื่อนไหวปานจะผลักสุริยันจันทรา อานุภาพดุดันสะท้านขวัญ

เงาร่างของหลินสวินพริบไหวคราหนึ่งก็หลบไปได้ ระหว่างยกมือขึ้นก็สำแดงวิชาลับประทับปี้อั้นเข้าปะทะกับชิงเหลียนเอ๋อร์ที่พุ่งสังหารมาจากอีกด้าน

ตูมโครม!

ห้วงอากาศสั่นสะเทือน แสงศักดิ์สิทธิ์สาดประกาย

ซาหลิวฉานเดือดดาลกว่าเดิม แววตาของเขาเย็นชา บนร่างที่เจิดจรัสปรากฏสัญลักษณ์เจิดจ้ามากมาย นั่นคือลายกระดูกพรสวรรค์ที่แท้จริง แฝงความเร้นลับอันไร้ที่เปรียบของสายเลือดฉลามสมุทรซึ่งเป็นสัตว์ปีศาจบรรพกาล เมื่อสำแดงออกมา ปรากฏแสงเลือดหมื่นสาย!

มีเสียงธรรมปานเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องขึ้นรางๆ สะเทือนไปทั่วทิศ แผ่กระจายสู่เก้าสวรรค์

ทันใดนั้นด้านหลังซาหลิวฉานราวกับมีฉลามสมุทรสีเลือดที่ใหญ่ประมาณหมื่นจั้ง บดบังฟ้าดินปรากฏขึ้น กลิ่นอายอันน่าหวั่นหวาดอบอวลไปทั่วราวกับจะกลืนกินโลก!

สีหน้าของคนทั้งลานต่างเปลี่ยนไป แม้แต่เหล่าผู้กล้ายังหรี่ตาลง ตระหนักได้ว่าภายใต้ความเดือดดาล ซาหลิวฉานได้เผยยอดวิชาพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวออกมาแล้ว!

ในใจหลินสวินสะท้าน ไม่กล้ารอช้า พลันโคจรความเร้นลับทั้งหมดของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ออกมาจนถึงขีดสุด สะบัดหมัดออกไป

ตูม!

หมัดเดียวที่พราวพร่างแสบตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับทะลุผ่านกาลเวลา มีพลังสังหารที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ดุร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ชั่วขณะนั้นท่ามกลางแรงหมัดที่แผ่กระจาย ถึงกับเกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่สุริยันจันทราโคจร ภูผาทลายมหาสมุทรร้องครวญ หมื่นวิญญาณพังทลาย

อีกด้านชิงเหลียนเอ๋อร์ที่พุ่งสังหารเข้ามาสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน ดึงตัวถอยหนีไปไกลกะทันหัน นางตระหนักได้ถึงความน่ากลัวและอันตราย

และในเวลานั้นเอง การโจมตีอันพลิกฟ้าของหลินสวินและซาหลิวฉานปะทะเข้าหากัน

ทันใดนั้นเสียงระเบิดที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินดังสนั่น ราวกับภูเขาแสนลูกถล่มทลายในชั่วขณะ แสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงแผ่กระจายไปทั่วแปดทิศ บดขยี้ห้วงอากาศจนแหลกละเอียด

บนพื้นดิน สิ่งก่อสร้างหลายอย่างได้รับผลกระทบ ถูกทำลายและสลายหายไปในชั่วพริบตา ผู้ฝึกปราณหลายคนหลบไม่ทัน ถูกคลื่นกระทบที่น่ากลัวพัดออกไปอย่างรุนแรง

ชั่วพริบตาเดียว ในรัศมีร้อยลี้นี้ถึงขั้นเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทรายบินหินปลิวอยู่ทุกหนแห่ง สับสนวุ่นวายไม่เหลือสภาพ เสียงอุทานด้วยความตกใจและเสียงกรีดร้องก็ดังลั่นขึ้นตามมา

มีเพียงหอวสันตสารทที่ถือว่าปลอดภัยไม่ได้รับความเสียหาย หอแห่งนี้เป็นหอเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง เคยมีร่องรอยของอริยบุคคลบรรพกาล จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องพวกนี้ ทุกสายตาล้วนเจือความตะลึงที่ยากจะเชื่อ จ้องกลางอากาศตาไม่กะพริบ

ที่ตรงนั้นซาหลิวฉานถูกซัดจนเซถอยไปไกลสิบกว่าจั้ง ใบหน้าอึดอัดจนแดงก่ำ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกระอักเลือดสีแดงสดออกมา

ทันใดนั้นทั่วทั้งลานพลันตะลึง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด